หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1280 สู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1280 สู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม

ในคุกมืดมิด

หญิงสาวทรงเสน่ห์ในชุดขาวนั่งเงียบๆ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่าสายตาสามารถมองทะลุผ่านชั้นต่างๆ จ้องมองเงาร่างบนท้องฟ้าได้

“มู่เฉิน…”

รอยยิ้มกระจายบนใบหน้านาง เมื่อครู่ที่นางเข้าควบคุมค่ายกลป้องกัน นางก็ได้กระจายการรับรู้ออกไปทั่วบริเวณ

ดังนั้นนางจึงสามารถเห็นมู่เฉินที่กลายเป็นชายชาตรีไม่เหลือเค้าความเป็นเด็กอีกต่อไป

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินเติบโตขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

“มู่เฉิน ข้าจะช่วยเจ้าจับหนึ่งในพวกมันเอาไว้ แต่อีกสองคนต้องพึ่งพวกเจ้าเองนะ” หลิงซีพึมพำ ด้วยค่ายกลที่ชิงเหยี่ยนจิ้งทิ้งไว้ ต่อให้ผู้อาวุโสอสรพิษมรกตจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม หลิงซีก็มั่นใจว่าสามารถจับเอาไว้ได้

แต่นี่เป็นขีดจำกัดของนางแล้ว สำหรับกู้ซือหวงและเหลียงเสียหยู พวกมู่เฉินก็ต้องพึ่งพาตัวเอง

“ให้ข้าดูหน่อยว่าเจ้าเติบโตขึ้นมากถึงระดับไหน…”

หลิงซีมองไปในความมืด เสียงต่ำดังก้องอยู่ในคุกที่เงียบสงบ

บนเกาะหัวใจหยก

เมื่อค่ายกลสะเก็ดดาวไหลเวียนสวรรค์เปลี่ยนเป้าหมายไปกลายเป็นกับดักขังผู้อาวุโสอสรพิษมรกตเอาไว้ หลงเซี่ยงก็ตะลึงงัน เขาไม่คิดว่าสถานการณ์จะเกิดการพลิกผันเช่นนี้

“ค่ายกลนี้น่าจะอยู่ภายใต้การควบคุมของพี่หลิงซีแล้ว” มู่เฉินยิ้ม เขาไม่แปลกใจเลย นั่นเป็นเพราะเมื่อค่ายกลปรากฏขึ้น เขาก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนที่มาจากหลิงซี

คนอื่นอาจไม่สามารถรับรู้ได้ แต่นี่หนีไม่พ้นจากมู่เฉินหรอก เพราะตัวเขาก็เป็นหลิงเจิ้นซือเช่นกัน

ดังนั้นเขาจึงไม่ตอบโต้เมื่อกู้ซือหวงต้องการใช้ค่ายกลเพื่อจับเขา เนื่องจากเขารู้ว่าผลลัพธ์จะเปลี่ยนไป

“หลิงซี?” หลงเซี่ยงตะลึงงัน “นางประสบความสำเร็จขนาดนี้ได้อย่างไร?”

มู่เฉินมองไปที่เกาะหัวใจหยก “ท่านเคยบอกว่าเกาะนี้เป็นสถานที่ฝึกฝนของแม่ข้าไม่ใช่หรือ? นางอาจทิ้งอะไรไว้บ้างและพี่หลิงซีก็อาจจะแอบฝึกฝนตอนที่ถูกขังอยู่ที่นี่…”

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา หลงเซี่ยงก็ตกใจพูดขึ้นว่า “ว่าแล้ว ข้าก็สงสัยอยู่ว่าทำไมหลิงซีถึงตั้งใจตกหลุมพรางที่นี่ ปล่อยให้กู้ซือหวงจับนางเอาไว้ได้ ที่แท้นางมีเป้าหมายอื่นนี่เอง!”

มู่เฉินยิ้มก่อนที่จะเหลียบมองผู้อาวุโสอสรพิษมรกตที่หน้าเขียวคล้ำ “ในเมื่อพี่หลิงซีช่วยเราจัดการไปตัวหนึ่งแล้ว เราก็มาจัดการอีกสองตัวที่เหลือกัน”

หลงเซี่ยงยิ้มฝืดเมื่อได้ยิน แม้ว่าผู้อาวุโสอสรพิษมรกตจะติดกับดัก แต่สองคนที่เหลือยังคงเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม ดังนั้นพวกเขาสามคนจะเอาชนะได้อย่างไร?

“พี่ใหญ่หลงเซี่ยง ท่านกับลั่วหลีรวมพลังกันน่าจะสามารถเผชิญหน้ากับหนึ่งในนั้นได้”

หลงเซี่ยงอึ้งไปก่อนที่จะหันขวับไปมองลั่วหลี เขามีความเข้าใจต่อลั่วหลี รู้ว่าอีกฝ่ายปลูกฝังร่างเทพวารีของลั่วเสิน ทำให้พลังในการต่อสู้ยากจะจินตนาการ แม้ว่านางจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่ตัวเขาเองยังประสบปัญหาที่จะมีตำแหน่งได้เปรียบ

หากพวกเขาทำงานร่วมกัน ก็เป็นไปได้ที่จะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม

ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ได้หมายความว่ามู่เฉินจะต้องจัดการกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มด้วยตัวคนเดียวเรอะ?

“พี่ใหญ่หลงเซี่ยง ไม่ต้องไปกังวลแทนเขา ในเมื่อเขาวางแผนเช่นนี้ เขาก็ต้องมีความมั่นใจในการลงมือ” ลั่วหลียิ้มขณะที่พูดกับหลงเซี่ยงที่ลังเล

เห็นได้ชัดว่านางเต็มไปด้วยความมั่นใจสำหรับมู่เฉิน

หลงเซี่ยงทำได้แค่ผงกหัวยิ้มขมขื่น “หากสถานการณ์ไม่ดี เราจะถอยก่อน กู้ซือหวงไม่กล้าทำอะไรหลิงซีหรอก”

มู่เฉินยิ้ม ไม่ได้ตอบรับ

ขณะที่พวกเขาพูดกัน กู้ซือหวงและเหลียงเสียหยูก็มีสายตามืดมน พวกเขาคิดหาสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงฉับพลันในค่ายกลนี้ได้แล้ว

“อสรพิษมรกตไม่ต้องกังวล โจมตีค่ายกลเต็มกำลังเลย ให้นังแพศยานั่นไม่สามารถควบคุมค่ายกลทำอย่างอื่นได้ เมื่อไรพวกข้าจับพวกมันสามคนได้ เราจะช่วยเจ้าออกมาทันที” กู้ซือหวงมองไปที่อสรพิษมรกต ก่อนที่จะพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ผู้อาวุโสอสรพิษมรกตเค้นเสียงขึ้นจมูก แต่สีหน้าสงบนิ่งลง เห็นได้ชัดว่าถึงแม้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ ด้วยพลังของกู้ซือหวงและเหลียงเสียหยูการจัดการกับสามคนนั่นก็ใช้เวลาแค่กะพริบตา

นี่ทำให้ผู้อาวุโสอสรพิษมรกตสงบใจลงได้ กู้ซือหวงเขม่นมองมู่เฉินอย่างเยือกเย็น สายตาเย็นเยือกลง ลดอุณหภูมิระหว่างสวรรค์และโลก

“แกคิดว่าตัวเองจะรอดด้วยความช่วยเหลือของนังนั่นเรอะ?”

“วันนี้ต่อให้แกจะงอกปีกได้ ก็ไม่สามารถหนีจากข้าไปได้!”

ตู้ม!

เมื่อเสียงของกู้ซือหวงจบลง คลื่นหลิงน่าสะพรึงก็เปล่งออกมาราวกับพายุพร้อมกับพวยพุ่งบ้าคลั่งปกคลุมทั่วบริเวณนี้

เหลียงเสียหยูยิ้มน่าขนลุก ขณะที่ก้าวเท้าออกไปพร้อมกับคลื่นหลิงที่ไม่อ่อนแอกว่ากู้ซือหวงพลุ่งพล่าน

รัศมีหลายหมื่นลี้กลับกลายเป็นความมืด ภายใต้แรงกดดันคลื่นพลังสองสายที่น่ากลัวก็ทำให้มิติโดยรอบกระเพื่อมไหว ขณะที่สัตว์อสูรในมหาสมุทรนับไม่ถ้วนหนีกันจ้าละหวั่น ไม่มีใครกล้าที่จะอยู่ในน่านน้ำของเกาะหัวใจหยกแล้ว

เมื่อจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มทั้งสองปลดปล่อยรัศมีของพวกเขา ใบหน้าของหลงเซี่ยงและลั่วหลีก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

ในทางตรงกันข้ามสายตาของมู่เฉินก็คมชัดขึ้น มังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงก็ปรากฏอยู่ใต้ผิวหนัง แม้ว่าพวกมันจะอยู่ระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่เนื่องจากมีสายเลือดบริสุทธ์ของเทพอสูรซึ่งมีศักดิ์ศรีโดยธรรมชาติ ดังนั้นรัศมีหลิงที่มาจากจอมยุทธ์สองคนนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้

มู่เฉินจ้องมองกู้ซือหวง ทันใดนั้นแสงวาวโรจน์ก็ลุกโชนในดวงตา ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงทำได้เพียงหลบหนีเมื่อเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ระดับนี้

แต่เนื่องจากเขาบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย ช่องว่างระหว่างพลังที่มีก็ค่อยๆ เติมเต็มลง

ขุมพลังที่เหมือนไกลเกินเอื้อมในสายตาของเขาในอดีตก็ไม่ได้สูงส่งอีกต่อไป

ตู้ม!

ดวงตาของมู่เฉินลุกโชนด้วยไฟการต่อสู้ อึดใจเขาก็ทะยานออกไปพุ่งเข้าใส่กู้ซือหวง

การเคลื่อนไหวฉับพลันของมู่เฉิน ทำให้ดวงตาของกู้ซือหวงกระตุกก่อนจะแสยะยิ้มน่าขนลุก “ไอ้เด็กไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ในเมื่อเรียกร้องความตาย ข้าจะตอบสนองความต้องการนั่นเอง!”

เมื่อจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายธรรมดาสามัญเผชิญหน้ากับเขา ใครบ้างจะไม่หวาดกลัว? แต่ไม่เพียงมู่เฉินจะไม่กลัว เขายังเปิดการโจมตีก่อนด้วยซ้ำ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เท่ากับการท้าทายอำนาจของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม

ตู้ม!

ร่างของมู่เฉินพุ่งออกมา ไม่กี่ลมหายใจเขาก็ปรากฏตัวต่อหน้ากู้ซือหวง จากนั้นก็สูดหายใจลึก เสียงคำรามดังก้องออกมาจากร่างกาย

ปัง!

ไม่มีสีหน้าใดๆ เขาเหวี่ยงหมัดออกไป

เมื่อหมัดขว้างออกมามังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงก็ปรากฏบนท่อนแขนของเขา เปล่งเสียงคำรามพร้อมกับริ้วแสงสีทองปกคลุมทั่วแขนเขาราวกับถุงมือ

แต่แม้ว่าเขาจะใช้มังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะจัดการกับจอมยุทธ์ระดับนี้!

ดังนั้นเมื่อพลังของเทพอสูรทั้งสองทะลักออกมา เจดีย์ผลึกใสก็ปรากฏขึ้นจากส่วนลึกของดวงตา เขาเทพลังงานลงไปในเจดีย์ อึดใจต่อไปคลื่นหลิงอัญมณีก็พวยพุ่งออกมา

ตอนที่มู่เฉินอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น คลื่นหลิงในร่างกายเขาก็สามารถต้านทานระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายได้แล้วหลังจากเปลี่ยนแปลง ยิ่งตอนนี้เขาบรรลุขั้นปลายแล้ว ผลที่ตามมาก็น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม

ตู้ม!

ผ่านการแปลงพลังงานที่ไร้ขอบเขตที่เพิ่มขึ้นในร่างกาย ม่านตาสีดำของมู่เฉินก็เปล่งประกายราวกับอัญมณี

ขณะเดียวกันแสงระยิบระยับบนกำปั้น ราวกับว่าทั้งกำปั้นกลายเป็นกำปั้นอัญมณีใสในเวลานี้

กำปั้นแตกสลายมิติ แม้กระทั่งเศษเสี้ยวมิตินับไม่ถ้วนยังพังยับเมื่อสัมผัสกับกำปั้น

รับรู้ถึงพลังน่าทึ่งที่ระเบิดออกจากร่างของมู่เฉิน แม้แต่กู้ซือหวงก็ต้องหดม่านตาลง เนื่องจากเขารู้สึกไม่สบายใจจากพลังงานหลิงนั่น

“ไอ้เด็กเวรนั่นสามารถสร้างเจดีย์พุทธะได้อย่างแท้จริง!”

จิตสังหารพวยพุ่งในดวงตาของกู้ซือหวง ในฐานะที่เป็นสมาชิกคนหนึ่งของเผ่าฝูถู เขารู้ดีถึงการเสริมพลังของเจดีย์ ทว่าการเสริมพลังงานของระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายให้ถึงระดับนี้เป็นสิ่งที่สามารถทำได้กับเจดีย์พุทธะเท่านั้น!

“หึ ต่อให้แกมีเจดีย์พุทธะ แต่แกก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายจ้อยร่อย ข้าไม่เชื่อว่าแกะหลุดรอดจากมือข้าไปได้!”

กู้ซือหวงเค้นเสียงเย็นชาพร้อมกับกวาดสายตาโหดเหี้ยม ก่อนที่ฝ่ามือจะสร้างตราประทับแล้วกระแทกออกไป

“ตู้ม!”

จังหวะที่ฝ่ามือผลักออกมา ริ้วแสงแวววาวก็ระเบิดออกมาจากฝ่ามือของเขา ดูราวกับดวงอาทิตย์ ปะทะกับหมัดอัญมณีของมู่เฉิน

“ข้าจะใช้ฝ่ามือนี่สั่งสอนแกว่าระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มอยู่ยงคงกระพันขนาดไหน!”

“เบื้องหน้าฝ่ามือข้า ทักษะการต่อสู้ใดๆ ก็ไร้ประโยชน์!”

กู้ซือหวงคำราม ฝ่ามือกระแทกออกไป อึดใจต่อมาพลังทำลายล้างก็พุ่งชนกำปั้นของมู่เฉินจังใหญ่

ในช่วงเวลาที่สัมผัสกัน รอยยิ้มชั่วร้ายก็โค้งขึ้นบนริมฝีปากของกู้ซือหวง เขารู้ว่าอึดใจต่อไปมู่เฉินจะต้องบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ก็ตาย

Comment

Options

not work with dark mode
Reset