หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – 871 วิธีผ่าน

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 871 วิธีผ่าน

“ท่านจอมยุทธ์ทั้งหลาย เราสามารถมาหารือเกี่ยวกับสถานการณ์นี้หน่อยได้ไหมว่าจะผ่านไปอย่างไร?”

เมื่อเสียงอ่อนโยนดังขึ้นไปทั่วเทือกเขา ทุกคนก็ต้องอึ้งไปก่อนที่สายตาจะวูบไหว จากบางแง่มุมทุกคนที่นี่คือคู่แข่งกัน ดังนั้นจึงเกิดการขัดแข้งขัดขาและตลบหลังคนอื่น แต่เวลานี้จินไถหลิวหลีจากหมู่ตึกเทวะกับชักชวนให้พวกเขาร่วมมือกันรึ?

สายตาของมู่เฉินก็เปลี่ยนไปก่อนจะนิ่งเรียบลง แม้จินไถหลิวหลีดูเหมือนจะบอบบาง ทว่านางกล้าคิดกล้าทำเลยทีเดียว ในสถานการณ์นี้ไม่มีกองทัพใดกองทัพหนึ่งจะสามารถฝ่าด่านนี้เข้าไปได้

ทว่าจินไถหลิวหลีจะสามารถชักชวนแต่ละกองทัพที่มีแผนการและแนวคิดของตัวเองได้แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของนางแล้ว

เสียงกระซิบกระซาบดังไปทั่วเมื่อจินไถหลิวหลีพูดจบ ทว่าก็ไม่มีใครตอบรับนาง เนื่องจากทุกคนต่างระแวงกันและกันอย่างมาก

“ข้าเชื่อว่าการเดินทางมาที่นี่ของทุกคนไม่ใช่เพื่อการเก็บเกี่ยวเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น อย่างที่พวกเจ้าเห็นมีงานเลี้ยงโต๊ะจีนอยู่ข้างหน้า ถ้ากองทัพเบื้องหน้าถูกจัดการ เราก็จะสามารถกลั่นเม็ดยาหยุ่นลั้วได้เป็นแสนเม็ดแน่นอน พอถึงตอนนั้นเราก็จะประสบผลสำเร็จในการรวบรวมเม็ดยา” จินไถหลิวหลีมองสถานการณ์ค่อนข้างขาด ดังนั้นนางจึงไม่มีท่าทางแปลกใจและพูดย้ำช้าๆ

เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมาก็ทำให้หลายกองทัพหายใจหนักขึ้น เม็ดยาหยุ่นลั่วแสนเม็ดเป็นจำนวนที่มหาศาลต่อทุกขั้วอำนาจ มากจนอาจสามารถเปิดขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนด้วยเม็ดยาจำนวนมากเหล่านี้เลยทีเดียว

“นอกเหนือจากเม็ดยาหยุ่นลั้วแล้ว ในกองทัพเบื้องหน้ายังมีจอมยุทธ์โบราณที่ทรงพลังอยู่มาก หากได้รับวิทยายุทธเทพโบราณมา ข้าว่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับทุกคน”

“ศัตรูเบื้องหน้าเราทรงพลังจริงๆ ไม่มีใครสามารถเผชิญหน้าตามลำพังได้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถทำลายได้ จากข้อมูลที่ข้าทราบมาดูเหมือนจะมีค่ายกลจตุเทวะซ่อนอยู่ในกองทัพ กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดก็ยากที่จะรับมือหากเข้าไป”

จินไถหลิวหลีพูดเปลี่ยนเรื่องทันที ทำให้กองทัพอื่นๆ อึ้งไปก่อนที่ใบหน้าแต่ละคนจะเปลี่ยนแปลง ค่ายกลจตุเทวะที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดยังผ่านไปไม่ได้เหรอ?

“จินไถหลิวหลีรู้เยอะนะเนี่ย” มู่เฉินประหลาดใจไปเล็กน้อย ดูเหมือนจินไถหลิวหลีจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับซากอารยธรรมนี้ไม่น้อย อย่างน้อยพวกเขาก็เพิ่งรู้เรื่องค่ายกลจตุเทวะมาเท่านั้นเอง

“แม้ว่าค่ายกลจตุเทวะจะทรงพลัง แต่ไม่ใช่ทำลายไม่ได้” เมื่อเห็นสีหน้าผู้คนเปลี่ยนแปลงรุนแรง จินไถหลิวหลีก็พูดออกมาอีกครั้ง ในน้ำเสียงที่อ่อนนุ่มแสดงถึงความมั่นใจที่ผิดคาด

“แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดยังผ่านไปไม่ได้ เจ้าเอาความมั่นใจนั่นมาจากไหน?” มีบางคนอดพูดขึ้นมาไม่ได้ คิดว่าคงไม่เชื่อคำพูดของจินไถหลิวหลี

“สำหรับวิธีผ่าน ข้าจะบอกต่อเมื่อทุกคนเห็นด้วยในการรวมพลังกัน ถ้าไม่สนใจข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด” จินไถหลิวหลีพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

แต่ละกองทัพแลกเปลี่ยนสายตากัน หรือว่าจินไถหลิวหลีจะมีวิธีผ่านเข้าไปจริงๆ?

มู่เฉินและจิ่วโยวมองเห็นริ้วความประหลาดใจในสายตากันและกัน จินไถหลิวหลีมีวิธีผ่านค่ายกลจตุเทวะจริงๆ รึ? ถ้าเป็นเช่นนี้หญิงสาวผู้นี้ก็อันตรายมากกว่าที่คิด

“ฮ่าๆ ถ้าแม่นางจินไถมีความมั่นใจขนาดนั้น อาณาเขตกงเวทสวรรค์ของข้าก็สนใจอยู่นะ” มู่เฉินคิดครู่เดียวก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา ตัวเขาสนใจซากอารยธรรมความตายนี้ พวกเขาอุตส่าห์มาตั้งไกลขนาดนี้ ดังนั้นเขายังไม่อยากยอมแพ้ ถ้าสิ่งที่จินไถหลิวหลีพูดมาเป็นความจริง เขาก็อยากลองดูสักตั้ง

แน่นอนว่ามู่เฉินไม่ใช่คนไร้เดียงสาจนมองว่าจินไถหลิวหลีใจกว้าง หญิงสาวแค่ต้องการจะใช้ประโยชน์จากกองทัพอื่นเพื่อจะทะลวงค่ายกลศึกนี้ไปเท่านั้น

หลังจากสถานการณ์จบลง พวกเขาก็คงหันกระบี่เข้าหากันเพื่อสมบัติอีกครั้ง

“ถ้าที่แม่นางจินไถพูดเป็นเรื่องจริง ตำหนักสุดนภาของข้าก็ขอร่วมด้วย” อีกฝั่งหนึ่งหลิ่วเหยียนก็คิดครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดเสียงขรึม วัตถุประสงค์ของพวกเขาที่มาครั้งนี้ก็เพื่อรับมรดกจากจั้นเจิ้นซือ แต่ตอนนี้ชัดว่าตำหนักสุดนภาไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ด้วยพลังของตน

ดังนั้นความคิดของจินไถหลิวหลีไม่ต่างกับเขาเลย

ที่ด้านข้างหลิ่วเหยียน เซียวเทียนมองมาที่มู่เฉินด้วยสายตามืดครึ้ม เส้นเลือดไต่ขึ้นมาบนลูกตาเขา ดูน่าสยองขวัญอย่างยิ่ง ทว่าน่าเสียดายที่มู่เฉินไม่สนใจแม้แต่จะมอง เมินไปอย่างเต็มที่

เนื่องจากขั้วอำนาจสูงสุดทั้งสองเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะนี้ ก็ทำให้เกิดระลอกความปั่นป่วนขึ้น ทัพพันธมิตรที่เกิดจากหลายกองทัพรวมกันก็เหมือนจะสนใจขึ้นมา

พวกเขาไม่ได้โง่และรู้ดีว่าจินไถหลิวหลีกำลังยืมมือ ทว่าพวกเขาก็มีความคิดเฉียบแหลม ดังนั้นแม้จะร่วมมือก็ต้องอยู่รักษาความมั่นคงของกองทัพไว้ก่อน

นอกจากนี้ถึงแม้จะไม่ได้รับสมบัติใดๆ มา แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังสามารถกลั่นเม็ดยาหยุ่นลั้วได้ ถ้าเกิดสถานการณ์ไม่ดีขึ้นมาพวกเขาก็แค่หลบหนีไปเท่านั้น

ความคิดดังกล่าวตกผลึกในใจ สุดท้ายพวกเขาก็ตัดสินใจโดยไม่ลังเลอีก

“ในเมื่อหมู่ตึกเทวะมีความมั่นใจ สำนักอรุณรุ่งของข้าก็ขอช่วยสนับสนุน”

“แดนอสุราเอาด้วย”

“ภูเขาสลักดาวยินดีที่จะร่วมมือ”

“…”

ทุกเสียงสะท้อนไปทั่ว ซึ่งเป็นตัวแทนของหนึ่งขั้วอำนาจชั้นสูงด้วย แม้ว่าแต่ละสำนักจะไม่สามารถเทียบกับขั้วอำนาจสูงสุดได้ แต่เมื่อพวกเขารวมพลังกันก็จะมีพลังที่แม้แต่กองทัพสูงสุดยังประมาทไม่ได้

มู่เฉินกวาดมองกองทัพต่างๆ อย่างเย็นชาที่แสดงความตั้งใจที่จะร่วมมือกัน ก่อนที่จะแลกเปลี่ยนสายตากับจิ่วโยว ทั้งคู่ยิ้มบาง เมื่อกองทัพเหล่านี้รวมตัวกัน พวกเขาถึงจะมีโอกาสแก้ปัญหานี้ได้

ทว่าใจมู่เฉินค่อนข้างสงสัยกับวิธีผ่านสถานการณ์นี้ ด้วยประสาทสัมผัสเกี่ยวกับรัศมีจั้นยี่ เขาสามารถรู้สึกถึงความปรวนแปรคลุมเครือที่น่ากลัวที่พวยพุ่งมาจากกองทัพบนที่ราบมืดมิด

ความแข็งแกร่งของลอนคลื่นเหล่านั้นเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกยังไม่อาจตอบโต้ได้

ขณะที่มู่เฉินกำลังพินิจพิเคราะห์ ร่างแสงหลายร่างก็พลิ้วตัวลงบนยอดเขาจากฝั่งหมู่ตึกเทวะ ซึ่งจินไถหลิวหลีเป็นผู้นำเข้ามา

ตอนนี้นางยังนั่งบนรถเข็น ชุดขาวสะอาดตาทำให้นางดูบอบบางน่าทะนุถนอม ทว่าริมฝีปากที่เม้มไว้แสดงถึงความดื้อรั้นเบาบาง

ฟังยี่ราวกับผู้พิทักษ์ยืนปกป้องอยู่เบื้องหลัง สายตาที่ฉายแววเยือกเย็นกวาดมาทางมู่เฉินเป็นช่วงๆ

“ผู้นำทัพทุกคนโปรดมาที่นี่เพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีผ่านสถานการณ์นี้ด้วย” จินไถหลิวหลีกวาดมองเหล่ากองทัพมากมายก่อนจะยิ้มบาง

มู่เฉินและเหล่าผู้บัญชาการแลกเปลี่ยนสายตากัน ก่อนที่เขาจะพยักหน้าแล้วทะยานตัวออกไปกับจิ่วโยว ทั้งคู่ปรากฏตัวบนยอดเขาพร้อมกับประสานมือทักทาย “มู่เฉินจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ยินดีที่ได้พบแม่น่างจินไถ”

จินไถหลิวหลีมองมู่เฉิน ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มทำให้นางผงะไปเล็กน้อย นอกจากนี้ความอบอุ่นที่ฉายอยู่ก็ต่างกับตอนปะทะกับเซียวเทียนอย่างสิ้นเชิง

“ผู้บัญชาการมู่ไม่ต้องมากมารยาท” จินไถหลิวหลีพยักหน้าเบาๆ

ฟิ้ว!

หลิ่วเหยียนและเซียวเทียนก็มาถึงในเวลานี้ ทว่าสายตาทั้งคู่ที่จ้องมองมาที่มู่เฉินกลับอัดแน่นด้วยความเยือกเย็น หากไม่ใช่เพราะสถานที่นี้ไม่ดีนัก พวกเขาคงจะฟัดกับอีกฝ่ายสักยกแล้ว

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ผู้นำกองทัพอื่นก็ทยอยเข้ามาที่ยอดเขานี้เช่นกัน ช่วงเวลานี้ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยจอมยุทธ์ทรงพลัง ช่างดูตระการตามาก

“แม่นางจินไถ ตอนนี้บอกวิธีทำลายกระบวนทัพได้หรือยัง?” หลิ่วเหยียนประสานมือพลางเอ่ยถาม

สายตาทั้งหมดเบนไปที่จินไถหลิวหลี แม้ว่านางจะดูอ่อนแอกระเสาะกระแสะ แต่ก็ไม่ได้แสดงความกลัวใดๆ เลยเมื่อถูกจ้องมองโดยกลุ่มจอมยุทธ์ นางพูดเสียงเบาว่า “จากข้อมูลที่ข้าทราบมา กองทัพนี้ถูกขนานนามว่ากองทัพจตุเทวะในอดีตกาล ผู้บัญชาการใหญ่ทัพนี้คือจักรพรรดิเทียนเจิ้น ซึ่งเป็นจั้นเจิ้นซือตัวจริง”

“ในจุดสูงสุด พวกเขามีกำลังพลถึงล้านคนซึ่งตอนนี้เอามาเปรียบเทียบไม่ได้ ดูจากตอนนี้น่าจะมีกำลังพลไม่ถึงครึ่งหนึ่ง แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ก็ยังเป็นศัตรูตัวฉกาจที่เราไม่สามารถประจัญบานได้”

ใบหน้าของทุกคนเคร่งเครียด คิดว่าคงตื่นตะลึงกับกำลังพลนับล้าน เพราะนั่นไม่ใช่การรวมตัวของคนทั่วไป แต่เป็นจำนวนนักรบชั้นยอดนับล้านที่ครอบครองรัศมีจั้นยี่ เมื่อไรที่รวมเข้าด้วยกัน ก็แทบไม่มีใครที่อยู่ใต้ระดับตี้จื้อจุนจะสู้ได้

“แต่พวกเจ้าไม่ต้องกังวลมากเกินไป กองทัพจตุเทวะทรงพลังก็จริง แต่ตอนนี้พวกเขาล้วนเป็นผีดิบเดนตายที่มีพลังไม่ถึงครึ่งหนึ่งจากตอนที่มีชีวิต”

จินไถหลิวหลียิ้มบาง “กองทัพจตุเทพวะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือทัพหน้ากับทัพหลวง โดยที่ทัพหน้ามีจำนวนนักรบมหาศาลยากที่จะเข้าปะทะ ส่วนค่ายกลจตุเทวะถูกวางไว้ที่ทัพหลวง ซึ่งไม่สามารถทำลายด้วยกำลัง ค่ายกลนี้ถูกแยกออกเป็นสี่ส่วน มีเพียงการทำลายทั้งสี่ส่วนถึงจะสามารถตีค่ายกลศึกนี้แตก มิฉะนั้นถ้าทำลายเพียงส่วนเดียว ส่วนที่พังทลายก็จะได้รับการซ่อมแซมจากพลังของอีกสามส่วนที่เหลือ…”

“นอกจากนี้ที่สำคัญที่สุดคือค่ายกลจตุเทวะโจมตีซี้ซั้วไม่ได้ มิฉะนั้นจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเมื่อปะทะกับคนที่แข็งแกร่ง ดังนั้นเราต้องการจอมยุทธ์สี่คนควบคุมกองทัพของตนเองและทำลายค่ายกลนี้ด้วยพลังของตน!”

จินไถหลิวหลีกวาดตามองก่อนจะพูดต่อว่า “ดังนั้นทุกคนจะต้องประสานแรงจัดการกับทัพหน้า ส่วนค่ายกลจตุเทวะที่อยู่ในทัพหลวงจะต้องให้อัจฉริยะรัศมีจั้นยี่สี่คนเข้าจัดการพร้อมกัน…”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset