“อีกรอบเดียว”
เมื่อเสียงเรียบเฉยของมู่เฉินดังก้อง ก็ทำให้เกิดประกายแสงในดวงตาของหลายคน ตอนนี้สายตาที่มองมาไม่มีความเยาะเย้ยที่เคยมีมาก่อนแล้ว มันถูกแทนที่ด้วยเคร่งเครียดและหวาดหวั่น
การเอาชนะอย่างเด็ดขาดกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงสามคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาด้วยขั้นหลิงระยะต้นเพียงพอที่ทุกคนจะตกตะลึง
“มู่เฉินเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง เขาอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้นแท้ๆ แต่กลับทรงพลังแบบนี้ ไม่แน่ชายคนนี้อาจมีความสามารถในการท้าทายที่อยู่อีกขั้นอย่างแท้จริง”
“น่าเกรงขามจริง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงหยิ่งผยอง ดูเหมือนว่าเขาเตรียมพร้อมที่จะท้าทายตระกูลเฉวียนทั้งหมดด้วยตัวเอง”
“เขาชนะไปสามยกแล้ว ถ้าเขาชนะอีกครั้งเดียวตระกูลเฉวียนต้องคายตำแหน่งในสภาผู้อาโสที่เพิ่งฮุบไปคืนมา”
“เฮ้ พวกเจ้าประเมินเขาสูงเกินไปเปล่า เขาเผยไพ่ตายทั้งหมดในระหว่างการต่อสู้สามยกแล้วมั้ง ดังนั้นไม่ง่ายสำหรับเขาที่จะต่อสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนหรอก”
“ก่อนหน้าเจ้าก็พูดแบบนี้เหมือนกัน…”
“…”
เสียงกระซิบดังก้อง ผู้อาวุโสตระกูลเฉวียนหลายคนมีสีหน้าเขียวคล้ำพลางจ้องมู่เฉินราวกับว่าต้องการจะขบหัวแล้วเคี้ยวให้แหลก
ไม่มีใครคิดว่าตระกูลเฉวียนจะถูกบีบให้อยู่ในสภาพที่น่าสมเพชโดยจอมยุทธ์รุ่นใหม่
เฉวียนหลัวและคนอื่นๆ มีสีหน้าดำคล้ำ ตอนแรกพวกเขาเชื่อว่ามู่เฉินจะต้องแพ้แน่นอน แต่สุดท้ายพวกเขาก็ถูกตบหน้าจนปวดแสบปวดร้อนไปหมด
ท่าทางของเฉวียนกวางดูน่ากลัวอย่างยิ่ง ทว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ช้าก็ระงับความโกรธในใจลงได้ เขามองไปที่มู่เฉินอย่างไม่แยแสพูดช้าๆ “ไม่คิดว่าครั้งนี้จะตัดสินใจผิดพลาด ลูกชายของชิงเหยี่ยนจิ้งไม่ธรรมดาจริงๆ”
“ชมเกินไปแล้ว” มู่เฉินตอบอย่างใจเย็น
เฉวียนกวางหลุบตาลงตอบเสียงเบา “เจ้าได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเองแล้วว่ามาได้ไกลขนาดนี้ แต่การประลองยกที่สี่จะไม่ง่ายอย่างที่คิด ข้าหวังว่าเจ้าจะไตร่ตรองให้ดี”
มู่เฉินยิ้ม “ขอบคุณสำหรับความห่วงใย แต่ข้าคิดว่ายังไปไหวนะ”
เวลานี้เขาฉีกหน้าตระกูลเฉวียนไปแล้ว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพอแค่นี้
เฉวียนกวางมองมู่เฉินเขม็งพร้อมกับริ้วความเย็นชาในส่วนลึกของดวงตาก่อนที่จะส่ายหัว “ดื้อจริง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นตระกูลเฉวียนของข้าก็รอการท้าทายต่อไป”
“ตอนนี้มีพวกข้าสี่คน เจ้าสามารถเลือกใครก็ได้ที่ต้องการ แน่นอนว่ามาหาข้าก็ได้ถ้าเจ้ากล้าพอ เพราะยังไงข้าก็มีส่วนในการขังมารดาเจ้าเอาไว้”
ขณะที่พูด เสียงเค้นเย็นที่ริมฝีปากก็แฝงแววเยาะเย้ย
ม่านตามู่เฉินหดลง สายตาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขณะที่มองไปที่เฉวียนกวางจากนั้นก็พยักหน้า “ท่านแม่และข้าจะจำสิ่งที่เจ้าทำ แต่ตอนนี้ข้าต้องการตำแหน่งของตระกูลเฉวียนเท่านั้น หากในอนาคตมีโอกาสข้าจะมาขอคำชี้แนะแน่นอน”
เฉวียนกวางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว คำพูดของเขาตั้งใจที่จะยั่วยุให้มู่เฉินหัวร้อนซะหน่อย ถ้ามู่เฉินท้าทายเขาจริงๆ เขาก็จะให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าต่อหน้าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลาย ไม่ว่าเขาจะมีไพ่ตายเช่นไรก็ไม่มีประโยชน์
แต่เขาประเมินสภาพจิตใจของมู่เฉินต่ำไปอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเขาจะกระตุ้นไอสังหารที่จะฆ่ามู่เฉิน แต่อีกฝ่ายก็ไม่สูญเสียเหตุผลตัดสินใจอย่างบุ่มบ่าม
“งั้นข้าก็จะดูว่าเจ้ามีกลอะไรเล่นอีก” เฉวียนกวางเหลือบมองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา
“ข้าเชื่อว่าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”
มู่เฉินยิ้มอ่อน จากนั้นก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเฉวียนกวางอีกต่อไปเขาปรากฏตัวบนแท่นต่อไป สายตามองไปที่ชายแก่หงำเหงือก
เมื่อมู่เฉินปรากฏตัว ชายชราก็จับจ้องเขาด้วยแววคมที่ซ่อนอยู่ในดวงตาที่ขุ่นมัว
มู่เฉินมองไปที่ผู้อาวุโสคนนี้ ท่าทางก็ดูเคร่งขรึมลง ชายชราคนนี้ชื่อเฉวียนจุนซึ่งเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นที่กุมอำนาจสูงในเผ่าฝูถู
อย่าประเมินต่ำว่าเขาเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้น แต่มู่เฉินรู้ดีว่ามีช่องว่างระหว่างขั้นหลิงกับขั้นเซียนมากเพียงใด เนื่องจากจอมยุทธ์ขั้นหลิงต้องสะสมพลังเป็นเวลานานเพื่อที่จะไปถึงอีกขั้น
แม้สามยกก่อนหน้าเขาจะชนะแบบเด็ดขาด เขาก็รู้ดีว่ายกนี่เป็นการประลองที่สำคัญที่สุด
ถ้าเขาชนะรอบนี้ก็คือชี้ขาด มิฉะนั้นชัยชนะสามครั้งที่ผ่านมาจะสลายเป็นควัน
“ผู้อาวุโสเฉวียนจุน ในเมื่อมีคนพยายามท้าทายตระกูลเฉวียนของเราไม่จำเป็นต้องยั้งมือ ข้าจะรับผลที่ตามมาทั้งหมดเอง” เสียงของเฉวียนกวางดังก้องอย่างเย็นชา
เฉวียนจุนโค้งคำนับกล่าวเสียงเย็น “รับทราบ”
สายตาของเขาจ้องเขม็งไปที่มูเฉิน แม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไร แต่ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันของคลื่นหลิงทรงพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย
ครืน
แม้แต่แท่นก็สั่นสะเทือนรุนแรงจากแรงกดดันคลื่นหลิงทรงพลัง
เมื่อสัมผัสได้ถึงรัศมีจากเฉวียนจุน หลายคนก็แสดงออกรุนแรง เมื่อเทียบกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงสามคน เฉวียนจุนอยู่ในระดับใหม่เลยทีเดียว
“การประลองครั้งนี้ถึงเรียกได้ว่าน่าดู”
เย่าเฉินและหลินเตียวยิ้ม มู่เฉินทรงพลังมาก ดังนั้นผู้อาวุโสตระกูลเฉวียนสามคนก่อนหน้า รวมถึงเฮยกวางที่อยู่ในขั้นหลิงระยะปลายก็ไม่สามารถคุกคามเขาได้ มีเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนที่จะบีบให้มู่เฉินใช้พลังที่แท้จริงออกมาได้
พวกเขาก็อยากเห็นว่ามู่เฉินจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้หรือไม่เมื่อประลองกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน
“มู่เฉินจะไม่แพ้แน่นอน” หลินจิ้งกล่าวโดยไม่ลังเล ความมั่นใจของนางที่มีต่อเขา อาจแข็งแกร่งกว่าความมั่นใจในตัวเองของมู่เฉินซะอีก
เซียวเซียวยิ้มให้กับคำพูดนั่น เมื่อเย่าเฉินและหลินเตียวได้เห็นปฏิกิริยาของสองสาวน้อย พวกเขาก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้จริงๆ ว่าความเชื่อมั่นของพวกนางที่มีต่อมู่เฉินมาจากไหน
ส่วนชิงเทียน ชิงเซวียนและชิงหยุนไม่ได้มองในแง่ดี พวกเขาฉายความกังวลบนใบหน้า เพราะพวกเขารู้ช่องว่างระหว่างขุมพลังเป็นสิ่งที่มู่เฉินก็ไม่สามารถเอาชนะได้ แม้ว่าจะใช้วิธีที่น่าตกใจเหล่านั้น
“ผลตัดสินของตระกูลชิงอยู่ที่การประลองยกนี้” ชิงเทียนถอนหายใจ
สมาชิกตระกูลชิงก็ฉายความกังวลและความหวังบนใบหน้า หากไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ไม่เหมาะสม พวกเขาคงตะโกนให้กำลังใจมู่เฉินไปแล้ว
“ในที่สุดเจ้านั่นก็ยั่วยุจอมยุทธ์ทรงพลังจนได้ มาดูสิว่าเขาจะทุกข์ทรมานแค่ไหน” หมัวเฮอโยวกอดอกมองไปที่มู่เฉินด้วยแววตาสนุกสนาน
“จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนไม่ธรรมดาจริงๆ…”
มู่เฉินไม่ได้สนใจสายตารอบข้าง ความสนใจทั้งหมดของเขาจดจ่อไปที่ชายชราด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ความกดดันที่มาจากเฉวียนจุนมากกว่าสามคนก่อนหน้า ในการประลองครั้งนี้เขาจะต้องใช้พลังเต็มที่แล้ว
ด้วยความคิดนี้ก็ไม่มีความกลัวใดๆ ในสายตาของมู่เฉิน แต่เป็นความตื่นเต้นสุดขีด ตอนนี้เขาแทบจะอยู่ยงคงกระพันท่ามกลางระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิง มีเพียงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนเท่านั้นที่สามารถปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาและให้เขาได้ขัดเกลาตนเอง
เฉวียนจุนประสานมือเข้าด้วยกันอย่างช้าๆ ทันใดนั้นร่างเขาก็ยืดตัวขึ้น ผมหงอกก็เปลี่ยนเป็นสีดำและรูปลักษณ์แก่หงำก็ถูกแทนที่ด้วยวัยกลางคนที่ดุดัน
“ฮึ่ม!”
ในเวลาเดียวกันรัศมีไร้ขอบเขตก็ระเบิดออกจากร่างเปลี่ยนเป็นกายาหลิงเทียนจุนทันที
เมื่อเทียบกับกายาหลิงเทียนจุนของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิง ร่างนี้ได้รับการขัดเกลามากกว่า มองจากระยะไกลก็ดูราวกับอัญมณี ไม่อาจทำลายลงได้
ร่างกายนี้ถูกสลักด้วยลวดลายสีน้ำเงินนับไม่ถ้วนซึ่งดูราวกับหยดน้ำ แม้ว่าจะมีขนาดเล็ก แต่ก็ยังคงให้ความรู้สึกหนักแน่นเหมือนภูเขา
กายาหลิงเทียนจุนนี้น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดตอนนี้ ภายใต้พลังเต็มเปี่ยมเฉวียนจุนก็มองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาเฉียบคมพร้อมกับเสียงสะท้อนออกมา
“ต้องการได้ตำแหน่งจากมือข้า ก็มาดูซิว่าเจ้ามีความสามารถเพียงพอหรือไม่!”
มู่เฉินมองไปที่เฉวียนจุนพลางหายใจเข้าลึก ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นกายาหลิงเทียนจุนพร้อมกับไฟในการต่อสู้พลุ่งพล่าน
ขณะเดียวกันน้ำเสียงเย็นชาก็ดังก้อง
“ตำแหน่งนี้ ข้าเอาไปแน่ วันนี้ตระกูลเฉวียนจะให้ก็ต้องให้ ไม่ให้ก็ต้องให้!”
“วาจาสามหาว รนหาที่ตายแล้ว!”
ไอสังหารพล่านออกมาจากดวงตาของเฉวียนจุน เพียงเขาก้าวเท้าออกไปก้าวเดียวก็ทำให้มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ
ยามนี้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนตระกูลเฉวียนเคลื่อนไหวแล้ว!