หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 944 กระดานเทพปฏิยุทธ์
กระดานหมากโบราณหนึ่งฉื่อปรากฏในมือมู่เฉิน
โดยมีอักขระซับซ้อนและลึกลับสลักอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมองให้ละเอียดก็จะเห็นรูปปั้นประณีตบนกระดานหมากซึ่งดูเหมือนมีชีวิต แปลกตามาก
กระดานหินนี้เป็นวัตถุที่มู่เฉินได้รับจากซากอารยธรรมความตายซึ่งจักรพรรดิเทียนเจิ้นเป็นคนส่งมอบให้กับมือ กระดานนี้มีนักรบหนึ่งพันนายที่ทรงพลังสถิตอยู่
แต่วัตถุนี้เป็นประเภทอาวุธใช้ครั้งเดียวต้องทิ้ง เมื่อไรที่ใช้เสร็จสิ้นกองทัพก็จะสลายหายไป ดังนั้นมู่เฉินจึงไม่เคยตั้งใจจะใช้ แต่สถานการณ์ตอนนี้อันตรายมาก เขาจึงไม่สามารถเก็บมันเอาไว้อีก มิเช่นนั้นถ้าตายไปแล้วจะมีสมบัติไว้เพื่ออะไร?
“หึ ไอ้เด็กเวร ยังคิดจะต่อต้านอีกเหรอ? ดื้อด้านจริง!” เมื่อหัตถ์ใต้เห็นการกระทำของมู่เฉินก็เค้นเสียงเย็นชา แม้ว่าจะมีคลื่นผันผวนแปลกประหลาดเล็ดลอดออกมาจากกระดานหิน แต่เขาก็ไม่ได้กลัว เพราะแม้ว่าคลื่นหลิงของเขาถูกระงับในเวลานี้ แต่ก็ไม่ยากนักที่จะฆ่ามู่เฉิน
พูดจบเขาก็กางฝ่ามือออก คลื่นหลิงป่าเถื่อนรวมตัวกัน ในเวลาไม่กี่อึดใจก็ก่อร่างเป็นขนนกเพลิงสีแดง เปลวไฟลุกโชนพลุ่งพล่านอยู่ด้านบน
อุณหภูมิในบริเวณนี้ร้อนระอุขึ้นทันที
“คัมภีร์เทพหั่วหวง ขนเพลิงเผาสวรรค์!”
ทว่าแม้เขาจะไม่กลัวมู่เฉิน แต่หัตถ์ใต้ก็เป็นจอมยุทธ์ชั้นยอดของภูมิภาคทางเหนือ เขามีความระมัดระวังตัวมาก ดังนั้นจึงไม่ได้ออมมือในการโจมตีเพราะเห็นมู่เฉินอ่อนแอ หากกระบวนท่าคัมภีร์เทพนี้ซัดใส่ กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกก็ตายคาที่แน่นอน
“เจ้าแพะแก่ของหมู่ตึกเทวะไร้ความปรานีนัก เขาถึงขนาดใช้คัมภีร์เทพจัดการกับมู่เฉินเลย…”
เมื่อจอมยุทธ์สำนักอื่นเห็นฉากนี้ก็อดไม่ได้ที่จะสะดุ้ง จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกบางคนก็มีสีเคร่งเครียดลงหลายส่วน ความเหี้ยมโหดและเด็ดขาดของหัตถ์ใต้เกินความคาดหมายแท้จริง มู่เฉินที่เผชิญกับการโจมตีทรงพลังนี้คงไม่รอดแล้ว
หัตถ์ใต้ยืนอยู่บนท้องฟ้า เขามองมู่เฉินด้วยสายตาเหี้ยมเกรียมก่อนที่จะชี้นิ้วลง
ฮึ่ม!
