หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1276 ตกลงไปในกับดัก
“หลงเซี่ยงทักทายนายน้อย”
ขณะที่ชายวัยกลางคนคุกเข่า มู่เฉินซึ่งเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ก็อึ้งไปทันที แม้แต่ลั่วหลีและคนอื่นๆ ก็ตะลึงไปตามกัน พวกเขาตกใจกับการเปลี่ยนแปลงฉับพลันที่เกิดขึ้นนี้
พวกเขาไม่คิดเลยว่าชายวัยกลางคนที่ดูดุดันในไม่กี่นาทีที่ผ่านมาจะแสดงท่าทางเช่นนี้
นอกจากนี้พวกเขายังสามารถบอกได้ว่าความเคารพบนใบหน้ามาจากใจจริง ไม่มีการเส้แสร้งแต่อย่างใด
ลั่วหลีและคนอื่นๆ แลกเปลี่ยนสายตากัน พวกเขาเห็นความงุนงงในสายตาของกันและกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายวัยกลางคน…
มู่เฉินอึ้งไปชั่วอึดใจก็ฟื้นคืนสติ ทว่าความตื่นระวังของเขาไม่ลดลงเมื่อมองไปที่หลงเซี่ยง “เจ้าเป็นสมาชิกเผ่าฝูถูใช่ไหม?”
“ใช่!” หลงเซี่ยงพยักหน้า
“งั้นเจ้าก็น่าจะทราบถึงความคิดของเผ่าฝูถูที่มีต่อข้า” มู่เฉินยิ้มบางสายตาคมกริบจ้องมองหลงเซี่ยง “เผ่าฝูถูไม่ปฏิบัติกับข้าอย่างนี้แน่นอน”
เมื่อเห็นความสงสัยของมู่เฉิน หลงเซี่ยงก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “ข้าเป็นสมาชิกคนหนึ่งในเผ่าฝูถู แต่หากไม่ใช่เพราะนายหญิงข้าคงกลายเป็นกองกระดูกไร้ค่า นายหญิงมอบชีวิตใหม่ให้ข้า ในใจของข้าตำแหน่งของนางนั้นยิ่งใหญ่กว่าเผ่าโบราณนัก”
“นายหญิงของเจ้าคือใคร?” สายตาของมู่เฉินวูบไหว
หลงเซี่ยงยิ้ม “ท่านแม่ของเจ้า—ชิงเหยี่ยนจิ้ง”
มู่เฉินจับจ้องไปที่หลงเซี่ยง อีกฝ่ายก็ไม่ได้หลบสายตาเขา นอกจากนี้เมื่อหลงเซี่ยงพูดถึงชิงเหยี่ยนจิ้งก็เห็นความเคารพจากใจ
หลังจากลังเลครู่หนึ่ง เขาก็ลดความตื่นระวัง ด้วยสถานะและการกระทำของเผ่าฝูถูไม่จำเป็นที่พวกเขาจะต้องลดตัวและหลอกลวง คนเหล่านี้ทรงพลัง ดังนั้นพวกเขาสามารถส่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มออกมาหรือกระทั่งเทียนจื้อจุนเพื่อทำให้สิ่งต่างๆ ง่ายขึ้นสำหรับพวกเขา
ดังนั้นเขาจึงก้าวออกไปประคองหลงเซี่ยงขึ้น “พี่ใหญ่หลงเซี่ยงลุกขึ้นเถอะ ถ้าไม่ว่าอะไรก็เรียกข้าว่ามู่เฉินเลย ข้าไม่คู่ควรกับการเป็นนายน้อย”
หลงเซี่ยงส่ายหัวตอบ “มารดาของเจ้าเป็นนายหญิงของข้า ดังนั้นเจ้าก็ต้องเป็นนายน้อย”
น้ำเสียงดื้อรั้นไม่ยอมงอ ชัดว่าจะไม่เปลี่ยนในเรื่องนี้
มู่เฉินก็ได้แต่เกาหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาพึ่งพาตนเองมาตลอดหลายปี ถึงมารดาของเขาจะเป็นคนจากเผ่าฝูถูโบราณ มิหนำซ้ำยังเป็นหลิงเจิ้นต้าจงซือ ทว่าตัวเขาไม่เคยมีความสุขกับการอยู่ในตำแหน่งนั้นหรือใช้ทรัพยากรของพวกเขาสักครั้ง ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับการเป็นคนธรรมดา เมื่อมีจอมยุทธ์ขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มมาเรียกเขาว่านายน้อย นี่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
แต่เมื่อเห็นว่าหลงเซี่ยงดื้อแค่ไหน มู่เฉินก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “คำพูดข้าเมื่อสักครู่ อย่าเก็บไปใส่ใจเลยนะ”
ตอนแรกเขาคิดว่าเผ่าฝูถูส่งหลงเซี่ยงมาหยั่งเชิง ดังนั้นเขาจึงไม่มีความสุภาพเมื่อพูด
หลิงเซี่ยงยิ้มด้วยความยินดี “นายน้อยสมเป็นลูกของนายหญิงอย่างแท้จริง ด้วยพรสวรรค์ที่โดดเด่นเช่นนี้ ที่สำคัญเจ้ายังสามารถไปถึงระดับนี้ได้ แม้จะไม่มีความช่วยเหลือจากนายหญิง ไม่ง่ายเลยจริงๆ”
คำพูดของเขามาจากก้นบึ้งของหัวใจ เนื่องจากมู่เฉินประสบความสำเร็จด้วยวัยนี้ก็น่าตกตะลึงอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่ชายหนุ่มจะเป็นนักรบทวีปซีเทียน ตอนนี้ยังบรรลุขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายแล้วอีกด้วย ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือการเผชิญหน้ากับมู่เฉินที่มีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย แม้แต่คนอย่างหลงเซี่ยงยังไม่รู้สึกว่าจะเอาชนะได้
“ถ้านายน้อยเติบโตในเผ่าฝูถูละก็ ข้าเกรงว่าเจ้าจะกลายเป็นผู้สมัครชั้นดีของตำแหน่งประมุขคนต่อไป เจ้าจะไม่อ่อนแอกว่านายน้อยเฉวียนหลัวตอนนี้เลย” หลงเซี่ยงถอนหายใจ
มู่เฉินยิ้ม ไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไร เขาพึ่งตัวเองมาตลอด ดังนั้นเขาจึงไม่ได้โลภมากในทรัพยากรของเผ่าฝูถู
“พี่ใหญ่หลงเซี่ยง… ท่านแม่ข้าเป็นยังไงบ้าง?” แม้ว่าเขาจะไม่สนใจทรัพยากรของเผ่าโบราณ แต่เขาก็กังวลว่ามารดาเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้ ในอดีตเขาไม่มีความผูกพันกับเผ่าโบราณนี้ ดังนั้นในเมื่อตอนนี้เขาได้พบผู้ใต้บังคับบัญชาของมารดา เขาก็ต้องถามอย่างละเอียด
“นายหญิงถูกจองจำ แต่นางไม่ได้เป็นอะไรมาก ก็มีแต่คิดถึงเจ้าและบิดาเจ้ามากเท่านั้น” หลงเซี่ยงยิ้มพูดอย่างภาคภูมิ “พลังของนายหญิงลึกซึ้งและไม่อาจหยั่งรู้ แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่กล้าคุกคามมากเกินไป หากไม่ใช่นายหญิงไม่ต้องการให้นายน้อยติดร่างแหไปละก็ ข้าคิดว่าพวกเขาคงไม่สามารถควบคุมนางไว้ได้”
มู่เฉินรู้สึกโล่งใจเมื่อรับรู้ แม้ว่าเผ่าฝูถูจะเป็นเผ่าโบราณ การพยายามจัดการกับหลิงเจิ้นต้าจงซือก็ยังคงต้องจ่ายราคาแพงระยับ ซึ่งอาจทำร้ายรากฐานเผ่าพันธุ์
แต่เมื่อคิดได้ว่าเขาเป็นเหตุผลที่ทำให้มารดาถูกจองจำ มู่เฉินก็รู้สึกเสียใจและโทษตัวเอง
“นายน้อยไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง ข้าแน่ใจว่านายหญิงต้องพึงพอใจมากเมื่อเห็นความสำเร็จของเจ้า” ราวกับว่าเขารู้เกี่ยวกับการตำหนิตนเองของมู่เฉิน หลงเซี่ยงก็เอ่ยปลอบใจ
มู่เฉินพยักหน้า เขาไม่ใช่คนที่ติดอยู่ในความเศร้าโศก ไม่มีประโยชน์ในการตำหนิตัวเองตอนนี้ เขาเพียงแต่ต้องพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนถึงจุดที่เผ่าฝูถูไม่สามารถพาเขาไปเป็นตัวประกันเพื่อขู่มารดาของเขาได้อีกต่อไป
ในห้องโถงเมื่อลั่วหลีและคนอื่นๆ เห็นว่าความเป็นปรปักษ์หายไปก็รู้สึกโล่งใจ สถานการณ์บอกพวกเขาแล้วว่าชายวัยกลางคนนี้เป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู
“นายน้อยได้รับตำแหน่งนักรบทวีปซีเทียน ทำให้ชื่อขจรขจายออกไป ผู้คนในเผ่าฝูถูเริ่มให้ความสนใจกับเจ้า” หลงเซี่ยงเอ่ยเตือนเมื่อจ้องมองมู่เฉิน
มู่เฉินไม่แปลกใจกับสิ่งนี้ เนื่องจากเขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อนตัวจากขอบเขตของเผ่าฝูถูไปตลอดกาล แต่ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นเด็กหนุ่มอ่อนแออีกต่อไป แม้ว่าเขาจะประหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม เขาก็สามารถต่อสู้ได้
ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าเผ่าฝูถูจะตัดสินใจที่จะส่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนออกมา เขาก็สามารถต่อต้านได้เช่นกันโดยการเรียกกำลังเสริม
พูดโดยรวมก็คือตอนนี้เขามีกำลังในการปกป้องตัวเอง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเผ่าฝูถูจะใช้ไม้ไหนในการจับเขาไปคุกคามมารดาของเขา
“ข้าจะระวังตัว” มู่เฉินยิ้ม แม้ว่าเขาจะไม่กลัวเผ่าฝูถูอีกต่อไป แต่เขาก็ยังต้องระวัง เพราะอย่างไรพวกเขาก็เป็นหนึ่งในห้าเผ่าโบราณที่ยิ่งใหญ่
หลงเซี่ยงพยักหน้าให้ ดวงตาวูบไหวเหมือนต้องการพูดอะไร แต่สุดท้ายเขาก็กลืนคำพูดที่มาถึงลำคอกลับลงไป
ทว่าทันใดนั้นก็มีคนเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าลั่วหลี “องค์จักรพรรดินีมีคนส่งข้อความมาที่วัง เราไม่รู้ว่ามาจากใคร”
ขณะที่พูดเขาก็หยิบชิ้นหยกออกมา
ลั่วหลีอึ้งไปวูบหนึ่ง ก่อนที่ยื่นมือดึงชิ้นหยกเข้ามา เมื่อสัมผัสโดนใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไปและมองไปที่มู่เฉิน
“มีอะไรรึ?” มู่เฉินถาม
ลั่วหลีลังเลสั้นๆ ก่อนที่นางจะเติมคลื่นหลิงเข้าไปในชิ้นหยก ทันใดนั้นชิ้นหยกก็เรืองแสง หน้าจอพุ่งออกมามีภาพชายชราสวมเสื้อคลุมสีเทาปรากฏขึ้น
ชายชรานั่งอยู่เบื้องหน้าเจดีย์สีดำ สายตาราวกับทะลุผ่านมิติจับจ้องมาที่มู่เฉิน ก่อนที่เสียงของเขาจะดังกึกก้อง “ไอ้กาลกิณีมู่เฉิน ตอนนี้หลงเซี่ยงคงได้พบกับเจ้าแล้ว แต่ไม่ว่าเขาจะจับตัวเจ้าหรือไม่ ข้าก็มีบางอย่างที่จะบอกให้รู้”
“หากเจ้าต้องการช่วยเหลือหญิงสาวคนนี้ก็ให้มาที่เกาะหัวใจหยกในทวีปวั้นเต่า ไม่งั้นข้าจะส่งนางไปยังเผ่า พวกเขาคงไม่สงสารหญิงสาวที่มีชนักติดหลังหรอก”
เมื่อสิ้นเสียงเขา ภาพคุกก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอพร้อมกับหญิงสาวสวมชุดขาวนั่งอยู่เงียบๆ
“พี่หลิงซี!”
เมื่อมู่เฉินเห็นภาพหญิงสาว ดวงตาของเขาแคบลง รังสีสังหารแน่นหนาพล่านจากดวงตาของเขา
“หากเจ้าไม่ต้องการเห็นนางตาย ข้าจะรออยู่ที่เกาะหัวใจหยก”
ชายชรายิ้มไม่แยแส สะบัดแขนเสื้อหน้าจอก็หายไป ส่วนชิ้นหยกก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน
ทั้งโถงเงียบกริบ โดยที่ใบหน้าของมู่เฉินมืดครึ้ม
เขาไม่คิดเลยว่าหลิงซีซึ่งขาดการติดต่อจะถูกขังอยู่ในเกาะหัวใจหยก
มู่เฉินหันไปหาหลงเซี่ยงถามว่า “พี่ใหญ่หลงเซี่ยง ชายคนนั้นพูดความจริงรึเปล่า?”
หลังจากลังเลครู่หนึ่งหลงเซี่ยงก็พยักหน้า “หลิงซีถูกขังอยู่ในเกาะหัวใจหยก กู้ซือหวงใช้นางข่มขู่ให้ข้าพาเจ้าไปที่เกาะหัวใจหยก”
“ตอนแรกข้าตั้งใจจะกลับไปแอบช่วยหลิงซีหลังจากพบเจ้าแล้ว แต่ข้าไม่คิดว่าไอ้เฒ่านั่นจะส่งคนตามหลังมา เพื่อแจ้งข่าวนี้กับเจ้า…”
“ดูเหมือนว่าไอ้เฒ่านั่นจะรู้ว่าถึงเราจะพบกันแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะจับเจ้าไป”
“นายน้อย ไอ้เฒ่าคนนั้นเลวทรามต้องการให้เจ้าตกหลุมพราง เขาดูแลเกาะหัวใจหยกมาหลายปีแล้ว และที่นั่นก็เป็นป้อมปราการที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มยังมีปัญหา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกู้ซือหวงเองก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม!”
หลงเซี่ยงพยายามเกลี้ยกล่อม แม้ว่ามู่เฉินจะทรงพลัง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ระดับนั้นในสายตาของเขา
ได้ฟังคำพูดโน้มน้าว มู่เฉินก็ยิ้มพลางพยักหน้า เสียงเอ่ยออกมาอย่างนิ่งสงบ
“พี่ใหญ่หลงเซี่ยง ข้ารู้ว่าเขาต้องการให้ข้าตกลงไปในกับดัก… แต่เขาคงไม่เคยคิดว่า…”
“กับดักของเขา…เล็กไปหน่อย”
“บางครั้ง…ถ้ากับดักแตกนักล่าก็จะกลายเป็นคนถูกล่า…”
มู่เฉินพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่เย็นชาสาดไอเข่นฆ่าเข้มข้น ทำให้แม้แต่หลงเซี่ยงยังตัวสั่น