หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1296 ระดับจงซือขั้นเทียน

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1296 ระดับจงซือขั้นเทียน

ในช่วงเวลาต่อมาเมืองเซิ่งยวนก็ปะทุขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากนี้ขั้วอำนาจและกลุ่มต่างๆ ก็เริ่มมาถึงที่นี่

แดนเซิ่งยวนโบราณเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เป็นสนามรบแตกหักระหว่างมหาพันภพและจักรวรรดิปีศาจต่างมิติในสมัยโบราณ จอมยุทธ์ผู้เชี่ยวชาญมากมายสิ้นชีพลงที่นี่ ดังนั้นมรดกที่อยู่ภายใน ทำให้แม้กระทั่งขั้วอำนาจยิ่งใหญ่ยังต้องเคลื่อนไหวเลยทีเดียว

หากไม่ใช่ว่าเพราะกลัวพายุมิติกาลเวลาในแดนเซิ่งยวน แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็คงอดเคลื่อนไหวไม่ได้ ท้ายที่สุดการล่อลวงของวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดก็เป็นสิ่งที่จะทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนน้ำลายหกได้

ทว่าแม้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่การรวมตัวของขั้วอำนาจต่างๆ ก็ยังคงทรงพลัง ชัดว่าพวกเขาตั้งใจจะลองดูว่าจะมีโอกาสได้รับมรดกจากจอมยุทธ์โบราณเหล่านั้นหรือไม่

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เมืองเซิ่งยวนกลายเป็นจุดรวมตัวของขั้วอำนาจต่างๆ ความคึกคักในครั้งนี้สูงสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา

ทว่าขณะที่มีกลุ่มทรงพลังมารวมตัวกัน มู่เฉินก็ไม่ได้ให้ความสนใจใดๆ ตัวเขามุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนค่ายกลที่มารดาทิ้งไว้ให้

เนื่องจากเขาเริ่มรู้สึกถึงขอบเขตพัฒนาการแล้ว

ตอนนี้ในแดนเซิ่งยวนโบราณถูกล้อมรอบด้วยพายุมิติกาลเวลา ทุกกลุ่มกำลังรอคอยเวลาที่มันอ่อนกำลังลง ก่อนที่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนในกลุ่มจะส่งพวกเขาเข้าไป พวกเขาจึงต้องรวมตัวกันในเมืองเพื่อรอสำหรับโอกาสที่จะมาถึง

ดังนั้นมู่เฉินจึงตั้งใจที่จะศึกษาค่ายกลระดับจงซือขั้นสูงให้สำเร็จในช่วงเวลานี้!

เพราะเขารู้ว่าจะต้องมีการต่อสู้ดุเดือดรอเขาอยู่ในแดนเซิ่งยวน เพื่อความสำเร็จเขาหวังว่าจะยกระดับความแข็งแกร่งของตนเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

อาคารในเมืองเซิ่งยวน

ชายชุดฟ้าอมเขียวนั่งเงียบๆ ขณะที่ธูปหัวใจหยกไหม้ไฟส่งกลิ่นหอมฟุ้งทั่วห้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการเพาะบ่มขุมพลัง

เขาเข้าสมาธิสองชั่วโมงก่อนที่จะลืมตาขึ้น “ทำไม? คำเชิญถูกปฏิเสธอีกแล้วเรอะ?”

กู้ซือหวงยืนอยู่ด้านหลังด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “ประมุขน้อย มู่เฉินหยิ่งผยองนัก เราส่งคำเชิญไปถึงเขาสองครั้ง แต่ว่าก็ถูกปฏิเสธทั้งหมด!”

“โง่จริงๆ มันคิดว่าสามารถทำตามอะไรก็ได้ เพราะว่ามีเผ่าไท่หลิงหนุนหลังเรอะ?!”

ชายชุดฟ้าอมเขียวผู้นี้ก็คือเฉวียนหลัวประมุขน้อนของเผ่าฝูถู เขาส่ายหน้าพลางยิ้ม “ช่างมันเถอะ ตอนแรกข้าว่าจะชี้ทางให้มันสักหน่อย แต่ให้หน้ามันกลับไม่เอา”

แม้ว่าเขาจะยิ้มอ่อนโยน แต่ดวงตากลับเปล่งประกายเย็นชา

“หึ ไอ้เวรนั่นไม่รู้ว่าอะไรดีสำหรับตัวเอง หากมันส่งวิชาสามพิสุทธิ์ให้กับนายน้อย นายน้อยก็ยังสามารถช่วยเหลือมันได้ ไม่ให้ต้องถูกไล่ล่าโดยเผ่าฝูถูและต้องทนทุกข์ทรมาน” ที่ด้านข้างกู้ซือหวง เหลียงเสียหยูก็พูดขึ้น

เฉวียนหลัวยิ้มด้วยความไม่แยแสในดวงตา “ไม่เป็นไร หากมันไม่ให้เองแต่โดยดี ก็คงไม่สามารถโทษใครได้ว่าทำให้ต้องทนทุกข์”

“ถึงแม้ชื่อเหยียนจะสามารถปกป้องมันในตอนนี้ แต่ไม่มีใครสามารถช่วยมันในแดนเซิ่งยวนโบราณได้ หนูที่ติดกับดักจะวิ่งไปที่ไหนได้?”

