หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1358 กลยุทธ์ปานสายฟ้า

ปัง!

ขณะที่บรรยากาศในที่ราบปั่นป่วน คลื่นหลิงรุนแรงก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ร่างสิบกว่าร่างก็ถูกพัดกระเด็นพร้อมกับกระอักเลือดออกมา ร่างร่วงหล่นลงสู่พื้น

“นั่นเป็นกลุ่มที่แปดแล้ว”

มู่เฉินมองไปที่คนน่าสมเพชอย่างไม่แยแส นับตั้งแต่พวกเขาก้าวเข้าสู่ที่ราบนี่เป็นกลุ่มที่แปดที่ขัดขวางพวกเขา

อันที่จริงแต่ละกลุ่มไม่ได้อ่อนแอ ทุกกลุ่มมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม แต่ไม่ว่าจะจู่โจมอย่างไร พวกเขาก็ไม่สามารถฝ่าการป้องกันของหลงเซี่ยง มั่นถัวหลัว หลิงซีและเจียงหลงได้

สำหรับจอมยุทธ์คนอื่นๆ ของตำหนักมู่ นอกจากกลุ่มหลิ่วเทียนเต้าที่มีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย คนอื่นๆ ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร อยู่ที่นี่เพื่อให้ครบจำนวนเท่านั้น

ส่วนตัวมู่เฉินก็ยังไม่ได้ออกกระบวนท่าใดแม้แต่ครั้งเดียว

เห็นได้ชัดว่าการกีดขวางเหล่านั้นไม่เพียงพอสำหรับประมุขมู่ที่จะออกโรงด้วยตัวเอง

“ไอ้พวกแมลงวันนี่!” มั่นถัวหลัวกล่าวเสียงเย็นชา นางเริ่มรำคาญคนพวกนี้แล้ว

“พวกมันมาเป็นระลอกพยายามทำให้เราหมดแรง ทันทีที่รัศมีของเราอ่อนลงคนที่จับตามองเหล่านั้นก็อาจพุ่งใส่เรา” หลิงซีกล่าวเบาๆ

“งั้นก็ให้เข้ามาได้เลย แล้วมาดูกันว่าใครจะหัวเราะเป็นคนสุดท้าย” หลงเซี่ยงยิ้มน่าขนลุก คลื่นหลิงแปรปรวนรอบๆ ตัวเขา ซึ่งบางครั้งก่อตัวเป็นภาพมังกรพลายปล่อยพลังอันน่ากลัวสั่นสะเทือนมิติออกมา

เจียงหลงกอดอก ศัตรูเหล่านี้ไม่เข้าตาเขาสักคน เนื่องจากศัตรูที่เขาต่อสู้ในอดีตล้วนเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน แม้ว่าจะเป็นเพราะกองทัพมังกรดำ แต่ยังไงก็ทำให้มุมมองกว้างขึ้น

“ตอนนี้เราถือได้ว่าอยู่ในส่วนลึกที่ราบเป่ยยู่แล้ว คนเหล่านี้ก็เริ่มหวาดกลัว” มู่เฉินยิ้มอ่อน เขารู้สึกได้ว่าการกีดขวางเริ่มลดลง เห็นได้ชัดว่าหลังจากความล้มเหลวมาแปดกลุ่ม จอมยุทธ์เหล่านี้ก็เริ่มสูญเสียขวัญกำลังใจ

“ตรงไปที่ใจกลางกันเถอะ” มู่เฉินยิ้มเอามือไพล่หลังมองอย่างสบายใจ ราวกับไม่เห็นสายตาที่จ้องมองมาเลย

ทว่าด้วยท่าทางไม่แยแสของมู่เฉิน ทำให้จอมยุทธ์ที่นี่รู้สึกหวาดกลัว พวกเขาไม่กล้าหาญชาญชัยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

จากการปะทะกันหลายครั้ง พวกเขาสามารถบอกได้ว่าแม้ความแข็งแกร่งโดยรวมของตำหนักมู่จะไม่ได้โดดเด่น แต่จอมยุทธ์ชั้นแนวหน้าของพวกเขากลับทรงพลังอย่างมาก

จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มมีเพียงสี่คน แต่ไม่มีใครที่ปะทะได้ง่ายเลย แม้แต่ในระดับเดียวกันพวกเขาก็นับเป็นชนชั้นสูง

ตามการคาดการณ์อาจต้องใช้จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มอย่างน้อยแปดคนเพื่อหยุดยั้งทัพหน้าทั้งสี่เหล่านี้

นอกจากนี้… ยังไม่รวมถึงประมุขตำหนักมู่ที่ลึกล้ำยากหยั่งถึงได้

แม้ว่ามู่เฉินจะมีขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม แต่ก็ไม่มีใครโง่ พวกเขาได้รับข่าวว่าประมุขอายุน้อยและลึกลับคนนี้ ทำให้ผู้อาวุโสสามคนของสำนักเมฆาสีม่วงถูกลดขั้นเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นไปเลยทีเดียว

วิธีดังกล่าวพูดได้ว่าผิดแผกนัก

“ตำหนักมู่ใช้ได้นะเนี่ย”

“พวกเขามีความสามารถจริง มิน่าล่ะถึงกล้ามาชิงตำแหน่งเจ้าเหนือหัว แต่ด่านที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาไม่ใช่คนเหล่านี้ แต่เป็นประมุขทั้งสามที่อยู่ในใจกลางที่ราบเป่ยยู่”

“ใช่ ทั้งสามเป็นจอมยุทธ์ที่ได้สัมผัสกับระดับเทียนจื้อจุนแล้ว พลังของพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มธรรมดาจะเทียบได้ บางทีในสายตาของพวกเขาการต่อสู้ที่นี่เป็นเพียงการละเล่นเท่านั้น”

“น่าเสียดายที่สุดท้ายตำหนักมู่ก็ต้องล้มเหลว”

“…”

จอมยุทธ์หลายคนพูดคุยกัน ขณะที่พวกเขามองฝ่ายที่บุกรุกเข้ามา แม้ว่าตำหนักมู่จะสามารถล้มคนแปดกลุ่มลงได้ แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะประสบผลสำเร็จ

นั่นเป็นเพราะรากฐานของประมุขทั้งสามแห่งจักรวรรดิเหนือแข็งแกร่งเกินไป

ฟิ้ว!

สมาชิกตำหนักมู่เดินทางผ่านไปแม้ว่าจะไม่เร็วมาก แต่สิ่งที่กีดขวางเส้นทางของพวกเขาก็ต้องถอยกลับไปเหมือนกระแสน้ำลง

พวกเขาตระหนักได้ถึงช่องว่างระหว่างกันหลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งของตำหนักมู่ ดังนั้นถ้าพวกเขาเสนอหน้าออกไปก็คงจบเห่เหมือนพวกที่โชคร้ายก่อนหน้าแน่

ดังนั้นสมาชิกตำหนักมู่จึงเข้าไปถึงใจกลางได้อย่างง่ายดายโดยไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ

เมื่อเข้ามาถึงที่นี่ มู่เฉินก็สัมผัสได้ว่าแม้ว่าคนจะลดลง แต่คุณภาพกลับเพิ่มขึ้น

เห็นได้ชัดว่าใครก็ตามที่มาอยู่ที่นี่ได้ค่อนข้างมีชื่อเสียงในจักรวรรดิเหนือ ดังนั้นพวกเขาจึงมีพลังที่แข็งแกร่งขึ้นตามธรรมชาติ

ทว่าท่าทางของมู่เฉินก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเพียงเพราะอีกฝ่ายแข็งแกร่งขึ้น เขาพาทุกคนตัดผ่านเข้าไปราวกับใบมีดคมกรีดตัด

แต่น่าแปลกที่ไม่มีใครเคลื่อนไหวขัดขวางปล่อยให้พวกเขาผ่านไป

เมื่อมั่นถัวหลัวเห็นภาพนี้ นางก็ไม่มีความสุข คิ้วขมวดแน่นเพราะนางรู้สึกได้ว่าคนเหล่านั้นกำลังมองมาที่พวกนางด้วยสายตาเยาะเย้ย

ราวกับว่ามีละครดีๆ รอพวกเขาอยู่

มั่นถัวหลัวหันไปมองมู่เฉิน ทว่าเขาก็ยังไม่มีอาการใดๆ เอามือไพล่หลังเดินไปข้างหน้าต่อ

ดังนั้นนางจึงไม่พูดมากความรีบเดินตามเขาไป

หลังจากเดินไปพักหนึ่ง จอมยุทธ์โดยรอบก็เริ่มล่าถอยเผยให้เห็นพื้นดินโล่งเตียน ที่มีคนเก้าคนมองมาที่พวกเขาอย่างเย็นชา

ทั้งเก้าปล่อยความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลังซึ่งทำให้มิติสั่นสะเทือน

ทั้งเก้าคนนั้นเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มชั้นยอดกระทั่งในหมู่จอมยุทธ์ชั้นสูง! ช่างน่ากลัวอย่างแท้จริงกับรูปแบบการรวมตัวกันที่นี่

เมื่อมั่นถัวหลัว หลิงซี หลงเซี่ยงและเจียงหลงเห็นทั้งเก้าคน ท่าทางของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเป็นจริงจัง เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่พวยพุ่งใส่

“พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญของสำนักเมฆาม่วง ภูเขาเหลยยิงและคฤหาสน์อินทรีทอง ดูเหมือนว่าในที่สุดพวกเขาก็อดกลั้นไม่ได้ที่จะผนึกกำลังเพื่อหยุดพวกเราที่นี่แล้ว” มั่นถัวหลัวกล่าวเสียงเคร่งขรึม

ผู้ที่ขัดขวางพวกเขาก่อนหน้าคือสมาชิกจากขุมกำลังภายใต้ขั้วอำนาจทั้งสาม ทว่าตอนนี้กลับเป็นผู้เชี่ยวชาญในสำนักเหล่านั้นที่ปรากฏตัว

มู่เฉินกวาดสายตามองไปก็พบว่าเป็นตามที่มั่นถัวหลัวพูดจริงๆ ในบรรดาทั้งเก้า มีผ้าพันสีม่วง-สีเทา-สีทองอย่างละสามคน

“คนเหล่านี้แข็งแกร่งที่สุดในสามสำนักนอกเหนือจากผู้นำของพวกเขา” มั่นถัวหลัวอธิบายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ แต่การแสดงออกก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง

“ตำหนักมู่กระจ้อยร่อยคิดจะปกครองจักรวรรดิเหนือรึ? รนหาที่ตาย!” เมื่อพวกเขาก้าวเข้ามา จอมยุทธ์ทั้งเก้าก็สาดสายตาตะโกนออกมาอย่างเย็นชา

“ไสหัวออกจากที่ราบเป่ยยู่และส่งมอบวังสวรรค์บรรพกาลมาซะ มิฉะนั้นพรุ่งนี้ตำหนักมู่จะถูกล้างบางแน่!”

เสียงของพวกเขาดังสะท้อนระหว่างฟ้าดินดึงดูดความสนใจจากขั้วอำนาจอื่นๆ เมื่อพวกเขาเห็นทั้งเก้าคนขวางทางไว้ก็ได้แต่แอบเดาะลิ้น พวกเขาบอกได้เลยว่าทั้งเก้าคนนั้นอยู่รองลงจากผู้นำทั้งสามเท่านั้น

ดูเหมือนว่าก้าวเดินของตำหนักมู่จะหยุดอยู่ที่นี่แล้ว

“อวดดี!”

หลงเซี่ยงยิ้มเย็นชา ขณะที่มองไปที่ทั้งเก้าด้วยสายตาอำมหิต เสียงคำรามของมังกรพลายดังก้องอยู่รอบตัวเขา ไอสังหารเข่นฆ่าหนาแน่นกะพริบอยู่ในดวงตา

ขณะที่หลิงซีเคลื่อนไหวสัญลักษณ์หลิงยิ่งนับไม่ถ้วนก็แล่นแปลบปลาบ ส่วนมั่นถัวหลัวคว้าแส้สีดำที่เต็มไปด้วยหนามแหลมออกมา เจียงหลงเร้าคลื่นหลิงทรงพลังเต็มกำลัง

ชัดว่าแต่ละคนเข้าสู่สภาพพร้อมรบ

แต่เมื่อพวกเขากำลังจะโผทะยานออกไป มู่เฉินก็โบกมือเบาๆ “ครั้งนี้ให้ข้าจัดการเถอะ”

จอมยุทธ์ทั้งเก้าไม่ได้อ่อนแอ พวกเขาอยู่ในระดับเดียวกับมั่นถัวหลัวและคนอื่นๆ บวกกับความได้เปรียบเรื่องจำนวนแล้ว แม้แต่พวกมั่นถัวหลัวก็ยังไม่ได้เปรียบมากนัก

นอกจากนี้การขัดขวางมากมายระหว่างทาง ก็ค่อยๆ ปลุกจิตสังหารในใจของมู่เฉิน ดูเหมือนว่าขั้วอำนาจทั้งสามตั้งใจที่จะลบตำหนักมู่ออกจากโลกเลยทีเดียว

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องไว้หน้าใคร

ท่าทางของมู่เฉินสงบนิ่งก่อนที่จะก้าวออกไปโดยไม่มีความผันผวนใดๆ เขาย่างเท้าเข้าไปหาทั้งเก้าคน

“ยโสนัก!”

เมื่อจอมยุทธ์ทั้งเก้าเห็นว่ามู่เฉินกล้าเข้ามาหาพวกเขาตามลำพัง ดวงตาของพวกเขาก็สาดประกายเย็นชาขณะที่เอ่ยเยาะเย้ย “ถ้าแกไม่ย้ายก้นออกไปในสามอึดใจ ที่ราบเป่ยยู่จะเป็นหลุมศพของแก!”

ทว่ามู่เฉินไม่คิดจะตอบสนองต่อสิ่งนี้ ฝ่าเท้ายังคงก้าวเดินต่อไป

“รนหาที่ตาย!”

เมื่อเห็นว่าคำพูดของพวกตนถูกเพิกเฉย ความโกรธก็เพิ่มขึ้นในหัวใจของจอมยุทธ์ทั้งเก้า

“ในเมื่อแกเรียกร้องความตาย พวกข้าก็จะทำตามความปรารถนาให้เอง!”

จอมยุทธ์สองคนไม่สามารถข่มใจไว้ได้ พวกเขาแผดเสียงคำรามแฝงการกลั้วหัวเราะ ฝ่าเท้ากระทืบลงส่งแรงไป ร่างพุ่งเข้าหามู่เฉินพร้อมกับคลื่นหลิงทรงพลัง

ตู้ม!

หมัดทรงพลังสองหมัดพุ่งออกมาจากซัดลงบนร่างกายของมู่เฉิน

พื้นดินสั่นสะเทือน มิติแปรปรวน ทว่ามู่เฉินก็ยังคงนิ่งไม่ไหวติงพร้อมกับแสงหลิงแล่นพล่านบนร่างกาย การโจมตีที่ดุร้ายจากจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มสองคนไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเขาเลย

ใบหน้าของจอมยุทธ์ทั้งสองเปลี่ยนไปกะทันหัน

จังหวะเดียวกันร่างเงาของมู่เฉินก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกเขาพร้อมกับเกลียวแสงระเบิดออกมาจากเจดีย์พุทธะในนัยน์ตา

เขายื่นมือออกตบลงไปเบาๆ ด้วยสีหน้านิ่งเฉย

ฝ่ามือแหวกผ่านมิติซัดบนศีรษะของจอมยุทธ์คนหนึ่ง ส่วนอีกมือกระแทกไปที่หน้าอกของอีกคน

มวลลมจากฝ่ามือราวกับสายลมพัดผ่านเบาๆ นุ่มนวลยิ่งนัก

ร่างเงาของมู่เฉินเคลื่อนผ่านจอมยุทธ์ทั้งสองไปอย่างง่ายดาย ขณะที่เขาปัดมือเบาๆ

ปัง ปัง!

ที่เบื้องหลัง คนหนึ่งหัวระเบิดกระจุยเลือดสดสาดกระเซ็น อีกคนหนึ่งตรงหน้าอกยุบลง เลือดและเนื้อพุ่งออกไปจากด้านหลัง

เงียบ

ความวุ่นวายของที่นี่เงียบกริบลง ผู้คนนับไม่ถ้วนเบิกตากว้าง ความกลัวสุดขีดฉายบนใบหน้า

ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มสองคนไม่สามารถทนรับแม้แต่กระบวนท่าเดียวของมู่เฉินก็ถูกสังหารเรียบร้อย

ยิ่งไปกว่านั้นความเด็ดขาดและความโหดเหี้ยมของมู่เฉิน ก็ทำให้จิตใจของพวกเขาสั่นสะท้านไปหมด

สายตานับไม่ถ้วนเลื่อนมองไปที่มู่เฉินที่ยังสงบนิ่งด้วยความกลัว เขายังคงนิ่งเฉยราวกับว่าเมื่อครู่เพียงแค่ตบแมลงวันไปสองตัว

ในที่สุดพวกเขาก็ตระหนักได้ว่าร่างเงาอ่อนเยาว์คนนี้ลึกล้ำและไม่อาจหยั่งรู้ได้ขนาดไหน

ความแข็งแกร่งของเขาเกินขอบเขตระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มไปแล้ว

ภายใต้สายตาหวาดผวานับไม่ถ้วน มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่จอมยุทธ์ทั้งเจ็ดที่ตกตะลึงพร้อมกับเสียงสะท้อนด้วยไอเย็นเยือก

“พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันเลย”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset