หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – 905 รวมพลผู้บัญชาการ

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 905 รวมพลผู้บัญชาการ

“ในอนาคตเขาจะไม่สามารถควบคุมรัศมีจั้นยี่ได้อีกต่อไป…”

เมื่อมู่เฉินพูดประโยคนี้ออกมา ไม่เพียงแต่ใบหน้าของหงหยูจะเปลี่ยนไป กระทั่งเหล่าผู้บัญชาการเองก็ยังตัวสั่นเทาด้วยสีหน้าตกตะลึง

“เป็นไปได้ไง?” หงหยูสีหน้าซีดเผือด อัจฉริยะของพวกนางแค่พ่ายศึกเท่านั้น คลื่นหลิงในร่างกายเขาก็ยังคงมีความเสถียร แล้วทำไมเขาจึงไม่สามารถควบคุมรัศมีจั้นยี่ได้อีกต่อไป?

มู่เฉินไม่ได้สนใจสีหน้าซีดเผือดของหงหยู เขาจ้องมองอัจฉริยะรัศมีจั้นยี่ของแดนปีศาจ “ไม่เพียงแต่คนของเจ้าจะไม่สามารถควบคุมรัศมีจั้นยี่ได้ เขาจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว ตอนนี้เขาเป็นแค่อัมพาต แต่เมื่อคลื่นหลิงที่หล่อเลี้ยงแห้งลง ร่างกายก็จะค่อยๆ เน่าเปื่อยไป”

ทีนี้หงหยูพูดไม่ออกไปเลย ใช้เวลานานกว่าที่นางจะเรียกสติคืนมาได้ ใบหน้าเปี่ยมเสน่ห์เปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำเลยทีเดียว

นางรู้ว่ามู่เฉินไม่ได้โกหก ดังนั้นนี่ก็หมายความว่าอัจฉริยะรัศมีจั้นยี่ของแดนปีศาจเป็นง่อยจากฝีมือของหลินหมิง

“วิธีของหลินหมิงแปลกประหลาดและไร้ความปรานี นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นคลื่นจิตของจอมยุทธ์ถูกทำลาย”

มู่เฉินขมวดคิ้ว เพราะเขารู้สึกว่าคลื่นจิตของอัจฉริยะแดนปีศาจคนนี้เหมือนถูกกระชากออกและกลืนกินเข้าไป ความแปลกประหลาดเช่นนี้ทำให้แม้แต่มู่เฉินยังรู้สึกว่าหัวใจบีบรัด

ดูเหมือนว่าในสงครามล่าจะมีความชั่วร้ายทุกประเภทที่จะต้องระวัง

“แดนปีศาจของข้าจะจำความแค้นนี้ไว้ พวกข้าจะคืนสิ่งนี้ให้กับจวนยมโลกแน่นอน!” หงหยูกัดฟันแน่น ม่านตาอัดแน่นด้วยความเกรี้ยวกราด นางรังเกียจวิธีชั่วช้าของจวนยมโลกนัก แดนปีศาจใช้ทรัพยากรไปมหาศาลเพื่อฟูมฟักอัจฉริยะคนนี้ แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นผักจากการกระทำของหลินหมิง

“แม่นางหงหยู พวกเจ้ามีข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของจวนยมโลกไหม?” มู่เฉินถาม แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ปะทะกับหลินหมิง แต่เขารู้สึกว่าหลินหมิงจะมาหาในท้ายที่สุด

หงหยูครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบว่า “กองทัพจวนยมโลกของหลินหมิงเพิ่งจะเริ่มลงมือในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ชายคนนี้มีข้อมูลน้อยมากในอดีต”

“ภายในสองสัปดาห์หลินหมิงได้นำจวนยมโลกปะทะกับแปดกองทัพและกองทัพทั้งหมดมีปัจจัยคล้ายคลึงกันบางอย่าง นั่นคือพวกเขามีแม่ทัพมากพรสวรรค์ ผลของการต่อสู้เห็นได้ชัดหลินหมิงทำลายศัตรูทั้งหมด ตอนนี้ใครๆ ก็กลัวชื่อเสียงเหม็นเน่านี้นัก”

สายตามู่เฉินหดลง เอ่ยถาม “แล้วคนที่พ่ายแพ้ต่อเขา ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”

หงหยูคิดพร้อมกับขมวดคิ้ว “รู้สึกจะไม่ได้ยินข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับพวกเขาอีกเลย…หรือว่าพวกเขาก็?”

มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ ขณะที่ความตกใจพล่านในใจ หากจอมยุทธ์คนอื่นมีผลลัพธ์เช่นนี้หลังจากที่พ่ายแพ้ หลินหมิงคนนี้จะต้องมีวิธีการที่โหดเหี้ยมในการสกัดคลื่นจิตของผู้อื่น

ศัตรูคนนี้รับมือลำบากนัก

“หลินหมิงเอาชนะการประลองอย่างราบรื่นจนกระทั่งพบกับจินไถหลิวหลี การเผชิญหน้าของทั้งสองจบลงที่เสมอกัน ไม่มีใครได้เปรียบใคร” หงหยูกล่าวต่อ

“ดูเหมือนว่าหมิงหมิงจะเป็นจั้นเจิ้นซือแล้ว” มู่เฉินพยักหน้า เผชิญหน้ากับจินไถหลิวหลีที่ได้รับการสืบทอดมรดกจากจักรพรรดิเทียนเจิ้นได้ นั่นก็หมายความว่าหลินหมิงจะต้องเป็นจั้นเจิ้นซือด้วยเช่นกัน

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน ใบหน้าของหงหยูก็บิดเบี้ยวจนดูไม่น่าดู เพราะนี่ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับพวกนางเลย

“แม่นางหงหยูมีแผนอะไรต่อหรือ?” มู่เฉินยิ้มบาง

“ตอนนี้ก็เข้ามายังด้านในของสมรภูมิหยุ่นลั้วแล้ว พวกข้าน่าจะต้องรีบไปรวมตัวกับกองทีพอื่นของแดนปีศาจให้เร็วที่สุด ข้าเชื่อว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็คิดเช่นเดียวกันใช่ไหม?” หงหยูไม่ได้ซ่อนเจตนาของตน เพราะสุดท้ายกองทัพเข้ามาในส่วนในก็ล้วนมีความคิดเช่นเดียวกัน ตราบใดที่สามารถรวมพลังเข้าด้วยกัน ก็จะสามารถป้องกันตัวเองจากการถูกล้อมตีจากกองทัพสำนักอื่นๆ

หากกองทัพสำนักอื่นๆ รวมตัวกันหมดแล้ว ก็จะก่อให้เกิดต่อต้านที่ทรงพลัง หากการต่อสู้ถึงขั้นแตกหักในเวลานั้น ก็จะทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือนเลยทีเดียว

มู่เฉินพยักหน้าพลางยิ้ม “ไม่รู้ว่าแดนปีศาจคิดอย่างไรกับจวนยมโลก?”

“ในฐานะขั้วอำนาจสูงสุดของภูมิภาคทางเหนือเหมือนกัน แดนปีศาจไม่อาจยอมรับกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ เมื่อพวกข้ารวมตัวเป็นกองทัพใหญ่ ข้าจะตามไปล้างบางพวกมัน” เสียงของหงหยูเย็นเยือกลงหลายส่วน เห็นได้ชัดว่านางโกรธแค้นหลินหมิงมาก

มู่เฉินยิ้ม “แต่ในเวลานั้นจวนยมโลกก็คงรวบรวมกองทัพแล้วเช่นกัน พวกเขาไม่อ่อนแอกว่าแดนปีศาจ ยิ่งเมื่อรวมหลินหมิงเข้าไปด้วย ข้ากลัวว่าจะไม่ง่ายที่จะรับมือพวกเขา แม้ว่าแดนปีศาจจะทุ่มสุดตัวก็ตาม”

หงหยูอึ้งไปจากนั้นก็มองมู่เฉิน ส่วนโค้งที่มีเสน่ห์ผุดขึ้นที่มุมปากขณะที่หัวเราะเสียงพลิ้ว “พี่มู่พูดมาตรงๆ เลยดีกว่า”

“ร่วมมือกันกำจัดหลินหมิง เพื่อให้จวนยมโลกรับทุกข์ทรมานไปซะ” มู่เฉินกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

“ก่อนหน้ามีข่าวว่าหลินหมิงสนใจพี่มู่มาพักใหญ่แล้ว จากการคาดเดาข้าคิดว่าพวกมันคงจะตามหาเจ้าพบไม่นานจากนี้แน่ แบบนี้พี่มู่คืออยากรวมพลังกับแดนปีศาจเพื่อจัดการกับพวกมันใช่ไหม?” หงหยูมองไปรอบๆ ขณะยิ้ม

“ถึงแม้ว่าหลินหมิงจะเก่งกาจ แต่ข้าไม่กลัวเขา” มู่เฉินยิ้ม แม้ว่าน้ำเสียงจะสงบ แต่ความมั่นใจในตัวเองที่กำจายอยู่ ทำให้หงหยูไม่สามารถปฏิเสธคำพูดของเขาได้ เนื่องจากนางได้เห็นปาฏิหาริย์มากมายที่ชายหนุ่มสร้างขึ้นต่อหน้ามาแล้ว

“จวนยมโลกไม่อ่อนแอ ดังนั้นไม่ง่ายเลยสำหรับอาณาเขตกงเวทสวรรค์ที่จะเขมือบพวกเขา แต่ถ้าได้รับความช่วยเหลือจากแดนปีศาจ เราก็จะสามารถสร้างหายนะใหญ่หลวงใส่พวกเขาได้ ดังนั้นข้าเชื่อว่าความร่วมมือของเราเป็นประโยชน์ต่อกัน”

หงหยูอยู่ในภวังค์ความคิด นางมีความคิดที่จะถูกโน้มน้าว ทว่านางก็ไม่ตกปากรับคำทันทีตอบว่า “ข้าจะแจ้งเรื่องนี้กับทางสำนัก ข้าไม่สามารถตัดสินใจคนเดียวได้”

“นอกจากนี้แม้ว่าเราจะร่วมมือกัน แต่เป้าหมายของเราก็เป็นเพียงจวนยมโลก สำหรับกองทัพอื่นแดนปีศาจไม่ขอยุ่งเกี่ยว”

หงหยูฉลาดเฉลียว นางรู้ข่าวเป็นอริกันระหว่างอาณาเขตกงเวทสวรรค์ หมู่ตึกเทวะและตำหนักสุดนภา ดังนั้นนางไม่ต้องการที่จะไปกระตุ้นกองทัพสูงสุดทั้งสองที่ไม่กินเส้นกับอาณาเขตกงเวทสวรรค์เพียงเพื่อจัดการกับจวนยมโลก

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ มู่เฉินก็พยักหน้าสบายๆ เนื่องจากเขาไม่ได้คาดหวังชัดเจนว่าแดนปีศาจจะปะทะกับหมู่ตึกเทวะและตำหนักสุดนภากับพวกเขา ในสงครามล่านี้มีเพียงความร่วมมือเกี่ยวกับผลประโยชน์เท่านั้น

“งั้นข้าไปก่อนนะ เมื่อแดนปีศาจรวมตัวกันเรียบร้อย ข้าจะแจ้งให้เจ้าทราบหากมีการเคลื่อนไหวใดๆ จากทางข้า เมื่อเวลานั้นหงหยูจะรอดูพี่มู่ปลดปล่อยพลังทั้งหมด” จบคำพูดนางก็ไม่ได้อ้อยอิ่ง นางส่งรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ให้มู่เฉิน ก่อนที่จะโบกมือหันกลับไปยังกองทัพของตน จากนั้นพวกนางก็ผิวปากส่งสัญญาณ ร่างกายเป็นลำแสงพุ่งหายไปทางขอบฟ้า

“เจ้าคิดจะร่วมมือกับแดนปีศาจเหรอ?” เมื่อกองทัพแดนปีศาจจากไป เหล่าผู้บัญชาการก็หันมามองมู่เฉิน แม้ว่ามู่เฉินจะเพิ่งบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า แต่กระทั่งจอมยุทธ์บางคนที่ทรงพลังเช่นเดียวกับเลี่ยซันก็ยังไม่กล้าดูแคลนมู่เฉินจากการทำงานร่วมกันในครั้งนี้ ดังนั้นไม่มีใครคิดว่าเขากำลังประมาทในการตัดสินใจ

“แม้ว่าข้าจะไม่แน่ใจว่าความร่วมมือนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็สามารถช่วยเราลดแรงกดดันบางอย่างได้ เราไม่สามารถมีเรื่องกับขั้วอำนาจสูงสุดทุกขั้วอำนาจที่นี่ได้” มู่เฉินกล่าว

เขาไม่ได้หวังจะให้ความร่วมมือมั่นคง แต่อย่างน้อยแดนปีศาจมีเรื่องกับจวนยมโลก ถ้าจวนยมโลกยังกล้าที่จะเคลื่อนไหวมาหาเรื่องพวกเขา เขาก็ไม่ใส่ใจที่จะร่วมมือกับแดนปีศาจเพื่อทำให้จวนยมโลกเลือดตกยางออกเสียบ้าง

“ไปกันเถอะ เราควรเดินทางต่อ สถานการณ์ตอนนี้ชักจะวุ่นวายมากขึ้น ดังนั้นเราสามารถป้องกันตัวเองเมื่อรวบตัวกับผู้บัญชาการที่เหลือเท่านั้น” มู่เฉินกล่าว

เมื่อคนอื่นได้ยินก็พยักหน้า แม้แต่กองทัพสูงสุดอย่างแดนปีศาจยังต้องจ่ายราคาหนักหนาดังนั้นพวกเขาจึงต้องปฏิบัติต่อเรื่องนี้อย่างจริงจัง

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ในเมื่อไม่มีใครคัดค้าน มู่เฉินก็ทะยานตัวออกไปพร้อมกับหน่วยรบทั้งห้าติดตามเบื้องหลัง

สองวันถัดมาพวกมู่เฉินก็ไม่ได้ชะลอตัวจน มุ่งหน้าไปที่จุดรวมพล ระหว่างทางก็เจอหลายกองทัพ แต่ไม่ได้ถูกขัดขวางเลย

ด้วยความเร็วนี้ เมื่อเข้าวันที่สามภาพหุบเขาใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าสายตา กองทัพมหึมาครอบคลุมท้องฟ้าของหุบเขา บรรยากาศแกร่งกร้าวแผ่ขยายออกไปพร้อมกับคลื่นหลิงเชี่ยวกรากกระจายไปทั่วบริเวณ

เมื่อพวกมู่เฉินเห็นการรวมพลใหญ่ พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจ เนื่องจากรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายก็มาจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์และสถานที่แห่งนี้เป็นที่รวมพลใหญ่

“ในที่สุดเราก็มาถึงที่นี่”

หลังจากสามเดือนที่เหล่าผู้บัญชาการแห่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์แยกตัวก็ถึงเวลากลับมารวมตัวกันอีกครั้ง แต่สามเดือนที่แล้วพลังของมู่เฉินที่รั้งท้ายเหล่าผู้บัญชาการ ตอนนี้ในแง่ของความแข็งแกร่งทั่วไป เขาติดหนึ่งในสามอันดับแรกแล้ว!

พัฒนาการของมู่เฉินในช่วงสามเดือนที่ผ่านมายอดเยี่ยมมาก

ฮึ่ม!

ทว่าเมื่อพวกเขาปรากฏตัวเบื้องหน้าหุบเขาและกำลังจะรวมเข้ากับกองทัพใหญ่ เสียงดังกระหึ่มก็ดังมาจากภายใน

สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินเสียง

นั่นเป็นเพราะนี่คือสัญญาณขอความช่วยเหลือจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์!

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset