หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – 884 เชื่อใจ

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 884 เชื่อใจ

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

ในความมืดมิดที่เบื้องล่าง เมื่อป้ายหินเปล่งประกายรัศมีบนฝ่ามือของมู่เฉินและจินไถหลิวหลี กองทหารหินก็ลืมตาที่ปิดสนิทมานานนับหมื่นปีขึ้น

ตู้ม!

ทันทีที่พวกเขาลืมตา ผืนฟ้าและผืนดินสีแดงฉานก็เหมือนจะสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นจนอธิบายไม่ได้ รัศมีจั้นยี่ที่น่าสะพรึงกลัวกวาดออกมาราวกับคลื่นยักษ์กระจายไปทั่วบริเวณนี้

รัศมีจั้นยี่นี้ราวกับหอกแหลมคมที่สามารถฉีกขาดฟ้าดินออกจากกันได้ รัศมีเฉียบคมนี้เกินกว่ากองทัพใดๆ ที่พวกเขาเคยพบเห็นมาก่อน ตามการประเมินของมู่เฉินกองทัพนี้น่าจะยืนยงอยู่ใต้ขุมพลังตี้จื้อจุนเลยทีเดียว

ยิ่งถ้ารวมกับค่ายกลศึกของจักรพรรดิเทียนเจิ้นอาจสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนแท้จริงได้

กระทั่งนักรบวิหคโลกันตร์นับล้านคน ยังด้อยกว่ากองทหารหินหนึ่งหมื่นคนนี้เลย สามารถบอกได้ว่าช่องว่างระหว่างทั้งสองกองทัพห่างไกลกันเพียงใด

เมื่อกองทหารหินถูกเปิดใช้งานจากมู่เฉินและจินไถหลิวหลี ใบหน้าของร่างปีศาจจักรพรรดิเทียนเจิ้นก็บิดเบี้ยวรุนแรง แสงเกรี้ยวกราดวิ่งพล่านในดวงตาที่กลวงโบ๋ ขณะที่มองจอมยุทธ์ทั้งสองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ไอ้เด็กเหลือขอ!”

ร่างปีศาจคำรามลั่น ขณะที่ผุดยืนขึ้น แสงสีดำเชี่ยวกรากกวาดออกมาจากร่าง เปลี่ยนเป็นลำแสงสีดำยิงออกไปทันที

ครืด!

ทว่าทันทีที่มันพุ่งตัวออกมาจากบัลลังก์หินได้สักร้อยจั้ง โซ่โลหะที่อยู่เบื้องล่างก็ส่งเสียงดังกึกก้อง กระชากร่างที่กำลังพุ่งกลับไป แรงที่ทรงพลังนี้ทำให้ร่างปีศาจถึงกับหน้าคะมำ

สายตามู่เฉินและจินไถหลิวหลีมองตรงไปก็เห็นโซ่สีเทาสี่สายอยู่บนแขนขาของร่างปีศาจ โซ่เหล่านั้นมีสีดำเทาถูกปกคลุมไปด้วยอักขระ ซึ่งในตอนแรกก็จางมาก แต่พร้อมกับการตื่นขึ้นของกองทหารหิน อักขระบนโซ่ก็ค่อยๆ เปล่งรัศมีออกมา

พร้อมกับอักขระบนโซ่ที่เปล่งประกาย โซ่ก็ค่อยๆ ลากร่างปีศาจกลับไปยังบัลลังก์หิน ในเวลาเดียวกันฝุ่นบนบัลลังก์ก็หลุดร่อนเผยให้เห็นอักขระหนาแน่นแผ่แสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ

“ไอ้บ้าเอ๋ย กระทั่งแกตายไปเป็นหมื่นปีก็ยังคิดจะขังข้าไว้เรอะ?!” ร่างปีศาจกู่ร้องลั่น ขณะที่ใบหน้าบิดเบี้ยวรุนแรง ก่อนที่จะแผดเสียงคำรามเสียงคมชัด ทันใดนั้นรัศมีสีดำก็พวยพุ่งออกจากร่าง รัศมีนี้มีความหนาแน่นสูงราวกับน้ำหมึก แม้แต่มิติยังสึกกร่อนในเส้นทางที่ถูกพาดผ่าน

รัศมีสีดำหนาแน่นเต็มไปด้วยรัศมีปีศาจร้ายกาจ

ภายใต้การโต้ตอบเต็มกำลังของร่างปีศาจ แรงดึงของโซ่ก็ได้รับการต่อต้านรุนแรงจากอีกฝ่าย รัศมีสีดำแพร่กระจายไปตามอักขระแล้วเริ่มกัดกร่อน

เมื่ออักขระถูกกัดกร่อน ร่างปีศาจก็ดิ้นรนขัดขืนทุกท่วงท่าขณะที่พยายามย่างเท้าออกไป ดวงตาลึกโหลจับจ้องไปที่มู่เฉินและจินไถหลิวหลีด้วยความเกรี้ยวกราดสั่นระริก เห็นได้ชัดว่ามันคิดจะฉีกทึ้งร่างทั้งสองออกเป็นชิ้นๆ

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดื้อด้านขนาดไหน สีหน้าของมู่เฉินและจินไถหลิวหลีก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลง

“ผู้บัญชาการมู่อย่าออมแรงไว้ ใช้กำลังเต็มที่กันเลย ไม่งั้นหากร่างปีศาจสามารถออกจากพื้นที่ปราบปรามได้ ค่ายกลนี้ก็จะไร้ประโยชน์!” จินไถหลิวหลีรีบเอ่ยเตือน

มู่เฉินพยักหน้ารับเคร่งขรึม แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อจินไถหลิวหลีทั้งหมด แต่เขาก็เข้าใจอย่างชัดเจนว่าถ้าร่างปีศาจหลุดเป็นอิสรละก็ ทั้งเขาและนางไม่ต้องคิดที่จะหลบหนีไปได้เลย

มู่เฉินหมุนฝ่ามือก่อนจะตบออก ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็พวยพุ่งออกมาราวกับคลื่นยักษ์เทลงในป้ายหินอย่างเต็มกำลัง

อีกด้านหนึ่งจินไถหลิวหลีก็ไม่กล้าชักช้า เทพลังทั้งหมดที่มีลงไปในป้ายหินเช่นกัน

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

เมื่อทั้งสองเทพลังงานลงไป ความถี่ในการสั่นสะเทือนป้ายหินก็เพิ่มขึ้น ขณะที่เกลียวแสงแวววาวเบ่งบานออกกลายเป็นความพร่างพราวยิ่งขึ้น

โฮก!

ขณะที่เกิดการเปลี่ยนแปลงบนป้ายหิน กองทหารหินที่เบื้องล่างก็รู้สึกถึงแรงส่งเสริม ส่งเสียงคำรามตอบดังสนั่นออกมา เสียงสอดประสานกันจนฟ้าดินสั่นสะเทือนรุนแรง

ตู้ม! ตู้ม!

รัศมีจั้นยี่ที่แข็งแกร่งครางกระหึ่มออกมาจากร่างพวกเขาทุกทิศทาง ทำให้แม้แต่ฟ้าดินยังสั่นคลอน แสงที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างพวกเขาขยายขนาดอย่างรวดเร็ว กลายเป็นลำแสงสีเทานับหมื่น ฉากนี้งดงามตระการตานัก

ลำแสงกวาดข้ามขอบฟ้าเป็นทางยาว ก่อนจะพุ่งเข้าสู่พื้นที่มืดมิดเทลงบนบัลลังก์หิน ทันใดนั้นโซ่ทั้งสี่ที่ยึดร่างปีศาจไว้ก็ขยายขนาดขึ้น

ครืด!

ขณะที่โซ่สั่นสะท้านก็ค่อยๆ ดึงร่างปีศาจกลับไปที่บัลลังก์หิน

“ไอ้เวร!”

ดวงตาของร่างปีศาจเปลี่ยนเป็นแดงฉาน มันมองไปทางมู่เฉินและจินไถหลิวหลี จากนั้นก็แผดเสียงลั่น “วันนี้ข้าจะบดพวกแกให้กลายเป็นฝุ่นไปเลย!”

ปัง!

พร้อมกับเสียงตะโกน ของเหลวสีดำก็ไหลออกมาจากดวงตากลวงโบ๋ ซึ่งของเหลวนั้นดูเหมือนกับมีชีวิต มันบิดตัวไปมาบนใบหน้า ก่อนที่จะถักทอเป็นอักขระสีดำที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง

อักขระผิดแผกและชั่วร้ายดูราวกับใบหน้าร้องไห้ เมื่อรวมเข้ากับใบหน้าบิดเบี้ยวของร่างปีศาจ ก็ทำให้ใบหน้านี้ดูน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก

ครืน!

เมื่ออักขระชั่วร้ายปรากฏขึ้น พลังของร่างปีศาจก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน จากนั้นเขากระแทกเท้าก้าวไปบนมิติค่อยๆ ย่ำเดินออกไปด้านนอกความมืดมิด

เมื่อเห็นสิ่งนี้มู่เฉินและจินไถหลิวหลีก็กัดฟัน ขณะที่เร้าคลื่นหลิงออกมาไม่หยุด

ตู้ม! ตู้ม!

คลื่นน่าอัศจรรย์แผ่กระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง ทว่ามู่เฉินและจินไถหลิวหลีก็ไม่กล้าที่จะผ่อนคลายกลับเทพลังลงไปไม่หยุดยั้ง ส่วนร่างปีศาจก็ไม่ต้องการปล่อยให้โอกาสดีหลุดมือไปได้ เขาถูกผนึกอยู่ที่นี่หลายหมื่นปี ถ้าไม่ใช่พลังงานจักรพรรดิเทียนเจิ้น เขาคงเหือดหายไปนานแล้ว แต่ถึงกระนั้นถ้าเขายังถูกผนึกไว้ที่นี่ อีกไม่ช้าก็จะสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน ดังนั้นนี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระ เขาจะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด

ด้วยเหตุนี้ร่างปีศาจจึงใช้พลังทั้งหมดเร้าออกไปอย่างบ้าคลั่งเพื่อต่อต้านรัศมีจั้นยี่กว้างใหญ่ที่พลุ่งพล่านมาจากกองทหารหิน สายตาเขาก็จับจ้องไปที่มู่เฉินและจินไถหลิวหลี พูดเสียงเลวร้ายว่า “ข้าไม่เชื่อว่ามดสองตัวจะยืนหยัดได้นานด้วยคลื่นหลิงจ้อยร่อยที่มี!”

เขาฉลาดและรู้ว่าพลังของมู่เฉินและจินไถหลิวหลีมีจำกัด ถึงแม้จะมีพลังของป้ายหิน แต่ปริมาณคลื่นหลิงที่ใช้เพื่อกระตุ้นกองทัพก็น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ดังนั้นมู่เฉินและจินไถหลิวหลีไม่สามารถอยู่ได้นานแน่นอน

เมื่อไรที่ทั้งสองไม่สามารถคงสภาพไว้ได้ ค่ายกลศึกของกองทหารหินก็จะอ่อนกำลังลงเช่นกัน ในเวลานั้นไม่มีใครสามารถหยุดมันได้อีกแล้ว

เมื่อได้ยินเสียงของร่างปีศาจ หัวใจของมู่เฉินและจินไถหลิวหลีก็จมลง เนื่องจากพวกเขารู้เกี่ยวกับตัวเองดีที่สุด ก็เป็นอย่างที่ร่างปีศาจพูด พวกเขาอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว

“ถ้าเจ้าสองคนต้องการมรดกก็ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนต่อสู้กันถึงตาย ตราบใดที่พวกเจ้าปล่อยข้าออกไป ข้าสาบานว่าจะมอบมรดกให้… แต่มีพวกเจ้าคนเดียวเท่านั้นที่จะได้รับมรดกไป แล้วใครที่ต้องการล่ะ?” ร่างปีศาจยิ้ม น้ำเสียงน่ากลัวก็อ่อนโยนลงหลายส่วน

สายตาของมู่เฉินและจินไถหลิวหลีวูบไหว จากนั้นคนหน้าก็ยิ้มอย่างไม่แยแส “ทำไมต้องเล่นบทงี่เง่าให้พวกข้าระแวงกันเองล่ะ? ตัวโกงอย่างแกไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิด หากเราปล่อยแกออกไป ข้าว่าสิ่งแรกที่แกจะทำก็คือฉีกร่างเราออกเป็นชิ้นๆ”

จินไถหลิวหลียิ้มบาง “ผู้บัญชาการมู่พูดถูก ข้าเห็นด้วยกับเขา”

เมื่อเห็นว่าจุดไฟแค้นระหว่างทั้งสองไม่ติด ซ้ำยังถูกล้อเลียนกลับมา สีหน้าของร่างปีศาจก็เรียกได้ว่าอุบาทว์อย่างที่สุด เขาจ้องมองอย่างน่าขนพองสยองเกล้า ไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป รีบหมุนเวียนรัศมีสีดำทั้งหมดทุกหยดเพื่อกัดเซาะโซ่

ทั้งสองฝ่ายตกอยู่ในสถานการณ์ชักเย่อในการต่อสู้ชิงความได้เปรียบนี้

จินไถหลิวหลีมองสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ก็กัดฟันเบาๆ “ผู้บัญชาการมู่ หากเป็นแบบนี้ต่อไปข้าว่านี่ไม่ใช่วิธีที่ดี… เราต้องบีบมันให้กลับไปที่บัลลังก์หินซะก่อน จากนั้นถึงจะสามารถเปิดค่ายกลได้อย่างสมบูรณ์ กำจัดวิญญาณชั่วนั่นและปลุกจิตใต้สำนึกที่เหลืออยู่ของจักรพรรดิเทียนเจิ้น เพื่อจะได้รับมรดกของเขา…”

“เจ้ามีวิธีรึ?” มู่เฉินขมวดคิ้วแน่น เขารู้อยู่แล้วว่าสถานการณ์ไม่ดีสำหรับพวกเขาหากยังดำเนินต่อไป แต่นอกเหนือจากนี้พวกเขาเหมือนจะไม่มีวิธีอื่นแล้ว

จินไถหลิวหลีลังเลชั่วครู่ก่อนที่จะพูดว่า “ข้ามีวิธีการที่จะระเบิดพลังป้ายหินนี้ในเวลาอันสั้น ถ้ามีใครสักคนสามารถโจมตีมัน แยกสมาธิของมันออกจากการจัดการกับโซ่ พวกเราก็จะสามารถร่วมมือลากมันกลับไปที่บัลลังก์หินได้”

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง คิ้วของมู่เฉินก็ขมวดเป็นปม เขาหันมามองจินไถหลิวหลี นั่นหมายความว่าใครบางคนจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับร่างปีศาจ แต่ด้วยพลังที่พวกเขามีนี่เป็นงานอันตรายยิ่งนัก

ไม่แน่อาจจะถูกสังหารโดยร่างปีศาจเลยก็ได้

หรือว่าจินไถหลิวหลีต้องการเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น?

ภายใต้สายตาวูบไหวของมู่เฉิน จินไถหลิวหลีก็ช้อนใบหน้างดงามมองมาโดยไม่มีความรู้สึกซับซ้อนแม้แต่น้อยในสายตา

น้ำเสียงของนางสงบขณะที่พูดต่อ “ข้าบอกวิธีนี้ออกมา ก็เพราะเราถูกสถานการณ์บังคับ ถ้าผู้บัญชาการมู่คิดว่าข้ากำลังเล่นเล่ห์ ก็ถือเป็นว่าข้าไม่เคยพูดละกัน”

มู่เฉินมองไปที่นัยน์ตาของจินไถหลิวหลีอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วมองเข้าไปในความมืดจากนั้นก็พูดเบาๆ ว่า “ข้าจะเชื่อเจ้าอีกครั้ง”

เมื่อได้ยินเสียงราบเรียบของมู่เฉิน จินไถหลิวหลีก็ตัวสั่นเล็กน้อย นางมองชายหนุ่มด้วยสายตาที่ซับซ้อน นั่นเป็นเพราะนางรู้ว่างานนี้อันตรายแค่ไหนสำหรับเขา ถ้านางเพียงแค่ทำอะไรเล็กน้อย ก็สามารถทำให้มู่เฉินตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายสิ้นหวังได้เลย

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเลือกที่จะเชื่อนาง

แม้ว่านางประสบผลทำให้มู่เฉินและคนอื่นๆ ไว้วางใจในแผนการก่อนหน้ามา แต่หัวใจของจินไถหลิวหลีก็รู้สึกซับซ้อนขึ้นมาในเวลานี้

ความไว้วางใจในอดีตล้วนมาจากแผนการ แต่ครั้งนี้มู่เฉินเลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวนาง แม้จะรู้ถึงอันตรายและนิสัยเจ้าเล่ห์ของนาง

เมื่อมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของมู่เฉิน จินไถหลิวหลีก็กัดริมฝีปากสีแดง จนสุดท้ายพยักหน้า

“งั้นโปรดระวังตัวด้วย ผู้บัญชาการมู่”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset