หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 951 ไพ่ตายของประมุขหมู่ตึกเทวะ
เหนือมหาสมุทรไร้ขอบเขต
เกิดฉากงดงามตระการตาจากเกลียวแสง แต่ตอนนี้เหล่าจอมยุทธ์จากสำนักอื่นไม่ได้ใส่ใจกับทิวทัศน์งดงามเลย เนื่องจากสายตาของพวกเขาอัดแน่นด้วยความตกตะลึงขณะมองแสงแวววาวสูงตระหง่าน พวกเขาจับจ้องร่างสง่างามที่เปล่งรัศมีน่าหวาดกลัว ซึ่งนั่นก็คือประมุขหมู่ตึกเทวะ
เห็นได้ชัดว่าทุกคนตกตะลึงกับคำพูดที่เขากล่าวมานั่น
เพียงประโยคธรรมดา แต่ความหมายเบื้องหลังชัดเจน ประมุขหมู่ตึกเทวะคิดจะครอบครองภูมิภาคทางเหนือทั้งหมด!
มีจอมยุทธ์มากมายในภูมิภาคทางเหนือพยายามที่จะบรรลุความปรารถนาอันยิ่งใหญ่นี้ในช่วงพันปีที่ผ่านมา แต่ทั้งหมดก็ประสบความล้มเหลว ไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากไม่มีใครครอบงำขั้วอำนาจอื่นๆ ได้
แต่ตอนนี้ประมุขหมู่ตึกเทวะประกาศเจตนารมณ์ต้องการเป็นเจ้าเหนือหัวที่ไม่เคยมีใครคิดมาก่อนน่ะรึ?!
แต่ความคิดเช่นนี้ ประมุขคนอื่นจะยอมให้เขาทำตามที่ปรารถนาได้อย่างไร? จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนล้วนแต่มีความภาคภูมิใจ ดังนั้นจะให้ลดความเย่อหยิ่งคุกเข่าของตนเองลงให้ประมุขหมู่ตึกเทวะได้อย่างไร?
แน่นอนว่าถ้าประมุขหมู่ตึกเทวะแข็งแกร่งกว่าในแง่ขุมพลัง บางทีพวกเขาอาจจะต้องไตร่ตรองให้ถ้วนที ทว่าตอนนี้ถึงอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งขึ้นก็จริงและเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย แต่ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะข่มขู่พวกเขา
นอกจากนี้ที่สำคัญยังมีจอมยุทธ์ระดับเดียวกันอยู่ที่นี่ มั่นถัวหลัวมีพลังไม่ได้แตกต่างไปจากเขา ด้วยเรื่องบาดหมางที่มีกับประมุขหมู่ตึกเทวะ นางไม่มีทางยอมให้อีกฝ่ายทำตามที่ต้องการแน่นอน
ดังนั้นเมื่อประมุขหมู่ตึกเทวะบอกความคิดออกมา สมาชิกแต่ละสำนักก็รู้สึกเหลือเชื่อและหวาดระแวงขึ้นมาในเวลาเดียวกัน
ดวงตาของประมุขทั้งห้าสั่นไหว ขณะที่แลกเปลี่ยนสายตากัน ก่อนที่จะหันไปมองมั่นถัวหลัวเป็นตาเดียว สุดท้ายในการเผชิญหน้ากับประมุขหมู่ตึกเทวะที่ทรงพลังยามนี้ กระทั่งพวกเขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าพูดอะไรออกไป กลับหวังให้มั่นถัวหลัวเอ่ยปากเป็นคนแรก
ทว่าภายใต้สายตาของพวกเขา มั่นถัวหลัวก็ยิ้มเรียบเฉย ม่านตาสีทองคำหลุบลงราวกับไม่ได้ยินที่อีกฝ่ายพูด มีเรื่องขัดแข้งขัดขากันมากมายระหว่างขั้วอำนาจสูงสุดในภูมิภาคทางเหนือ แม้นางจะเคียดแค้นหมู่ตึกเทวะมาก แต่นางก็ไม่ต้องการออกหน้าออกตาให้คนที่เหลือ
เมื่อทั้งห้าเห็นปฏิกิริยาของมั่นถัวหลัวก็รู้สึกอึดอัด ก่อนที่วั้นเซิ่งจะกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง “ท่านประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์โดยรวมของภูมิภาคทางเหนือ ดังนั้นพวกข้าหวังว่าเจ้าจะพูดความคิดแท้จริงเกี่ยวกับเรื่องนี้… พวกข้าขอขอบคุณจากใจ”
น้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความถ่อมตน นอกจากนี้เขายังรู้ชัดเจนว่าพัฒนาการความแข็งแกร่งของมั่นถัวหลัวในสงครามล่าครั้งนี้ก้าวข้ามพวกเขาไปแล้ว ในอนาคตดูเหมือนว่ายอดเขาหมื่นเทพคงจะต้องสร้างสัมพันธ์กับอาณาเขตกงเวทสวรรค์ไว้บ้าง
ประมุขคนอื่นๆ เกิดความเปลี่ยนแปลงในสายตา แต่สุดท้ายก็เห็นด้วยกับคำพูดของวั้นเซิ่ง มีเพียงหลิ่วเทียนเต้าที่มีสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติ เนื่องจากเขาหาเรื่องอาณาเขตกงเวทสวรรค์ไม่เว้นว่าง ในตอนนี้มั่นถัวหลัวแข็งแกร่งไปกว่าเขาแล้ว ตัวเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมถ่อมตัวลง
เมื่อมั่นถัวหลัวเห็นปฏิกิริยาของพวกเขา นางก็ยิ้มบางจากนั้นพูดเสียงเรียบเฉย “ความกล้าหาญของท่านประมุขหมู่ตึกเทวะ ช่างทำให้ผู้คนนับถือ แต่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ของข้าไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ ดังนั้นเจ้าไปหาคนอื่นเถอะ”
เมื่อเห็นว่ามั่นถัวหลัวประกาศจุดยืนแล้ว ประมุขคนอื่นก็รู้สึกโล่งใจ วั้นเซิ่ง เยาตี้และวั้นตู๋เสอก็พยักหน้าเห็นชอบด้วยเช่นกัน
มีแต่หลิ่วเทียนเต้าเท่านั้นที่ยังยืนนิ่ง ดวงตาวูบไหว ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อพวกมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็อดแลกเปลี่ยนสายตากันไม่ได้ การเผชิญหน้าในระดับนี้เกินความสามารถพวกเขาไปไกล ไม่ว่าพวกเขาทำอะไรก็ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ ดังนั้นจึงได้แต่มองดูการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์
“ฮ่าๆ ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่สนใจข้อเสนอของข้า” เมื่อประมุขหมู่ตึกเทวะได้รับคำตอบเช่นนี้ ก็เหมือนจะไม่เกินจากความคิดไปเท่าไร เขาเผยรอยยิ้มกินลึกที่ทำเอาหัวใจของเหล่าประมุขสั่นสะเทือน
“หึ ความกระหายอยากของหมู่ตึกเทวะยิ่งใหญ่เกินไป ข้าว่าเจ้าคิดจะเขมือบพวกข้าขึ้นครองภูมิภาคทางเหนือซะมากกว่า” เยาตี้ที่มีนิสัยเยือกเย็น แม้ว่าตัวเขาจะยำเกรงประมุขหมู่ตึกเทวะหลายส่วน แต่เขาก็ไม่คิดยอมแพ้โต้กลับอย่างเย็นชา
“แต่ข้าขอพูดบางสิ่งที่เสียมารยาทไปบ้าง ถ้าต้องการครอบครองภูมิภาคทางเหนือ เกรงว่าขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายของเจ้านั่นยังไม่มีคุณสมบัติพอ!”
เมื่อคำพูดเหล่านี้เปล่งออกมา ประมุขหมู่ตึกเทวะก็หรี่ตาลงขณะที่คลี่ยิ้มอ่อน “ที่แท้ก็ดูถูกความแข็งแกร่งของข้าที่ต่ำเกินไปและยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายใช่ไหม?”
เมื่อประมุขคนอื่นๆ ได้ยินก็ไม่ได้ปฏิเสธ
พอประมุขหมู่ตึกเทวะปฏิกิริยาของพวกเขา รอยโค้งผิดปกติก็ยกขึ้นที่มุมปาก แววตาเย็นเยือกลง ก่อนที่เขาจะปลดปล่อยเสียงคำรามดังก้องราวกับฟ้าร้องสะท้อนไปทั่วมิติ ทำเอาฟ้าดินถึงกับสั่นสะเทือน พร้อมกับใบหน้าของจอมยุทธ์กลุ่มต่างๆ เปลี่ยนไป
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ข้าจะให้พวกเจ้าเห็นว่าไม่ยากสำหรับข้าที่จะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายเลย”
เมื่อเขาพูดขึ้น ไม่เพียงแต่ใบหน้าของประมุขทั้งห้าจะเปลี่ยนไป แม้แต่มั่นถัวหลัวก็ยังดวงตาหดลง ความตื่นตะลึงเผยขึ้นบนใบหน้านาง
“เขาพูดว่าอะไรนะ? เขายังสามารถพัฒนาต่อไปได้อีกเรอะ?!” ผู้คนจมเข้าสู่ความโกลาหล ใบหน้าของจอมพลทั้งสามเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ของเหลวหลิงเสินถูกใช้หมดแล้ว หากเขาไม่ได้รับของเหลวหลิงเสินสมบูรณ์แบบ เขาไม่มีทางบรรลุขั้นตอนสุดท้ายได้อย่างแน่นอน!
มู่เฉินและจิ่วโยวแลกเปลี่ยนสายตากัน ต่างเห็นความตื่นตะลึงในสายตาของกันและกัน หลังจากนั้นใบหน้าของมู่เฉินก็มืดครึ้มลงหลายส่วน แม้ว่าคำพูดของประมุขหมู่ตึกเทวะยากที่จะเชื่อ แต่เวลานี้เขาไม่น่าพูดอย่างไร้ความหมาย ในเมื่อเขาพูดออกมา เขาก็ต้องมีวิธีเพื่อบรรลุเป้าหมายจริงๆ
มิน่าล่ะเขาถึงกล้าพูดความคิดอุกอาจเช่นนี้ ที่แท้ก็ซ่อนไม้เด็ดเอาไว้นี่เอง
ภายใต้สายตาตกตะลึงที่จ้องมองมาของทุกคน ประมุขหมู่ตึกเทวะก็เหยียดแขนออกไปพร้อมเผยยิ้มแปลกบนใบหน้า ทันใดนั้นเมื่อเขาแบมือออก ดวงตาก็ดำมืดลง ขณะที่รัศมีสีดำราวกับน้ำหมึกกวาดออกปกคลุมดวงอาทิตย์ ทำให้โดยรอบมิติแตกเป็นเสี่ยง
รัศมีสีดำทรงพลังอย่างมาก นอกจากนี้เหมือนยังมีพลังงานที่อันตรายและแปลกประหลาดซึ่งไม่เข้ากับคลื่นหลิงในฟ้าดินแฝงอยู่ภายใน ทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นเยือกในอก
ประมุขหมู่ตึกเทวะยืนอยู่ในรัศมีสีดำมืด แขนเปิดอ้าสูดหายใจเข้าลึก รัศมีสีดำม้วนตัวเทลงไปผ่านทางรูจมูกของเขา
พร้อมกับการดูดซับรัศมีสีดำเข้าไป เส้นผมก็งอกขึ้นอย่างรวดเร็ว มิหนำซ้ำแรงกดดันที่กระจายออกมาจากเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งเช่นกัน
เพียงสิบกว่าลมหายใจ แรงกดดันที่เกิดขึ้นจากเขาก็ไปไกลเกินกว่ามั่นถัวหลัวที่อยู่ในระดับขุมพลังเดียวกันแล้ว!
ใบหน้าของเหล่าประมุขกลายเป็นน่าเกลียดลง พวกเขามองฉากนี้อย่างไม่เชื่อสายตา โดยเฉพาะรัศมีสีดำที่ทำให้พวกเขารู้สึกเย็นเยือก
“รัศมีสีดำนั่นคืออะไร?! ทำไมถึงไม่เข้ากับคลื่นหลิงระหว่างฟ้าดินแบบนี้…”
“ความชั่วร้ายเช่นนี้… ความสามารถในการกัดกร่อนมหาศาลนัก!”
“แต่พลังงานนี้ทรงพลังเกินไป ไม่ได้เป็นของประมุขหมู่ตึกเทวะแน่ เขาไปเอามาจากไหน?!”
ประมุขแต่ละคนไม่สามารถระงับอารมณ์ไว้ได้อีก พูดด้วยความตกใจที่อัดเต็มในน้ำเสียง
มั่นถัวหลัวจ้องเขม็งที่ประมุขหมู่ตึกเทวะครู่หนึ่งก่อนที่นางจะนึกถึงบางสิ่ง นางสูดลมหายใจเย็นกัดฟัน “พลังงานนี้ไม่ได้เป็นของมหาพันภพ มันเป็นของเผ่าปีศาจต่างมิติ!”
“ประมุขหมู่ตึกเทวะ แกมันบ้าไปแล้วจริงๆ ที่กล้าสัมผัสกับพลังงานอุบาทว์แบบนั้น!”
“พลังของเผ่าปีศาจต่างมิติ?” เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ประมุขคนอื่นก็ฉายสีหน้าหวาดผวา ประมุขหมู่ตึกเทวะเป็นบ้าแล้ว เขาถึงกับกล้าดูดซับพลังงานที่ไม่ได้เป็นของมหาพันภพด้วยเรอะ?
“ข้าเข้าใจแล้ว! นี่ต้องเป็นคลื่นพลังงานที่ถูกทิ้งไว้โดยแม่ทัพปีศาจทุนเทียนแน่! ว่ากันว่า ณ สมรภูมิหยุ่นลั้วแม่ทัพปีศาจทุนเทียนถูกขัดขวางโดยท่านจอมพลสี่จนระเบิดศึกสะเทือนโลกา หลังจากการต่อสู่ท่านจอมพลสี่สิ้นชีพ ส่วนแม่ทัพปีศาจทุนเทียนก็ถูกผนึกไว้!” วั้นเซิ่งแผดเสียงลั่น ขณะที่สายตาสั่นไหวด้วยความตกใจ เห็นได้ชัดว่าเขาเดาแหล่งที่มาของพลังงานนั่นได้
“มิตินี้ถูกสร้างขึ้นจากจุดจื้อจุนไห่ของท่านจอมพลสี่ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีผนึกอยู่ในจุดลึกสุดของมหาสมุทรแห่งนี้ ก่อนหน้าประมุขหมู่ตึกเทวะถูกซัดตกลงไปโดยหุ่นเงา เขาจะต้องแอบเปิดผนึกและได้รับพลังงานส่วนหนึ่งจากปีศาจชั่วร้ายนั่น นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาไม่ได้แสดงตัวเองออกมา!”
พอได้ยินการวิเคราะห์ของวั้นเซิ่ง หัวใจประมุขคนอื่นก็สั่นไหว ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าทำไมประมุขหมู่ตึกเทวะถึงหุนหันพลันแล่น ไม่ใช่ว่าเขาโง่ เขาต้องการที่จะลงไปยังส่วนลึกของมหาสมุทร เพื่อที่เขาจะได้ปลดปล่อยผนึกของปีศาจชั่วร้าย
ใบหน้าของมั่นถัวหลัวเขียวคล้ำ นางไม่คิดเลยว่าประมุขหมู่ตึกเทวะจะกล้าหลอกพวกนางที่ใต้จมูกกันแบบนี้
“ฮ่าๆ เข้าใจกันสักทีแล้วสินะ…”
ขณะที่ทุกคนตกตะลึง ประมุขหมู่ตึกเทวะก็ยิ้มบางจากภายในรัศมีสีดำ รอยยิ้มของเขาดูน่าสะพรึงกลัวมาก
เขาสุขใจกับคลื่นผันผวนในร่างกายพลางแย้มยิ้ม “แต่พวกเจ้าคงไม่รู้ว่าแม่ทัพปีศาจทุนเทียนตายหลังจากถูกผนึกมาเนิ่นนาน เหลือเพียงพลังบางส่วนเท่านั้น ถึงแม้ว่าพลังงานนี้จะร้ายกาจ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะกัดกร่อนข้า ดังนั้นเมื่อข้าครอบครองก็จะสามารถใช้เพื่อก้าวไปอีกขั้นเพื่อให้กลายเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายแท้จริง!
พูดถึงจุดนี้รอยยิ้มมุมปากของเขาก็ยิ่งน่ากลัวขึ้น
“ตอนนี้…พวกเจ้าคิดว่าข้ามีคุณสมบัติพอจะเป็นเจ้าเหนือหัวของภูมิภาคทางเหนือหรือยัง?”