หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 948 ของเหลวหลิงเสินสมบูรณ์แบบ
ขอบฟ้าไร้พรมแดนเหนือมหาสมุทรเกาะหินลอย
มีปราการชั้นหนากั้นกางปกคลุมทั่วเกาะ ซึ่งไม่มีใครสามารถมองเข้าไปภายในได้
ระลอกคลื่นพลิ้วไหวบนปราการที่ทนทาน รอยแตกเริ่มแพร่กระจายอย่างรวดเร็วบนพื้นผิวของปราการ
รอยแตกนี้เกิดจากคลื่นพลังของหกประมุข หลังจากได้รับสัญญาณจากผู้ใต้บังคับัญชา พวกเขาก็ร่วมมือกันเพื่อฉีกเปิดรอยร้าวทันที
คราวนี้พวกเขาไม่ได้สร้างรอยร้าวของใครของมัน แต่ช่วยประสานพลังกัน ซึ่งวิธีนี้ง่ายกว่าครั้งก่อนมาก
ฟิ้ว!
เมื่อรอยแตกปรากฏขึ้น ความวุ่นวายที่มาจากในรอยแตกและลำแสงก็ยิงออกมาอย่างรวดเร็วจากปราการราวกับสายฟ้าฟาด
ครืน!
ขณะที่ลำแสงเหล่านั้นพุ่งออกมา หุ่นเงาก็ส่งเสียงอย่างโกรธเกรี้ยวพร้อมกับแรงกดดันน่ากลัวเกิดขึ้นในดวงตา ชัดว่าขณะที่มองไปยังร่างเหล่านั้นก็สัมผัสได้ถึงแก่นคลื่นหลิงของตน
ปัง!
แต่คราวนี้ก่อนที่หุ่นเงาจะเคลื่อนไหว หกประมุขก็เคลื่อนไหวก่อนในทันที ฝ่ามือขนาดใหญ่ทั้งหกซัดลงมาจากฟากฟ้า ปะทะกับร่างหุ่นเงาหนักหน่วง
เมื่อออกกระบวนท่าซัดเข้าหาหุ่นเงา ประมุขทั้งหกก็สะบัดแขนเสื้อ ลำแสงหกสายกวาดผ่านท้องฟ้า ก่อนที่จะโอบล้อมผู้ใต้บังคับบัญชาและจากไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลาสิบกว่าลมหายใจ จอมยุทธ์แต่ละสำนักก็หนีไปได้หลายหมื่นจั้งภายใต้การคุ้มครองของประมุขพวกเขาเอง เมื่อพวกเขาจากไป หุ่นเงาก็ไม่สามารถไล่ตามไปได้เนื่องจากถูกจำกัดพื้นที่ให้ปกป้องเกาะหินไว้เท่านั้น ขณะมองร่างเงาที่อยู่ไกลออกไป มันก็ได้แต่ปล่อยเสียงคำรามคั่งแค้น ก่อนที่จะลดศีรษะลงมองกลุ่มสุดท้ายที่กำลังพยายามหนี
นี่คือสมาชิกหมู่ตึกเทวะ เนื่องจากไม่มีประมุขปกป้อง ชัดว่าไม่มีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนคนไหนยื่นมือมาช่วยพวกเขา
ผู้นำยามนี้คือหัตถ์ทั้งสี่ เมื่อพวกเขารู้สึกถึงการจ้องมองอย่างบ้าคลั่งของหุ่นเงาที่พุ่งมา พวกเขาก็รู้สึกว่าหนังหัวชาหนึบไปหมด
แม้ว่าพวกเขาทั้งสี่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นสูงในหมู่ตึกเทวะที่ด้อยกว่าประมุขคนเดียว ทว่าพวกเขาก็อ่อนแอเหมือนมดต่อหน้าหุ่นวิญญาณจอมพลสี่ที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนหกคนรวมพลังกันก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้
แสงกะพริบวาบในดวงตากลวงโบ๋ของหุ่นเงา จากนั้นมันก็เคลื่อนไหว ลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งพรวดออกมาจากฝ่ามือราวกับเชือกพันธนาการมังกร จากนั้นก็ปรากฏเหนือท้องฟ้าบริเวณของสมาชิกหมู่ตึกเทวะก่อนจะกวาดลงมา ความน่าสะพรึงกลัวทำให้พื้นที่แข็งค้างทันที ผนึกพวกหมู่ตึกเทวะเอาไว้ที่นั่น
หัตถ์ทั้งสี่เผยความหวาดผวาบนใบหน้า เมื่อพวกเขาเห็นหุ่นเงาทะยานเข้ามา คลื่นหลิงระเบิดออกมาไร้จำกัด ทว่าพวกเขาก็ไม่สามารถรับมือกับลำแสงที่บีบอัดลงมาได้
ความแตกต่างระหว่างพวกเขากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนยิ่งใหญ่เกินไป
สมาชิกอาณาเขตกงเวทสวรรค์ซึ่งมั่นถัวหลัวพาออกไปก็อดเดาะลิ้นไม่ได้เมื่อเห็นภาพนี้ หุ่นเงาน่าสะพรึงกลัวจริงๆ แค่ฝ่ามือเดียวก็ทำให้หมู่ตึกเทวะตกอยู่ในอันตรายแล้ว
“ตึง!”
แต่ขณะที่ทุกคนคิดว่าจอมยุทธ์หมู่ตึกเทวะจะต้องทนทุกข์ใหญ่หลวงแน่ มหาสมุทรเบื้องล่างก็ส่งเสียงครางกระหึ่ม คลื่นดันตัวขึ้นมามากมาย ริ้วแสงพุ่งออกมาก่อร่างเป็นกำแพงแสงล้อมรอบสมาชิกหมู่ตึกเทวะเอาไว้
ปัง! ปัง!
เมื่อลำแสงกระแทกลงบนกำแพงแสง เสียงดังกึกก้องและระลอกคลื่นก็กระเพื่อมไหว ทว่าก็ไม่สามารถทำลายกำแพงแสงได้ กำแพงแสงปกป้องพวกหมู่ตึกเทวะไว้แล้วออกห่างไปหลายหมื่นจั้งในพริบตา
หลังจากเดินอยู่บนปากเหวความตาย ก็ทำเอาหัตถ์ทั้งสี่รู้สึกว่าขาอ่อน เหงื่อเย็นชุ่มโชกอยู่ที่ด้านหลัง
มิติกระเพื่อมที่เบื้องหน้า ร่างเงาหนึ่งก็ย่างกรายออกมา ชายผู้นี้ปลดปล่อยรัศมีเชี่ยวกราก สองมือไพล่หลังทำให้แม้แต่ฟ้าดินก็ดูหวาดกลัวเมื่อเขาการปรากฏตัวขึ้น นี่เป็นใครไม่ได้นอกจากประมุขหมู่ตึกเทวะ
“ขอบคุณท่านประมุขที่ช่วยเหลือ!” พวกหมู่ตึกเทวะมองไปที่ร่างสง่างามก็โค้งคำนับให้อย่างเคารพ
“น่าเสียดายนัก” เมื่อเหล่าผู้บัญชาการอาณาเขตกงเวทสวรรค์เห็นฉากนี้ พวกเขาส่ายหัวอย่างเสียดาย ประมุขหมู่ตึกเทวะเคลื่อนไหวในช่วงวินาทีสุดท้ายพอดิบพอดี
ม่านตาสีทองคำของมั่นถัวหลัวหรี่ลงเล็กน้อย ขณะมองไปที่ประมุขหมู่ตึกเทวะ อีกฝ่ายไม่ได้ดูแตกต่างจากก่อนหน้า นอกจากนี้คลื่นหลิงที่อยู่รอบตัวก็สงบลงมาก เขาฟื้นจากอาการบาดเจ็บที่ได้รับจากหุ่นเงาทั้งหมดแล้ว
“เจ้านั่น…”
แต่จากสัญชาตญาณมั่นถัวหลัวก็อดมุ่นคิ้วไม่ได้ เนื่องจากนางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป ทว่านางไม่สามารถระบุสาเหตุได้ ก่อนจะส่ายหัวดึงความสนใจกลับไปยังสิ่งที่สำคัญที่สุดในมือ ม่านตาสีทองคำมองไปที่สมาชิกอาณาเขตกงเวทสวรรค์พูดว่า “แล้วของเหลวหลิงเสินล่ะ? ใครได้รับไป?”
ขณะที่พูดถึงของเหลวนี้ แม้แต่คนใจเย็นอย่างมั่นถัวหลัวยังเกิดริ้วกระเพื่อมในดวงตา ชัดว่านางให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง
จอมพลทั้งสามแลกเปลี่ยนสายตากันก็ยิ้มแล้วมองไปที่มู่เฉิน
มู่เฉินพลิกมือ ขวดดินเผาโบราณก็ปรากฏในมือพร้อมกับแสงสีทองแผ่ซ่านจากปากขวดย้อมสีขอบฟ้าเป็นสีทองคำ เกลียวแสงสีทองลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ
เวลานี้ทุกคนก็ได้ที่เห็นรูปทรงของของเหลวหลิงเสินซึ่งกลั่นโดยมู่เฉินอย่างชัดเจน แต่สิ่งที่เกินความคาดหมายก็คือสิ่งที่เรียกว่าของเหลวหลิงเสินกลับไม่ได้อยู่ในรูปของเหลว
แสงสีทองควบแน่นเป็นประกายแวววาวอยู่ในรูปตัวอ่อนขนาดฝ่ามือ ตัวอ่อนนี้เต็มไปด้วยอักขระโบราณ มีสัญญาณชีพจรจางๆ กำจายออกมาราวกับว่ามีชีวิต
เมื่อสิ่งนี้เผยออกมาทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ว่าคลื่นหลิงในมิติโดยรอบหนาแน่นขึ้นหลายส่วน แม้แต่คลื่นหลิงในร่างกายของพวกเขาก็หมุนเวียนเร็วขึ้นเมื่อสูดหายใจเข้าไป
แม้แต่เหล่าจอมพลยังไม่กล้าดูดซับคลื่นพลังหลิงเช่นนี้ สำหรับพวกเขาหากดูดซับเข้าไปโดยประมาท มันก็ราวกับของมีพิษ
“ของเหลวหลิงเสินแท้จริงมีลักษณะเช่นนี้เหรอ?” คนอื่นมองของเหลวหลิงเสินที่เบื้องหน้าสายตาก็อดอุทานออกมาไม่ได้
“นี่มัน… ของเหลวหลิงเสินสมบูรณ์แบบ!”
เมื่อตัวอ่อนสีทองคำของของเหลวหลิงเสินปรากฏขึ้นในครรลองสายตา ดวงตาของมั่นถัวหลัวก็เบิกกว้าง ร่องรอยแห่งความอัศจรรย์ใจฉาบบนใบหน้าของนางทันทีที่อุทานขึ้น
ไม่แปลกใจที่นางจะตกตะลึงไป ในสงครามล่าครั้งก่อนๆ แม้ว่าจะมีหลายกรณีที่ได้รับของเหลวหลิงเสิน แต่จำนวนครั้งที่ได้รับของเหลวสมบูรณ์แบบก็นับได้ด้วยมือข้างเดียวเท่านั้น
นางไม่คิดเลยว่าหลังจากส่งผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าสู่เกาะหิน พวกเขาจะนำของเหลวสมบูรณ์แบบกลับมาให้นาง!
ซุยนอนมองไปที่มั่นถัวหลัวที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็ยิ้มบาง “ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณมู่เฉิน หากไม่ใช่เพราะเขาคว้าวัตถุที่ดีที่สุดและต่อสู้เต็มกำลังกับหัตถ์ใต้ กระทั่งตัวข้าเองยังเกรงว่าเราจะได้รับของเหลวเสินหลิงธรรมดาเท่านั้น…”
มั่นถัวหลัวสงบใจลงขณะที่มองมู่เฉิน “ข้าจะจำไว้”
นางไม่ได้พูดอะไรมาก มอบคำพูดเรียบง่ายให้กับเขา แต่มู่เฉินเข้าใจนิสัยของนางและรู้ว่านี่หมายถึงอะไร
นอกจากนี้เขาสามารถบอกได้จากคำพูดของนาง มั่นถัวหลัวไม่ได้มองเขาเป็นผู้ใต้บัญชาการ เพราะถ้าเป็นคนอื่นที่ทำสิ่งเดียวกันกับมู่เฉินบางทีนางอาจจะให้การตอบแทนจำนวนมากกับพวกเขา แต่นางไม่ได้สัญญาจะให้การตอบแทนกับมู่เฉิน บางทีตั้งแต่เริ่มต้นนางวางตัวไว้ในระดับเดียวกับมู่เฉิน แม้ว่านางจะแข็งแกร่งกว่าเขามากก็ตาม…
มู่เฉินยิ้มให้มั่นถัวหลัว แต่ก็ไม่พูดอะไร เขาสะบัดนิ้วตัวอ่อนสีทองก็ถูกส่งไปให้มั่นถัวหลัว
มั่นถัวหลัวเหยียดมือจับของเหลวหลิงเสินแน่น ขณะที่ปลายนิ้วสัมผัสนางก็รู้สึกได้ถึงไอริษยาที่ยิงเข้าใส่จากหลายทิศทาง
สายตาเหล่านั้นมาจากประมุขคนอื่น ชัดว่าพวกเขารู้สึกได้ว่าของเหลวในมือนางทรงพลังเพียงใด
ขณะที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์กำลังเฉลิมฉลอง ทางด้านหมู่ตึกเทวะก็เงียบกริบจนน่ากลัว นั่นเป็นเพราะประมุขของพวกเขากำลังกำเม็ดสีทองซึ่งเป็นของเหลวหลิงเสินที่ได้รับการกลั่นมา แต่เปรียบเทียบแล้วแสดงให้เห็นว่าเม็ดสีทองนี้ด้อยกว่าตัวอ่อนในมือมั่นถัวหลัวอย่างแท้จริง
“ท่านประมุขทุกอย่างเกิดจากไอ้บ้ามู่เฉินคนเดียว!” หัตถ์ใต้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ยขึ้น
“มู่เฉินเรอะ…”
ประมุขหมู่ตึกเทวะหรี่ตา จากนั้นก็ยิ้ม “ไม่ต้องห่วง แม้ว่ามั่นถัวหลัวจะได้รับของเหลวหลิงเสินสมบูรณ์แบบ แต่ใช่ว่านางจะมีพัฒนาการได้สำเร็จ เพราะข้าล้ำหน้านางไปอยู่แล้ว…”
“อยากแข่งเพื่อดูว่าใครจะบรรลุระดับตี้จุนขั้นปลายได้ก่อนรึ?”
ประมุขหมู่ตึกเทวะเค้นเสียงเย็น เปลวไฟแห่งความทะเยอทะยานพลุ่งพล่านในดวงตา ขณะที่เขายิ้มพึมพำเบาๆ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าจะเป็นเจ้าเหนือหัวที่แท้จริงของภูมิภาคทางหนือ…”
พูดจบเขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป มือเหวี่ยงเม็ดสีทองเข้าไปในปาก เวลาเดียวกันก็สะบัดแขนเสื้อ คลื่นหลิงน่าสะพรึงกลัวก่อตัวเป็นกำแพงล้อมรอบสมาชิกหมู่ตึกเทวะไว้ ส่วนเขาก็นั่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองของกำแพงแสง
ในเวลาเดียวกันเมื่อประมุขหมู่ตึกเทวะกินของเหลวหลิงเสินไป คนอื่นๆ ที่ได้รับก็กลืนลงไปทันทีหลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงหลากหลายในสายตา
“ปกป้องข้าขณะที่เพาะบ่มพลัง”
มั่นถัวหลัวก็พูดเบาๆ นางไม่ลังเลอีกต่อไป โยนของเหลวหลิงเสินรูปตัวอ่อนสีทองคำเข้าไปในปาก แสงสีทองคลี่บานโอบร่างนางไว้
มู่เฉินและคนอื่นๆ ยืนอยู่ข้างหลังมองไปทั้งหกทิศทางที่มีแสงส่องสว่าง เห็นได้ชัดว่าประมุขอีกหกคนเลือกที่จะพยายามโจมตีขุมพลังด้วยความช่วยเหลือจากของเหลวหลิงเสินด้วยเช่นกัน…
หากพวกเขาคนใดคนหนึ่งประสบความสำเร็จในการพัฒนา ก็จะทำให้เกิดความวุ่นวายในภูมิภาคทางเหนืออย่างแน่นอน!
ตอนนี้หัวใจทุกคนโลดขึ้น เพราะนี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดนับตั้งแต่เริ่มสงครามล่ามา!
มู่เฉินและจิ่วโยวแลกเปลี่ยนสายตากัน แววตากลายเคร่งขรึม หากประมุขหมู่ตึกเทวะประสบความสำเร็จ อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็จะกลายเป็นหมาจนตรอกแน่นอน!