หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1456 ความร่วมมือ

ในทะเลสาบมรกต

ร่างทั้งสามปกคลุมด้วยรัศมีไร้ขอบเขตเมื่อปรากฏตัว ครั้นแสดงตัวให้เห็นแต่ละคนก็ปล่อยคลื่นหลิงที่ทรงพลังสามสายออกมา

เมื่อเห็นทั้งสามคน ใบหน้าของจิ่วโยวก็เปลี่ยนไป จอมยุทธ์ทั้งสามนี้มีชื่อเสียงตามหลังหวงเฉวียนจือนิดเดียวเท่านั้น

ว่าแต่ทำไมทั้งสามคนถึงมาหาพวกนาง?

เมื่อเทียบกับท่าทางกังวลใจของจิ่วโยว มู่เฉินสงบนิ่งกว่ามาก มีเพียงความประหลาดใจเบาบางที่แสดงออกมา เขาไม่เคยคิดเกี่ยวกับสถานการณ์นี้เช่นกัน

“ดูเหมือนพวกเจ้าจะวางข้าไว้สูงถึงได้มาด้วยกัน” มู่เฉินยิ้มบางขณะที่คลื่นหลิงไหลเวียนไปรอบๆ ตัวพร้อมกับสัญญาณของการเปลี่ยนเป็นกายาหลิงเทียนจุน

เขาไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับทั้งสาม ดังนั้นการมาที่นี่บอกได้คำเดียวเป็นเจตนาร้าย

ทว่าคนอย่างมู่เฉินไม่เคยกลัว แม้ว่าพวกเขาทั้งสามจะไม่ได้อ่อนแอ มิหนำซ้ำยังมีขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนแล้ว แต่พวกเขาก็ไร้เดียงสาเกินไปหากคิดว่าจะปราบเขาด้วยจำนวนคน

“ฮิๆ อย่านับศัตรูกันนักเลย เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อจัดการเจ้าเพราะหวงเฉวียนจือหรอก” ทว่าไม่เหมือนที่มู่เฉินคาดไว้ ข่งหลิงเอ๋อหัวเราะเบาๆ เสียงออดอ้อนดังก้องเพื่อตอบสนองต่อมู่เฉิน

มู่เฉินเลิกคิ้วขึ้นขณะมองไปที่หญิงสาวที่กำลังพูด นางช่างสะคราญโฉมอย่างไม่น่าเชื่อ ภายใต้ความงามยังมีรัศมีทรงเกียรติราวกับหงส์ฟ้า

นางแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสพันรอบเอวไว้อย่างแน่นหนา แม้แต่คอเรียวระหงและไหล่บอบบางก็ยังแทรกซึมด้วยเสน่ห์

“เจ้าหมายความว่าอะไร?” มู่เฉินรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจจุดประสงค์ของทั้งสามคน นอกจากการจะมาหาเรื่องเขา

แม้แต่จิ่วโยวก็ยืนงงอยู่ข้างๆ

ข่งหลิงเอ๋อหัวเราะเบาๆ “เรามาตามหาเจ้า เพราะอยากร่วมมือกับพี่มู่”

“ร่วมมือ?” มู่เฉินอึ้งไป ความประหลาดใจเกิดขึ้นทันที พวกเขาร่วมมือทำอะไรกันได้ในสระยกเทพนี่?

ข่งหลิงเอ๋อคลี่รอยยิ้มทรงเสน่ห์ชี้ไปที่สองคนข้างๆ “พี่มู่สองคนนี้คือหลินชางจากเผ่าแร้งทองเก้าหัวและ เซียวเทียนจากเผ่ากระเรียนมังกรฟ้า ทั้งสองคนเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงในหมู่มหาเทพอสูรเชียวนะ”

หลินชางและเซียวเทียนพยักหน้าให้มู่เฉินตามการแนะนำ แต่ท่าทางของพวกเขาดูภาคภูมิใจเล็กน้อย ทว่านั่นก็เป็นเรื่องปกติเนื่องจากพวกเขาสามารถมองคนอื่นอย่างหยิ่งยโสด้วยศักดิ์ศรีของตน

มู่เฉินตอบด้วยรอยยิ้มขณะที่ถาม “ทำไมเราต้องร่วมมือกัน?”

เขาไม่สนใจการร่วมมือมากสักเท่าไร เนื่องจากเขาไม่ไว้วางใจทั้งสามคน ดังนั้นสถานการณ์จะมีแต่ความกังวลหากเกิดการร่วมมือกัน

เมื่อเห็นว่ามู่เฉินไม่สนใจมากนักข่งหลิงเอ๋อก็ยิ้ม “ไม่รู้ว่าเจ้าสนใจแก่นโลหิตชั้นยอดระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งไหม?”

ไม่เพียงแต่จิ่วโยวเท่านั้น กระทั่งมู่เฉินยังหดดวงตาด้วยความตกตะลึง แก่นโลหิตชั้นยอดระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง?!

แก่นโลหิตระดับนั้นเกิดในสระยกเทพด้วยเรอะ?

จนถึงตอนนี้แก่นโลหิตสูงที่สุดที่พวกเขาหาได้ก็ประมาณระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้นเท่านั้น ซึ่งนั่นเป็นยาบำรุงดีเยี่ยมสำหรับจิ่วโยวแล้ว ดังนั้นพวกเขาไม่เคยคิดเกี่ยวกับแก่นโลหิตระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งเลย

ทว่าหากเขาสามารถคว้าส่วนหนึ่งของแก่นโลหิตชั้นยอดระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็เพียงพอที่จะทำให้จิ่วโยวมีพัฒนาการได้ อาจมากจนถึงมีส่วนเหลือให้มู่เฉินใช้กับมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงเพื่อให้พวกมันสร้างร่างแท้จริงได้…

ความตกตะลึงพล่านในดวงตาครู่หนึ่งก่อนที่มู่เฉินจะสงบใจ “ถ้ามีแก่นโลหิตระดับนั้นจริงๆ ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้าเลิกตามซะ นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะจัดการได้”

แม้ว่าแก่นโลหิตชั้นยอดจะเป็นเพียงรัศมีสายเลือดที่ไม่มีทักษะในการต่อสู้ แต่ก็ไม่มีอะไรธรรมดาตราบใดที่เกี่ยวข้องกับคำว่า ‘เซิ่ง’

ด้วยพลังของพวกเขาที่มีตอนนี้ พวกเขาควรหนีเมื่อพบเจอ เป็นไปไม่ได้ที่จะโค่นล้มแม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกันก็ตาม

ข่งหลิงเอ๋อไม่ได้คัดค้านต่อคำพูดของมู่เฉิน กลับพยักหน้าเห็นด้วยก่อนที่จะถามย้อนว่า “ถ้าเป็นแก่นโลหิตชั้นยอดระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง เราก็ทำได้แค่วิ่งหนีเท่านั้น แต่ถ้าเป็นแค่แก่นโลหิตชั้นยอดที่เกือบจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งล่ะ?”

สายตาของมู่เฉินวูบไหวขณะจ้องข่งหลิงเอ๋อพลางขมวดคิ้ว “ถ้าส้มหล่นแบบนั้นจริง ทำไมพวกเจ้าถึงมาหาข้า?”

หากกลุ่มของข่งหลิงเอ๋อสามารถหารับโชคใหญ่จริงๆ ก็เป็นโอกาสที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย หากพวกเขาสามารถดูดซับได้ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่ออนาคตในการฝ่าไปยังระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง

มู่เฉินไม่ได้เป็นมิตรอะไรกับพวกเขา แล้วทำไมพวกเขาถึงเสนอส่วนแบ่งให้?

ข่งหลิงเอ๋อแลกเปลี่ยนสายตากับหลินชางและเซียวเทียนแล้วยิ้มอย่างขมขื่น “เพราะหวงเฉวียนจือก็รู้เรื่องนี้เหมือนกันน่ะสิ”

มู่เฉินอึ้งไปวูบหนึ่งก่อนจะเริ่มงงงวยมากขึ้น “งั้นทำไมพวกเจ้าไม่ไปหาหวงเฉวียนจือแต่มาข้าล่ะ?”

ตามหลักแล้วหวงเฉวียนจือเป็นพันธมิตรที่ดีกว่าสำหรับการทำงานร่วมกันกับพวกเขา

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน ท่าทางทั้งสามก็กระอักกระอวนเล็กน้อยก่อนที่พวกเขาจะอธิบายว่า “เพราะหวงเฉวียนจือเอาแต่ใจเกินไป เขาบอกว่าต้องการเจ็ดส่วนและให้พวกข้าสามคนรวมกันแค่สามส่วนเท่านั้น”

เมื่อได้ยินคำอธิบายมู่เฉินก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีความขัดแย้งภายในเรื่องการกระจายผลประโยชน์ ดังนั้นพวกเขาทั้งสามจึงไม่เต็มใจและต้องการมองหาตัวช่วยอื่น

“พวกเจ้าสามคนแย่งกับหวงเฉวียนจือไม่ได้เรอะ?” มู่เฉินกวาดสายตามอง ทั้งสามคนเป็นจอมยุทธ์เกือบจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียน พูดแบบจริงจังพวกเขาน่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นได้

“หึ เจ้าไม่รู้หรอกว่าหวงเฉวียนจือแข็งแกร่งแค่ไหน เขาเป็นหงส์ฟ้าแท้จริงซึ่งเป็นจักรพรรดิของสัตว์อสูรกลางเวหาทั้งหมด ไม่ต้องพูดถึงว่าที่เขาฝึกฝนวิชาเก้าเทพหมุนวนซึ่งเป็นหนึ่งในวิทยายุทธสามสิบหกกระบวนท่าในตำนาน ดังนั้นแม้ว่าขุมพลังของเขาจะอยู่ในขอบเขตระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้น ทว่าก็ไม่มีแม้แต่พวกระยะกลางสามารถแข่งขันกับเขาได้” หลินชางพ่นลมหายใจ

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นอัจฉริยะของเผ่า แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังขาดไปเมื่อเทียบกับหวงเฉวียนจือ

ข่งหลิงเอ๋อพยักหน้าพลางยิ้ม “พวกข้าสามคนไม่มั่นใจในการต่อสู้กับหวงเฉวียนจือ ดังนั้นจึงต้องการกำลังเสริมที่ทรงพลัง เราได้ยินจากเรื่องฟังจิ้งว่าพี่มู่ลึกล้ำและไม่อาจหยั่งรู้ นั่นคือเหตุผลที่พวกข้าตามหาเจ้า”

มู่เฉินยิ้มให้กับคำพูดของนาง แม้ว่าข่งหลิงเอ๋อจะพูดคลุมเครือ แต่เขาก็ฟังออกว่าตอนแรกพวกเขาไม่คิดที่จะมองหาเขา บางทีพวกเขาอาจรู้สึกว่าเขาไม่มีคุณสมบัติ แต่หลังจากได้ยินข่าวว่าเขาจัดการกับฟังจิ้งได้ง่ายดายขนาดไหน พวกเขาก็เริ่มมองเขาอย่างจริงจังและตามหา

“จะมีการต่อสู้ระหว่างเจ้ากับหวงเฉวียนจือแน่นอน หากเราร่วมมือกัน พวกข้าอาจทำให้เขาอ่อนแอลงได้ ซึ่งทำให้เจ้ามีโอกาสมากขึ้น” เซียวเทียนกล่าว

แต่เมื่อพิจารณาจากน้ำเสียง เขาไม่คิดว่ามู่เฉินมีคุณสมบัติพอที่จะต่อสู้กับหวงเฉวียนจือได้

มู่เฉินยิ้มพลางพิจารณาเรื่องนี้ เนื่องจากตัวเขาก็สนใจแก่นโลหิตนั่นเช่นกัน

หากเขาหามาได้ก็จะแก้ไขปัญหาวิวัฒนาการของจิ่วโยวและอาจได้รับโชคดีๆ จากมันด้วย

พวกข่งหลิงเอ๋อเงียบลงขณะมองไปที่มู่เฉินอย่างกังวล ตามการคาดการณ์หากมู่เฉินไม่สนใจที่จะร่วมมือ พวกเขาก็ไม่สามารถคว้าแก่นโลหิตสุดยอดได้ก่อนที่หวงเฉวียนจือจะเจอ

จากนั้นไม่นานมู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นมองทั้งสามคน “ข้าสามารถร่วมมือกับเจ้าสามคนได้”

เมื่อได้ยินคำตอบของเขา ความปีติยินดีก็ฉายบนใบหน้าของข่งหลิงเอ๋อทันที

“แต่เราต้องคุยรายละเอียดของส่วนแบ่งก่อน” มู่เฉินพูดต่อ

“แน่นอน” ข่งหลิงเอ๋อยิ้มขณะพูดต่อ “แต่ข้าเชื่อว่าพี่มู่คงไม่เห็นแก่ตัวเหมือนหวงเฉวียนจือใช่ไหม?”

มู่เฉินยิ้มพลางกางนิ้วสี่นิ้ว “ข้าไม่ขอมาก พวกข้ามีสองคนดังนั้นก็ขอสี่ส่วน”

คำพูดของเขาทำให้หลินชางและเซียวเทียนขมวดคิ้ว พวกเขากวาดมองจิ่วโยวก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ “พวกข้าต้องการร่วมมือแค่กับเจ้า ไม่ใช่นาง”

พลังในปัจจุบันของจิ่วโยวไม่เข้าตาพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เต็มใจให้นางถึงสองส่วน

มู่เฉินยิ้มบางแต่ไม่ได้ตำหนิอะไร เขาเงียบลงเพราะได้ตัดสินใจอย่างชัดเจนแล้ว จากการคาดการณ์ของเขาสี่ส่วนเหมาะสมและสามารถทำให้จิ่วโยวมีพัฒนาการได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ

เมื่อเห็นท่าทีของมู่เฉิน ข่งหลิงเอ๋อก็ลังเลชั่วครู่ก่อนจะกัดฟัน “ได้ สี่ส่วน ตกลงตามนั้น!”

หลินชางและเซียวเทียนแสดงท่าทางไม่พอใจ แต่เมื่อเห็นแววตาวูบไหวของข่งหลิงเอ๋อ พวกเขาก็กลืนคำพูดลงไป

มู่เฉินทำราวกับไม่ได้สังเกตเห็น เขายิ้มให้ข่งหลิงเอ๋อ “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็จะร่วมมือกัน”

“งั้นก็อย่าชักช้า รีบหน่อย เราต้องไปถึงที่นั่นก่อนเพื่อขัดขวางหวงเฉวียนจือ” ข่งหลิงเอ๋อเป็นคนเด็ดขาด นางประกาศทันที

“เชิญนำทาง” มู่เฉินพยักหน้าโดยไม่มีข้อคัดค้าน

นางพยักหน้า ทั้งสามคนก็กลายเป็นร่างแสงฉีกผ่านมวลน้ำ ทะยานไปในส่วนลึกของทะเลสาบมรกตไร้ขอบเขต

เมื่อมองไปที่พวกเขา สายตาของมู่เฉินก็สั่นไหวขณะโบกมือ คลื่นหลิงกระเพื่อมแล้วกวาดออกไปหาจิ่วโยว ทั้งสองตามหลังไปอย่างใกล้ชิด

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset