หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1314 เผ่าซือหมัว
“คารวะนายท่าน!”
เสียงสะท้อนไปมาระหว่างสวรรค์และโลก ทำให้มู่เฉินที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าอึ้งไป เขามองไปที่กองทัพมังกรดำด้วยความตะลึงงัน เขาไม่คิดว่ากองทัพชั้นยอดนี้จะยอมรับว่าเขาในฐานะผู้นำคนใหม่แล้ว
ยามนี้แม้แต่มู่เฉินยังรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจที่รัวแรง แม้ว่าเขาจะพยายามระงับอารมณ์บนใบหน้าลง แต่กระนั้นก็ยังมีร่องรอยความสุขกระจายออกมา
จนสุดท้ายเขาก็ยอมแพ้กับการซ่อนอารมณ์นี้ ความสุขแล่นพล่านไปทั่วใบหน้าเลยทีเดียว
นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่ากองทัพนี้ทรงพลังเพียงใด แม้ว่านักรบบางคนจะสูญสลายไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังคงเป็นกองทัพที่ทรงพลังที่สามารถต่อกรกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนได้
หากวันหนึ่งที่มู่เฉินสามารถควบคุมทั้งกองทัพได้ เขาก็ไม่ต้องกลัวแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน
การสร้างกองทัพทรงพลังระดับนี้ในโลกมหาพันภพจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรและพลังงานที่ไม่สามารถจินตนาการได้ ซึ่งไม่มีขั้วอำนาจสูงสุดธรรมดาใดๆ ทำได้
เช่นเดียวกับตระกูลหวู่หรือตำหนักซีเทียน แม้ว่าพวกเขาจะมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน แต่พวกเขาก็ไม่มีกองทัพระดับนี้
หากมู่เฉินคิดจะสร้างด้วยตัวเอง ก็ไม่สามารถทำได้ถึงหนึ่งส่วน แม้ว่าเขาจะคั้นตำหนักมู่ทั้งหมดก็ตาม
ด้วยเหตุผลหลายประการ มู่เฉินจึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ในขณะนี้
“ลุกขึ้นเถอะ” ในที่สุดมู่เฉินก็ถอนความตื่นเต้นในใจ ก่อนที่จะประสานมือให้นักรบมังกรดำทุกคน
มู่เฉินทำตัวสุภาพยิ่งนัก ไม่เย่อหยิ่งเพียงเพราะกองทัพมังกรดำยอมรับ กองทัพมังกรดำไม่เหมือนกับกองทัพหุ่นเงาที่เขาเคยได้รับมาก่อน นี่เป็นกองทัพที่มีชีวิตดังนั้นเขาต้องทำในสิ่งที่จะเอาชนะใจพวกเขา
พรึ่บ
นักรบหลายหมื่นคนยืนขึ้น แม่ทัพมังกรดำก็พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ขอให้ท่านขึ้นไปบนแท่นเพื่อรับตรากองทัพ!”
มือของเขาชี้ไปที่แท่นตรงกลาง
มู่เฉินไม่ลังเลพลิ้วตัวลงบนแท่น ก่อนจะกวาดตามองกองทัพมังกรดำ
“ข้าแม่ทัพแห่งกองทัพมังกรดำ—เจียงหลง คารวะท่านจอมทัพคนใหม่”
แม่ทัพมังกรดำโค้งคำนับไปยังทิศทางของมู่เฉิน ก่อนที่จะกัดลิ้นตนเอง เลือดกลั่นพ่นออกมาจากปาก
ปุ
เมื่อเห็นดังนั้น นักรบมังกรดำก็ทำเช่นเดียวกัน เลือดกลั่นที่พ่นออกมาก็กลายเป็นลูกโลหิตลอยคว้างอยู่ตรงหน้ามู่เฉิน
ลูกโลหิตควบแน่นรวมตัวกัน ก่อนจะถักทอเป็นตรามังกรโลหิตดูดซับเลือดกลั่นที่อยู่รอบตัวไว้ทั้งหมด
ตรากองทัพลอยอยู่ตรงหน้ามู่เฉิน ปลดปล่อยพลังงานที่ลึกซึ้งออกมา สายตาของเขาก็วูบไหวขณะที่จ้องมองไป เขารู้ว่าเมื่อใดที่เขาชำระตรานี้ กองทัพมังกรดำจะเป็นของเขาอย่างแท้จริง
ดังนั้นมู่เฉินจึงกัดลิ้นโดยไม่ลังเล เลือดกลั่นพ่นไปยังตรากองทัพมังกรก่อนที่จะผสานเข้ากันอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นมู่เฉินก็สามารถสัมผัสได้ถึงความเกี่ยวพันใกล้ชิดระหว่างเขากับกองทัพมังกรดำ
มู่เฉินเหยียดมือออกแล้วจับตรากองทัพเบาๆ ขณะนี้เขาคือจอมทัพแห่งกองทัพมังกรดำ
เมื่อหวู่ทงเห็นภาพนี้จากระยะไกล ดวงตาก็เต็มไปด้วยความโลภ ราวกับว่าต้องการให้มู่เฉินแดดิ้นลงตรงหน้า แล้วเขาจะได้แทนที่
ขณะนี้ความเสียใจพล่านในหัวใจอย่างอธิบายไม่ได้ หากเขารู้เรื่องนี้ เขาจะไม่ยอมให้มู่เฉินได้แหย่เท้าเข้ามาในมิตินี้อย่างเด็ดขาด เขาน่าจะต้องใช้ทุกวิธีการเพื่อขัดขวาง
เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจะได้ไม่ต้องแข่งขันกับมู่เฉินในฐานะจั้นเจิ้นซือ
ในความคิด มู่เฉินเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายเท่านั้น หากไม่ใช้รัศมีจั้นยี่ เขาก็มั่นใจว่าจะฆ่ามู่เฉินได้
“บ้าเอ๊ย! บ้าที่สุด!”
หวู่ทงพึมพำขณะที่สาปแช่งในใจ ดวงตาเขาแดงก่ำมากขึ้นจนสามารถกลั่นเลือดออกมาได้
แต่เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินไม่มีเวลาสนใจกับความเกลียดชังของผู้แพ้ มือจับตรากองทัพไว้ เขาก็รู้สึกถึงความสามารถในการบัญชากองทัพทรงพลังนี้ด้วยความปีติเต็มหัวใจ ครั้งนี้แค่การเก็บเกี่ยวกองทัพมังกรดำอย่างเดียวก็ทำให้การเดินทางมายังแดนเซิ่งยวนโบราณคุ้มค่ามาก
เวลานี้ใบหน้าของนักรบมังกรดำซีดลง เนื่องจากเหนื่อยล้าจากการกลั่นเลือดให้กลายเป็นตรากองทัพมังกร
ตู้ม!
เจียงหลงมองมู่เฉินด้วยสายตาพึงพอใจ แต่เมื่อเขากำลังจะพูด มิติก็สั่นสะเทือนขึ้นทันที
เมื่อรู้สึกถึงแรงสั่น ทุกคนก็อึ้งไปสั้นๆ ก่อนที่จะมองไปที่หวู่ทง ‘เจ้านั่นคิดจะทำอะไรอีก?’
แต่เมื่อพวกเขากวาดสายตาไปก็ตระหนักว่าหวู่ทงไม่ได้ทำอะไรเลย
“ใครกัน?!”
ใบหน้าของมู่เฉินและเจียงหลงเปลี่ยนไป พวกเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นพวกเขาก็หันไปมองมิติว่างเปล่าขณะที่คำรามลั่น
“คึๆ”
ท่ามกลางเสียงตะโกนของพวกเขา มิติก็บิดเบี้ยว หมอกดำตลบอบอวลขึ้น วินาทีต่อมาก็กลายเป็นภาพเงาดำบนท้องฟ้า
ภาพเงานั้นถูกโอบล้อมด้วยรัศมีความตายและกลิ่นอายเลวร้าย ทำให้นักรบมังกรดำท่าทางเปลี่ยนไปฉับพลัน
“เผ่าปีศาจต่างมิติ!” ม่านตาของมู่เฉินหดเกร็ง จะมีใครอื่นนอกจากเผ่าปีศาจที่สามารถครอบครองรัศมีที่น่าขยะแขยงนี้!
“ไอ้ปีศาจ บังอาจบุกเข้ามาในมิติมังกรดำ! รนหาที่ตาย!” เจียงหลงคำรามดุดัน เผชิญกับปีศาจต่างมิติ ดวงตาเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ชัดว่าเกลียดชังอีกฝ่ายอย่างยิ่ง
ตู้ม!
คลื่นหลิงไร้ขอบเขตระเบิดออกมาจากร่างเขา ซึ่งอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มเลยทีเดียว
วาบ!
เจียงหลงเคลื่อนตัวมาปรากฏที่เบื้องหน้าเงานั้น กำปั้นชกออกไป เส้นเลือดผุดขึ้นบนแขนเขา กระจายพลังน่าสะพรึงกลัวออกมา
ทว่าเมื่อกำปั้นเกรี้ยวกราดพุ่งไปถึงเงาดำก็ทะลุผ่านไป เงาดำวับหายไปไม่กี่ลมหายใจก็ปรากฏตัวขึ้นในจุดอื่น
“บ้ากำลังจริงๆ แต่เป้าหมายที่ข้ามาที่นี่ไม่ใช่พวกแก”
เงาดำมองเจียงหลงด้วยดวงตาน่ากลัวพลางแสยะยิ้มชั่วร้าย “แต่ในเวลานี้พวกแกอ่อนแอนัก ดังนั้นข้าจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้ไป”
ทันใดนั้นเขาก็พลิ้วลงบนพื้นพร้อมกับมือขาวซีดกดลงบนพื้น ควันดำบริเวณศีรษะจางลงเล็กน้อยเผยให้เห็นใบหน้าซีดขาวน่ากลัว ก่อนที่เขาจะแสยะยิ้มผิดปกติให้เจียงหลงและมู่เฉิน
“หยุดมัน!”
ดวงตาของมู่เฉินหดลง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าไอ้ปีศาจนี่กำลังทำอะไร แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง คำรามออกมาทันที
“ฮ่าๆ สายไปแล้ว!”
ปีศาจตัวนั้นยิ้มน่าขนลุก ทันใดนั้นค่ายกลปีศาจดำทะมึนก็โผล่พรวดออกมาจากฝ่ามือ ราวกับหนอนบิดตัวขุดลงไปในพื้น
ใบหน้าของเจียงหลงเปลี่ยนไปรุนแรงขณะอุทาน “เป้าหมายมันคือร่างราชันปีศาจที่ถูกผนึกอยู่ใต้ดิน! จอมทัพมู่ควบคุมรัศมีจั้นยี่กองทัพมังกรดำ!”
หัวใจของมู่เฉินสั่นไหวเมื่อได้ยิน ‘มีร่างราชันปีศาจผนึกอยู่ใต้ดินรึ’
ทันใดนั้นมือก็จับตรากองทัพอย่างแน่นหนา พื้นดินสั่นรุนแรงขณะที่รอยแตกขนาดใหญ่แผ่ออกไปบนพื้นดิน
ฟิ้ว!
รัศมีปีศาจกลิ้งออกมาจากรอยแตก ลำแสงสีดำพุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ความผันผวนของรัศมีปีศาจที่น่ากลัวปกคลุมทั่วมิติ
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นด้วยความหวาดผวา เนื่องจากเห็นโครงกระดูกสีดำ แม้ว่าพลังชีวิตจะหายไป แต่มันก็ยังคงปกคลุมไปด้วยรัศมีปีศาจน่าสะพรึง
ตัดสินจากความผันผวน มันจะต้องเป็นระดับราชันที่ทรงพลังเมื่อยังมีชีวิต!
“ฮ่าๆ อย่างที่เดาเลย! มีร่างราชันปีศาจอยู่ที่นี่จริงๆ!” เงาดำหัวเราะน่าขนลุก
ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดลงหลายส่วน ตอนนี้เขาได้ควบคุมกองทัพมังกรดำแล้ว แต่ด้วยพลังยุทธ์ในปัจจุบัน เขาสามารถควบคุมนักรบสามพันคนได้เท่านั้น
โชคดีที่ชายคนนั้นยังไม่บรรลุระดับเทียนจื้อจุนในความรู้สึกของมู่เฉิน ในเมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็ใช่ว่าจะเผชิญหน้าไม่ได้
ตู้ม ตู้ม!
รัศมีจั้นยี่รุนแรงแผดเสียงราวกับกระแสน้ำฉีกขาดมิติยิงไปทางเงาดำ
เผชิญหน้ากับรัศมีจั้นยี่ที่ล้อมรอบ เงาดำเลือกที่จะไม่ปะทะ เขาถอยฉากหนี ไม่ได้ตั้งใจจะต่อสู้อย่างชัดเจน
ทว่ามู่เฉินก็ไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไป ด้วยความคิดรัศมีจั้นยี่ก็พวยพุ่ง เขาบอกได้เลยว่าเป้าหมายของเงาดำก็คือร่างราชันปีศาจ เขาแค่พยายามหยุดอีกฝ่ายไว้ไม่ให้นำศพออกไปก็พอ
ทะยานหลบหลีกสองสามครั้ง เงาดำก็เริ่มโกรธมู่เฉินที่ล่วงเกิน เขาหยุดการเคลื่อนไหว ควันดำบนหน้าจางลง เผยให้เห็นใบหน้าซีดขาวที่ฉายความโหดร้าย
ดวงตาเขาจับจ้องอยู่ที่มู่เฉินพลางเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา
“ในเมื่อแกรนหาที่ตาย องค์ชายคนนี้จะสนองความต้องการให้ จำไว้ คนที่ฆ่าแกคือ…”
“องค์ชายเผ่าซือหมัว—ซือเทียนโยว!”