ภูเขาด้านหลังเผ่าวิหคโลกันตร์
มู่เฉินนั่งอยู่บนหินสีฟ้าอมเขียว หลังจากออกจากเผ่าหงส์ฟ้าเขาไม่ได้กลับไปที่ตำหนักมู่ แต่มาอยู่ที่นี่กับจิ่วโยวก่อน
นั่นเป็นเพราะจิ่วโยวต้องดูดซับแก่นโลหิตชั้นยอดเสมือนขั้นเซิ่งเพื่อให้วิวัฒนาการสำเร็จ ดังนั้นเขาจึงตั้งใจมาปกป้องนาง
แน่นอนว่าเขาก็ต้องการสถานที่ที่ปลอดภัยเพื่อดูดซับแก่นโลหิตชั้นยอดอีกหกส่วนด้วยเช่นกัน
มู่เฉินเงยหน้ามองภูเขาที่อยู่ห่างไกลซึ่งไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่บนนั้น นี่เป็นเขาหัวโล้นพร้อมกับอุณหภูมิที่พุ่งออกมาจากภูเขา
นั่นเป็นจุดที่จิ่วโยวกำลังอยู่ระหว่างการวิวัฒนาการ
“จิ่วโยวเข้าสู่สมาธิแล้ว หวังว่านางจะประสบความสำเร็จ” เทียนฮวงยืนอยู่ข้างมู่เฉิน ขณะที่เขามองไปที่ภูเขาใหญ่ แม้ว่าสายตาจะดูเรียบเฉยแต่มู่เฉินก็รู้สึกได้ถึงความกังวลใจที่แฝงอยู่
“ไม่ต้องกังวล นางจะประสบความสำเร็จแน่นอน” มู่เฉินเอ่ยแบบสบายใจ
เทียนฮวงพยักหน้าหันไปหามู่เฉินและยิ้ม “เจ้าสามารถเข้าสู่สมาธิได้ที่นี่ตอนนี้ ข้าออกคำสั่งว่าในรัศมีหนึ่งแสนลี้ให้เป็นพื้นที่หวงห้าม ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาได้ ดังนั้นเจ้าจะไม่ถูกรบกวน”
เมื่อตอนที่พวกมู่เฉินกลับมาถึงเผ่าวิหคโลกันตร์ ข่าวที่นำมาด้วยทำให้ทั้งเผ่าตื่นเต้นกันยกใหญ่ ตอนแรกพวกเขารู้สึกคับแค้นใจที่หวงเฉวียนจือต้องการสายเลือดของจิ่วโยวแต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
เดิมทีพวกเขาคิดว่าจิ่วโยวจะไม่รอดพ้นจากชะตากรรมนี้ แต่ใครจะคิดว่าจู่ๆ มู่เฉินจะยื่นมือเข้ามาช่วย ที่น่าตกใจยิ่งกว่าอะไรก็คือ… เขาเอาชนะหวงเฉวียนจือได้…
ในบรรดาเผ่าเทพอสูรโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่เผ่ากลางเวหา หวงเฉวียนจือมีชื่อเป็นที่โจษจัน แต่ใครจะคิดว่าเขาจะพ่ายแพ้ให้กับมู่เฉิน?
เมื่อข่าวส่งกลับมาที่เผ่าวิหคโลกันตร์ มู่เฉินก็กลายเป็นวีรบุรุษในหมู่เยาวชนรุ่นใหม่ ช่วงเวลาที่มู่เฉินเผยตัวต่อหน้าสาธารณชน เขาก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
ดังนั้นพอได้ยินคำพูดของเทียนฮวง มู่เฉินก็รู้สึกโล่งใจ “ถ้างั้นก็รบกวนท่านประมุขแล้ว”
เทียนฮวงโบกมือหันไปมองภูเขาที่จิ่วโยวกำลังเข้าสมาธิ “งั้นข้าก็ไม่รบกวนเจ้าแล้ว พวกเราจะให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวที่นี่ ดังนั้นเจ้าสามารถแจ้งให้ทราบหากต้องการอะไร”
มู่เฉินยิ้มพลางพยักหน้า
เทียนฮวงกลายเป็นริ้วแสงทะยานจากไป
เมื่อเทียนฮวงไปแล้ว ท่าทางมู่เฉินก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดก่อนที่เขาจะหายใจเข้าลึกๆ และเม็ดกลมเกลี้ยงสามเม็ดลอยออกมาจากแขนเสื้อ
มีอักขระอยู่บนเม็ดกลมเหล่านี้ ซึ่งเป็นผนึกที่มู่เฉินประทับไว้เพื่อป้องกันการรั่วไหล
แม้ว่าเม็ดเหล่านี้จะอยู่ในสถานะปิดผนึก แต่เมื่อถูกนำออกมาก็ยังทำให้จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงในร่างเขาอยู่ไม่สุข เสียงคำรามดังก้องออกมา
“ใจร้อนจริง…”
มู่เฉินยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ก่อนที่มือจะประสานเข้าหากัน ร่างกายเขาก็สั่นสะท้านก่อนที่ลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงจะปรากฏขึ้น
ชี่!
เมื่อเงาทั้งสองออกมา พวกมันก็ทะยานออกจากร่างมู่เฉิน ขยายตัวขนาดใหญ่เป็นมังกรและหงส์ฟ้าลอยอยู่เหนือมู่เฉิน
มังกรและหงส์ฟ้ามีสีทองราวกับว่าร่างกายหลอมด้วยทองคำดูสูงส่งนัก
นี่ก็คือจิตวิญญาณเทพอสูรแท้จริง แต่ร่างกายของพวกมันยังค่อนข้างลวงตาไม่สามารถสร้างร่างแท้จริงได้ ส่วนความผันผวนของคลื่นหลิงก็อยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มเท่านั้น
“หวังว่าแก่นโลหิตชั้นยอดเสมือนขั้นเซิ่งนี้จะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
มู่เฉินพึมพำขณะที่สะบัดนิ้ว ผนึกบนเม็ดกลมทั้งสามหายไปในทันที รัศมีสายเลือดรุนแรงพัดออกมาทำให้ท้องฟ้าทั้งผืนกลายเป็นสีแดง
วิญญาณเทพอสูรทั้งสองเปล่งเสียงคำรามหิวกระหายทันที ก่อนที่จะเริ่มกลืนรัศมีสายเลือดเข้าสู่ร่างกายพวกม้น
เบื้องหน้ามังกรและหงส์ฟ้าที่กำลังกลืนกิน เม็ดกลมทั้งสามเป็นเหมือนหลุมไร้ก้นขณะที่พรั่งพรูรัศมีสายเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง ปล่อยให้วิญญาณทั้งสองกลืนกินโดยรัศมีไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ชัดว่ารัศมีภายในหนาแน่นนัก
เมื่อจิตวิญญาณทั้งสองกลืนกินอย่างไม่มีที่สิ้นสุดก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง ร่างที่พร่างพราวเริ่มลึกซึ้งขึ้น มิหนำซ้ำยังมีสัญลักษณ์โบราณแผ่ออกมาบนเกล็ดมังกรและขนนกหงส์ฟ้า…
ราวกับว่าร่างกายของพวกมันกำลังถือกำเนิดขึ้นในขณะนี้
มู่เฉินยิ้มกับภาพนี้ แต่เขารู้ดีว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น หากเขาต้องการให้จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงมีวิวัฒนาการ พวกมันก็ต้องการรัศมีสายเลือดจำนวนมาก โชคดีที่แก่นโลหิตชั้นยอดเกือบจะบรรลุขั้นเซิ่งหกส่วนมีมากพอ
“ตอนนี้ก็แค่รอ…”
มู่เฉินพึมพำ จากนั้นก็หลับตาและเข้าสู่สภาวะฝึกฝน
กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาหนึ่งเดือน
โดยภูเขาที่นี่ถูกปกคลุมไปด้วยรัศมีสายเลือดรุนแรงซึ่งก่อตัวเป็นชั้นเมฆสีแดงเข้มบนท้องฟ้า ฉากนี้ช่างน่ากลัว แต่โชคดีที่เทียนฮวงได้ออกคำสั่งห้ามทุกคนเข้ามา
มู่เฉินลืมตาขึ้นเงยหน้ามองก็ไม่เห็นมังกรและหงส์ฟ้าอีกต่อไป เห็นแต่ชั้นเมฆสีแดงเข้มรวมตัวกันอย่างต่อเนื่องกลายเป็นไข่สีแดงเข้มขนาดใหญ่สองฟอง ส่วนเม็ดกลมทั้งสามที่เบื้องหน้ามู่เฉินก็หดตัวลงครึ่งหนึ่ง
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของมู่เฉิน เขารู้สึกได้ว่ามีสิ่งมีชีวิตที่โดดเด่นสองชนิดบ่มตัวอยู่ในไข่
เมื่อมองลงมาจากเมฆสีแดงมู่เฉินก็อึ้งไปชั่วครู่ เนื่องจากเห็นเปลวไฟสีดำพวยพุ่งออกมาจากภูเขาหัวโล้นอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้เปลวไฟสีดำภูเขาทั้งลูกมีร่องรอยการละลาย
ดูเหมือนจะมีบางอย่างแตกออกมาจากรังไหมที่อยู่ลึกเข้าไปในภูเขาพร้อมกับความผันผวนลึกลับ
“ดูท่าว่าวิวัฒนาการของจิ่วโยวจะมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว…” มู่เฉินรู้สึกตื่นเต้น หากจิ่วโยววิวัฒนาการสำเร็จ นางก็จะได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในมหาเทพอสูรในฐานะจอมยุทธ์ระดับเทียนจื้อจุน
“เห็นทีข้าจะล้าหลังไม่ได้…”
ตราประทับของมู่เฉินเปลี่ยนแปลง รัศมีสายเลือดจากเม็ดกลมทั้งสามก็หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นมู่เฉินก็หลับตาลง
มู่เฉินลืมตาขึ้นอีกครั้ง
เพราะตกใจกับเสียงฟ้าร้องดังก้อง เขามองไปในระยะไกลก็เห็นเมฆฝนรวมตัวกันเหนือภูเขาที่จิ่วโยวอยู่พร้อมกับสายฟ้าทำลายล้าง
“ภัยพิบัติสายฟ้า!”
ดวงตาของมู่เฉินหดลง นี่ก็เหมือนกับมนุษย์พบกับภัยพิบัติเทียนจุนเมื่อบรรลุระดับเทียนจื้อจุน เหล่าเทพอสูรก็เกิดภัยพิบัติเช่นกัน
หากภัยพิบัติสายฟ้าอยู่ที่นี่ นั่นหมายความว่าจิ่วโยวอยู่ห่างจากความสำเร็จอีกเพียงก้าวเดียว
มู่เฉินมองไปที่เมฆฝนหนาแน่นก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของคลื่นหลิง เมื่อเลื่อนสายตาต่อไปเขาก็เห็นเทียนฮวงและผู้อาวุโสของเผ่าวิหคโลกันตร์รวมตัวกันมองไปที่เมฆหนาทึบด้วยความกังวลใจ
ตู้ม ตู้ม!
ขณะนี้เองเมฆฝนฟ้าคะนองแตกออก เสาสายฟ้าขนาดใหญ่ฟาดลงมาจากสวรรค์ ส่งกลิ่นเหม็นไหม้ในชั้นบรรยากาศ
ฟู่ ฟู่!
ทว่าเมื่อเสากำลังจะปะทะกับเปลวไฟสีดำภายในภูเขา เสาเพลิงสีดำก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าปะทะกับเสาสายฟ้า
ตึง!
เมื่อเปลวไฟและสายฟ้าปะทะกันทั่วฟ้าดินก็สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น พลังงานสองสายยึดกันเป็นเวลาสั้นๆ ก่อนจะสลายไป
ตู้ม ตู้ม!
แต่ภัยพิบัติสายฟ้าไม่ง่ายอย่างนั้น ไม่นานจากนั้นเมฆฝนก็กลิ้งตัว พวกเทียนฮวงรู้สึกว่าหนังหัวด้านชาไปหมด เมื่อเห็นเสาสายฟ้าสีเงินฟาดลงมาจากท้องฟ้าพุ่งไปยังภูเขาลูกนั้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าสวรรค์พยายามทำลายสิ่งที่อยู่ภายใน
เผชิญกับการโจมตีที่รุนแรงเหล่านั้น เปลวไฟสีดำเชี่ยวกรากก็พวยพุ่งออกมาจากภูเขาก่อตัวเป็นกำแพงกั้น
ตึง ตึง ตึง!
พลังโจมตีของสายฟ้ารุนแรงมากขึ้น กำแพงเริ่มอ่อนลงก่อนที่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ ในที่สุด
ทันใดนั้นเมฆบนท้องฟ้าก็รวมตัวกัน สายฟ้าขนาดมหึมาฟาดลงมาจากท้องฟ้ามุ่งสู่ภูเขา
ความตกใจกลัวปกคลุมใบหน้าของพวกเทียนฮวง พวกเขาเห็นภูเขาราวกับละลายและลดระดับลงบนพื้นทันที
กีด!
แต่ทันใดนั้นเสาเพลิงสีดำขนาดใหญ่ก็พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าพลางกระพือปีก ปากเปิดอ้าคล้ายกับหลุมดำกัดกินสายฟ้า
เสียงร้องดังก้องไปทั่วสวรรค์และโลก
ทุกคนเงยหน้าขึ้นก็เห็นวิหคสีดำปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีดำขณะที่แทรกซึมรัศมีโบราณและสูงส่ง
เมื่อมองไปที่วิหคสีดำ มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกด้วยความชื่นชมสุดซึ้งในดวงตา
ณ เวลานี้จิ่วโยววิวัฒนาการสำเร็จแล้ว นางหลุดจากร่างเทพอสูรกลายเป็นมหาเทพอสูรอย่างแท้จริง
วิหคอมตะ!
ขณะที่มู่เฉินรู้สึกยินดีกับวิวัฒนาการที่ประสบความสำเร็จของจิ่วโยว ดวงตาก็หดลงทันที เขาหันไปมองเมฆสีแดง เมื่อครู่เขาสัมผัสได้ว่าสิ่งชีวิตในนั้นก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว…
“ในที่สุดก็จะออกมาแล้วเรอะ?”