เฉวียนหลัวกำกำปั้นแน่นขึ้น แววเยาะเย้ยผุดขึ้นที่มุมปาก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เห็นมู่เฉินอยู่ในสายตาเลย เทียบกับการจับมู่เฉินได้หรือไม่ เขากังวลเรื่องมู่เฉินจะตกไปอยู่ในมือของมั่วซินก่อนหรือไม่มากกว่า

หากมั่วซินได้รับวิชาสามพิสุทธิ์ไป อีกฝ่ายจะเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อเขา

“แต่สิ่งสำคัญคือการได้รับวิชาเจดีย์แปดองค์จากแดนเซิ่งยวน มู่เฉินเป็นเพียงตัวเสริมเท่านั้น” เฉวียนหลัวหยุดพูดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “ในช่วงนี้มีหลายกลุ่มรวมตัวกันในเมืองเซิ่งยวน ข้าต้องการข้อมูลเกี่ยวกับทุกกลุ่มที่ถูกส่งมาโดยขั้วอำนาจสูงสุด”

แม้ว่าเขาจะมั่นใจในตัวเอง แต่ก็เป็นคนที่ระมัดระวัง เขาต้องการรู้ว่ามีใครที่คุกคามเขาในกลุ่มเหล่านั้นหรือไม่

“รับทราบ!”

กู้ซือหวงและเหลียงเสียหยูตอบด้วยความเคารพ ก่อนที่จะวาบหายตัวไป

พร้อมกับการออกไปของพวกเขา ห้องพักก็กลับมาเงียบสงบ เฉวียนหลัวสะบัดนิ้วเบาๆ พลางเงยหน้ามองไปยังทิศทางหนึ่งของเมืองเซิ่งยวน สายตาเย็นเยือกลงเรื่อย ๆ

บรรยากาศทั่วทั้งห้องเย็นลงพร้อมกับสายตาเขา

“ไอ้โง่ที่ไม่รู้ว่าอะไรดีสำหรับตัวเอง”

ดวงตาของเฉวียนหลัวหลุบต่ำไอสังหารเย็นเยือกกะพริบวูบไหวในนัยน์ตา

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ข้าจะซัดแกให้พิการแล้วลากกลับไปที่เผ่าฝูถู ข้าจะดูสิว่าแม่ของแกจะสามารถปกป้องอะไรแกได้!”

ไม่จำเป็นต้องเมตตาสงสารกับตัวกาลกิณี หากชิงเหยี่ยนจิ้งไม่สามารถนิ่งเฉยและลงมือด้วยความโกรธแค้น นางก็จะทำลายขีดสุดท้ายของเผ่า ในเวลานั้นแม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ก็ต้องใช้พลังอำนาจทั้งเผ่าเพื่อยับยั้งชิงเหยี่ยนจิ้ง

หากชิงเหยี่ยนจิ้งถูกลงโทษหนัก เขาก็จะคว้าชัยชนะรับการสนับสนุนของผู้อาวุโสหลายคน ในเวลานั้นตำแหน่งประมุขเผ่าจะใส่พานมาให้เขาอย่างแน่นอน!

ในเวลาเดียวกันที่สวนอีกฝั่งของเมืองเซิ่งยวน

“คำเชิญของเฉวียนหลัวถูกมู่เฉินปฏิเสธถึงสองครั้งเรอะ”

ชิงเซวียนขมวดคิ้ว “เฉวียนหลัวพยายามทำอะไร? ด้วยนิสัยของเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะแสดงความปรารถนาดีกับมู่เฉิน”

“ใครจะรู้ล่ะเจ้าคะ?” ชิงหลิงยักไหล่เบ้ปาก “เจ้ามู่เฉินนั่นพูดจาซะใหญ่โต แต่ข้าไม่คิดว่าวิธีของเขาคือซ่อนตัวจากเฉวียนหลัว”

ชิงเซวียนมองไปที่หญิงสาวพลางส่ายหัว “เจ้าอย่าดูถูกมู่เฉินเลย”

ชิงหลิงไม่ยอมรับกับสิ่งนี้ได้ ดังนั้นนางจึงแขวะต่อ “ข้าก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายเช่นกัน อย่างมากเขาอยู่ในระดับเดียวกับข้า ไม่เห็นมีอะไรโดดเด่นเลย”

ชิงเซวียนยิ้มบาง “เขาสามารถพึ่งพาพละกำลังของตัวเองเข้าถึงระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายตั้งแต่ยังอายุน้อย ได้รับตำแหน่งนักรบทวีปซีเทียน นอกจากนี้ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือเขายังมีความสัมพันธ์กับเทพจักรพรรดิอัคคีแห่งแคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เจ้าคิดว่าคนอย่างเขาจะธรรมดาหรือ?”

เมื่อชิงเซวียนเอ่ยขึ้น ดวงตาของชิงหลิงก็เบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ชิงซวงที่ไม่ได้พูดก็ยังฉายแววเคร่งเครียดในนัยน์ตา

“จริงเหรอเจ้าคะ?” ชิงซวงถาม

ชิงเซวียนพยักหน้าแล้วถอนหายใจ “หลายวันมานี้ข้าใช้แหล่งข่าวมากมายกว่าจะได้ข้อมูลเหล่านี้มา พูดจริงๆ กระทั่งข้ายังตกใจเมื่อได้ยินเลย”

แววตาของนางปรากฏแววชื่นชมพร้อมกับพูดว่า “เจ้าหนุ่มนั่นสมเป็นลูกชายของเสี่ยวจิ้งจริงๆ ด้วยพรสวรรค์ เขาถือเป็นอัจฉริยะยอดคทา ถ้าเขาอยู่ในเผ่าฝูถูตั้งแต่ยังเด็ก เฉวียนหลัวเทียบเขาไม่ติดเลย”

“ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย หากต้องปะทะกับเฉวียนหลัวและมั่วซิน เขาเละตุ้มเป๊ะแน่” ชิงหลิงเบ้ปากเอ่ยเถียง

ชิงเซวียนพยักหน้า ก็จริงที่ถ้ามู่เฉินเผชิญหน้ากับเฉวียนหลัวและมั่วซินในตอนนี้ เขาจะไม่ได้รับข้อได้เปรียบใดๆ

“ตามที่ข้ารู้มา เวลาที่ดีที่สุดในการเข้าสู่แดนเซิ่งยวนคืออีกครึ่งเดือนต่อจากนี้”

ชิงเซวียนมองไปที่ชิงซวง “เมื่อเข้าไปแล้ว เจ้าพยายามปกป้องมู่เฉินหน่อย อย่าให้เฉวียนหลัวและมั่วซินทำอะไรเขาได้ ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นลูกของเสี่ยวจิ้ง ยิ่งกว่านั้นยังมีสายเลือดตระกูลชิงของเราไหลเวียนอยู่ในตัวเขาด้วย”

ชิงซวงพยักหน้า

“ท่านป้าเซวียนวางใจเถอะ ข้าจะไม่อยู่เฉยแน่ถ้าเขามีปัญหาเจ้าค่ะ”

ครึ่งเดือนมาถึงภายใต้ความคาดหวังของทุกคน

เมื่อแสงอาทิตย์ส่องแสงผ่านชั้นเมฆเข้าสู่เมืองเซิ่งยวน ทั้งเมืองก็ระเบิดขึ้นอย่างมีชีวิตชีวา

ฟิ้ว ฟิ้ว!

ลำแสงนับไม่ถ้วนพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า เหินทะยานไปยังส่วนลึกของทวีปเซิ่งยวน

ความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลังเล่านั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนของขั้วอำนาจต่างๆ

เมื่อทั้งเมืองเดือดพล่าน มู่เฉินที่เข้าสมาธิมาครึ่งเดือนก็ลืมตาขึ้นช้าๆ

แสงระยิบระยับมากมายฉายในม่านตาดูราวกับท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาว

มู่เฉินกางมือออกคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตก็รวมตัวกัน เขาสามารถสัมผัสกับสัญลักษณ์หลิงยิ่งไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งรวมเข้ากับสภาพแวดล้อม

มิติบริเวณนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง

ไม่กี่นาที บริเวณฝ่ามือของมู่เฉินก็ปรากฏมิติสีแดงซึ่งเต็มไปด้วยความผันผวนล้างผลาญ

เมื่อมองไปที่มิติสีแดงเข้ม ดวงตาของมู่เฉินก็ค่อยๆ ลุกโชน

“ฮา”

ลมหายใจขาวขุ่นพรูออกมาจากปากตามด้วยรอยยิ้มปลื้มใจฉายที่มุมปาก นี่

เพราะมิติสีแดงนี้คือค่ายกล

ค่ายกลระดับจงซือขั้นสูง—ค่ายกลเพลิงคำราม!

เห็นได้ชัดว่าหลังจากฝึกฝนทำความเข้าใจในช่วงเวลานี้ ในที่สุดมู่เฉินก็บรรลุการเป็นหลิงเจิ้นจงซือขั้นเทียนแล้ว!

มู่เฉินลุกขึ้นยืนพร้อมกับรอยยิ้มมองเมืองเซิ่งยวนที่เดือดพล่าน

“เฉวียนหลัว มั่วซิน”

มู่เฉินสะบัดแขนเสื้อ มิติสีแดงเข้มก็สลายหายไป ร่างของเขาเลือนหาย ขณะที่มีเสียงผันผวนออกมา

“วิชาเจดีย์แปดองค์เป็นของข้าแน่นอน!”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset