ตู้ม ตู้ม!
บริเวณเนินเขารกร้างทางเหนือเกิดเสียงดังก้องไม่หยุด โลงศพบนลานสีดำระเบิดแสงจำนวนมากถักทอกลายเป็นค่ายกลเหนือพื้นที่นี้
แม้ว่าค่ายกลจะดูเลือนรางแต่ก็พล่านด้วยพลังเต้นระริก ทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายยังหวาดกลัว
ม่านแสงเริ่มปรากฏขึ้นและกระจายออกไปห่อหุ้มดินแดนวั้นมู่ทั้งหมด ราวกับว่าเป็นการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด
ฉิงเทียนยืนขึ้นพลางเงยหน้า สายตาเหมือนจะสามารถทะลุผ่านวังยิ่งใหญ่มองไปที่ค่ายกลทรงพลังเหนือดินแดนวั้นมู่
“ทุกคนประจำตำแหน่ง เมื่อไรที่ได้รับคำสั่งข้าก็จงเทคลื่นหลิงลงในโลงศพทองสัมฤทธิ์นั่น!” เสียงหนักแน่นของฉิงเทียนดังก้องอยู่ในโสตประสาทของทุกคน
พูดจบฉิงเทียนก็โบกมือ มู่เฉินและคนอื่นๆ รู้สึกว่าวิวทิวทัศน์พร่ามัวไป ก่อนที่จะไปปรากฏเบื้องหน้าโลงศพทองสัมฤทธิ์
ที่นี่เป็นดินแดนสีดำกว้างใหญ่ ทุกโลงศพจะมีร่างร่างหนึ่งปรากฏขึ้น
มู่เฉินนั่งอยู่บนโลงศพทองสัมฤทธิ์มองไปที่ค่ายกลใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาสัมผัสได้ว่าพลังที่รั่วไหลออกมาเล็กน้อยก็ทำให้คลื่นหลิงในร่างกายของเขาสั่นสะท้าน
“พลังนี้…เกินขอบเขตระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งไปแล้ว…”
มู่เฉินพึมพำ ค่ายกลดับแสงพันปีศาจที่ยิ่งใหญ่นี้เป็นสิ่งที่เทพจักรพรรดินิรันดร์สร้างขึ้นด้วยชีวิตของเขา ซึ่งเกี่ยวข้องกับกฎลึกลับ ดังนั้นพลังจึงเป็นสิ่งที่จินตนาการไม่ได้
“นี่คือพลังงานอะไร?”
ขณะที่มู่เฉินกำลังมองไปที่ค่ายกล ฉิงเทียนก็ปรากฏตัวบนโลงศพที่อยู่ตรงกลางพลางจ้องไปที่ค่ายกลเช่นกัน
บนค่ายกลพลังอันยิ่งใหญ่กำลังค่อยๆ อ่อนลง
นี่เป็นเพราะค่ายกลดับแสงพันปีศาจอีกไม่ช้าก็จะจบสิ้นวงจรแล้ว เมื่อรอบนี้จบลงพวกเขาจะต้องเติมคลื่นหลิงของจอมยุทธ์ทุกคนลงไปเพื่อกระตุ้นให้วงจรสุดท้ายดับชีวิตเทพปีศาจจักรพรรดิ
บนท้องฟ้าค่ายกลขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบดินแดนวั้นมู่เริ่มจางหาย
อีกครึ่งก้านธูปต่อมารัศมีก็ดับวูบลง
ตู้ม!
ดินแดนวั้นมู่สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น รอยแตกขนาดใหญ่เริ่มปรากฏขึ้นพร้อมกับรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากพวยพุ่งออกมาจากช่องปริแตกเหล่านั้น
เมื่อรัศมีปีศาจปรากฏขึ้นพื้นที่ทั้งหมดก็มืดลงพร้อมกับคลื่นหลิงถูกแปดเปื้อนและสึกกร่อนในเส้นทางของรัศมีนั้น
จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนคนหนึ่งที่ไม่ทันตั้งตัวไม่แม้แต่จะได้ส่งเสียงกรีดร้อง ร่างกายก็ถูกลดขนาดเป็นเถ้าถ่าน
เมื่อเห็นฉากนี้สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าการรั่วไหลจะน่ากลัวขนาดนี้
โฮก!
เสียงคำรามลึกดังมาจากใต้พิภพ เมื่อทุกคนมองไปที่รอยแตกก็เห็นนัยน์ตาน่ากลัวจ้องมองกลับมา
มองดวงตาที่น่าขนพองสยองเกล้าคู่นั้น ทุกคนก็สั่นสะท้านตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เทคลื่นหลิงกระตุ้นค่ายกล! ห้ามปล่อยให้เทพปีศาจจักรพรรดิหลบหนีไปได้!” ฉิงเทียนตะโกน เสียงของเขาดังก้องปลุกทุกคนจากอาการตื่นตกใจ
ใบหน้าของจอมยุทธ์ทั้งหมดเปลี่ยนไป พวกเขาหมุนเวียนคลื่นหลิงโดยไม่ลังเลแล้วเทลงในโลงศพทองสัมฤทธิ์ที่อยู่เบื้องล่าง
ฮึ่ม ฮึ่ม!
เมื่อจอมยุทธ์จำนวนมากเคลื่อนไหว โลงศพทองสัมฤทธิ์ก็ระเบิดรัศมีพร่างพราว คลื่นหลิงกวาดออกไปตามเส้นทางที่เชื่อมโยงกับโลงศพ ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็กำจายไปทั่วดินแดนวั้นมู่โดยมีตาข่ายดักจับรัศมีปีศาจที่รั่วไหลไว้
ตึง ตึง!
เมื่อรัศมีปีศาจไร้ที่สิ้นสุดปะทะกับตาข่ายจังใหญ่ พื้นดินก็สั่นสะท้าน ทว่าก็ถูกยับยั้งไว้อย่างแน่นหนา
สีหน้าของฉิงเทียนเคร่งเครียดมาก เขาแลกเปลี่ยนสายตากับชิงซันและปู้สื่อ จากนั้นคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็พุ่งขึ้นที่ด้านหลังพวกเขา ร่างใหญ่โตสามร่างปรากฏขึ้น
ที่ด้านหลังฉิงเทียนเป็นร่างที่ถือกงล้อสีทองที่มีดวงดาวสลักอยู่บนนั้น นี่ก็คือร่างสังหารปีศาจล้อสวรรค์อยู่ในอันดับเก้าของทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง!
ที่ด้านหลังชิงซันเป็นร่างถือกระบี่สีฟ้าอมเขียว ขณะที่กระบี่ใหญ่สั่นสะท้านก็ปลดปล่อยรัศมีเชี่ยวกรากซึ่งสามารถฉีกมิติออกจากกันได้ นี่ก็คือร่างเทพกระบี่เขียวอยู่ในอันดับที่สิบ!
ส่วนปู้สื่อเป็นร่างถือไม้เท้ายักษ์ที่มีรัศมีความตายพลุ่งพล่านอยู่รอบตัว แต่ท่ามกลางรัศมีความตายกลับมีพลังชีวิตสอดประสาน ทั้งชีวิตและความตายลึกซึ้งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งอยู่ในอันดับสิบสอง ร่างจักรพรรดิอมตะ!
ยามนี้สุดยอดจอมยุทธ์ทั้งสามได้ใช้พลังทุกหยาดหยดแล้ว
ตู้ม ตู้ม!
คลื่นหลิงไร้ขอบเขตราวกับมหาสมุทรเทลงมาในโลงศพใหญ่ที่สุดสามโลงที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าพวกเขา
ตึง!
ขณะที่พวกเขาเติมคลื่นหลิงตลบอบอวล โลงศพก็สั่นสะท้าน เสาคลื่นหลิงไร้ขอบเขตพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าขับเคลื่อนเข้าไปในค่ายกลดับแสงพันปีศาจ
ฮึ่ม ฮึ่ม!
พร้อมกับเสาพลัง ค่ายกลก็เอิบอาบไปด้วยรัศมีขณะพลังยิ่งใหญ่ที่กำลังอ่อนแรงลงได้รับการปรับปรุงอย่างรวดเร็ว
รัศมีลึกลับพุ่งออกมาจากใจกลางค่อยๆ บีบอัดเป็นหอกยาว
หอกถูกปกคลุมด้วยรูปแบบพลังงานโบราณ ราวกับว่ามันเป็นพลังงานลึกลับที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อโลกอุบัติขึ้น
เมื่อรู้สึกถึงพลังงานนั่น มู่เฉินก็หดดวงตา เนื่องจากเขาสัมผัสได้ว่าร่างมหาเทพนิรันดร์สั่นสะเทือน ราวกับว่าถูกบางอย่างดึงดูด
ทุกคนที่นี่กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายก็มีสีหน้าตกตะลึง เนื่องจากสัมผัสได้ถึงรัศมีคุกคามอย่างมากจากหอก
หากหอกนั้นเล็งมาที่พวกเขาก็คงตายคาที่อย่างไม่ต้องสงสัย
ฟิ้ว!
เมื่อค่ายกลดับแสงพันปีศาจสั่นไหว หอกก็พุ่งลงมา อึดใจก็ซัดลงมาบนพื้นดิน
ชี่!
เมื่อพุ่งลงสู่พื้นดินหอกก็หายไป แต่จังหวะนั้นทุกคนต่างได้ยินเสียงโหยหวนโกรธเกรี้ยวที่มาจากใต้พิภพ แผ่นโลกสั่นสะเทือนรุนแรงพร้อมกับรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากราวกับว่ามีบางสิ่งที่น่ากลัวต้องการเคลื่อนตัวให้หลุดพ้น
ปัง!
ทว่ารัศมีปีศาจก็ถูกจำกัดไว้โดยตาข่าย ภูเขาหลายลูกในดินแดนวั้นมู่ถล่มลง แต่ตาข่ายก็ยังคงดักจับรัศมีปีศาจไว้อย่างแน่นหนา
หลังจากการเผชิญหน้ากันชั่วครู่ ในที่สุดรัศมีปีศาจก็สงบลง ดวงตาน่าขนพองสยองเกล้ากลัวปรากฏขึ้น “ไอ้พวกต่ำตม! หากเทพปีศาจคนนี้หลุดไปได้ละก็ ข้าจะทำให้ทุกชีวิตในมหาพันภพเป็นทาสของข้า!”
ดวงตาของฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อเย็นเยือกลง
“ไม่ต้องใส่ใจมัน ก็แค่การดิ้นรนครั้งสุดท้ายก่อนตาย คงค่ายกลไว้ให้ได้จนหอกเก้าสิบเก้าเล่มครบ ร่องรอยสุดท้ายของพลังชีวิตมันก็จะถูกลบออกไป!” ฉิงเทียนกล่าว
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ทุกคนก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น ก่อนที่จะหมุนเวียนพลังเทลงในโลงศพอย่างต่อเนื่อง
ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อแลกเปลี่ยนสายตาพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก ค่ายกลดับแสงพันปีศาจถูกกระตุ้นแล้ว เทพปีศาจจักรพรรดิก็จะถูกสังหารหลังจากหอกเล่มที่เก้าสิบเก้าซัดลงไป
“ตอนนี้…เราต้องปกป้องดินแดนวั้นมู่ไว้ให้ดี” ฉิงเทียนกล่าว
ชิงซันเงยหน้ามองไปที่ขอบฟ้าตอบว่า “ไม่มีความวุ่นวายใดๆ จากโดยรอบ พวกปีศาจยังไม่ปรากฏตัว
ปู้สื่อเอ่ยว่า “ปีศาจเหล่านั้นไม่ยอมแพ้แน่ เทพปีศาจจักรพรรดิเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกมัน ดังนั้นพวกมันต้องทำทุกทางเพื่อช่วยเหลือ!”
ฉิงเทียนพยักหน้าขณะมองไปที่ขอบฟ้าด้วยไอเย็นเยือกพล่านอยู่ในดวงตา
ยามนี้ดินแดนวั้นมู่สงบนิ่ง ทุกคนต่างรอคอยพลังมหาศาลหมุนเวียนที่ขอบฟ้า ทุกหนึ่งก้านธูปก็จะสร้างหอกขึ้นมา ก่อนที่จะพุ่งลงไปแล้วตามด้วยเสียงคำรามกร้าว
ทุกครั้งที่หอกซัดลงไป เสียงนั้นก็ค่อยๆ อ่อนแอลง
เมื่อรับรู้ถึงฉากนี้ ความสุขก็ปรากฏบนใบหน้าของทุกคน มีเพียงฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อเท่านั้นที่ดูเคร่งขรึมและตื่นตัวมากขึ้น
“เผ่าปีศาจยังไม่ปรากฏตัวอีกเรอะ?” มู่เฉินพึมพำขณะขมวดคิ้ว
ทว่าทันใดนั้นดวงตาของสุดยอดจอมยุทธ์ทั้งสามก็เปล่งประกาย
มู่เฉินรู้สึกถึงสิ่งนี้ก็เงยหน้าขึ้น ใบหน้าเปลี่ยนไปรุนแรง
จอมยุทธ์ทุกคนเงยหน้าขึ้นตามด้วยความหวาดผวาเมื่อเห็นรอยแตกขนาดใหญ่ค่อยๆ ปริออกจากกันพร้อมกับรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากพุ่งออกมารุนแรง
“ในที่สุดก็มา…”
ชิงซันกวัดแกว่งกระบี่พลางถอนหายใจ “ไม่คิดว่าจักรวรรดิปีศาจต่างมิติจะใช้จุดเชื่อมพิภพเขตล่างมาที่ชายแดนดินแดนวั้นมู่… ช่างเป็นแผนการที่ดีนัก”
เมื่อรอยแตกขยายใหญ่ขึ้น เหล่าปีศาจก็พุ่งทะยานออกมาราวกับคลื่นยักษ์ ร่างสูงตระหง่านของจอมปีศาจปรากฏตัวก้าวออกจากมิติ เสียงเยือกเย็นดังก้อง
“ไอ้พวกมหาพันภพสารเลว ถ้ายังไม่ปล่อยเทพปีศาจของพวกข้า วันนี้จักรวรรดิปีศาจจะทำลายมหาพันภพให้ราพณาสูร!”