หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1484 สู้กับซื่อหลัว

ทุกคนที่จดจ่ออยู่กับหน้าจอต่างตกตะลึง

ไม่มีใครคาดคิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะจบลงอย่างรวดเร็ว…

ฉินตงไห่ไม่ใช่พวกจัดการง่ายๆ สิ่งนี้เห็นได้จากความแข็งแกร่งของเขาที่เอาชนะคู่แข่งขันก่อนหน้า พลังของเขาอยู่ในอันดับต้นๆ ของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลางเลยทีเดียว

แต่ถึงอย่างนั้นก็ถูกมู่เฉินปราบปรามอย่างสมบูรณ์…

ดังนั้นบอกได้ว่าพลังของมู่เฉินดุดันเพียงใด

“สมกับเป็นคนที่เอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนห้าคนได้…ความสามารถในการต่อสู้ของเขาเหนือมนุษย์จริงๆ…”

“ดูเหมือนว่าคงจะมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายแท้จริงถึงจะปราบเขาได้”

“ก็ไม่แน่เสมอไป มู่เฉินมีไพ่ตายมากมายและเราไม่รู้ว่าเขาซ่อนอะไรไว้บ้าง…” มีบางคนมองไปที่มู่เฉินด้วยสีหน้าหนักใจ

“เป็นไง?” ชิงเหยี่ยนจิ้งหัวเราะเสียงพลิ้วขณะที่ปรายตามองฝูถูเฉวียน

ฝูถูเฉวียนทำท่าทางเข้มงวดเค้นเสียงขึ้นจมูกใส่ “มีอะไรต้องเฉลิมฉลองกับแค่เอาชนะฉินตงไห่? คู่ต่อสู้ที่แท้จริงคือสี่คนนั่นต่างหาก”

ชิงเหยี่ยนจิ้งพยักหน้าตอบว่า “ทั้งสี่คนสั่งสมชื่อเสียงมานานแล้วและสามารถติดอันดับต้นๆ ในมหาพันภพ คราวนี้เฉินเอ๋อเจอศัตรูที่แข็งแกร่งแน่แล้ว”

ทว่าคำพูดของนางก็กลับมาชื่นชมลูกชายเหมือนเดิม “แต่ในเมื่อเฉินเอ๋อมั่นใจที่จะเข้าสู่เจดีย์วั้นกู่ นั่นหมายความว่าเขาต้องมั่นใจมาก”

ฝูถูเฉวียนมองความมั่นใจที่ชิงเหยี่ยนจิ้งมีต่อมู่เฉินก็ได้แต่ส่ายหน้า เขาไม่ได้มีความคิดเห็นเช่นเดียวกับนาง อย่างไรก็ตามแม้ว่ามู่เฉินจะไม่อ่อนแอ แต่ทั้งสี่คนนั้นก็ใช่ว่าจัดการง่าย

การต่อสู้ในวันนี้ไม่จบลงง่ายๆ แน่

 

หลังจากเอาชนะฉินตงไห่แล้ว

มู่เฉินก็ไปต่อโดยไม่หยุดพักและค้นหาคู่ต่อสู้คนอื่นๆ ไปเรื่อยๆ

เวลาต่อมาเขาเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดายและได้รับแก่นอมตะสามชิ้นเพื่อเสริมสร้างร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของตนเอง

ทันใดนั้นมิติก็บิดเบี้ยวอีกครั้ง ชัดว่าคู่แข่งอีกครึ่งหนึ่งถูกกำจัด ดังนั้นคนอยู่ต่อก็เข้าสู่ชั้นถัดไป

มู่เฉินไม่ได้ประหลาดใจ ยังคงหาคู่ต่อสู้ต่อไป

ในเวลาสองก้านธูปต่อมามิติรอบก็เปลี่ยนไปถึงสองครั้ง คู่ต่อสู้ที่พบก็ลดลงแต่คนที่พบกลับมีพลังมากขึ้น มากจนบางคนแข็งแกร่งกว่าฉินตงไห่เสียอีก

นั่นหมายความว่าการจัดอันดับในทำเนียบไม่ได้ถูกต้องเสมอไป

 

ตู้ม!

มิติสั่นสะเทือนคลื่นหลิงป่าเถื่อนล้นเหลือก็กวาดอาละวาด สร้างรูพรุนเอาไว้บนพื้น…

ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ค่อยๆ สลายไปพร้อมกับร่างร่างหนึ่งถูกส่งออกจากเจดีย์วั้นกู่ ในเวลาเดียวกันแก่นอมตะหนาแน่นก็พุ่งออกมาแล้วถูกยักษ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังมู่เฉินเขมือบเข้าไป

หลังจากกินแก่นอมตะชิ้นนี้ ร่างยักษ์ที่อยู่เบื้องหลังมู่เฉินก็ได้รับการปรับแต่งมากขึ้นพร้อมกับจุดและลวดลายโบราณปรากฏขึ้น

ช่างราวกับว่าสร้างขึ้นก่อนประวัติศาตร์มีทั้งอำนาจเหนือกว่าและลึกลับ

“ร่างเทพสิรุยะนิรันดร์ของข้าตอนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าท่านอาจารย์ในตอนนั้นแล้ว” มู่เฉินรู้สึกตื่นเต้นเมื่อสัมผัสถึงพลังของร่างเทห์สวรรค์

ในอดีตจักรพรรดิฟ้าน่าจะไม่เคยมาที่เจดีย์วั้นกู่ เนื่องจากเทพจักรพรรดินิรันดร์ยังมีชีวิตอยู่

ฮึ่ม ฮึ่ม

ขณะที่ความคิดนี้แวบขึ้นในใจของมู่เฉิน มิติก็บิดเบี้ยว เขาหรี่ตาลงพร้อมกับร่างกายเกร็งขึ้น

เหลือจอมยุทธ์แปดคนสุดท้ายในเจดีย์วั้นกู่แล้ว ซึ่งหมายความว่าเขามีโอกาสมากที่จะพบกับสี่อันดับแรก

“ในที่สุดก็มาถึงช่วงสุดท้าย…”

มิติบิดเบี้ยว เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยรอบอย่างรวดเร็ว เมื่อกวาดสายตาออกก็พบว่าเขาไปปรากฏตัวในมหาสมุทรกว้างใหญ่แล้ว

ฮา

มู่เฉินจ้องมองมหาสมุทรก็หายใจออกอย่างหนัก ฝ่ายตรงข้ามที่เขาพบจะต้องทรงพลังมาก มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่สามารถผ่านขั้นตอนการกำจัดได้

“แค่ไม่รู้ว่าจะเจอใคร…” มู่เฉินพึมพำ ถ้าเขาเจอหมัวเฮอโยวที่นี่ ศึกสุดท้ายก็จะเกิดขึ้นล่วงหน้า

ฝ่าเท้าก้าวย่างไปบนมหาสมุทร เมื่อย่างเท้าออกไปร่างมู่เฉินก็ไปปรากฏภายนอกในระยะหมื่นจั้ง…

หลังจากผ่านไปสิบกว่านาทีเขาก็หยุดฝีเท้า ความเฉียบคมรวมอยู่ในดวงตาขณะมองไปในระยะไกล

เขาเห็นคลื่นพลุ่งพล่านที่เบื้องหน้าพร้อมกับร่างเงาหนึ่งนั่งอยู่

คนผู้นั้นสวมเสื้อคลุมสีทอง ศีรษะโล้นเตียนสะท้อนแสง โครงร่างผอมบางราวกับสัตว์อสูรขนาดใหญ่ที่แผ่ซ่านแรงกดดันที่น่ากลัว

“ราชันทองวัชระ—ซื่อหลัว”

เมื่อมองไปที่คนผู้นั้น ท่าทางของมู่เฉินก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด

 

“มู่เฉินปะทะซื่อหลัว”

ผู้ชมด้านนอกเจดีย์วั้นกู่ร้องลั่น ตอนนี้เหลือกระจกเพียงสี่บานและในกระจกทั้งสี่ก็ฉายภาพจอมยุทธ์แปดคน เมื่อทุกคนเห็นมู่เฉินกับซื่อหลัวปรากฏบนบานเดียวกันก็ตะโกนอุทาน

ทุกคนฉายท่าทางเคร่งเครียด ซื่อหลัวอยู่อันดับสามและมีขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลาย ความสามารถในการต่อสู้ของเขาก็น่ากลัว คู่ต่อสู้ทุกคนที่ผ่านมายังไม่สามารถบังคับให้เขาใช้ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ได้ เขาใช้พลังกายของตัวเองเผชิญหน้ากับศัตรูมาตลอดทาง

แต่ในทำนองเดียวกันมู่เฉินก็ก้าวเข้ามาอย่างอหังการเช่นกัน ดังนั้นการเผชิญหน้าของพวกเขาจึงดึงดูดความสนใจของทุกคน

“ซื่อหลัวรึ…” ท่าทางของชิงเหยี่ยนจิ้งเคร่งเครียดลง เนื่องจากนางเคยได้ยินเรื่องของซื่อหลัว

แม้แต่ฝูถูเฉวียนก็ขมวดคิ้วแน่น แม้ว่าเขาจะหมั่นไส้มู่เฉินอยู่บ้าง แต่เขาก็หวังว่ามู่เฉินจะชนะ แต่การเผชิญหน้าซื่อหลัวเป็นเรื่องยากอย่างไม่ต้องสงสัย

บางทีเขาอาจจะจบลงที่นี่เลย

“เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดทีเดียว… หวังว่าไอ้หนูจะผ่านไปได้…”

 

ซ่า ซ่า ซ่า!

คลื่นหยุดห่างออกไปจากมู่เฉินหนึ่งพันจั้ง ซื่อหลัวค่อยๆ ลืมตาขึ้นพลางยิ้ม “ไม่คิดว่าจะได้พบกับประมุขมู่”

มู่เฉินก็ผงกศีรษะตอบว่า “ชะตาช่างกลั่นแกล้งให้ต้องพบกับราชันทองวัชระ”

เมื่อเผชิญหน้ากับเขา แม้แต่มู่เฉินก็รู้สึกถึงอันตรายที่ไม่สามารถประมาทได้

ซื่อหลัวยิ้ม “ประมุขมู่มีความสำเร็จที่น่าทึ่ง แต่ข้าก็ไม่ยอมแพ้เพราะร่างมหาเทพนิรันดร์ที่เป็นรางวัลแน่”

“เช่นเดียวกัน” มู่เฉินยิ้ม

เมื่อซื่อหลัวยืนขึ้น ร่างเพรียวบางของเขาก็ทำให้มิติสั่น มือของเขาประสานเข้าด้วยกัน “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าคงต้องขอคำชี้แนะนำจากประมุขมู่แล้ว”

เจดีย์ผลึกแก้วสั่นไหวในดวงตาของมู่เฉิน ผลึกคลื่นหลิงไหลไปตามแขนขาแม้แต่ผิวก็กลายเป็นอัญมณี

“ชี้แนะด้วย”

ท่าทางของมู่เฉินเคร่งเครียดลง เผชิญหน้ากับศัตรูร้ายกาจเช่นนี้ ตัวเขาก็ให้ความเคารพ

ร่างของซื่อหลัวค่อยๆ เปล่งประกายด้วยแสงสีทองพร้อมกับลวดลายบนร่างกาย ยกคลื่นในมหาสมุทรขึ้น

แรงกดดันโอบล้อมออกไปด้านนอก

สายตาของมู่เฉินเปลี่ยนไปเป็นเฉียบคม อึดใจก็เคลื่อนไหว เขาอ้าปากเพลิงสีม่วงก็พุ่งไปทางซื่อหลัว

ในวิถีทางของเพลิง มหาสมุทรถึงกับเดือดปุด

แต่เผชิญหน้ากับเพลิงนี้ ซื่อหลัวไม่ได้หลบ เขาปล่อยให้เพลิงห่อหุ้มร่างเขาแทน

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็หรี่ตาลง เพลิงม่วงกลืนวิญญาณทรงพลังมาก กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็ไม่กล้าเข้าใกล้ ทว่าซื่อหลัวกล้าดีแท้

ปัง!

ทันใดนั้นเพลิงก็ระเบิดออก ร่างเงาหนึ่งพุ่งออกมา ไม่มีความผันผวนคลื่นหลิงรอบตัวซื่อหลัว อีกฝ่ายอาศัยพลังกายล้วนๆ ในการต้านทานเพลิงสีม่วง

เพลิงม่วงกลืนวิญญาณกลืนกินคลื่นหลิงเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเอง แต่ซื่อหลัวปิดผนึกรูขุมขนไม่ได้ปล่อยพลังงานใดๆ ออกมา ดังนั้นเพลิงจึงไม่สามารถคงอยู่ได้

วาบ!

ซื่อหลัวพุ่งออกมาพลางกำจายแสงสีทอง พริบตาก็มาปรากฏตัวเบื้องหน้ามู่เฉินแล้วเหวี่ยงหมัดออกไป

ดวงตามู่เฉินวูบไหว ผลึกคลื่นหลิงก่อตัวเป็นถุงมือ จากนั้นเขาก็หมุนเวียนคลื่นหลิงในร่างกายเพื่อที่จะปล่อยหมัดออกไป

เขาต้องการจะทดสอบความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลาย

ตึง!

หมัดสองหมัดปะทะกัน มหาสมุทรที่อยู่เบื้องล่างก็ยุบลงพร้อมกับคลื่นกระแทกยกตัวสูงนับไม่ถ้วน

ตู้ม!

ร่างทั้งสองสั่นสะท้าน แต่ครั้งนี้มู่เฉินอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบ เขาถลาออกไปหนึ่งพันจั้งลากรอยยาวบนมหาสมุทรใต้เท้า

“ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายทรงพลังแท้จริง”

มู่เฉินกระทืบฝ่าเท้าเพื่อทรงตัวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด รอยแตกปรากฏบนถุงมือผลึกใส ก่อนที่มันจะร่วงหล่นและสลายไป

หลังจากเปลี่ยนเป็นผลึกคลื่นหลิง ต่อให้มีขุมพลังเพียงขั้นหลิงระยะกลาง แต่ความหนาแน่นของคลื่นหลิงนั้นก็สามารถเทียบเคียงขั้นเซียน ทว่าตอนนี้ก็ยังถูกซัดถอยโดยซื่อหลัว

ถ้าไม่ใช่เพราะซื่อหลัวกลัวว่าผลึกคลื่นหลิงของเขาและไม่กล้าที่จะใช้พลังเต็มที่ หมัดนี้สามารถทำให้มู่เฉินได้รับบาดเจ็บแน่

“ดูเหมือนข้ายั้งมือไม่ได้แล้ว…”

มู่เฉินหายใจเข้าลึกพลางวาดตราประทับ เงาร่างสองร่างก็พุ่งออกมาจากร่างเขา กลายเป็นร่างรองสองร่างของเขา

เมื่อมองไปที่ภาพเงาทั้งสอง สีหน้าของซื่อหลัวก็กลายเป็นเคร่งเครียด เขารู้ว่าในฐานะวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่า วิชาสามพิสุทธิ์ทรงพลังเพียงใด

เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้ ซื่อหลัวไม่กล้าออมมือ แม้ว่ามู่เฉินจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะกลางเท่านั้น มือของเขาประสานเข้าด้วยกัน แสงสีทองพวยพุ่งออกมาจากร่างกาย ในขณะนี้โครงร่างเพรียวบางก็เริ่มขยายตัว

ในไม่กี่ลมหายใจเขาก็กลายเป็นยักษ์ยืนตระหง่านอยู่บนมหาสมุทร

พลังไร้ขอบเขตและน่าสะพรึงระเบิดออกมาราวกับพายุจากร่างซื่อหลัว

ที่ด้านนอกเจดีย์วั้นกู่ทุกคนมองไปที่ภาพนี้ด้วยความตกตะลึงในใจ ทั้งสองคนกำลังจะนำความสามารถที่แท้จริงออกแล้ว…

แค่ไม่รู้ว่าใครจะหัวเราะเป็นคนสุดท้ายในการต่อสู้ครั้งนี้

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset