หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1270 หนึ่งกระบี่
ตู้ม!
คลื่นหลิงไร้ขอบเขตกวาดออกโดยมีร่างหลิงตงอยู่ใจกลาง ท้ายที่สุดก็พุ่งเข้าไปโจมตีขอบเขตของมู่เฉินและลั่วหลี
ปัง!
ภายใต้การโจมตี มู่เฉินกับลั่วหลีก็ตัวสั่นสะท้าน อึดใจร่างเวทสวรรค์ก็ระเบิดออกมาพร้อมกับคลื่นหลิงที่ไม่มีที่สิ้นสุดก่อตัวเป็นแนวตั้งรับ แต่ก็ยังค่อยๆ สึกกร่อน
ถึงแม้ว่าทั้งสองจะมีความโดดเด่นในหมู่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นและมีแม้กระทั่งมีความสามารถก้าวข้ามขึ้นไปต่อสู้ในขั้นที่สูงกว่า แต่หลิงตงไม่ได้เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ทว่าอยู่ในขั้นเต็มต่างหาก!
จอมยุทธ์ระดับนี้สามารถปราบปรามทั้งสองด้วยคลื่นหลิงเพียงอย่างเดียว
และโชคดีที่พวกเขาใช้คลื่นหลิงเพื่อรุกรานและยึดครองขอบเขตเท่านั้น หากพวกเขาต่อสู้แม้แต่มู่เฉินกับลั่วหลีรวมพลังกันก็ไม่สามารถจัดการกับผู้อาวุโสตงได้
เพราะไม่ว่าอย่างไร ช่องว่างระหว่างขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นกับขั้นเต็มก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเติมเต็มได้
หลิงตงมองไปที่เขตแดนมู่เฉินและลั่วหลีที่ถูกยึดครองก็เค้นเสียงเยือกเย็น ตามความเร็วนี้เขาอาจจะครอบครองได้ถึงเจ็ดหรือแปดส่วนเมื่อถึงเวลาที่กำหนด!
แค่คิดเกี่ยวกับการได้ครอบครองพลังงานชำระล้างถึงแปดส่วน ในใจของหลิงตงก็อดไม่ได้ที่จะปลื้มปีติ
“ของขวัญจากสวรรค์แท้จริง!”
หลิงตงหัวเราะในใจ หากไม่ใช่เป็นมู่เฉินและลั่วหลีที่ได้รับตำแหน่งนี้ไป จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็อาจไม่ให้โอกาสนี้แก่เขา เพราะตามกฎในอดีตเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของจอมยุทธ์ระดับอื่น พลังชำระล้างจะถูกจัดสรรอย่างเป็นธรรมโดยจักรพรรดิสัประยุทธ์
ในขณะที่หลิงตงกำลังสุขล้น ลั่วหลีก็ขมวดคิ้วก่อนที่หันไปมองมู่เฉินพลางส่งเสียงออกไป “มู่เฉิน เราควรจะทำยังไง? ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปข้าเกรงว่าเราจะไม่มีเหลืออะไรแล้ว”
มู่เฉินสูดหายใจลึก รู้สึกประหลาดใจจากแรงกดดันที่หลิงตงกำจายมาให้ เห็นได้ชัดว่าเมื่อเทียบกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ต่อให้เป็นจอมยุทธ์อัจฉริยะอย่างหลิงจั้นจื่อ จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็ทรงพลังกว่ามาก
ทว่าไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะฉกพลังงานชำระล้างซึ่งเป็นของพวกเขา!
ด้วยความคิดนี้ แสงเย็นก็วาบขึ้นในดวงตาของมู่เฉิน ก่อนที่เขาจะเริ่มวาดตราประทับ มิติเบื้องหลังเกิดความผันผวน เงาร่างสองร่างปรากฏขึ้นพวกเขาก็มู่เฉินชุดดำและชุดขาว
เมื่อมู่เฉินทั้งสองปรากฏขึ้น พวกเขาก็นั่งลงทันที คลื่นหลิงไร้ขอบเขตระเบิดออกมา ช่วยต่อต้านการรุกรานของหลิงตง
ด้วยการเข้าร่วมของเหล่ามู่เฉิน ความเร็วในการรุกรานของผู้อาวุโสตงก็ช้าลง บางครั้งก็ต้องใช้เวลานานสำหรับผลลัพธ์เกี่ยวกับขอบเขตเล็กๆ นี่
“ไอ้ตัวปัญหา!”
หลิงตงขมวดคิ้วในสถานการณ์นี้ เนื่องจากเขาไม่คิดว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นจะทำให้เขาเดือดร้อนปานนี้
ถ้าตอนนี้ทั้งสองสู้กันซึ่งหน้า หลิงตงก็ไม่ต้องกลัวมู่เฉิน ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะมีร่างดวงจิตถึงสองร่าง แต่หลิงตงก็ยังมั่นใจในชัยชนะ
แต่ตอนนี้พวกเขากำลังแย่งชิงปริมาณพลังชำระล้าง ถ้าเขาปราบอีกฝ่ายในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็จะดูไม่ค่อยเหมาะสม
ดังนั้นหลิงตงจึงไม่ได้เปรียบอย่างสมบูรณ์เมื่อเผชิญหน้ากับมู่เฉินและลั่วหลีในขณะนี้
“หึ แต่ข้อได้เปรียบก็ยังอยู่ที่ข้า เพียงแค่ทำให้กระบวนการช้าลง หากสิ่งนี้ดำเนินต่อไปข้าก็ยังคงได้รับถึงเจ็ดส่วน”
หลิงตงเยาะเย้ยในหัวใจ แม้ว่ามู่เฉินจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อต่อต้านและหยุดยั้งการยึดพลังถึงแปดส่วน แต่ได้รับเจ็ดส่วนก็ทำให้เขาพอใจมากแล้ว
ด้วยความคิดนี้ผู้อาวุโสตงก็ระงับความกังวลในใจ ค่อยๆ เริ่มฮุบเขตแดนของทั้งสองต่อ
เมื่อเห็นมู่เฉินหยุดสถานการณ์ไว้ได้ ลั่วหลีก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย แต่ใบหน้ายังคงเคร่งเครียด เนื่องจากนางรู้สึกได้ว่าแม้จะมีการกีดขวางนี้ ส่วนแบ่งของพวกนางก็ยังคงถูกกลืนหายอย่างช้าๆ โดยผู้อาวุโสตง ซึ่งเป็นเพียงการชะลอตัวลงเท่านั้น
“หากสิ่งนี้ดำเนินต่อไปข้ากลัวว่าจะสามารถรักษาได้เพียงสามส่วน นี่น้อยเกินไปสำหรับเราสองคน” ลั่วหลีกัดฟันแน่น นางตัดสินใจว่าหากสิ่งนั้นเกิดขึ้น นางจะทิ้งการจัดสรรปล่อยให้มู่เฉินได้รับไป มิฉะนั้นถ้าต่ำกว่าสามส่วนจะไม่เพียงพอสำหรับการชำระล้างที่สมบูรณ์แบบ
มู่เฉินไม่รู้ความคิดของนาง แต่ท่าทางของเขาสงบมาก เขาไม่แสดงความวิตกกังวลหรือความโกรธจากสถานการณ์นี้
ราวกับว่าเขาได้ทิ้งความหวังไปแล้ว
หลิงตงเย้ยหยันด้วยความดูถูก มู่เฉินฉลาดเฉลียว รู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองจะแข่งขันกับเขา
“เห็นว่าเจ้ารู้สถานการณ์ดี ข้าจะเหลือพลังให้สักสามส่วน เดี๋ยวคนอื่นหาว่าข้ารังแกเด็ก” หลิงตงยิ้มกริ่ม
จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่อยู่ภายนอกก็เห็นภาพนี้ก็กลับขมวดคิ้ว จากความเข้าใจของเขามู่เฉินไม่ใช่คนอ่อนแอ ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งเพียงใด คนอย่างมู่เฉินใส่เต็มเสมอ ไม่เช่นนั้นมู่เฉินคงไม่แม้แต่จะขี้เกียจแสดงความเคารพต่อผู้มีอำนาจเช่นเขาหรอก
แต่เผชิญหน้ากับหลิงตง ทำไมเขาถึงทำแค่ป้องกันเท่านั้น?
“เขายอมแพ้จริงๆ หรือ…เขายังมีไพ่ตายอีกนี่?” สายตาของจักรพรรดิสัประยุทธ์วูบไหว แต่เขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่ามู่เฉินจะแข่งขันกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มได้อย่างไร
เวลาค่อยๆ ผ่านไปขณะที่จักรพรรดิสัประยุทธ์อยู่ในภวังค์
เวลาหนึ่งก้านธูปใกล้จะหมดลงแล้วและตอนนี้โดยประมาณเจ็ดส่วนของเขตแดนก็ถูกครอบครองโดยผู้อาวุโสตง คลื่นหลิงโบราณไร้ขอบเขตไหลเวียนอยู่ในเขตแดนของเขา
“ฮ่าๆ!”
เมื่อใกล้จะถึงเวลาที่กำหนด ผู้อาวุโสตงก็ไม่สามารถระงับความตื่นเต้นในใจได้ เขาหัวเราะลั่น ด้วยการรับการชำระล้างถึงเจ็ดส่วน ตอนนี้เขามีความมั่นใจในการบุกทะลวงระดับเทียนจื้อจุนในอนาคตแล้ว
ลั่วหลีกำกำปั้นมองไปที่มู่เฉิน ทว่าอีกฝ่ายก็ยังคงไม่มีริ้วอารมณ์ใดๆ
เวลาไหลไป คลื่นหลิงโบราณก็ค่อยๆ เปล่งประกายออกมา เห็นได้ชัดว่ากำลังจะเกิดการชำระล้างในไม่ช้านี้แล้ว
นิ้วมู่เฉินเคาะที่เข่าเบาๆ ทันใดนั้นเมื่อเขารู้สึกว่าช่วงเวลาสุดท้ายมาถึง ม่านตาสีดำก็พราวแสงขึ้น
เขาลุกขึ้นยืนทันทีพร้อมกับกระบี่โบราณในมือ
ขณะที่ถือกระบี่ไว้ก็ปล่อยรัศมีทรงพลังออกมาราวกับเทพเซียน จากนั้นก็กรีดผ่านไปในทิศทางของหลิงตง!
ฟิ้ว!
ลำแสงพุ่งทะลุบินไปหาหลิงตง
ไม่มีเสียงใดๆ แต่แค่กระบี่นี้ก็ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิงตงหยุดชะงัก วินาทีต่อมาความสิ้นหวังก็ลุกโชนขึ้นในหัวใจ ความกลัวคืบคลานบนใบหน้า
นั่นเป็นเพราะเขาสามารถรู้สึกถึงความผันผวนที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้จากกระบี่เล่มนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เขารู้สึกเมื่อเผชิญหน้ากับจักรพรรดิสัประยุทธ์!
นั่นคือรัศมีเทียนจื้อจุนที่แท้จริง!
“ระดับเทียนจื้อจุน?!”
หลิงตงร้องลั่นวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง เขาถอยห่างออกไปทันที คลื่นหลิงที่กำลังแผ่ขยายก็ดีดกลับ สร้างการป้องกันรอบตัว
ปัง ปัง ปัง!
ทว่าการป้องกันก็พังครืนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ใบหน้าของเขาซีดลง เมื่อผลึกแสงกระบี่กำลังจะตกมาถึง เขาก็คำรามปลดปล่อยคลื่นหลิงในร่างทั้งหมด เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ทันใดนั้นกระแสเย็นเยือกสีน้ำเงินก็พุ่งออกมาจากปาก
แม้ว่ากระแสเย็นนี้ไม่ได้ดูน่าทึ่ง แต่ดวงตาเขาก็หม่นแสงลงชัดว่าทุ่มพลังทั้งหมดแล้ว
ปัง!
กระแสเย็นและกระบี่ปะทะกันและเป็นกระแสเย็นที่ทรุดลงก่อน แต่เมื่อกระแสถล่มมลง แสงกระบี่ก็จางลงก่อนที่จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เช่นกัน
ชี่
แสงกระบี่แตกสลายทิ้งบาดแผลลึกไว้ที่หน้าอกของผู้อาวุโสตง แต่เขากลับอึ้งไป เขาสกัดการโจมตีที่มีรัศมีเทียนจื้อจุนไว้ได้หรือ?
เมื่อครู่นี้ เขารู้สึกว่ากำลังจะตายภายใต้คมกระบี่นั่น!
แต่ดูเหมือนว่าแม้จะมีอันตราย แต่กระบี่นั้นก็ไม่น่ากลัวเท่าที่เขาจินตนาการ
หลิงตงตกใจช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนจะฟื้นตัวและเงยหน้าขึ้น จากนั้นเขาก็ต้องใจแทบขาดเมื่อเห็นว่าตอนที่เขาถูกข่มด้วยกระบี่ มู่เฉินได้เร้าคลื่นหลิงเข้ายึดครองเขตแดนที่เขาฮุบไว้ก่อนหน้านี้!
ตอนนี้ตัวเขาเหลือเขตแดนสามส่วนเท่านั้น!
“สารเลว!”
ผู้อาวุโสตงคำราม คลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกวาดออกมา ทว่าขณะที่เขากำลังจะตอบโต้ คลื่นหลิงโบราณก็พลุ่งพล่าน ริ้วแสงปกคลุมแล้วแช่แข็งมิติเอาไว้ แม้แต่หลิงตงก็ยังแข็งทื่อเหมือนยุงในอำพัน
ร่างกายแข็งเกร็ง เขาค่อยๆ บิดคอมองไปทางมู่เฉินด้วยความโกรธเคือง ก่อนจะเห็นรอยยิ้มเยาะบนใบหน้าอีกฝ่าย