ตู้ม ตู้ม!
เสียงกัมปนาทดังก้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง ฝูถูเฉวียนยืนอยู่บนอากาศพร้อมกับมือไพล่หลัง ขณะที่กงล้อสีดำขาวยังคงหมุนรอบตัว ทำให้รังสีหลิงแตกเป็นเสี่ยงๆ
ขณะนี้เขากำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้ค่ายกล ไม่ว่ามู่เฉินจะควบคุมค่ายกลอย่างไรก็ไม่สามารถขัดขวางการเคลื่อนไหวของฝูถูเฉวียนได้
ผู้ชมฉายความเสียดายในสายตา พลังอำนาจของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งไม่สามารถจินตนาการได้ ก่อนหน้านี้มู่เฉินยืมพลังค่ายกลในการเอาชนะผู้อาวุโสสิบกว่าคนในเผ่าฝูถู แต่ตอนนี้เขาก็ถูกฝูถูเฉวียนบีบให้ไปอยู่ในจุดที่ต้องซ่อนตัวในค่ายกล
เมื่อหลิงซี หลงเซี่ยงและชิงซวงเห็นภาพนี้ ใบหน้าก็เปลี่ยนไปพร้อมกับความวิตกกังวลพล่านในดวงตา
อย่างไรก็ตามพวกเขารู้ว่าไม่มีอะไรที่สามารถทำได้เพื่อช่วยในสถานการณ์นี้ คงได้แต่ภาวนาให้มู่เฉินยันเอาไว้ได้
“ทำยังไงดี?” ชิงเซวียนมองไปที่ชิงเทียนอย่างกังวล ถ้าสถานการณ์แบบนี้ยังดำเนินต่อไป อีกไม่นานมู่เฉินก็จะพ่ายแพ้
ชิงเทียนยิ้มอย่างขมขื่นพลางส่ายหัว “ผู้อาวุโสใหญ่โกรธมาก ไม่มีอะไรที่เราช่วยได้ แต่เจ้าก็ไม่ต้องกังวลมาก ต่อให้จับมู่เฉินได้ ผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่ทำโทษโหดเหี้ยมหรอก”
ชิงเซวียนกัดฟัน “ต่อให้ไม่ลงโทษโหดเหี้ยม แต่ถ้ามู่เฉินถูกคุมขัง จะไม่เป็นการขัดขวางการพัฒนาของเขาเหรอ?”
ด้วยพรสวรรค์ของมู่เฉินและเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจร ตอนนี้เป็นเวลาที่เขาควรจะต้องพุ่งไปที่จุดสุดยอด ถ้าเขาถูกคุมขังก็จะสูญเสียปีที่ดีที่สุดไป ดังนั้นแม้ว่าเขาจะมีโอกาสในอนาคตก็ต้องใช้เวลามากขึ้นและราคาที่มากขึ้นตาม
ชิงเทียนยิ้มอย่างขมขื่นและถอนหายใจ “ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ เราจะหาวิธีแอบปล่อยเขา แม้จะต้องโดนลงโทษจากผู้อาวุโสใหญ่…”
ชิงเซวียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ นั่นเป็นสิ่งเดียวที่พวกนางทำได้
บนภูเขาที่นั่งเผ่าหมัวเฮอ หมัวเฮอโยวฉายรอยยิ้มบนใบหน้า “การเดินทางมายังเผ่าฝูถูครั้งนี้ไม่เสียเปล่าจริงๆ ได้เห็นการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจ”
จอมยุทธ์คนอื่นๆ ของเผ่าหมัวเฮอก็พยักหน้า ในฐานะที่เป็นคนจากเผ่าหมัวเฮอการเห็นเผ่าฝูถูตกอยู่ในความวุ่นวายและมู่เฉินพลิกคว่ำพลิกหงายเผ่าทั้งหมดก็เป็นผลประโยชน์ของพวกเขา
“แต่มู่เฉินไร้เดียงสาไปจริงๆ แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเขาสามารถควบคุมค่ายกลพิทักษ์ของเผ่าฝูถูได้อย่างไรแต่เขาก็สามารถควบคุมพลังได้เพียงสามถึงสี่ส่วนเท่านั้น เขาไร้เดียงสาเกินไปที่คิดว่าตัวเองจะสามารถเผชิญหน้ากับฝูถูเฉวียนได้ด้วยสิ่งนั้น”
หมัวเฮอโยวเอ่ยเยาะ “ยังไงก็ตามเป็นการดีที่มู่เฉินจะถูกจับไว้ เพื่อที่ข้าจะได้ไม่ต้องจัดการกับมันในงานชุมนุมนิรันดร์”
เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกว่ามู่เฉินถึงคราวหายนะในวันนี้แล้ว
ฝูถูเฉวียนเคลื่อนตัวไปยังค่ายกล
สายตาจ้องไปที่มู่เฉินที่ซ่อนตัวอยู่อย่างเย็นชาตะโกนว่า “ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยังคิดจะต่อต้านในเวลานี้อีกรึ!”
ยามนี้มู่เฉินลืมตาขึ้นมองไปที่ฝูถูเฉวียนอย่างเย็นชา ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไร แต่มือทั้งสองประสานเข้าด้วยกัน ทันใดนั้นค่ายกลก็หมุนคว้าง ท่ามกลางเสียงดังกึกก้องภูเขาขนาดมหึมาก็ถูกสร้างขึ้นกดเข้าหาฝูถูเฉวียนพร้อมกับเงาขนาดใหญ่
เมื่อฝูถูเฉวียนเห็นสิ่งนี้ คิ้วก็ขมวดขึ้นด้วยความโกรธ มือทั้งสองข้างประสานกัน กงล้อสีดำขาวก็ขยายกว้างออกไปหลายหมื่นจั้ง
เมื่อกงล้อสีดำขาวหมุนก็ปล่อยพลังทำลายล้างที่ทำให้มิติพังทลายจากการหมุน
ตู้ม!
กงล้อสีดำขาวปะทะกับภูเขา รัศมีสีดำขาวก็เบ่งบาน ภูเขาที่สามารถปราบปรามเฉวียนกวางและมั่วถงได้อย่างง่ายดายพังทลายลงอย่างรวดเร็ว
ในช่วงสิบกว่าลมหายใจสั้นๆ กงล้อสีดำขาวก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ภูเขาลดทอนลงกลายเป็นฝุ่นละอองฟุ้งลงมาราวกับสายฝนอันงดงาม
มู่เฉินหดดวงตากับภาพนี้ จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งน่ากลัวอย่างแท้จริง แม้เขาจะผลักดันตัวเองไปถึงขีดสุดก็ยังไม่สามารถต้านทานฝูถูเฉวียนได้
ครืนๆๆๆ
ขณะที่กงล้อสีดำขาวเข้าใกล้ค่ายกลก็ระเบิดรัศมีออก ก่อร่างกลายเป็นมือขนาดใหญ่คว้าค่ายกลเอาไว้
แกร็ก!
เมื่อมือขนาดใหญ่ตบลงบนค่ายกล พลังที่น่ากลัวก็ถูกปลดปล่อยออกมา มือค่อยๆ ควานเข้าไปในค่ายกลทำท่าทางคว้าไปในทิศทางของมู่เฉิน
เห็นได้ชัดว่าฝูถูเฉวียนพยายามที่จะดึงมู่เฉินออกจากค่ายกล เพื่อยึดการควบคุมของอีกฝ่าย
“ไอ้หนู เจ้าช่างยโสไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโส ในเมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งไม่ได้สั่งสอน ข้าจะสอนให้เป็นการส่วนตัวและบอกให้เจ้ารู้ความหมายของลำดับชั้นอาวุโส!” ฝูถูเฉวียนคำรามอย่างเย็นชา มือก็ห่อหุ้มพื้นที่รอบๆ มู่เฉินไว้ไม่ให้หนีไปได้
ผู้ชมส่ายหัวไปมา ดูเหมือนว่ามู่เฉินจะเสร็จแน่แล้ว
“อาเตียวด่วนเลย! เรียกท่านพ่อมา!” เมื่อหลินจิ้งเห็นภาพนี้ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไป นางเขย่าแขนของหลินเตียวพูดอย่างรีบร้อน
เซียวเซียวก็หันไปมองเย่าเฉินด้วยความวิตกกังวลในดวงตาไม่แพ้กัน
หลินเตียวและเย่าเฉินขมวดคิ้วก่อนที่จะสบตากันพลางพยักหน้า เตรียมที่จะเรียกหลินต้งแลเซียวเหยียนมาที่นี่
แต่เมื่อพวกเขากำลังจะขยับตัว ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงบางอย่าง การกระทำของพวกเขาชะงักไป ขณะมองไปเบื้องหลังมู่เฉินด้วยความสงสัย จังหวะนั้นมิติก็ฉีกออก ร่างเงาร่างหนึ่งเยื้องย่างออกมา
ในเวลาเดียวกันเสียงเย็นเยียบเกรี้ยวกราดของสตรีก็ดังขึ้น “ฝูถูเฉวียน เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนลูกชายของข้า—ชิงเหยี่ยนจิ้ง!”
เมื่อเสียงของสตรีผู้นี้ดังขึ้น ทันใดนั้นค่ายกลก็กระจายออกมาเหนือร่างมู่เฉิน ราวกับท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวก่อตัวเป็นโลกลึกลับซับซ้อน
มือที่ทะยานเข้าไปก็ถูกดูดเข้าไปในค่ายกล ก่อนที่ความผันผวนจะถูกปลดปล่อยออกมา จากนั้นมือขนาดใหญ่และค่ายกลก็สลายหายไปพร้อมกัน
การเผชิญหน้าที่น่ากลัวกะทันหันทำให้ใบหน้าของผู้ชมซีดเผือด พวกเขานึกไม่ถึงว่าการโจมตีของฝูถูเฉวียนจะถูกจัดการได้ง่ายขนาดนี้
ความตะลึงงันทั้งหมดพุ่งไปข้างหลังมู่เฉินด้วยความตกใจ พวกเขาเห็นผู้หญิงชุดขาวก้าวออกมาพร้อมกับสีหน้าเย็นชาบนใบหน้าอ่อนโยน นอกจากนี้ยังมองเห็นสัญลักษณ์หลิงยิ่งมากมายบินฉวัดเฉวียนรอบตัวนาง โดยทุกๆ สัญลักษณ์จะรวมกันเป็นค่ายกล
“สวรรค์ นั่นคือหลิงเจิ้นต้าจงซือ!”
“ยิ่งกว่านั้นสัญลักษณ์หลิงยิ่งรอบตัวนางได้ก่อเป็นโลกเอกลักษณ์! นั่นคือหลิงเจิ้นต้าจงซือขั้นเซิ่ง!”
“หลิงเจิ้นต้าจงซือขั้นเซิ่ง…นี่น่ากลัวเกินไป!”
“เมื่อกี้นางพูดอะไรนะ? มู่เฉินเป็นลูกของนาง? ถ้าอย่างนั้นนางก็คือมารดาของมู่เฉินนะสิ?!”
ขณะที่ทุกคนตกตะลึง สมาชิกเผ่าฝูถูก็ตกใจเมื่อเห็นร่างเงาสะคราญโฉมนั่น คนอื่นอาจไม่รู้จักตัวตนของนาง แต่พวกเขารู้จักดี
นั่นเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้เป็นมารดาของมู่เฉิน—ชิงเหยี่ยนจิ้ง!
หลินเตียวและเย่าเฉินตะลึงงันไปเมื่อมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นและพูดว่า “ไม่คิดว่ามารดาของมู่เฉินจะเป็นหลิงเจิ้นต้าจงซือขั้นเซิ่ง…”
ในมหาพันภพจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งมีจำนวนน้อย แต่คนที่สามารถประสบความสำเร็จในด้านค่ายกลจนถึงระดับหลิงเจิ้นต้าจงซือขั้นเซิ่งนั้นมีน้อยยิ่งกว่า!
“ฮ่าๆ ในเมื่อมารดามู่เฉินมาแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่พวกเราต้องเข้าไปแทรกอีกต่อไป” หลินเตียวและเย่าเฉินสบตากันและยิ้ม
ขณะที่ทุกคนตกตะลึง มู่เฉินก็ได้ยินเสียงที่อยู่ข้างหลัง ร่างกายเขาสั่นสะท้านก่อนที่จะค่อยๆ หันหลังด้วยความยากลำบาก มองไปที่ภาพเงานั้น
สายตาของสตรีก็มองมาที่เขาพร้อมกับสัญลักษณ์หลิงยิ่งรอบตัวนางผันผวน แสดงให้เห็นถึงแรงกระเพื่อมที่รุนแรงในใจ
“ท่านแม่…”
มู่เฉินพึมพำ
ย้อนกลับไปตอนที่อยู่สำนักศึกษาเป่ยชาง เขาเคยพบมารดามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็เป็นเพียงร่างดวงจิต แต่ตอนนี้เขากำลังมองตัวจริงของนาง
เขาปรารถนาภาพนี้ทุกวันทุกคืนนับตั้งแต่เดินทางออกจากมณฑลเป่ยหลิง ผ่านความทุกข์ยากนับไม่ถ้วน ตอนนี้เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มอีกต่อไป แต่ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง…
ผู้หญิงที่เบื้องหน้าดูไม่คุ้นเคย แต่เมื่อเขาเห็นนางก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่ลึกลงไปในสายเลือด
นั่นเป็นเพราะตอนที่ชิงเหยี่ยนจิ้งจากไปเขายังเป็นเด็กน้อย แต่ตลอดเส้นทางที่เขาก้าวเดินก็สัมผัสได้ว่านางทำอะไรเพื่อเขาบ้าง
เพื่อปกป้องเขา นางยอมกลับมาที่เผ่าฝูถู ต้องทนทุกข์ทรมานกับความโดดเดี่ยวเพื่อที่เขาจะได้เติบโตอย่างสงบสุข
เพื่อปกป้องเขา นางต้องเจ็บปวดจากการแยกร่างเนื้อและฝังเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรเข้าในร่างกายของเขา
นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่มู่เฉินยังอดดวงตาแดงก่ำขึ้นไม่ได้
เมื่อมองไปที่ดวงตาที่แดงขึ้นของมู่เฉิน ชิงเหยี่ยนจิ้งก็รู้สึกราวกับหัวใจโดนทุบอย่างหนัก ความเย็นชาที่ใช้เผชิญหน้ากับฝูถูเฉวียนก่อนหน้านี้หายไป นางเดินเข้าไปจับใบหน้าของบุตรชายไว้
“เฉินเอ๋อ เจ้าโตขึ้นแล้ว…”
เสียงแหบพร่าแต่อ่อนโยนของชิงเหยี่ยนจิ้งดังก้อง ย้อนกลับไปตอนที่นางจากมามู่เฉินยังเป็นทารก ก่อนที่นางจะรู้ตัวเขาก็เติบโตมาเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาเช่นนี้
รูปลักษณ์ของเขาคล้ายกับบิดา แต่ช่วงหว่างคิ้วคล้ายกับนางมากกว่า
สายสัมพันธ์แม่ลูกทำให้ชิงเหยี่ยนจิ้งไม่สามารถละสายตาได้
เมื่อสัมผัสได้ถึงมือเย็นเยียบและสั่นสะท้านบนใบหน้า กระทั่งมู่เฉินที่เก็บอารมณ์เก่งก็ยังดวงตาชื้นขึ้น “ท่านแม่ในที่สุดข้าก็พบท่านแล้ว”
สำหรับวันนี้เขาใช้ความพยายามมากเหลือเกิน
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ น้ำตาของชิงเหยี่ยนจิ้งก็อดไหลออกมาไม่ได้ นางรู้สึกปวดใจ นางรู้ดีว่ามู่เฉินต้องใช้ความพยายามมากเพียงใดเพื่อที่จะมาถึงเผ่าฝูถู บางทีถ้าเกิดความผิดพลาดบนเส้นทางนั้น พวกนางแม่ลูกคงจะถูกแยกจากกันชั่วนิรันดร์…
นางเหมือนสามารถเห็นภาพเด็กหนุ่มอ่อนโยนออกจากมณฑลเป่ยหลิงเพื่อท่องยุทธภพและเติบโตอย่างแข็งแกร่งผ่านความยากลำบาก…
แค่คิดถึงสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้ชิงเหยี่ยนจิ้งปวดใจ ราวกับว่าหัวใจถูกกรีดแทง
“ทั้งหมดเป็นความผิดของแม่”
ดวงตาของชิงเหยี่ยนจิ้งคลอคลองด้วยหยาดน้ำตาขณะที่มือเรียวยกขึ้นเช็ดน้ำตาของมู่เฉิน ท่าทางระทมทุกข์ไม่มีลักษณะของหลิงเจิ้นต้าจงซือขั้นเซิ่งผู้ยิ่งใหญ่ นางเป็นเพียงมารดาที่สงสารลูกรักจับใจ
มู่เฉินจับมือของชิงเหยี่ยนจิ้งเบาๆ รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าเขา “ไม่เลย ข้าสัญญากับท่านพ่อว่าจะพาท่านแม่กลับบ้านเรา เพื่อพวกเราจะได้กลับไปอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง”
ชิงเหยี่ยนจิ้งพยักหน้าหนักแน่นและสงบสติอารมณ์ จากนั้นลูบหัวมู่เฉินก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมกับสาดสายตาเย็นชา
“แต่ก่อนหน้านั้นข้าจะเอาความทุกข์ทั้งหมดที่เจ้าเคยรู้สึกมาตลอดให้พวกมันรู้ซึ้ง!!!”