ฟู่ ฟู่!
เปลวไฟลุกโชนปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ลุกลามไปจนถึงขีดสุดของสายตา อุณหภูมิที่น่ากลัวทำให้สระยกเทพถึงกับเดือดปุ
ในเวลาเดียวกันคลื่นทำลายล้างก็แพร่กระจายออกไป
ภายใต้เปลวไฟแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน
ปุ ปุ
เมื่อมองไปที่เปลวไฟในกระจกทุกคนรอบสระยกเทพก็มีใบหน้าเต็มไปด้วยด้วยความกลัวในดวงตา แม้จะอยู่ห่างไกลขนาดนี้ พวกเขาก็ยังสามารถรับรู้คลื่นความร้อนได้อย่างคลุมเครือ
ยากที่จะจินตนาการถึงอุณหภูมิที่มู่เฉินต้องทนรับ
เผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้พวกเขาคิดไม่ออกเลยว่ามู่เฉินจะจัดการได้อย่างไร
ใบหน้าของเทียนฮวงถอดสีขณะกำหมัดแน่นด้วยความสิ้นหวัง แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต้านทานการโจมตีของหวงเฉวียนจือ
หวงจิงที่ยืนอยู่ใกล้สระยกเทพก็พยักหน้าเบาๆ เมื่อเห็นเพลิงสีทอง มู่เฉินมีความโดดเด่นมากพอที่จะบังคับให้หวงเฉวียนจือใช้กระบวนท่านี้ได้ แต่ก็น่าเสียดายที่เขาไม่ได้เป็นคนที่หัวเราะคนสุดท้าย
เมื่อเทียบกับลูกชายของเขา มู่เฉินก็ยังด้อยกว่า
“ข้าหวังว่าชีวิตของไอ้หนูนี่จะทนถึก ถ้าเขาตายจริงๆ คงลำบากแน่ถ้าแม่เขามา…” หวงจิงถอนหายใจ
ผู้อาวุโสของเผ่าหงส์ฟ้าแท้จริงที่ยืนอยู่ข้างหลังก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
ขณะที่ทุกคนกำลังถอนหายใจ เปลวไฟก็คงอยู่เป็นเวลาครึ่งก้านธูปก่อนที่จะสลายไป
สายตาของทุกคนก็พุ่งตรงไปยังจุดที่มู่เฉินอยู่
อึดใจต่อมาพวกเขาก็ตกตะลึง เมื่อเห็นดอกบัวขนาดใหญ่ลอยอยู่ในเวิ้งน้ำอย่างเงียบๆ
กลีบดอกปิดแน่นราวกับดอกตูมขณะวูบไหวด้วยรัศมีอมตะ แม้ว่าจะมีร่องรอยถูกเผาไหม้ แต่ทุกคนก็บอกได้ว่ามันไม่ได้ถูกทำลายจากเพลิงนี้…
“นั่นอะไร?! มันสามารถทนเพลิงหงส์ฟ้าได้ด้วยเหรอ!” มีคนร้องอุทานออกมา
ในขณะที่ทุกคนอุทาน ดอกบัวก็กำจายรัศมีก่อนจะแย้มบาน กลีบดอกลู่ลงร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็เผยให้เห็นโดยมีมู่เฉินยืนเอามือไพล่หลังโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ!
“เป็นไปได้ยังไง?!”
เสียงอุทานหวาดหวั่นไม่เพียงแต่มาจากคนรอบข้างเท่านั้น แต่ยังมาจากหวงเฉวียนจือด้วย
ยามนี้หวงเฉวียนจือกำลังมองไปที่ดอกบัวด้วยความตกตะลึงไม่อยากเชื่อ เขารู้ว่าการโจมตีกระบวนท่านี้น่ากลัวเพียงใด แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่ามู่เฉินจะต้านทานได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย!
ดอกบัวสีม่วงทองนั้นมีความสามารถในการป้องกันที่ไม่อาจจินตนาการได้ ซึ่งสามารถต้านทานการโจมตีของเขาได้
‘ไอ้เวรนี่มีความสามารถในการป้องกันที่ทรงพลังเช่นนี้ได้ยังไง?!’
“ช่างเป็นพัดเพลิงหงส์ฟ้าที่ทรงพลังจริงๆ”
ขณะที่หวงเฉวียนจือรู้สึกไม่เชื่อ เสียงของมู่เฉินก็ดังขึ้น เขาต้องยอมรับว่าการโจมตีของหวงเฉวียนจือเกินความคาดหมายของเขา ถ้าเขาไม่มีดอกบัวอมตะ วันนี้เขาอาจต้องจ่ายราคาแพง
“แกนี่จัดการยากจริงๆ! มิน่าล่ะถึงสามารถทำให้เกิดปัญหามากมายในเผ่าฝูถู” น้ำเสียงของหวงเฉวียนจือเย็นชาพร้อมกับท่าทางมืดมน เขาไม่อยากรับความจริงว่ามู่เฉินสามารถรับกระบวนท่าขั้นสูงสุดของเขาได้
มู่เฉินยิ้มขณะที่กำหมัด “ตาเจ้าจบแล้วก็ถึงตาข้ามั่งแล้วใช่ไหม?”
หวงเฉวียนจือหดดวงตา จากนั้นก็เค้นเสียงเย็น “โอ้? แกจะทำอะไรได้? แม้ข้าจะฆ่าแกไม่ได้ แต่แกก็เหมือนกัน คิดว่ามีความสามารถจะทำอะไรกับข้าได้เรอะ?”
กลยุทธ์ของมู่เฉินเยอะจนทำให้หวงเฉวียนจือรู้สึกปวดหัว ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าวันนี้ไม่มีทางจัดการมู่เฉินได้อีกแล้ว
ทว่าตัวเขาก็มีความภาคภูมิใจ แม้ว่าจะไม่สามารถทำอะไรกับมู่เฉินได้ แต่มู่เฉินก็ทำอะไรเขาไม่ได้เช่นกัน!
“มู่เฉิน เห็นแก่เจ้ามีความสามารถ ข้าจะยกแก่นโลหิตที่เกือบจะบรรลุขั้นเซิ่งนี้ให้สามส่วน ถ้าเจ้ายอมมอบสายเลือดวิหคอมตะให้ข้า!” หวงเฉวียนจือพูดขณะดวงตาวูบไหว
เมื่อได้ยินเช่นนั้นมู่เฉินก็ยิ้ม “ข้าต้องการแก่นโลหิตที่เกือบจะบรรลุขั้นเซิ่งแน่นอน แต่ไม่ใช่สามส่วน ข้าจะเอาทั้งหมด! ส่วนสายเลือดวิหคอมตะบอกเลยว่า ไม่-มี-ทาง!”
“อวดดี!”
หวงเฉวียนจือหัวเราะด้วยความโกรธ ตอนแรกเขาคิดว่าน่าจะลองลดตัวลงเพื่อเจรจา ทว่ามู่เฉินไม่ได้ให้ความสนใจ ซ้ำยังพ่นคำพูดไม่ไว้หน้า ขนาดคิดเอาแก่นโลหิตชั้นยอดหกส่วนจากเขาเลยทีเดียว
“ถ้างั้นให้ข้าดูว่าเจ้ามีความสามารถพอที่จะทำแบบนั้นได้ไหม?!” หวงเฉวียนจือยิ้มเย็น ขณะที่วงแสงสีทองรวมตัวกันที่ด้านหลังศีรษะเขาอีกครั้ง
ฮา
มู่เฉินเบื่อที่จะพูด เขาหายใจเข้าลึกๆ ขณะเดียวกันมือก็ประสานเข้าด้วยกัน ร่างรองทั้งสองก็ทำแบบเดียวกันด้วย
เสียงทุ้มดังก้องจากหัวใจของมู่เฉิน “วิชาสามพิสุทธิ์ สามรวม!”
ฟิ้ว!
ทันใดนั้นร่างรองทั้งสองก็กลายเป็นริ้วแสงหลอมรวมเข้ากับร่างกายของมู่เฉิน
เมื่อร่างรองทั้งสองรวมเข้ามาไว้ด้วยกัน ม่านตาสีดำของมู่เฉินก็เปล่งประกายออกมาราวกับดวงดาวพราวระยับ กายาหลิงเทียนจุนก็เปลี่ยนไปมีความละเอียดอ่อนและบริสุทธิ์มากขึ้น
ในเวลาเดียวกันมังกรคลั่งแค้นนับไม่ถ้วนก็คำรามภายในร่างกายของเขา นำพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา ทำให้พลังงานของมู่เฉินแปรปรวนขึ้นในทันที
แม้แต่น้ำที่อยู่รอบๆ ยังยกคลื่นขึ้นจากความปั่นป่วน
ใบหน้าของหวงเฉวียนจือเปลี่ยนไปเมื่อมองมู่เฉิน เขารู้สึกได้ว่าความผันผวนของคลื่นหลิงจากมู่เฉินพุ่งขึ้นสูงด้วยความเร็วน่าอัศจรรย์ โดยเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลายสุดแล้ว ในเวลาเดียวกันก็ยังคงพุ่งขึ้นและไม่กี่ลมหายใจก็มาถึงขีดสุดของขั้นหลิง…
หวงเฉวียนจือตกใจเพราะนี่ไม่ได้หยุดแค่นั้น ยังคงเพิ่มอย่างต่อเนื่องก่อนที่ในที่สุดจะมาถึงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้น
“บัดซบ คลื่นหลิงของมันทำไมถึงเพิ่มขึ้นได้น่ากลัวขนาดนี้?!” หวงเฉวียนจือไม่สามารถเก็บความสงบไว้ในใจได้อีกต่อไป ขณะที่สบถออกมา
ในตอนนี้มู่เฉินมาถึงระดับเดียวกับเขาแล้ว!
แสงหลิงในดวงตาพลุ่งพล่าน มู่เฉินค่อยๆ กำมือ มิติก็บิดเบี้ยวในฝ่ามือ เขารู้สึกถึงคลื่นหลิงที่น่ากลัวในร่างกายพร้อมกับหัวใจที่สั่นสะท้าน
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าวิชาสามพิสุทธิ์ขั้นสามรวมจะเพิ่มการฝึกฝนของเขาได้มากขนาดนี้!
เขาเคยใช้ขั้นตอนนี้มาแล้วครั้งหนึ่งในอดีต แต่ก็สามารถหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างไม่สมบูรณ์แบบเท่านั้น ทว่าตอนนี้เมื่อขุมพลังเพิ่มขึ้น เขาก็เข้าใจการผสานขั้นสามรวมได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหลอมรวมอย่างสมบูรณ์หลังจากฝึกฝนขั้นสามรวม ผลลัพธ์ช่างเกินความคาดหมายของเขานัก
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองหวงเฉวียนจือพลางยิ้ม “ตอนนี้ข้าอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นแล้ว”
“ก็แค่ชั่วคราว ผ่านช่วงนี้ไปแกก็จะกลับไปสู่ขุมพลังเดิม!” หวงเฉวียนจือพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว เขารู้ว่ามู่เฉินไม่สามารถรักษาสิ่งนี้ไว้ได้ชั่วนิรันดร์หรอก ตราบใดที่เขาลากเวลามู่เฉินก็จะกลับสู่สภาพเดิม ไม่แน่อาจอ่อนแอลงเมื่อถึงจุดนั้นด้วย
“ตาแหลมดีนี่”
มู่เฉินพยักหน้าและยิ้ม ขณะที่ตวัดนิ้วก็ทำให้มิติสั่นกระเพื่อม เขาพูดอย่างใจเย็น “แต่เวลาแค่นี้ก็เกินพอที่จะจัดการกับแกได้แล้ว”
“ฝันไปเถอะ!” หวงเฉวียนจือตะเบ็งเสียงเย็นชา
มู่เฉินยิ้มจากนั้นหายใจเข้าลึก ตราประทับเปลี่ยนไปวูบไหว ทันใดนั้นแสงจำนวนมหาศาลก็ไหลพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อตัวเป็นเจดีย์ผลึกแก้วใสโบราณ
ขณะที่เจดีย์หมุนคว้างก็เกิดการสั่นสะท้านก่อนที่ร่างปีศาจทั้งแปดจะออกมาจากเจดีย์ ภายใต้สายตาตกตะลึงของหวงเฉวียนจือ
ปีศาจทั้งแปดดุร้ายเปล่งรัศมีรุนแรงพร้อมกับแรงกดดันที่ทำให้หวงเฉวียนจือรู้สึกหวาดกลัว
เมื่อรู้สึกถึงพลังนี้ ใบหน้าของหวงเฉวียนจือก็กลายมืดครึ้ม เขามองไม่ออกได้อย่างไรว่าหลังจากที่โดนเขากดมานานมู่เฉินก็โกรธจัดและเผยไพ่ตายออกมาในตอนนี้แล้ว…
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าหลังจากฝืนเพิ่มขุมพลังของแกจนถึงขอบเขตขั้นเซียนระยะต้นได้แล้ว แกจะสามารถเอาชนะข้าที่อยู่ในระดับนี้จริงๆ ได้!”
แสงดุร้ายวูบไหวในดวงตาของหวงเฉวียนจือ ขณะที่พูดต่อ “วันนี้ข้าจะดูสิว่าแกจะทำอะไรข้าได้บ้าง!”
เมื่อพูดจบ เกลียวแสงโบราณก็รวมตัวกันเบื้องหลังศีรษะ ซึ่งทำให้เกิดความผันผวนอย่างมาก
เฝ้ามองการเผชิญหน้านี้ เปลือกตาของผู้ชมก็กระตุกด้วยสีหน้าเคร่งเครียดรุนแรง
ทุกคนสามารถบอกได้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว