หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1301 ภูตผีเสื้อโอสถ

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1301 ภูตผีเสื้อโอสถ

เมื่อพวกต่งซันตัดสินใจถอยไป

ความผันผวนของคลื่นหลิงที่พวยพุ่งจากกลุ่มของเวินชิงเฉวียนก็สงบลง ตอนแรกพวกเขาคิดว่าจะมีการสู้รบที่นี่วันนี้แน่ แต่พวกมู่เฉินที่มาถึงพอดีก็ขู่ต่งซันจนจากไปได้

“พวกเจ้าเป็นอะไรไหม?”

มู่เฉินหันกลับมาถามพวกเวินชิงเฉวียนด้วยรอยยิ้ม

เวินจื่อหยู่เผยรอยยิ้มบนใบหน้าพลางประสานมือ “ขอบคุณพี่มู่ที่ช่วยในวันนี้ ไม่เช่นนั้นคงต้องสู้กันจนเลือดตกยางออกแน่”

“หึ ถ้าสู้กันจริงๆ พวกมันจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ” เวินชิงเฉวียนเค้นเสียงเย็นดวงตาเป็นประกายวูบไหวด้วยไอเย็นเยือก เห็นได้ชัดว่านางไม่พอใจต่งซันอย่างยิ่ง

มู่เฉินรู้สึกประหลาดใจ เนื่องจากเขาสามารถบอกได้เลยว่าเวินชิงเฉวียนไม่ได้โอ้อวดแต่อย่างใด ทว่าจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มของพวกนางคือเวินจื่อหยู่ที่อยู่ในขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นก็ยังอ่อนด้อยกว่าเล็กน้อย หากต้องการเผชิญหน้ากับต่งซัน

นั่นหมายความว่ากลุ่มเวินชิงวียนจะต้องมีไพ่ตาย

เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของมู่เฉิน เวินชิงเฉวียนก็เท้าเอวประกาศอย่างภาคภูมิใจว่า “อย่าดูถูกพวกข้า หากไม่มีไพ่ตายบ้างพวกข้าจะกล้าเข้ามาในแดนเซิ่งยวนโบราณได้ยังไง?”

“แต่เจ้าสิประหลาด… อย่าบอกข้าว่าจะพึ่งพี่หลิงซีกับพี่หลงเซี่ยงเพื่อปกป้องนะ” เวินชิงเฉวียนเอียงศีรษะลงเล็กน้อย ขณะที่มองมู่เฉินแบบทำตาเล็กตาน้อย

แม้ว่าขุมพลังของมู่เฉินจะอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายซึ่งถือว่าค่อนข้างดี แต่จอมยุทธ์ระดับนี้ก็ยังไม่มากพอสำหรับแดนเซิ่งยวน มีเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มเท่านั้นที่จะสามารถข่มขู่ผู้อื่นได้

ในกลุ่มมู่เฉิน คงมีเพียงหลิงซีเท่านั้นที่มีความสามารถนี้ กระทั่งเวินชิงเฉวียนยังคิดว่าหลิงซีเป็นคนทรงพลังที่สุดในกลุ่มของมู่เฉิน

มู่เฉินกลอกตาบนไม่ได้พูดอะไรแต่ดึงหัวข้อกลับมา “พวกเจ้ากำลังตกเป็นเหยื่อเหรอ?”

กลุ่มมือสังหารก่อนหน้านี้ไม่เพียงแต่ขัดขวางพวกเวินชิงเฉวียนเท่านั้น พวกเขายังมีพรรคพวกซ่อนตัวอยู่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาหมายตาตระกูลเวิน

รอยยิ้มบนใบหน้าของเวินชิงเฉวียนถอนกลับ สายตาเย็นชาลงหลายส่วน “ถ้าข้าเดาถูก พวกมันน่าจะมาจากการยุยงของตระกูลหวู่เขตทะเลทรายฝั่งเหนือน่ะ”

“ตระกูลหวู่เขตทะเลทรายฝั่งเหนือ?” ดวงตาของลั่วหลีหดลงขณะถามต่อ “นั่นเป็นขั้วอำนาจที่ไม่ได้อ่อนแอกว่าตระกูลเวินเลย ชื่อเสียงในมหาพันภพของพวกเขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน”

เวินชิงเฉวียนพยักหน้า “ที่จริงตระกูลเวินของพวกข้าจ่ายราคาไปมากเพื่อรับข่าวเกี่ยวกับมรดกจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน แต่ก็เกิดการเข้ามาแทรกแซงโดยตระกูลหวู่ ดังนั้นพวกมันจึงได้ข้อมูลไปด้วย”

“มีเพียงสองตระกูลเท่านั้นที่มีข่าวนี้ ต่งซันรู้ได้ยังไง มิหนำซ้ำยังมาขัดขวางพวกข้าที่นี่ได้ ผู้บงการจะต้องเป็นตระกูลหวู่แน่”

เวินจื่อหยู่พยักหน้าด้วยเช่นกัน “นอกจากนี้หากไม่มีการสนับสนุนจากตระกูลหวู่ ต่งซันจะกล้าหาญขนาดนี้ได้อย่างไร”

“ตอนนี้กลุ่มตระกูลหวู่จะต้องมุ่งหน้าไปหามรดกจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนที่เรากำลังพูดถึงแน่”

มู่เฉินพยักหน้าถามว่า “พวกข้าสามารถรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับมรดกได้ไหม?”

มูลค่าของมรดกไม่ต้องพูดถึงเลย หากพวกเขาไม่ได้เวินชิงเฉวียนเป็นแหล่งข่าวก็ยากลำบากมากสำหรับพวกเขาที่จะหา แม้ว่าพวกเขาจะช่วยแก้สถานการณ์ให้กลุ่มเวินชิงเฉวียน แต่มู่เฉินก็ไม่ใช่คนประเภทกอบโกยประโยชน์จากผู้อื่น ดังนั้นน้ำเสียงจึงเต็มไปด้วยความต้องการเจรจา

เขาต้องการข้อมูลเพื่อประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

เวินชิงเฉวียนไม่ได้คิดปิดบังพูดขึ้นว่า “เราเป็นพันธมิตรกัน ดังนั้นข้าจะบอกตามที่รู้มา”

“มรดกตกทอดจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนถูกเรียกว่าภูตผีเสื้อโอสถ”

“ภูตผีเสื้อโอสถ?” มู่เฉินกับลั่วหลีถึงกับหันมามองหน้ากัน

“ใช่แล้วจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนคนนี้เป็นที่รู้จักในด้านทักษะการเล่นแร่แปรธาตุ ถึงแม้ขุมพลังของนางจะอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงเท่านั้น แต่เม็ดยาใดๆ ที่ถูกนางสร้างขึ้นสามารถกวนคลื่นท่ามบรรดาจอมยุทธ์เทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งได้เลย”

“ในสุสานนั้นมีเม็ดยาเหลืออยู่จำนวนมาก เม็ดยาเหล่านั้นล้วนมีมูลค่ามาก แต่ละเม็ดสามารถสร้างความปันป่วนกับพวกจอมยุทธ์ชั้นสูงได้เลยทีเดียว”

“เช่นเม็ดยาเซิ่งหลิงที่ช่วยให้จอมยุทธ์ขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มก้าวเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มได้ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำหรับเวินจื่อหยู่ในครั้งนี้ด้วย”

เวินชิงเฉวียนชี้ไปที่เวินซื่อหยู่ เมื่อพูดถึงเม็ดยาเซิ่งหลิงใบหน้าฝ่ายหลังก็เต็มไปด้วยความโหยหา

แน่นอนว่าไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แม้แต่หลงเซี่ยงก็เหมือนกัน ตัวเขาก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังที่เกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม ดังนั้นการล่อลวงของเม็ดยาเซิ่งหลิงนี้จึงหอมหวนสำหรับเขาอย่างมาก

สิ่งนี้สามารถช่วยประหยัดเวลาจากการฝึกฝนหลายปี

“ที่จริงเม็ดยาเซิ่งหลิงนี้ไม่ได้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ภาคภูมิใจที่สุดของภูตผีเสื้อโอสถ เล่ากันว่าผลิตภัณฑ์ที่น่าภาคภูมิใจของนางคือสิ่งที่เรียกว่า ‘เม็ดยาเซิ่งหวา’ ซึ่งสามารถยกระดับทักษะเทพของผู้ฝึกขึ้นไปอีก กระทั่งวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมก็ยกระดับได้”

เมื่อมู่เฉินได้ยิน ดวงตาก็หดแคบลงในทันที แม้ว่าจะดูเหมือนธรรมดา แต่ในฐานะของคนที่ครอบครองวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยม เขารู้ว่ายากแค่ไหนในการยกระดับ เช่นร่างเทพสุริยะนิรันดร์ซึ่งตอนนี้มีทักษะสามขั้น

ได้แก่ รหัสเทพอมตะ ดอกบัวอมตะและแปรเป็นตายอมตะ

ทว่าตอนนี้เขาก็ฝึกถึงแค่ขั้นแรกเท่านั้น สำหรับขั้นที่สองคือดอกบัวอมตะ เขายังไม่สามารถแง้มออกได้สักนิด

หากเขาสามารถได้รับเม็ดยาเซิ่งหวาหนึ่งเม็ด นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถคลายทักษะขั้นที่สองของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ได้เลยหรือ?

แค่คิดแม้แต่หัวใจของมู่เฉินก็ลุกโชติช่วงไปหมดแล้ว

“นอกเหนือจากนี้ภูตผีเสื้อโอสถยังทิ้งเม็ดยาเทพเอาไว้มากมาย ซึ่งเป็นทรัพยากรจำนวนมหาศาลที่แม้แต่ตระกูลเวินของข้าก็ยังถูกดึงดูดอย่างมาก” เวินชิงเฉวียนกล่าว

มู่เฉินพยักหน้า มรดกจากจอมยุทธ์ที่เก่งกาจในการเล่นแร่แปรธาตุถือได้ว่าเป็นหีบมหาสมบัติเลยทีเดียว หากพวกเขาสามารถได้รับแม้แต่ขั้วอำนาจใหญ่อย่างตระกูลเวินก็จะพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย

“ไม่น่าแปลกใจที่ตระกูลหวู่พยายามทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางพวกเจ้า เบื้องหน้าผลประโยชน์ล่อตาขนาดนี้ วิธีการพวกนี้ก็ไม่ได้ดูเกินเหตุ” ลั่วหลีถอนหายใจ หากตระกูลหวู่ได้รับมรดกนี้ ความแข็งแกร่งของตระกูลหวู่ก็จะทะยานขึ้นสูงอย่างแน่นอน ในเวลานั้นทำไมพวกเขาจะต้องไปกังวลเกี่ยวกับการรุกรานตระกูลเวินอีก?

เวินชิงเฉวียนพยักหน้าจ้องมองพวกมู่เฉิน “หากพวกเราประสบความสำเร็จในความร่วมมือครั้งนี้ ก็แบ่งการเก็บเกี่ยวกันคนละครึ่งเลย”

ขณะที่นางพูดทุกคนก็ตกใจ

กระทั่งพรรคพวกที่อยู่ข้างหหลังเวินชิงเฉวียนก็แลกเปลี่ยนสายตากัน เนื่องจากสิ่งเหล่านี้เกินความคาดหมาย ถึงยังไงตระกูลเวินก็จ่ายราคามหาศาลสำหรับข้อมูลนี้

พูดอย่างไม่เป็นมิตร หากพวกเขาต้องการหาพันธมิตรอื่นๆ ด้วยอัตราส่วนแบ่งนี้ พวกเขาสามารถหากลุ่มที่แข็งแกร่งกว่าพวกมู่เฉินได้ง่ายๆ เลย

ทว่าก่อนที่พวกเขาจะพูดความคิดออกไป พวกเขาก็ต้องหุบปากจากประกายแสงจ้าที่สะท้อนในดวงตาของเวินชิงเฉวียน นางพูดอย่างใจเย็นว่า “มรดกยังไม่ใช่ของเราในตอนนี้ ดังนั้นอย่าถือว่าเป็นของเรา เวลานี้ตระกูลหวู่โอหังนัก ชัดว่าตั้งใจจะรับมรดกนี้ไป ส่วนเราก็ล้าหลังไปเรียบร้อย ถ้ามีแค่พวกเรากลุ่มเดียวก็คงไม่อาจได้รับอะไรเลย”

“นอกจากนี้…”

นางหยุดชั่วครู่หนึ่งมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาที่มีความหมายแฝงพลางแย้มยิ้ม “จากสัญชาตญาณของผู้หญิง ข้ารู้สึกว่าเจ้านี่จะคุ้มค่ากับราคานี้”

แม้ว่านางจะหยอกล้อมู่เฉินไปก่อนหน้า แต่นางก็รู้สึกได้ว่าหลิงซีไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม แต่เป็นมู่เฉินซึ่งดูเหมือนจะเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายเท่านั้น…

ชัดว่าเวินชิงเฉวียนมีตำแหน่งสูงในตระกูล ดังนั้นเมื่อนางตัดสินใจแล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่มีอะไรจะพูด เวินจื่อหยู่ยิ้มให้มู่เฉิน “งั้นแบบนี้ เราคงจะต้องพึ่งพี่มู่เพื่อให้ได้รับการเก็บเกี่ยวที่เพียงพอ”

มู่เฉินตอบด้วยรอยยิ้มขณะที่หันไปมองเวินชิงเฉวียน เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะพูดว่า “แม้อัตราส่วนแบ่งนี้เราจะได้ผลประโยชน์มาก แต่ข้าเชื่อว่า พวกเจ้าจะได้เกินคุ้มแน่นอน”

แม้ว่าเสียงจะฟังสงบนิ่ง แต่ความมั่นใจที่อยู่เบื้องหลังรอยยิ้มก็ทำให้พวกเวินชิงเฉวียนรู้สึกผ่อนคลาย

บางทีชายที่เบื้องหน้าพวกเขาอาจเกินความคาดหมายจริงๆ…

เวินชิงเฉวียนจ้องมองไปที่มู่เฉินอย่างลึกซึ้ง ความมั่นใจในปัจจุบันของเขาเหมือนกับตอนที่อยู่ในศึกเบญจภาคีอย่างไรอย่างนั้น ในเวลานั้นต่อให้เผชิญกับศัตรูมากมาย เขาก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ ซึ่งความมั่นใจนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่เหมือนยังสามารถแผ่ไปให้ผู้อื่นด้วย

หลังจากหลายปีที่ผ่านมาและมีประสบการณ์ แต่ความมั่นใจของมู่เฉินก็ยังเต็มเปี่ยมในหัวใจ

ในโลกนี้มีเพียงคนที่สามารถรักษาความเชื่อมั่นและไม่แพ้ใครถึงจะมีสิทธิ์ผงาดขึ้นไปสู่จุดสูงสุด

เวินชิงเฉวียนยิ้มด้วยท่าทางทรงเสน่ห์ไม่ต่างจากลั่วหลี

นางยื่นมือออกมาพลางหัวเราะเบาๆ “งั้นขอให้เป็นการร่วมมือที่มีความสุขระหว่างเรา”

มู่เฉินเหยียดมือออกมาจับมืออ่อนนุ่มนั่นไว้พลางยิ้ม

“การร่วมมือต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset