หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1317 ยาเซิ่งหวา
ในถ้ำ
ทั้งสองฝ่ายยืนประจันหน้ากัน ทว่าตอนนี้ทุกคนกลับมองไปที่ทางเข้าพร้อมกับความกลัวฉายบนใบหน้า
เมื่อครู่พวกเขาเห็นเงาร่างสองร่างโผล่ออกมาจากมิติที่มู่เฉินและหวู่ทงเข้าไป พวกมันเปล่งความผันผวนอันรุนแรง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มจากทั้งสองฝ่ายยังรู้สึกได้ถึงรัศมีความตาย
เห็นได้ชัดว่าเงาทั้งสองนี้แข็งแกร่งกว่าผู้คนที่นี่!
ทว่าเงาทั้งสองนั้นเหมือนจะวิ่งหนีบางอย่างออกมา ดังนั้นจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับทั้งสองกลุ่มที่ยืนอยู่ เลย พวกมันหนีไปด้วยความเร็วสูงสุด
“นั่นเผ่าปีศาจต่างมิติ!”
หลิงซีมองเงาร่างที่หายไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เมื่อได้ยินดังกล่าว ใบหน้าของลั่วหลีและเวินชิงเฉวียนก็เปลี่ยนไปอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ความกังวลพล่านในดวงตาเมื่อมองไปที่มิติมังกรดำ
พวกปีศาจหนีออกมาจากมิติมังกรดำ นั่นก็หมายความว่าพวกมันจะต้องพบกับมู่เฉินและหวู่ทงในนั้น ไม่รู้ว่ามู่เฉินตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว
เวินชิงเฉวียนและคนอื่นๆ ก็คิดไม่ต่างกัน ดังนั้นแต่ละคนจึงแลกเปลี่ยนสายตาที่วูบไหวด้วยความกังวล
ตระกูลหวู่ก็แสดงสีหน้ากังวลเช่นกัน พวกเขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับมู่เฉิน พวกเขากลัวเผ่าปีศาจ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับหวู่ทงการเดินทางครั้งนี้ล้มเหลวไม่เป็นท่าแน่
ฟิ้ว!
ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเป็นกังวล ทางที่เข้าสู่มิติมังกรดำก็สั่นไหว อึดใจต่อมาร่างเงาหนึ่งก็พุ่งออกมา
ภายใต้สายตาที่จับจ้องมองมาของทุกคน สุดท้ายก็ปรากฏร่างมู่เฉินให้เห็น
“มู่เฉิน!”
เมื่อพวกเวินชิงเฉวียนเห็นมู่เฉินออกมา พวกนางก็รู้สึกโล่งใจมาก ท่าทางคลายลงหลายส่วน
มู่เฉินพยักหน้าให้พรรคพวกด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นความกลัวลอยอ้อยอิ่งบนใบหน้าของพวกเขา หัวใจของมู่เฉินก็กระตุกขณะถามว่า “พวกเจ้าเห็นเผ่าปีศาจหนีออกมาทางนี้เหรอ?”
ทุกคนพยักหน้าก่อนที่ลั่วหลีจะถามด้วยงุนงง “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเผ่าปีศาจถึงไปอยู่ในมิตินั้น?”
“นั่นคือองค์ชายของเผ่าซือหมัวชื่อซือเทียนโยว มันแอบตามพวกข้าเข้าไปในมิติมังกรดำ” สีหน้ามู่เฉินเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขณะที่พูดต่อ “มันขโมยศพราชันปีศาจไป”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาหัวใจของทุกคนก็สั่นไหว ‘ขโมยศพราชันปีศาจไป?’
“มู่เฉิน นายน้อยพวกข้าอยู่ที่ไหน?!”
จอมยุทธ์ตระกูลหวู่ตะโกนถามและเริ่มแตกตื่นเมื่อมองไปที่มู่เฉิน
มู่เฉินเหลือบมองมาอย่างเฉยเมย “หวู่ทง? ตายด้วยน้ำมือศพราชันปีศาจไปแล้ว”
เฮือก
ใบหน้าของกลุ่มตระกูลหวู่ซีดเผือด ส่วนใบหน้าของต่งซันตกใจสุดขีด เขาทราบชัดเกี่ยวกับพลังของหวู่ทง แต่คนที่มีทรงพลังอย่างหวู่ทงยังต้องจบชีวิตในมิติมังกรดำหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่แน่ชัดว่าเขาตายด้วยน้ำมือของศพราชันปีศาจหรือมู่เฉิน
ดังนั้นแต่ละคนจึงมองไปที่มู่เฉินด้วยความตกใจและหวาดกลัว
“ไป!”
สายตาของต่งซันไหวระริก จากนั้นก็กระชากเสียง ร่างเขาทะยานออกไปพร้อมกับกลุ่มมือสังหารปีศาจ
ในเมื่อหวู่ทงตายแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้ยืนอยู่ในระดับเดียวกันอีก ถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อก็เป็นการให้โอกาสอีกฝ่ายในการสังหารพวกเขาทั้งหมดอย่างไม่ต้องสงสัย
จอมยุทธ์จากตระกูลหวู่เห็นก็ขบฟัน จากนั้นถอยหนีอย่างรวดเร็ว พวกเขาแพ้ในการแข่งขันครั้งนี้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ต่อไป
เมื่อเห็นพวกเขาตัดสินใจออกไปอย่างเด็ดขาด สายตาของมู่เฉินก็วูบไหว แต่สุดท้ายก็ระงับความคิดที่จะฆ่าพวกเขาไว้ นั่นเป็นเพราะหากจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มต้องการที่จะไปก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะหยุดอีกฝ่าย
หากตกอยู่ในหายนะที่น่ากลัวระหว่างการตามล่ากลับต้องรับหายนะไปเอง
นอกจากนี้มู่เฉินก็ไม่ได้กังวลว่าตระกูลหวู่มองเขาเป็นศัตรูหรือไม่เมื่อพวกเขารู้ว่าหวู่ทงตาย ตระกูลหวู่มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนคนเดียวเท่านั้นที่จะต้องดูแลเขตแดนของตน คงไม่สามารถออกมาอย่างง่ายดาย สำหรับจอมยุทธ์ที่ขุมพลังต่ำกว่านั้น พวกเขาไม่ได้เป็นภัยคุกคามมากนัก
ตอนนี้สิ่งสำคัญคือการเก็บเกี่ยวสมบัติในมรดกนี้
“อื้อหือ เปิดหนีเร็วมาก”
เมื่อเห็นศัตรูจากไปอย่างรวดเร็ว เวินชิงเฉวียนก็เค้นเสียงเย็นชา นางไม่มีความคิดที่จะไล่ตามพวกเขาเช่นกัน ดังนั้นนางจึงหันมาหามู่เฉินแทน “ต่อจากนี้ตระกูลเวินของข้าจะทำสงครามกับตระกูลหวู่ ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการล้างแค้นของพวกมัน”
ถึงยังไงนางก็เป็นคนชวนมู่เฉินมาช่วย แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าใครฆ่าหวู่ทง แต่ตระกูลหวู่ต้องโยนความแค้นลงที่มู่เฉินแน่ ดังนั้นตระกูลเวินมีหน้าที่ต้องปกป้องมู่เฉิน
มู่เฉินยิ้มพลางพยักหน้า เขาไม่ได้ปฏิเสธความปรารถนาดีของเวินชิงเฉวียน ก่อนที่จะหันไปทางกระแสมิติ มือของเขาประสานกันวาดทักษะลับ
ฮึ่ม ฮึ่ม!
ขณะที่มู่เฉินวาดกระบวนท่าทักษะลับ มิติมังกรดำก็เปล่งเสียง กระแสมิติลดลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกลายเป็นแสงสีม่วงตกลงในมือของมู่เฉิน
นี่คือแหวนมังกรดำที่กำจายคลื่นมิติอันผันผวน
มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะอุทานกับภาพนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน เนื่องจากมีมิติเปิดอยู่ในวงแหวน มิหนำซ้ำยังสามารถให้สิ่งมีชีวิตเข้าไปอยู่ได้ด้วย
เมื่อคนอื่นๆ เห็นอุโมงค์มิติกลายเป็นวงแหวน พวกเขาก็เบิกตาค้าง
“เจ้าได้รับกองทัพมังกรดำเหรอ?” เวินชิงเฉวียนอดถามออกมาไม่ได้
มู่เฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องซ่อนเพราะใครๆ ก็เดาได้
เมื่อเห็นมู่เฉินพยักหน้าพรรคพวกก็หายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็มองมู่เฉินราวกับว่ากำลังมองสัตว์ประหลาด นั่นเป็นเพราะพวกเขาทราบชัดเจนเกี่ยวกับประสิทธิภาพของกองทัพมังกรดำ
หากมีวันหนึ่งที่มู่เฉินสามารถควบคุมได้อย่างเต็มที่ เขาก็ไม่ต้องกลัวแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน
เมื่อเห็นการเก็บเกี่ยวของมู่เฉิน แม้แต่เวินจื่อหยู่และคนอื่นๆ ก็อดไม่ได้ที่ดวงตาจะลุกโชน
“ดูเหมือนเจ้าจะเป็นผู้ชนะยิ่งใหญ่ในมรดกนี้สินะ” เวินชิงเฉวียนแกล้งเหน็บ ทว่าในคำพูดของนางไม่มีความอิจฉาริษยาเลย ในฐานะคนที่มีความภาคภูมิใจ นางจะไม่อิจฉาคนอื่นในเรื่องเก็บเกี่ยวได้มากกว่า เพราะนางรู้ว่านี่เป็นความสามารถของบุคคลล้วนๆ
ทว่ามู่เฉินกลับรู้สึกลุแก่โทษเล็กน้อย เนื่องจากข้อมูลมรดกนี้มาจากเวินชิงเฉวียน หากไม่ใช่คำเชิญของนาง มู่เฉินก็ไม่มีทางค้นพบมรดกนี้ได้
“เราแบ่งเม็ดยากันครึ่ง-ครึ่งเหมือนเดิมเถอะ” มู่เฉินกล่าวว่า ก่อนหน้าตอนที่เวินชิงเฉวียนได้รับมรดก นางเสนอที่จะทำการเปลี่ยนแปลงในการแบ่งเป็นแปดต่อสอง
เวินชิงเฉวียนส่ายหน้าขณะเชิดใบหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิ “ในเมื่อข้าบอกว่าแปดต่อสองก็เป็นไปตามนั้น นี่เป็นความสามารถของเจ้าเองที่ได้รับกองทัพมังกรดำ พวกข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร”
เมื่อเห็นท่าทางมุ่งมั่นของเวินชิงเฉวียน มู่เฉินก็อดยิ้มจนใจไม่ได้ แต่สุดท้ายเขาก็พยักหน้า เพราะนึกได้ว่าตอนนี้เขาต้องการกำลังสนับสนุนสำหรับกองทัพจอมเขมือบ
หากเขาไม่มีของเหลวจื้อจุนเพียงพอ กองทัพมังกรดำจะไม่มีทรัพยากรในอีกครึ่งปี
“มาแบ่งเม็ดยาในมรดกกันก่อนเถอะ” ลั่วหลียิ้มบาง
เวินชิงเฉวียนพยักหน้า ทุกคนก็เงยหัวขึ้นมองบนถ้ำ พวกเขาเห็นท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวเบื้องบน โดยที่ดาวทุกดวงก็คือเม็ดยาล้ำค่า
เมื่อเวินชิงเฉวียนโบกมือหม้อกลั่นผีเสื้อโอสถก็ทะยานออก คลื่นแสงเปล่งประกายพุ่งออกมา กวาดเม็ดยาลงหม้อ
กระบวนการนี้กินเวลานานสิบกว่านาที ก่อนที่ดวงดาวจะค่อยๆ ลดปริมาณลง
จากนั้นเวินชิงเฉวียนก็หลับตาครู่หนึ่ง เพื่อนับจำนวนเม็ดยาในหม้อ ก่อนที่ความตะลึงใจจะปรากฏบนใบหน้า “มีเม็ดยาทั้งหมดแปดร้อยเม็ด!”
เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินคำพูดนี่ พวกเขาก็อดอุทานไม่ได้
เพราะทุกคนตระหนักดีว่าเม็ดยาเหล่านี้ล้วนเป็นของล้ำค่าที่เหลืออยู่ของภูตผีเสื้อโอสถ ถ้านำออกไปประมูลในมหาพันภพละก็ เพียงเม็ดเดียวราคาก็สามารถไปถึงของเหลวจื้อจุนหลายล้านหยดเลยทีเดียว
มู่เฉินรู้สึกโล่งใจ ด้วยเม็ดยาเหล่านี้เขาไม่ต้องกังวลกับของจื้อจุนสำหรับกองทัพมังกรดำอีกพักใหญ่
เวินชิงเฉวียนพลิกนิ้วเบาๆ ลำแสงห้าสายก็ยิงออกมาจากหม้อกลั่นขนาดใหญ่ พวกมันลอยคว้างที่เบื้องหน้านาง กระจายความบริสุทธิ์และน่าอัศจรรย์ของคลื่นหลิง
เมื่อแสงเหล่านั้นค่อยๆ จางหาย ยาผลึกอัญมณีห้าเม็ดก็ปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของทุกคน พื้นผิวของเม็ดยาเหล่านั้นปกคลุมด้วยลวดลายธรรมชาติ ซึ่งพิสูจน์ถึงคุณภาพที่เหนือล้ำของเม็ดยาทั้งห้า
เมื่อเม็ดยาทั้งห้าปรากฏขึ้น มู่เฉินก็จ้องเขม็งก่อนจะเลื่อนสายตาที่ลุกโชนไปทางเวินชิงเฉวียน
เวินชิงเฉวียนยิ้มตอบว่า “นี่คือเม็ดเซิ่งหวา”
“พวกข้าจะรับไปเม็ดเดียว อีกสี่เม็ดเป็นของพวกเจ้า” เวินชิงเฉวียนคว้าเม็ดยาไว้หนึ่งเม็ด ก่อนที่จะโบกมือ เม็ดยาสี่เม็ดก็บินไปที่มู่เฉิน
มู่เฉินรับเม็ดยาอย่างระมัดระวัง จ้องมองเม็ดยากลมเกลี้ยงสมบูรณ์ในมือก็ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นรอยยิ้มก็เพิ่มขึ้นบนใบหน้าอย่างไม่สามารถควบคุมได้
เขารู้ว่าด้วยยาเซิ่งหวานี้ ในที่สุดเขาก็มีโอกาสในการพัฒนาทักษะเทห์สวรรค์ของร่างเทพสุริยะนิรันดร์แล้ว