ตู้ม!
ร่างปีศาจโชติช่วงด้วยเพลิงสีดำเหวี่ยงกำปั้นระเบิดมิติเบื้องล่าง จากนั้นพลังทำลายล้างและความร้อนก็ซัดอย่างรุนแรงลงบนร่างอเวจี
กำปั้นนี้สามารถฆ่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มธรรมดาได้อย่างง่ายดาย
มั่วซินยืนบนร่างเวทสวรรค์มองกำปั้นที่พุ่งเข้ามาก็แสยะยิ้มเย้ยก่อนที่จะประสานฝ่ามือเข้าด้วยกัน “ลวงตา!”
ร่างอเวจีใหญ่โตกระเพื่อมก่อนที่เงาดำจะเปลี่ยนเป็นภาพลวงตาทำให้กำปั้นทะลุผ่านไป
“ฝ่ามืออเวจี!”
เมื่อร่างอเวจีเปลี่ยนภาพลวงตา มั่วซินก็กระทืบเท้า ฝ่ามือร่างเทห์สวรรค์เปลี่ยนเป็นรูปธรรมพร้อมกับรัศมีเย็นเยือกปะทะกับร่างอสูรเพลิง
ตึง!
ฝ่ามือขนาดใหญ่ทำเอาร่างอสูรเพลิงสั่นเทิ้มก่อนที่มันจะถลากลับไปพร้อมกับไอเยือกเย็นครอบงำและดุร้ายกัดกร่อนร่าง แต่เปลวไฟที่หนาแน่นก็สามารถขัดขวางการโจมตีของร่างมหึมาไว้ได้
“ฆ่า!”
เมื่อการโจมตีถูกขัดขวางแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวก็ระเบิดอารมณ์คำรามทันที เปลวไฟลุกโชติช่วงบนร่างอสูรเพลิงพุ่งเข้าหามั่วซินอีกครั้ง
เผชิญหน้ากับแม่ทัพดุร้ายของเผ่าเหยียนหมัว มั่วซินก็เค้นเสียงเย็นทะยานออกไปพร้อมกับร่างอเวจี
ตู้ม ตู้ม!
ยักษ์ใหญ่ทั้งสองปะทะกัน ความปั่นป่วนที่น่าตกใจมากก็ทำเอาไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ เพราะกลัวว่าจะโดยลูกหลงจากการต่อสู้นี้
ขณะที่มั่วซินกำลังโรมรันพันตูกับแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัว เฉวียนหลัวที่ต่อสู้กับจอมยุทธ์เผ่าเตาหมัวก็ระเบิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ มีดปีศาจบินออกมาราวกับเครื่องจักรสังหาร ใครก็ตามที่ถูกรัศมีใบมีดกวาดใส่ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็จะกลายเป็นเนื้อสับ
มิหนำซ้ำยังทิ้งร่องรอยมีดไร้ก้นนับไม่ถ้วนไว้บนพื้นดิน
ทว่าเฉวียนหลัวไม่กลัวสักนิด ความเจิดจรัสของร่างมหาเจดีย์ก็สว่างไสว ก่อแนวป้องกันที่ไม่สามารถทำลายได้
เคร้ง เคร้ง!
ร่างมหาเจดีย์พุ่งเข้าไปในพายุรัศมีใบมีด ปล่อยให้รัศมีใบมีดคมกริบกวาดอาละวาด แต่ไม่ว่าอย่างไรการโจมตีก็ไม่สามารถฉีกแนวป้องกันของร่างมหาเจดีย์ได้
“ร่างแสงนิรันดร์ในตำนานมีการป้องกันที่ทรงพลังที่สุดในโลกและร่างมหาเจดีย์ที่ข้าได้รับก็ถ่ายทอดสิ่งนี้มา ดังนั้นการโจมตีของแกไม่สามารถผ่านแนวป้องกันของข้าได้หรอก” เฉวียนหลัวยืนอยู่บนไหล่ของร่างมหาเจดีย์ยิ้มบางขณะมองจอมยุทธ์เผ่าเตาหมัว
“ดังนั้นต่อไปตาข้าบ้างล่ะ!”
เฉวียนหลัวยิ้ม จากนั้นร่างมหาเจดีย์ก็ยกเจดีย์ที่เปล่งแสงสว่างไสวบนมือขึ้น
“รัศมีประทับ!”
เมื่อเฉวียนหลัวส่งเสียงคำราม แสงไร้ขอบเขตก็ห่อหุ้มใบมีดขนาดใหญ่และจอมยุทธ์เผ่าเตาหมัว ภายใต้ความกระจ่างใสของรัศมี รัศมีใบมีดป่าเถื่อนก็อ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว
ใบมีดปีศาจดูราวกับว่าร่วงหล่นลงไปในบึงโคลน ความเร็วลดเพราะบนใบมีดถูกแสงห่อหุ้ม
เมื่อรับรู้การเปลี่ยนแปลงใบหน้าของจอมยุทธ์เผ่าเตาหมัวก็เปลี่ยนไป เขาสัมผัสได้ถึงรัศมีปีศาจบนใบมีดปีศาจถูกผนึก
เห็นได้ชัดว่าเขาประเมินความสามารถในการผนึกของเฉวียนหลัวต่ำเกินไป
“ตู้ม!”
ทว่าเฉวียนหลัวก็ไม่ได้ให้เวลาเขามากในการตกใจ ร่างมหาเจดีย์สาวเท้าออกมา เจดีย์เทพเปล่งแสงออกมาอย่างต่อเนื่อง ก่อร่างเป็นหอกทะยานไปยังจอมยุทธ์เผ่าเตาหมัวที่ถูกผนึกจนอ่อนแอลง
โฮก!
จอมยุทธ์เผ่าเตาหมัวคำรามลั่น ด้วยความคิดสายหนึ่งดาบขนาดใหญ่ก็เต้นระริกด้วยรัศมีปีศาจพวยพุ่งต่อต้านการโจมตีที่ทรงพลังจากเฉวียนหลัว
แต่เมื่อมองแล้วดูเหมือนว่าเขาจะค่อยๆ กลายเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ
รอบแท่นบูชา
ท่ามกลางสมรภูมิที่วุ่นวาย เมื่อมั่วซินและเฉวียนหลัวเป็นฝ่ายเหนือกว่าในการต่อสู้ ขวัญกำลังใจของจอมยุทธ์มหาพันภพก็เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เผ่าปีศาจเริ่มแสดงให้เห็นถึงความพ่ายแพ้
“สองคนนั่นฝีมือใช้ได้เลยจริงๆ”
มู่เฉินประหลาดใจกับภาพเหตุการณ์นี้ เขาหรี่ตาลงมองร่างมั่วซินและเฉวียนหลัว จอมยุทธ์เผ่าเหยียนหมัวและเตาหมัวเป็นศัตรูที่โค่นได้ยาก แต่ก็ถูกมั่วซินและเฉวียนหลัวปราบเอาไว้ได้ นี่แสดงให้เห็นความแข็งแกร่งของทั้งสอง
แต่…มู่เฉินไม่คิดว่าการต่อสู้จะจบลงอย่างง่ายดายเช่นนี้
ตู้ม!
ขณะที่ความคิดหมุนเวียนอยู่ในใจ แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวก็เป็นคนแรกที่เปิดช่องโหว่ ถูกซัดออกไปหลายพันจั้งโดยหมัดตรงของร่างอเวจี
แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวกระอักเลือดดำเต็มปาก เขาจ้องเขม็งไปที่มั่วซินด้วยความโกรธแค้นและเมื่อเห็นว่าเผ่าปีศาจกำลังจะพ่ายแพ้ เขาก็คำรามก้องฟ้า “ซือเทียนโยว เจ้ายังไม่เคลื่อนไหวอีกเรอะ?”
เสียงคำรามดังสะท้อนก้องไปทั่วสวรรค์และโลก ทันใดนั้นแม้แต่เสียงในสนามรบก็เงียบกริบลง
“ซือเทียนโยว?”
เมื่อมู่เฉินได้ยินชื่อนั่น รูม่านตาก็หดแคบลง ‘มันก็อยู่ที่นี่เหมือนกันรึ?’
“ฮ่าๆ เหยียนลู่ ไม่คิดว่าในฐานะแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัว เจ้าจะไร้ประโยชน์อย่างยิ่ง ถูกบีบให้อยู่ในสภาพเช่นนี้โดยไอ้เด็กเวรจากมหาพันภพ” เมื่อเสียงของเหยียนลู่จบลง เสียงหัวเราะที่เสียดแก้วหูก็ดังขึ้นทันที
ทุกคนพุ่งสายตาไปก็เห็นเงาดำยืนบนแท่นมองลงมาด้วยสายตาเย้ยหยัน
เฉวียนหลัวที่กำลังเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์เผ่าเตาหมัวเมื่อเห็นเงานั้นก็ถึงกับหดดวงตา เขาสามารถสัมผัสได้ถึงรัศมีอันตรายสุดขั้วที่มาจากอีกฝ่าย
“ไอ้ตัวเสแสร้ง ไสหัวลงมาจากแท่นบูชาซะ!”
สายตาเย็นเยือกของมั่วซินจับจ้องไปที่ร่างเงานั่นขณะเค้นเสียงเย็น ร่างอเวจีเคลื่อนผ่านมิติไปปรากฏตัวต่อหน้าพร้อมกับพลังทำลายล้างกระแทกใส่ซือเทียนโยว
ซือเทียนโยวกอดอกพร้อมกับรัศมีความตายพล่านในดวงตาขณะที่จ้องมองร่างอเวจีด้วยอาการเยาะเย้ย เผชิญหน้ากับการโจมตีดุร้ายนี้ เขาไม่คิดที่จะป้องกันตัวเองสักนิด
ปิ้ว
เขาเพียงผิวปากเบาๆ
เมื่อสิ้นเสียง มิติเบื้องหน้าซือเทียนโยวก็ผันผวน โครงกระดูกปรากฏขึ้นด้วยความเร็วปานสายฟ้าโดยไม่มีใครสามารถตรวจจับได้
โครงกระดูกนั้นไม่มีพลังชีวิตใดๆ แต่เมื่อมันปรากฏขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมู่เฉิน เฉวียนหลัวหรือแม้แต่มั่วซินก็ม่านตาหดเกร็งลง
พวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันที่อธิบายไม่ได้จากโครงกระดูกนี้
โครงกระดูกยกดวงตากลวงโบ๋เหยียดมือออกมา ตบออกไปอย่างไม่ตั้งใจ กระแทกเข้ากับหมัดขนาดใหญ่
ตึง!
เสียงลึกต่ำดังกึกก้องในทันที มิติแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราวกับแก้วแตก จากนั้นทุกคนก็ต้องหวาดผวาเมื่อเห็นร่างอเวจีขนาดใหญ่ปลิวออกไปเหมือนลูกกระสุนปืนใหญ่อย่างไรอย่างนั้น
ครืนๆๆๆ!
ร่างอเวจีสร้างเหวขนาดใหญ่ไว้บนพื้นซึ่งมีความยาวหลายหมื่นจั้งก่อนที่ร่างใหญ่จะหยุดลง มั่วซินที่ยืนบนไหล่ก็กระอักเลือดเต็มปาก ความตกใจหวาดหวั่นหนาแน่นฉายบนใบหน้า
เขารู้สึกไม่เชื่อขณะมองโครงกระดูกที่ยืนเบื้องหน้าซือเทียนโยว เขาไม่คิดว่ากระทั่งใช้ร่างอเวจีแข็งแกร่งนี้ เขาก็ยังปลิวออกมาโดยง่ายดาย
ทั่วบริเวณเงียบลง
กลุ่มอื่นๆ ที่มีขวัญกำลังใจขึ้นมาก็รู้สึกว่ามีน้ำแข็งราดลงมาทำให้รู้สึกเย็นเยือกไปหมด พวกเขามองโครงกระดูกนั้นด้วยความกลัว ‘พลังแบบไหนกันที่ทำให้มั่วซินต้องถลาออกไปอย่างง่ายดาย?’
ชิงซวงและชิงหลิงก็ฉายแววหวาดผวา ร่างเริ่มสั่นเทิ้ม
เฉวียนหลัวที่อยู่ไกลออกไปก็หยุดการโจมตีลง เขามองโครงกระดูกด้วยความกลัวในดวงตาก่อนที่จะพูดออกมาทีละคำ “นี่-ศพ-จอม-ปีศาจ?!”
การที่สามารถครอบครองพลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้ เฉวียนหลัวไม่สามารถหาเหตุผลอื่นใดได้ยกเว้นศพจอมปีศาจ นอกจากนี้เขายังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของราชันที่มาจากศพนั้นด้วย
แม้ว่ารัศมีจะเบาบาง แต่ราชันก็ยังคงเป็นราชัน ซึ่งเทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุน ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม แต่ก็ยังเป็นมดในสายตาของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนอยู่ดี
เมื่อเขาพูดออกมาก็ทำให้เกิดคลื่นความตกใจพล่านขึ้นจากกลุ่มคน หากไม่ใช่ความจริงที่ทุกคนที่นี่เป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงละก็ อาจมีบางคนเปิดตูดหนีไปแล้วก็ได้
ไม่มีใครอยากเผชิญหน้ากับจอมปีศาจแม้ว่าจะเป็นศพก็ตาม
“ถูกต้อง”
ซือเทียนโยวพยักหน้าขณะที่กวาดมองทุกคนพลางพูดเบา “พาพรรคพวกของแกไสหัวไปจากที่นี่ องค์ชายคนนี้ครอบครองชั้นนี้แล้ว”
ใบหน้าของเฉวียนหลัวมืดครึ้มลง แต่ก็ไม่ได้เคลื่อนไหว เพราะเขาสัมผัสถึงอันตรายที่มาจากซากร่าง
แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่มั่นใจว่าจะชนะ
ขณะที่เฉวียนหลัวเงียบไป ทั่วบริเวณก็ถูกกดดัน หลายคนถอนหายใจด้วยความสิ้นหวัง
แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นร่างเงาหนึ่งลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
“มู่เฉิน”
ชิงซวงและชิงหลิงอดอุทานออกมาไม่ได้เมื่อเห็นอีกฝ่าย
มู่เฉินยืนอยู่บนท้องฟ้ามองไปที่ซือเทียนโยวที่อยู่บนแท่น เสียงราบเรียบดังก้องประหนึ่งฟ้าคำรนสะท้อนระหว่างสวรรค์และโลก
“แกคว้าไอ้ซากนั่นไปต่อหน้าต่อตาข้า ตอนนี้ข้าจะเป็นคนเอากลับมาเอง”