ทันทีที่นิ้วชี้ออกไป ขนนกเพลิงก็ยิงออกมา เปลวสีแดงครอบครอบไปทั่วเส้นขอบฟ้าราวกับจะกลืนกินฟ้าดิน เมื่อเปลวไฟส่งเสียงคราง ก็ก่อร่างเป็นหงส์ฟ้าลุกโชติพุ่งไปทางมู่เฉินพร้อมกับไฟล้างโลก
เผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่ากลัวของหัตถ์ใต้ แม้แต่มู่เฉินก็รู้สึกเย็นเยือกในหัวใจ หากเขาไม่มีกระดานเทพปฏิยุทธ์ การเผชิญกับการโจมตีครั้งนี้เขาอาจจะต้องจ่ายราคามหาโหดด้วยจริงๆ
“ไอ้แพะแก่ตัวนี้…”
มู่เฉินสถบด่าในใจขณะกัดฟันกรอด เขาไม่ลังเลอีกต่อไป คลื่นหลิงเทลงไปยังกระดานหินทันที
ฮึ่ม!
พร้อมกับการอัดคลื่นหลิงลงไป กระดานหินโบราณก็ปะทุขึ้นโชติช่วง ร่างเงาจำนวนมากทะยานออกมา ทันใดนั้นคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมา ก่อตัวเป็นผนึกรัศมีจั้นยี่ปะทะกับขนนกเพลิง
ปัง!
คลื่นกระแทกน่าขนพองสยองเกล้ากระจายออก มิติในระยะหนึ่งพันจั้งกระเพื่อมด้วยวงคลื่น ทำให้จอมยุทธ์บริเวณใกล้เคียงกระอักเลือดและลมปราณผันผวนในร่าง พวกเขารีบถอยหนีกันจ้าละหวั่น
หลังจากทรงตัวได้ พวกเขาก็พุ่งสายตาไปตรงจุดปะทะ จากนั้นใบหน้าถูกแทนที่ด้วยความตกใจสุดขีด
นั่นเป็นเพราะที่ตรงนั้นมู่เฉินยังคงยืนอยู่ได้โดยไม่มีบาดแผลใดๆ การจู่โจมที่น่ากลัวจากหัตถ์ใต้ก่อนหน้าไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บอะไรเลย?!
“นั่นอะไร?!”
พวกเขาอึ้งไปชั่วครู่ก่อนที่อุทานดังขึ้น เมื่อตระหนักได้ว่ามีแสงสีเทากำลังกระจายอยู่ด้านหลังมู่เฉิน ในแสงสีเทานั่นมีกองทัพทหารหนึ่งพันนายในชุดเกราะสีเทา…
และรัศมีจั้นยี่น่าขนพองสยองเกล้าก็พลุ่งพล่านออกมาจากกองทหารหุ้มเกราะสีเทาเหล่านั้น
“ดูเหมือนข้าดูถูกแกไปหน่อย ไอ้เด็กเหลือขอ!”
บนท้องฟ้า หัตถ์ใต้ตื่นตะลึงไปวูบหนึ่ง เมื่อเห็นกองทหารหุ้มเกราะสีเทาที่ปรากฏขึ้นกะทันหันด้านหลังมู่เฉิน ใบหน้าเขามืดครึ้มลง เขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะสะกัดกระบวนท่าสังหารของเขาได้อย่างง่ายดาย
“นั่นกระดานเทพปฏิยุทธ์ แกมีสมบัติแบบนี้ด้วยรึ!”
ใบหน้าหัตถ์ใต้ดิ่งลงขณะที่พูดด้วยฟันที่กัดแน่น ตัวเขาเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงของภูมิภาคทางเหนือ ดังนั้นเขาจึงมีประสบการณ์พิเศษเช่นกัน เขารู้ทันทีว่ากระดานหินในมือมู่เฉินคืออะไร
มู่เฉินอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหัตถ์ใต้รู้จักกระดานเทพปฏิยุทธ์ วัตถุชิ้นนี้เป็นของหายากแท้จริง ไม่คิดว่าแพะแก่ตัวนี้จะมีความรู้เรื่องนี้
“ในเมื่อรู้จัก งั้นข้าขอให้ท่านหัตถ์ใต้ช่วยทดสอบพลังของมันหน่อยนะ” มู่เฉินฉีกปากยิ้ม เนื่องจากกระดานเทพปฏิยุทธ์ใช้งานได้เพียงครั้งเดียว ในเมื่อนำออกมาใช้แล้วก็ต้องใช้มันให้เป็นประโยชน์สูงสุด
พูดจบนิ้วของมู่เฉินก็พลิกวูบไหวบนกระดานเบาๆ
ฮึ่ม!
เสียงดังกึกก้อง กองทัพทหารหินพันนายก็เปิดตาขึ้น ในสายตาไม่มีจิตใต้สำนึกใดๆ มีแต่เพียงเปลวไฟลุกโชติช่วง
ครืน!
รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตระเบิดราวกับภูเขาไฟออกจากร่างเหล่าทหารรวมตัวกันบนท้องฟ้า ชั้นเมฆดำปกคลุมขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว ขณะที่แรงกดดันน่าสะพรึงกลัวกระจายออก ทำให้สีหน้าทุกคนในบริเวณนี้เปลี่ยนไป
เมื่อสัมผัสได้ถึงรัศมีจั้นยี่ที่น่ากลัว ใบหน้าของหัตถ์ใต้ก็กลายเป็นน่าเกลียด ถ้าพลังเขาอยู่ในจุดสูงสุด เขาก็จะไม่กลัวกองทัพกิ๊กก๊อกแบบนี้ แต่ตอนนี้คลื่นหลิงของเขาถูกระงับไปเกินครึ่ง ดังนั้นถ้าเขาต่อสู้ผลลัพธ์ไม่สามารถคาดเดาได้
“กระดานเทพปฏิยุทธ์ต้องการคลื่นหลิงในการทำงาน ตราบใดที่ข้าสามารถฆ่าไอ้เด็กเวรนั่นได้อย่างรวดเร็ว พวกทหารหินก็จะสลายหายไป!”
สายตาของหัตถ์ใต้เปลี่ยนเป็นดุร้าย จากนั้นเขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ทันใดนั้นร่างเขาก็หายวับไปกับตา
ทว่าแม้หัตถ์ใต้จะเคลื่อนไหวแปลกพิลึก แต่มู่เฉินตั้งตัวระวังอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายหายตัวไป ปีกหงส์ที่แผ่นหลังก็กระพือ เขาพุ่งเข้าไปในกองทัพหินทันที
วาบ!
จุดที่มู่เฉินยืนอยู่ก่อนหน้าเกิดระลอกคลื่น ร่างของหัตถ์ใต้ปรากฏขึ้น ทว่าใบหน้าของเขากลับเขียวคล้ำ เขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะว่องไวปานนี้
มู่เฉินที่เข้าสู่ค่ายกลกองทัพทหารหินเค้นเสียงเยือกเย็นขึ้นจมูกให้หัตถ์ใต้ ก่อนที่เขาจะเทพลังงานเข้าสู่กระดาน
โฮก!
ดวงตาลึกกลวงของทหารหินพันนายสว่างไสวยิงใส่หัตถ์ใต้ขณะที่ชั้นเมฆกวนตัวไปมา อึดใจถัดมาก็ก่อร่างเป็นหอกหินหลายร้อยจั้งซึ่งเต็มไปด้วยลวดลายจั้นเหวินหนาแน่น ดูไม่น่าจะน้อยไปกว่าหลายหมื่นลาย
ฟิ้ว!
หอกหินแทงทะลุมิติปรากฏที่เบื้องหน้าหัตถ์ใต้
ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีจากกองทหารหิน ร่างถอยร่นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ฝ่ามือวาดกระบวนท่า ก่อนจะตะโกนลั่น “ฝ่ามือหงส์เพลิง!”
เขาเหวี่ยงฝ่ามือออกไป คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพวยพุ่ง เปลวไฟสีแดงจ้ากวาดออก ก่อร่างเป็นหงส์ฟ้าเพลิงขนาดใหญ่ปะทะเข้ากับหอกหิน
ตึง!
พลังงานสองสายชนกัน คลื่นกระแทกรุนแรงก็ระเบิดออก ทำให้มิติโดยรอบบิดเบี้ยว คลื่นจำนวนมหาศาลยกตัวขึ้นจากทะเลสาบเบื้องล่าง
หึ!
เมื่อคลื่นกระแทกกวาดออกไป หัตถ์ใต้ก็เค้นเสียงเย็นพลางถอยห่างออกไปหลายสิบจั้ง ส่วนมู่เฉินที่อยู่ในกองทหารหินไม่ได้รับอันตรายใดๆ
เห็นได้ชัดว่าหัตถ์ใต้เสียเปรียบในการเผชิญหน้ากระบวนท่านี้
เมื่อผู้คนเห็นฉากนี้ หัวใจก็สั่นสะท้าน หัตถ์ใต้เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดที่มีสถานะสูงส่งในภูมิภาคทางเหนือ แต่ตอนนี้เขากลับแพ้คามือมู่เฉิน ดังนั้นความตกใจที่เกิดขึ้นจึงไม่เล็กเลย
หัตถ์ใต้มีท่าทางน่าสมเพชเล็กน้อยขณะที่ทรงตัว ใบหน้าเขียวคล้ำเมื่อมองมู่เฉิน สายตาราวกับว่าต้องการจะฉีกเนื้อเถือหนังอีกฝ่ายออกจากกัน เขารู้ว่าครั้งนี้ได้สร้างความอับอายให้ตัวเองแล้ว
ตอนแรกเขาคิดว่าการรับมือกับมู่เฉินซึ่งเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าจะเป็นเรื่องง่าย แต่ความจริงทำให้เขาเข้าใจว่าไม่เพียงแต่เขาจะจัดการมู่เฉินไม่ได้ แต่เขายังอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชเพราะอีกฝ่ายด้วย
“ไอ้เวรนี่!”
หัตถ์ใต้โกรธแค้นในใจ แต่ก็ไม่ได้พุ่งโจมตีอีก จากการเผชิญหน้าเมื่อครู่ทำให้เขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะกองทหารหินด้วยสภาพปัจจุบันของตนเอง
“ถ้าข้าอยู่ในจุดสูงสุด การฆ่าแกก็เหมือนเชือดไก่เชือดหมาเลย! บ้าเอ้ย!” หัตถ์ใต้กัดฟันแน่น แต่ทำได้เพียงมองมู่เฉินอย่างเกรี้ยวกราด เขาไม่กล้าเข้าไปในระยะการโจมตีของกองทหารหินอีก
การดวลระหว่างทั้งสองถูกจับตามองโดยจอมยุทธ์ชั้นสูงหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจอมพลทั้งสามซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับเหล่าหัตถ์ที่เหลือของหมู่ตึกเทวะ พวกเขาตกใจกับผลลัพธ์อย่างยิ่ง
ตอนแรกเมื่อเหล่าจอมพลเห็นหัตถ์ใต้เล็งเป้าไปที่มู่เฉิน พวกเขาก็รู้สึกเป็นห่วงในใจ ทว่าใครจะไปคิดว่าผลลัพธ์ที่ได้เกินความคาดหมาย มู่เฉินไม่เพียงไม่ถูกจับกุมยังสามารถบีบให้หัตถ์อยู่ในสภาพน่าสมเพช
“เจ้าหนูนี่มีไพ่ตายเป็นสำรับคาดการณ์ไม่ได้เลย…” จอมพลทั้งสามแลกเปลี่ยนสายตากันก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก แม้จะเป็นพวกเขาก็ยังอดชื่นชมในใจไม่ได้
ทว่าเห็นได้ชัดว่ามู่เฉินไม่รู้เกี่ยวกับกับชื่นชมของพวกเขา เมื่อเห็นว่าตนเองบังคับให้หัตถ์ใต้ถอยออกไปได้ด้วยพลังของกองทหารหิน เขาก็รู้สึกโล่งใจก่อนที่จะกำมือ ก้อนแสงที่เขาได้มาก่อนหน้านี้ก็ปรากฏขึ้นในมือ
ภายใต้การปกป้องของทหารหิน ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีในการตรวจสอบสมบัติที่ได้
ก้อนแสงหม่นแสงลงอย่างรวดเร็ว สมบัติที่อยู่ภายในก็ชัดเจนขึ้น มู่เฉินมองไป เมื่อเห็นวัตถุที่อยู่ภายในอย่างชัดเจนก็อดอึ้งไปไม่ได้
“นี่มัน…”