หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1352 ข่มขู่

ทั้งโถงเงียบกริบ

ทุกคนถูกข่มจากแรงกดดันที่มาจากร่างอ่อนเยาว์ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธ์จากสำนักเมฆาม่วงหรือตำหนักมู่

พวกหลิ่วเทียนเต้ายังตกตะลึง ไม่ฟื้นคืนสติจากพลังที่มู่เฉินแสดงออกมา

นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้จักมู่เฉินมานาน โดยเฉพาะหลิ่วเทียนเต้าที่พบกับมู่เฉินครั้งแรกก็ไม่ลงรอยเพราะเรื่องบุตรชายโดนหยามเกียรติ ในเวลานั้นมู่เฉินเป็นเพียงมดในสายตาที่เขาสามารถฆ่าได้อย่างง่ายดายด้วยการพลิกมือ

ทว่าใครจะคิดว่าในเวลาเพียงไม่กี่ปีมดในสายตาพวกเขาจะเติบโตด้วยความเร็วที่คาดไม่ถึง จนตอนนี้พุ่งแซงหน้าพวกเขาไปแล้ว

เมื่อมองดูร่างอ่อนเยาว์ หลิ่วเทียนเต้าก็ถอนหายใจลึกๆ ความไม่เต็มใจที่เหลืออยู่ในใจถูกลบล้างหมดสิ้น

พรรคพวกคนอื่นดวงตาก็หดลง พวกเขาเริ่มมองไปที่มู่เฉินด้วยความเคารพ

ย้อนกลับไปตอนที่พันธมิตรภาคเหนือก่อตั้งตำหนักมู่พวกเขาไม่พอใจที่ต้องยอมให้มู่เฉินเป็นประมุข ทว่าพวกเขาก็ต้องปฏิบัติตามเนื่องจากแรงกดดันของมั่นถัวหลัว ซึ่งสร้างความไม่พอใจในใจลึกๆ เพราะยังไงมู่เฉินก็เพิ่งบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นมาได้เอง

แต่ความไม่พอใจนี้ก็หายวับไปกับตา เมื่อมู่เฉินซัดจอมยุทธ์จากสำนักเมฆาม่วงปลิวเหมือนกระสอบทราย

ในตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าทำไมมั่นถัวหลัวถึงต้องการให้มู่เฉินเป็นประมุขตำหนักมู่ นั่นเป็นเพราะศักยภาพของเขาน่ากลัวเหลือเกิน

เขาเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มด้วยวัยเพียงเท่านี้ มิหนำซ้ำยังมีความสามารถในการต่อสู้ที่เหนือกว่าระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มของแท้ ยากที่จะจินตนาการได้ว่าเขาจะน่ากลัวเพียงใดเมื่อไปถึงระดับเทียนจื้อจุน

การมีคนในฐานะอย่างเขาเป็นผู้ปกครองตำหนักมู่ ในบางแง่มุมพวกเขาก็มีที่ยึดเหนี่ยวแล้ว

ท้ายที่สุดด้วยขุมพลังของพวกเขา ต่อให้อยากไปเข้าร่วมขั้วอำนาจที่มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน อีกฝ่ายก็อาจไม่ต้องการรับไว้ เนื่องจากจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นถือได้ว่าอยู่กลางๆ ในขั้วอำนาจเหล่านั้นเท่านั้น

ด้วยศักยภาพของมู่เฉิน ภูมิภาคทางเหนือไม่อาจรั้งเขาไว้ได้แน่นอน อนาคตอาจได้ปกครองทั้งจักรวรรดิเหนือ หรือกระทั่งทั้งทวีปเทียนหลัว สร้างตำหนักมู่ให้กลายเป็นขั้วอำนาจสูงสุดของมหาพันภพ

เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาคงต้องรู้สึกดีใจจริงๆ ที่พวกเขาโชคดีได้เป็นส่วนหนึ่งของชนชั้นสูงตั้งแต่ตอนที่ตำหนักมู่ก่อตั้งขึ้น

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะมองมั่นถัวหลัวด้วยสายตานับถือ เพราะพวกเขาประทับใจในการมองการณ์ไกลของนาง

สัมผัสถึงการจ้องมองมา มั่นถัวหลัวก็อดเบ้ปากไม่ได้ นางรู้ดีถึงศักยภาพของมู่เฉิน แต่นางก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มในเวลาเพียงหนึ่งปี

นางมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาซับซ้อน จากที่รู้สึกความสามารถในการต่อสู้ของมู่เฉินน่าจะก้าวเกินนางไปแล้ว

นี่ทำให้นางมีความรู้สึกที่ประหลาดไป เพราะในอดีตนางเป็นโล่คุ้มครองมู่เฉินมาโดยตลอด แต่ ณ สถานการณ์ตอนนี้ทุกอย่างพลิกผันสิ้นเชิง

สิ่งนี้ทำให้จิตใจนางรู้สึกซับซ้อน

ทว่ามู่เฉินไม่รู้ว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไร สายตาเขาจับจ้องไปที่ตาเฒ่าทั้งสามที่ตัวสั่นเทา

“ประมุขมู่ พวกข้าเป็นทูตเท่านั้น ไม่ว่ายังไงตามกฎสงครามก็ไม่สมควรจะสังหารทูต!”

จื่อเทียนเปยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือใบหน้าซีดเซียวไปหมดภายใต้สายตาไม่แยแสของมู่เฉิน คลื่นหลิงของเขาถูกปิดผนึก ตอนนี้เขาก็ไม่ต่างจากชายชราธรรมดาที่สามารถฆ่าได้อย่างง่ายดายภายใต้ความโกรธของมู่เฉิน

“เมื่อครู่เจ้าไม่ได้เป็นแบบนี้นะ” มู่เฉินยิ้มให้จื่อเทียนเปยที่แสดงท่าทีหยิ่งผยองก่อนหน้าเมื่อคิดว่าไม่มีใครหยุดเขาได้

จื่อเทียนเปยยิ้มอย่างขมขื่นในใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนที่น่ากลัวเช่นนี้ในตำหนักมู่ จากการแลกกระบวนท่าก่อนหน้าที่กินเวลาเพียงจิบน้ำ พวกเขาทั้งสามคนก็สิ้นสภาพ พลังในการต่อสู้ของมู่เฉินน่ากลัวมาก

ถ้าเขารู้เรื่องนี้มาก่อนก็ไม่กล้าแสดงท่าทีหยิ่งผยองแม้ว่าเขาจะมีความกล้าเทียมฟ้าก็ตาม

“ตาแก่คนนี้ตาบอด ไม่คิดถึงอำนาจของท่านประมุขมู่ นี่เป็นบทเรียนที่ข้าสมควรได้รับ” จื่อเทียนเปยยิ้มแห้ง ท่าทางของเขาในตอนนี้แตกต่างจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง

“ช่างรู้กาลเทศะซะจริง” เมื่อเห็นคนไร้ยางอายคนนี้ มู่เฉินก็ส่ายหัวและยิ้ม

จอมยุทธ์คนอื่นๆ ของตำหนกักมู่ก็รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นภาพนี้

“กลับไปบอกเรื่องนี้กับสำนักเมฆาม่วงซะ แม้ว่าตำหนักมู่จะไม่สร้างปัญหา แต่พวกข้าก็ไม่กลัวหน้าไหนเช่นกัน ถ้าพวกเจ้าคิดว่าตำหนักมู่เป็นพวกเต่าหดหัว งั้นเราก็ต้องขอลองดีสักหน่อย” มู่เฉินยิ้มบาง

จื่อเทียนเปยทำได้เพียงพยักหน้ารัวๆ ไม่กล้าพูดอะไรหักล้าง

“ไปซะ”

มู่เฉินไม่คิดพูดมากความ เขาไม่คิดที่จะให้ทั้งสามคนอยู่ต่อ เนื่องจากทั้งสามมีผนึกประทับไว้ซึ่งจะทำให้พวกเขาอ่อนแอลงจนถึงปีหน้าเลยทีเดียว

“ขอรับๆ พวกข้าขอลาไปก่อนนะ”

จื่อเทียนเปยรู้สึกโล่งใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น รีบออกไปพร้อมกับพรรคพวก สำหรับผนึกในร่างพวกเขาไม่ได้ใส่ใจมากนัก เนื่องจากประมุขของพวกเขาน่าจะสามารถแก้ไขได้

มู่เฉินมองเงาที่จากไปมุมปากก็ยกขึ้น ทั้งสามคนคิดว่าผนึกของเขาจะลบล้างง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? ตราบใดที่ประมุขสำนักเมฆาม่วงไม่ใช่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็ไม่สามารถแก้ไขได้

หลังจากข่มขู่ทูตสำนักเมฆาสีม่วงจากไป มู่เฉินก็หันกลับมาถามว่า “จิ่วโยวล่ะ?”

เขาไม่สามารถรับรู้ถึงรัศมีของจิ่วโยวในตำหนักมู่ได้เลย

“ไม่นานหลังจากที่เจ้าไปดินแดนซีเทียนเล็ก นางก็มุ่งหน้ากลับไปที่เผ่าวิหคโลกันตร์ ดูเหมือนนางจะถูกกระตุ้นด้วยความเร็วในการฝึกฝนของเจ้า ตั้งใจที่จะเริ่มเส้นทางวิวัฒนาการ ดูว่าจะสามารถพัฒนาไปสู่วิหคอมตะได้หรือไม่” มั่นถัวหลัวอธิบาย

มู่เฉินพยักหน้า จิ่วโยวมีสายเลือดเข้มข้นของวิหคอมตะ ดังนั้นจึงมีโอกาสสำหรับการวิวัฒนาการ หากนางสามารถพัฒนาได้จริง สายเลือดของนางจะได้รับการเปลี่ยนแปลงมากมายและพัฒนาสู่การเป็นวิหคอมตะโบราณที่เทียบเท่ากับระดับเทียนจื้อจุนเลยทีเดียว

เส้นทางการฝึกฝนของเทพอสูรไม่ธรรมดาตั้งแต่เริ่มต้น บางคนไม่สามารถวิวัฒนาการได้แม้จะผ่านไปหลายร้อยหลายพันปี แต่ถ้าสามารถพัฒนาได้ก็ก้าวผ่านประตูสวรรค์ในก้าวเดียว

“ลำบากเจ้าที่ทำงานหนักเพื่อตำหนักมู่” มู่เฉินหันไปมองรอบๆ เหล่าผู้เชี่ยวชาญในโถงก็ถอนหายใจ ในปีที่ผ่านมามั่นถัวหลัวต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการขยายอาณาเขตของตำหนักมู่

แต่มั่นถัวหลัวก็กลอกตากับคำพูดของเขา เนื่องจากน้องชายคนนี้ทิ้งภาระงานให้อย่างตรงไปตรงมา

“ฮ่าๆ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ข้ามีของขวัญมอบให้เจ้าด้วยนะ” เมื่อมู่เฉินเห็นการตอบสนองของนาง เขาก็ชิงพูดก่อน ลำแสงสีดำพุ่งไปหามั่นถัวหลัวเมื่อเขาโบกมือ

มั่นถัวหลัวพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ลำแสงสีดำก็หยุดลงต่อหน้า ปรากฏเป็นภาพแส้สีดำประดับหนามแหลม

“นี่คือ?” มั่นถัวหลัวอึ้งไปชั่วครู่ขณะที่มองแส้สีดำก่อนจะอุทาน “อาวุธมหสวรรค์ขั้นเกือบจะยอดเยี่ยมที่สร้างมาจากกิ่งก้านของดอกแมนดาลาโบราณเรอะ?!”

นางมีร่างเป็นดอกแมนดาลาโบราณ ดังนั้นนางจึงรู้สึกได้ว่าเจ้าของแส้ดอกไม้คนก่อนหน้าเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนอย่างแน่นอน

นี่เป็นอาวุธที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับนาง

“พีระมิดแสงดาวปราบปีศาจไม่ช่วยส่งเสริมอะไรมากแล้ว ดังนั้นถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนเป็นอาวุธใหม่” มู่เฉินยิ้ม ด้วยแส้นี้พลังของมั่นถัวหลัวน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย

“หืม ดูเหมือนว่าผลเก็บเกี่ยวในการเดินทางครั้งนี้ดีเลยเชียว” มั่นถัวหลัวอุทานชื่นชม อาวุธมหสวรรค์ขั้นเกือบจะยอดเยี่ยมเป็นสมบัติแท้จริง ซึ่งจอมยุทธ์ระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มทุกคนใฝ่ฝันต้องการ

คนอื่นๆ น้ำลายไหลกับภาพน่าตกใจนี้

หากนำอาวุธมหสวรรค์ขั้นเกือบจะยอดเยี่ยมไปประมูล ราคาอาวุธชิ้นนี้จะต้องตกอยู่ที่ของเหลวจื้อจุนอย่างน้อยหลายร้อยล้านหยด

“อย่างน้อยก็มีสำนึกดี ข้ารับไว้แล้วกัน” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของมั่นถัวหลัว ชัดว่านางพอใจกับของขวัญชิ้นนี้มาก

มู่เฉินยิ้มก่อนที่จะหันไปมองเทียนจิ้ว หลิงถงและซุ่ยนอน ทั้งสามคนยังติดอยู่ที่ระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุด อีกเพียงครึ่งก้าวก็จะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นแล้ว

หลังจากไตร่ตรองชั่วครู่ เขาก็สะบัดนิ้วลำแสงสามสายพุ่งเข้าหาทั้งสาม นี่เป็นเม็ดยาสามเม็ด

“สิ่งนี้คือเม็ดยาพั่วจุน สามารถช่วยทำลายขอบเขตระหว่างระดับจื้อจุนขั้นเก้ากับระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น พวกเจ้าทั้งสามคนมีพลังเพียงพอแล้ว รอแค่โอกาสที่จะสร้างความก้าวหน้า” มู่เฉินยิ้มให้ทั้งสามคน

พวกเขาทั้งสามเป็นสมาชิกที่อยู่มานานที่สุดอย่างแท้จริง ติดตามมั่นถัวหลัวมาตั้งแต่เริ่มต้นตั้งอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ดังนั้นในเรื่องความภักดีไม่มีข้อสงสัยใดเลย ในเมื่อตอนนี้มีพลังเพียงพอ มู่เฉินจึงคิดจะช่วยเหลือพวกเขาสักหน่อย

ใบหน้าของเทียนจิ้วเต็มไปด้วยความสุข เมื่อรู้สึกถึงคลื่นหลิงบริสุทธิ์ในเม็ดยา แม้ว่าพวกเขาจะขาดโอกาส แต่บางครั้งโอกาสกลับไม่มาสักที ด้วยเม็ดยาพั่วจุนนี้ พวกเขาจะสามารถสร้างความก้าวหน้าได้ทันที

“ขอบคุณท่านประมุข!”

พวกเขาทั้งสามกำหมัดด้วยความรู้สึกซาบซึ้งขณะที่ถอนหายใจ ย้อนกลับไปเมื่อมู่เฉินมาถึงอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เขาเป็นเพียงแม่ทัพตัวน้อยที่อ่อนแอและมีสถานะแตกต่างจากพวกเขาอย่างมาก แต่ใครจะคาดคิดว่าไม่กี่ปีต่อมาเขาจะไปถึงจุดสูงสุดนี้

จอมยุทธ์ในห้องโถงมองด้วยความอิจฉา เนื่องจากเป็นเรื่องยากที่จะพบกับเม็ดยาที่สามารถช่วยให้ผู้ฝึกทะลวงขุมพลังได้ แม้แต่ในงานประมูลยังหาได้ยาก ไม่คิดว่าประมุขมู่จะนำออกมาแจกจ่ายได้อย่างง่ายดาย

หลังจากให้รางวัลทั้งสามคนแล้ว มู่เฉินก็หันไปมองพวกหลิ่วเทียนเต้า ตอนนั้นเมื่อเขาประจันหน้ากับจื่อเทียนเปย เขาก็เห็นพวกเขาพยายามเข้ามาช่วยเหลือ

แม้ว่าในอดีตจะมีความขุ่นเคืองกันบ้าง แต่พวกเขาก็สามารถไว้เนื้อเชื่อใจตั้งแต่ยอมเข้าร่วมตำหนักมู่ แม้จะแอบวางแผนเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม

ดังนั้นเขาจึงโบกมือ เม็ดยาห้าเม็ดบินเข้าไปหาทั้งห้าคน

เม็ดยาเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เขาได้รับจากสุสานภูตผีเสื้อโอสถซึ่งมีค่าเหลือล้น

“พวกเจ้าทั้งห้ามีคุณูปการมากในการช่วยมั่นถัวหลัวขยายอำนาจตำหนักมู่ สมควรได้รับรางวัล” มู่เฉินยิ้มบาง “นี่คือเม็ดยาตู้เอ้อที่จะสามารถช่วยเพิ่มโอกาสให้ในการบุกทะลวงระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นไปสู่ขั้นปลาย แต่การประสบความสำเร็จได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนแล้ว”

ร่างกายของหลิ่วเทียนเต้าสั่นสะท้านเมื่อได้ยิน ก่อนที่ความสุขจะกระจายบนใบหน้า พวกเขาติดอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นมาเป็นเวลาหลายปี ดังนั้นสามารถบอกได้ว่าเม็ดยาตู้เอ้อมีค่าแค่ไหนสำหรับพวกเขา

นอกจากนี้เม็ดเหล่านั้นมีค่ามากกว่าที่มู่เฉินมอบให้เทียนจิ้ว หลิงถงและซุ่ยนอน หากสิ่งนี้ถูกนำไปประมูลราคาก็จะทะลุเพดานแน่นอน

“ขอขอบคุณท่านประมุข!”

ทั้งห้ากุมเม็ดยาอย่างระมัดระวังก่อนจะประสานมือ การกระทำของมู่เฉินบ่งบอกถึงทัศนคติที่มี เขาลืมเลือนสิ่งที่พวกเขาทำในอดีตได้ ตราบเท่าที่พวกเขายังคงภักดีต่อไปในอนาคต

มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ

เมื่อผู้จอมยุทธ์คนอื่นๆ ในห้องโถงเห็นคนเก่าแก่ได้รับรางวัลกันถ้วนหน้า สายตาของพวกเขาลุกโชนด้วยความอิจฉา แต่พวกเขารู้ว่าผู้ที่ได้รับรางวัลก็คือผู้บุกเบิกที่ได้สร้างผลงานสำคัญเอาไว้

“ตำหนักมู่ให้รางวัลอย่างยุติธรรม ตราบใดที่พวกเจ้ามีส่วนร่วมก็จะได้รับรางวัล” มู่เฉินกวาดมองทุกคนพลางพูดย้ำช้าๆ

“รับทราบ!”

ทุกคนตอบสนองด้วยเสียงที่กระทั่งท้องฟ้ายังสั่นสะท้าน

มั่นถัวหลัวยิ้มบางกับภาพนี้ วิธีการของมู่เฉินฉลาดมาก เขาลบความไม่คุ้นเคยในช่วงปีที่ผ่านมาและสร้างสถานะให้กับตัวเองในตำหนักมู่ทันที

ในอนาคตไม่รู้จะมีจอมยุทธ์กี่คนยอมทำงานถวายหัวจากคำพูดของเขา

มู่เฉินพยักหน้าหันไปมองมั่นถัวหลัว “ตอนนี้…ถึงเวลาคุยกันว่าสำนักเมฆาม่วงคิดจะทำอะไรกันแล้ว…”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset