หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1244 เริ่มสู้ยกที่หนึ่ง

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1244 เริ่มสู้ยกที่หนึ่ง

มังกรเก้าตัวบินฉวัดเฉวียนบนท้องฟ้า

ปลดปล่อยคลื่นหลิงน่าสะพรึงกระจายไปทั่ว เสียงคำรามราวกับลูกคลื่น ทำให้มิติโดยรอบบิดเบี้ยวจากแรงกดดันนี้

ชายเสื้อคลุมเพลิงสีหน้าน่าเกลียดลงเมื่อเผชิญหน้ากับมังกรเก้าตัว ก่อนที่จะมองมู่เฉินที่ยืนยิ้มกริ่มบนภูเขา เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าตนเองตกหลุมพรางของมู่เฉินแล้ว

การวิ่งหนีจ้าละหวั่นของมู่เฉินเมื่อก่อนหน้านี้เป็นการแกล้งทำทั้งหมด!

“เจ้าเล่ห์เหลือเกินนะ!” ชายเสื้อคลุมเพลิงสบถด้วยสีหน้ามืดมน

มู่เฉินยิ้ม ขี้เกียจคุยด้วยมากนัก ดังนั้นจึงพูดวัตถุประสงค์อย่างตรงไปตรงมา “ส่งป้ายสัประยุทธ์มาซะ”

“ฝันไปเถอะ! เจ้าคิดว่าสามารถเอาชนะข้าราชันเมฆเพลิงด้วยค่ายกลเดียวเนี่ยนะ?” ราชันเมฆเพลิงยิ้มเยาะ แม้ว่าค่ายกลนี้จะดูไม่ธรรมดา แต่มู่เฉินก็เป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น อย่างมากก็แค่ลากการต่อสู้ออกไป เวลานั้นก็ไม่ง่ายที่จะเป็นไปตามที่มู่เฉินต้องการ

ตู้ม!

ทันใดนั้นคลื่นกระแทกหลิงสีแดงเข้มก็ระเบิดออกจากร่างของราชันเมฆเพลิง ทั้งแผ่นฟ้าจวนเจียนจะลุกไหม้ อุณหภูมิในบริเวณนี้ก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

มู่เฉินยิ้มให้กับภาพนี้ ถ้าค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารของเขายังอยู่ในสถานะมังกรเจ็ดตัว นั่นจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย

แต่ตอนนี้…ค่ายกลมาถึงสภาวะที่สมบูรณ์แบบแล้ว

มู่เฉินล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วนกว่าจะสร้างค่ายกลให้สำเร็จ สุดท้ายเขาต้องใช้เจดีย์ผลึกใสเพื่อปรับแต่งและขยายคลื่นหลิงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้

ค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารเป็นค่ายกลระดับจงซือขั้นกลาง ดังนั้นรูปแบบที่สมบูรณ์สามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายได้ นอกจากนี้… ยังมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจากมู่เฉิน ทำให้พลังอำนาจไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

โฮก!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ มู่เฉินก็สะบัดแขนเสื้อ เร้าค่ายกลขนาดใหญ่ทันที อึดใจมังกรเก้าตัวก็คำรามลั่นชั้นฟ้า จากนั้นก็เปิดปาก ลมหายใจทั้งเก้าพ่นไปในทิศทางของราชันเมฆเพลิง

มิติแตกออกจากลมหายใจทั้งเก้าสายที่เคลื่อนผ่าน ซึ่งแสดงความครอบงำทำลายล้าง

แม้ว่าราชันเมฆเพลิงจะพูดเชิงเหยียดหยามออกไป แต่เขาก็ไม่กล้าประมาทค่ายกลระดับนี้ เขาโบกมือเมฆเพลิงก็ถอนตัวออกจากภูเขามาไหลเวียนรอบตัวเขา ไฟลุกโชติช่วง มิติก็บิดเบี้ยวจากอุณหภูมิสูง

ปัง ปัง!

ลมปราณมังกรกวาดเข้ามากระทบเมฆเพลิง ประกายไฟบินออกไปพร้อมกับความผันผวนกระจายตามไป

“หึ เจ้าคิดจะทำลายม่านเมฆเพลิงของข้าด้วยพลังแค่เนี่ยรึ?” เมื่อเห็นว่าลมปราณมังกรถูกกั้นกาง ราชันเมฆเพลิงก็เค้นเสียงเยาะ เปลวไฟมารวมตัวกันอยู่ใต้ฝ่าเท้า เขาตั้งใจจะหนีโดยใช้คัมภีร์เพลิงกระโจนก่อน

ยามนี้เขาไม่คิดจะฉกป้ายสัประยุทธ์ของมู่เฉินแล้ว เนื่องจากมู่เฉินอยู่ในสถานะที่ไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยค่ายกลที่มี ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะดันทุรังสู้ต่อไป

“นั่นอาวุธมหสวรรค์ประเภทป้องกันขั้นต่ำ…”

มู่เฉินประหลาดใจเมื่อเห็นม่านเมฆเพลิงรอบกายราชันเมฆเพลิง แม้ว่าการโจมตีของอาวุธระดับนี้จะอ่อนแอ แต่ก็มีประสิทธิภาพในการป้องกันอย่างไม่น่าเชื่อ

“ค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารเป็นค่ายกลระดับจงซือขั้นกลาง ข้ากลัวว่าอาวุธจ้อยร่อยของเจ้าไม่เพียงพอที่จะปกป้องได้” มู่เฉินยิ้มสายหนึ่งพร้อมกับมือวาดตราประทับ

“ค่ายกลเก้าเทพมังกรประหาร รวมเป็นหนึ่ง เทพมังกรกลืนกิน!”

เมื่อตราประทับในมือมู่เฉินเปลี่ยนไป มังกรทั้งเก้าก็ระเบิดเป็นแสง พวกมันเริ่มรวมตัวกัน

มังกรทั้งเก้าตัวหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่กี่อึดใจมังกรตัวเล็กสีรุ้งก็ปรากฏขึ้นภายในค่ายกล

มังกรสีรุ้งช่างละลานตาราวกับอัญมณี ทว่ากลับทำให้ใบหน้าของราชันเมฆเพลิงเปลี่ยนไปรุนแรงกับภาพนี้

เนื่องจากเขาสามารถสัมผัสถึงคลื่นหลิงที่น่ากลัวที่อยู่ภายในร่างมังกรตัวเล็ก พลังนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายอย่างเขายังรู้สึกหวาดกลัว

“มู่เฉินเป็นเพียงจอมยุทธ์ตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่ประสบความสำเร็จสูงในศาสตร์ค่ายกล เขาเป็นหลิงเจิ้นจงซือขั้นตี้แน่นอน! สัตว์ประหลาดแท้จริง!” ใบหน้าของราชันเมฆเพลิงมืดมน ความกลัวกะพริบในดวงตา

“ต้องไปจากที่นี่!”

ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจราชันเมฆเพลิง เปลวไฟพวยพุ่งออกมาจากเท้า เขาตั้งใจที่จะหลบหนีไปจากค่ายกล

วาบ!

ทว่าเมื่อเปลวไฟวูบวาบอยู่ใต้ฝ่าเท้า มังกรงดงามก็แวบหายไป ที่จริงมันไม่ได้หายไป แต่กลายเป็นริ้วแสงพุ่งผ่านมิติด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

เพียงลมหายใจเดียว ไม่รอให้เปลวไฟห่อหุ้มร่างราชันเมฆเพลิง เสียงแตกโพละก็ดังก้อง เมฆเพลิงแตกเป็นรู ริ้วสายรุ้งก็พุ่งเข้ามาปรากฏเบื้องหน้าราชันเมฆเพลิง แล้วขยำแขนของเขา

ฉวับ!

มังกรกัดฉีกทึ้งท่อนแขนข้างหนึ่ง เลือดสดพุ่งกระฉูดออกมาจากบาดแผล

อ๊าก!

ราชันเมฆเพลิงร้องเจ็บปวด แต่ก็ไม่สนใจแขนที่แหลกเหลว เปลวไฟเข้าโอบล้อม ร่างเขากลายเป็นเปลวไฟพุ่งหายไป เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็อยู่ห่างไปหลายหมื่นจั้ง หนีออกมาจากระยะของค่ายกลได้

เมื่อหนีออกมาจากค่ายกลได้ ราชันเมฆเพลิงก็หันไปมองค่ายกลที่ล้อมรอบภูเขาด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะมองแขนที่หายไปขณะกัดฟันกรอด

แม้ว่าการบาดเจ็บทางร่างกายไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย แต่ก็น่าอายสำหรับเขาที่จะถูกบังคับให้เข้าสู่สถานการณ์เช่นนี้โดยจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น

“เจ้าสามารถวิ่งหนีได้กระทั่งเป็นแบบนี้… น่าทึ่งมาก”

ภายในค่ายกลมู่เฉินก็ถอนหายใจออกเมื่อเห็นราชันเมฆเพลิงหนีไป จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายไม่ใช่คู่มือที่ง่ายจะต่อกร

ด้วยคัมภีร์เพลิงกระโจน ตราบใดที่ราชันเมฆเพลิงไม่ได้ปะทะกับพวกอยู่เหนือสุด เขาก็สามารถไปมาได้ตามที่ต้องการ

“ไอ้เวร ข้าจะจดบัญชีไว้ แค้นนี้ไม่หายแน่!” ราชันเมฆเพลิงแผดเสียงใส่ไปยังทิศทางของมู่เฉิน

ปัง!

ทว่าทันทีที่พูดจบ มู่เฉินก็ทะยานออกจากค่ายกลพุ่งเข้ามาหา

“หืม?”

ราชันเมฆเพลิงอึ้งไป เขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะยอมออกจากค่ายกล ต้องรู้ว่าเพราะค่ายกลนี้มู่เฉินถึงสามารถบังคับเขาให้อยู่ในสภาพน่าสมเพชได้ แต่หากปราศจากค่ายกลแล้ว มู่เฉินก็เป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นในสายตาเขาเท่านั้น!

“ไม่ใช่ ไอ้เด็กนี่ฉลาดแกมโกง ต้องมีเหตุผลว่าทำไมมันถึงไม่กลัว!”

แต่ราชันเมฆเพลิงก็เรียกสติกลับมาได้ทันที ความผิดปกติจะต้องมีปัญหา หลังจากที่ประสบกับความสูญเสียเขาก็ระมัดระวังมากขึ้น เขาไม่ต้องการตกอยู่ในกับดักของมู่เฉินอีกครั้ง เขากัดฟันกรอดแล้วหนีไปไม่สนใจมู่เฉินที่ออกจากค่ายกลเพื่อไล่ตามเขามา

“โอ้ ฉลาดแล้วเหรอนั่น? แต่เจ้าหนีไปได้หรอก” เมื่อเห็นราชันเมฆเพลิงหนีจ้าละหวั่น มู่เฉินก็เลิกคิ้วก่อนที่รอยยิ้มแปลกๆ จะโค้งขึ้นที่มุมปาก ขณะที่เขายื่นมือไปยังทิศทางของราช้นเมฆเพลิงแล้วกำหมัดลง

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน ราชันเมฆเพลิงก็ตื่นตกใจใน เขาเร้าวิชาเพลิงกระโจนสุดพลังโดยไม่ลังเล

“ผนึก”

ทันใดนั้นเสียงทุ้มต่ำก็ดังก้องจากมู่เฉิน

เมื่อสิ้นสุดเสียงลง ผลึกแสงมันวาวก็แล่นแปลบปลาบไปบนบาดแผลของราชันเมฆเพลิง เปลวไฟที่ลุกโชนบนร่างของเขาก็หายไปอย่างผิดปกติ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้ราชันเมฆเพลิงตกตะลึงและฉายแววหวาดผวาบนใบหน้า นั่นเป็นเพราะในขณะนี้เขารู้สึกได้ว่ามีคลื่นหลิงที่ราวกับผลึกแก้วบุกรุกเข้ามาในร่างกายและผนึกคลื่นหลิงของเขาเอาไว้

“ให้ตายเถอะ คลื่นหลิงของมันเข้ามาในร่างข้าตั้งแต่เมื่อไร?” ราชันเมฆเพลิงอุทานด้วยความไม่เชื่อ ก่อนหน้าเขาพยายามป้องกันความสามารถที่ผิดปกตินี้ไว้แล้ว แต่ไม่คิดว่าสุดท้ายก็ยังโดนเข้า

แต่ไม่นานเขาก็คิดถึงบาดแผล ดวงตาของเขาหดลง ที่แท้มังกรสีรุ้งได้บรรจุคลื่นหลิงของมู่เฉินและพลังงานส่วนนั้นก็ได้บุกเข้าสู่ร่างกายเขาเมื่อแขนถูกกัดฉีกขาด

“คิดออกแล้วรึ?”

ขณะที่ราชันเมฆเพลิงเข้าใจทุกอย่าง เสียงหัวเราะก็ดังกึกก้อง มู่เฉินมาปรากฏเบื้องหน้าราชันเมฆเพลิงแล้ว

สีหน้าราชันเมฆเพลิงเปลี่ยนไป เขาพยายามผลักคลื่นหลิงด้วยพลังงานที่มี เพราะเขาพบว่าแม้คลื่นหลิงผลึกแก้วมีความสามารถในการปิดผนึก แต่เนื่องจากไม่มีส่วนมาเสริม ดังนั้นจึงสามารถผนึกเขาได้ไม่ถึงสิบลมหายใจเท่านั้น

แปะ!

ทว่ามือเรียวกลับแตะลงบนไหล่ของเขาเบาๆ เมื่อเขาพยายามที่จะปัดเป่าคลื่นหลิงผลึกแก้วในร่างกาย จากนั้นคลื่นหลิงผลึกแก้วมหึมาก็ไหลบ่าเข้าสู่ร่างกาย

ทันใดนั้นใบหน้าของราชันเมฆเพลิงก็ซีดลง

มืออีกข้างของมู่เฉินเอื้อมออกมา

ราชันเมฆเพลิงดิ้นรนก่อนที่จะส่งป้ายสัประยุทธ์สองป้ายออกไป ด้วยการผนึกคลื่นหลิงไว้ ถ้ามู่เฉินตั้งใจจะฆ่าละก็ จะสร้างความเสียหายหนักให้กับเขาอย่างแน่นอน

เมื่อได้รับป้ายสัประยุทธ์สองป้าย มู่เฉินก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นเขาก็เหยียดมือตบร่างราชันเมฆเพลิงอีกครั้ง ลำแสงวาบออกมากลายเป็นเมฆเพลิงอยู่ในมือมู่เฉิน

ราชันเมฆเพลิงรู้สึกว่าหัวใจถูกฉีกขาดเป็นชิ้น แม้ว่าวัตถุชิ้นนี้จะเป็นเพียงอาวุธมหสวรรค์ขั้นต่ำ แต่ก็มีความสามารถในการป้องกันที่ไม่ธรรมดา ช่วยเหลือเขามานับครั้งไม่ถ้วน

ราชันเมฆเพลิงกัดฟันจ้องมองมู่เฉิน “ทีนี้พอใจรึยัง?”

เมื่อเห็นการแสดงความเกลียดชังนี่ มู่เฉินก็ไม่ได้ใส่ใจแย้มยิ้ม “วิชาเพลิงกระโจนของเจ้าดูน่าสนใจดีนะ…”

“แก ไอ้ปีศาจ!”

เมื่อเสียงของมู่เฉินสิ้นสุดลง เสียงคำรามของราชันเมฆเพลิงก็กึกก้องทันที

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset