หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 958 ตัดแบ่งหมู่ตึกเทวะ
“ข้าจะช่วยนาง”
ทุกสายตาที่นี่มุ่งตรงไปยังทิศที่มู่เฉินชี้ ก็เห็นร่างเงางดงามท่ามกลางสมาชิกหมู่ตึกเทวะ
นั่นก็คือจินไถหลิวหลีที่ครั้งหนึ่งเคยร่วมมือกับมู่เฉินตอนที่อยู่ในซากอารยธรรมความตาย
ในบรรดาจอมยุทธ์น่าสะพรึงของหมู่ตึกเทวะ พลังของจินไถหลิวหลีไม่ได้โดดเด่น ดังนั้นเมื่อทุกคนเห็นนาง ก็เกิดริ้วความประหลาดใจในสายตาของพวกเขา
นั่นเป็นเพราะพวกเขาตระหนักว่าตั้งแต่เริ่มต้นจินไถหลิวหลีก็สงบนิ่ง แม้จะเห็นการตายของประมุขหมู่ตึกเทวะ แต่ก็ไม่มีความตื่นตระหนกบนใบหน้าของนางเลย มากกว่านั้นหากใครมองให้ละเอียด พวกเขาจะสังเกตเห็นมุมปากที่ยกขึ้นซึ่งเป็นท่าทางที่มีความสุขอย่างยิ่ง…
เปรียบเทียบกับสมาชิกคนอื่นที่หน้าตาหมองคล้ำเป็นความแตกต่างที่เห็นชัดเจน
ทว่าเมื่อจินไถหลิวหลีที่มีใบหน้าที่สงบนิ่งเห็นว่ามู่เฉินชี้ไปมายังทิศทางของนาง ริ้วความตะลึงงันก็ผุดขึ้นในดวงตา
ชัดว่านางไม่คิดว่ามู่เฉินจะยื่นมือเข้ามาช่วยตนในยามนี้
“นาง?”
มั่นถัวหลัวรู้สึกประหลาดใจขณะเหลือบมองไปที่จินไถหลิวหลี แม้ว่าการเพาะบ่มขุมพลังหลิงของอีกฝ่ายจะธรรมดามากจนถึงจุดที่เป็นตัวถ่วงของหมู่ตึกเทวะ แต่มั่นถัวหลัวก็ยังสัมผัสได้ถึงความผันผวนแปลกประหลาดที่มาจากอีกฝ่าย
“รัศมีจั้นยี่? นางเป็นจั้นเจิ้นซือรึ?” คิ้วของมั่นถัวหลัวยกขึ้น จั้นเจิ้นซือหายากมากในภูมิภาคทางเหนือ ดังนั้นจากสถานการณ์ปัจจุบันผู้หญิงคนนี้มีคุณสมบัติที่จะถูกรวมเข้าไว้
“อย่าดูถูกนาง ถ้านางลงมือในเกาะหินด้วย ข้าคงไม่สามารถได้รับของเหลวหลิงเสินที่สมบูรณ์แบบนี้ได้” มู่เฉินกล่าว
คำพูดของเขาไม่ผิด บางทีทุกคนอาจจะคิดว่าถ้าไม่มีกองทัพจินไถหลิวหลีก็ไม่ต่างจากคนไร้ประโยชน์ แต่เขารู้ชัดเจนว่าเมื่อตอนอยู่ในซากอารยธรรมความตาย จินไถหลิวหลีได้รับอีกครึ่งของกระดานเทพปฏิยุทธ์มา หากวัตถุนี้เปิดใช้งานละก็ นางสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดได้เลย ดังนั้นหากจินไถหลิวหลีนำกระดานนี้ออกมา ไม่เพียงแต่มู่เฉินจะคว้าขวดดินเผาโบราณมาไม่ได้ เขาคงจะตกอยู่ในอันตรายด้วย
แน่นอนว่าเหตุผลที่จินไถหลิวหลีไม่คิดใช้ของมีค่านี้ เป็นเพราะความไม่พอใจของนางที่มีต่อหมู่ตึกเทวะดังนั้นนางไม่เต็มใจที่จะเห็นประมุขหมู่ตึกเทวะบรรลุตามที่ตั้งความหวัง มิฉะนั้นนางจะไม่สามารถแก้แค้นหนี้เลือดได้ตลอดชีวิตที่มี
เมื่อมั่นถัวหลัวได้ยินคำพูดนั่นก็ตกใจไป จากนั้นสายตาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนเมื่อจ้องมองไปที่จินไถหลิวหลี แม้ว่านางจะไม่รู้รายละเอียดภายใต้นี้ลึกซึ้งนัก ทว่าในเมื่อมู่เฉินพูดออกมาเช่นนี้แล้ว นั่นก็หมายความว่ากระทั่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็เป็นหนี้บุญคุณหญิงสาวคนนั้น
“งั้นในกรณีนี้อาณาเขตกงเวทสวรรค์ของเราถือว่าเป็นหนี้บุญคุณนาง ดังนั้นพวกเรามีหน้าที่ปกป้องนางไว้” มั่นถัวหลัวยิ้มให้จินไถหลิวหลีขณะที่พูดต่อ “นอกจากนี้ตราบใดที่นางยอม ประตูของอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะเปิดต้อนรับนางเสมอและตำแหน่งผู้บัญชาการคนที่สิบเอ็ดก็จะเป็นของนางด้วย”
ในเบื้องหลังคำพูดมีความตั้งใจเชิญชวนให้เข้าร่วมอย่างเห็นได้ชัด ขั้วอำนาจที่อยู่โดยรอบก็มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เพราะพวกเขารู้ชัดเกี่ยวกับศักยภาพของจั้นเจิ้นซือ แต่ตอนนี้ต่อให้พวกเขาจะมีความกล้าเพิ่มขึ้น พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะแย่งหญิงสาวคนนี้จากมืออาณาเขตกงเวทสวรรค์ ดังนั้นแต่ละคนจึงได้แต่ส่ายหัวอย่างเสียดายในเวลานี้
จินไถหลิวหลีอึ้งไป จากนั้นความลังเลก็ปรากฏบนใบหน้า
“แม่นางจินไถ ถ้าเจ้ากังวลเกี่ยวกับอันตรายของครอบครัว หลังจากเสร็จศึกนี้ อาณาเขตกงเวทสวรรค์ของเราจะส่งคนไปที่หมู่ตึกเทวะเพื่อรับครอบครัวของเจ้ามา ข้ารับประกันได้ว่าอยู่กับพวกข้าครอบครัวของเจ้าจะปลอดภัยไร้กังวล” เมื่อมู่เฉินเห็นความลังเลใจบนใบหน้าของจินไถหลิวหลี เขาก็พูดออกมาทันที
เมื่อได้ยินคำรับรอง จินไถหลิวหลีก็กัดฟันพลางพยักหน้า “ถ้าเจ้าสามารถช่วยครอบครัวข้าได้ ข้าจะทำงานถวายหัวให้กับพวกเจ้าอย่างแน่นอน!”
“จินไถหลิวหลี!”
“นังคนทรยศ หมู่ตึกเทวะเลี้ยงดูเจ้าอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้เจ้าเป็นจั้นเจิ้นซือ แต่เจ้ายังกล้าที่จะทรยศพวกเรา!”
เมื่อจอมยุทธ์หมู่ตึกเทวะที่อยู่โดยรอบเห็นภาพนี้ก็คำรามด้วยความกรุ่นโกรธ โดยเฉพาะหัตถ์ทั้งสี่ ทุกคนจ้องมองจินไถหลิวหลีอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ หากไม่ใช่เพราะพวกเขาถูกล้อมกรอกไว้โดยมั่นถัวหลัวและประมุขคนอื่น พวกเขาคงกลุ้มรุมฆ่าคนทรยศไปแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงคำราม ริมฝีปากของจินไถหลิวหลีก็ยกมุมโค้งเยาะเย้ยขณะที่พูดเสียงเย็นชาว่า “เลี้ยงดู? หมู่ตึกเทวะเห็นพรสวรรค์รัศมีจั้นยี่ของข้าจากนั้นก็ส่งคนไปสังหารตระกูลข้า ต้อนให้ข้าเข้าสวามิภักดิ์ แต่นั่นยังทำให้พวกแกไม่ไว้ใจ จนต้องแอบวางยาน้องสาวตัวน้อยของข้าให้เป็นกลายเป็นคนไร้สมรรถภาพ เพื่อพยายามให้จงรักภักดีต่อสำนักตลอดชีวิต ฮ่าๆ การเลี้ยงดูแบบนี้ ข้าจดจำได้ดีมาตลอด แต่ดีที่สวรรค์มีตา วันนี้เป็นวันที่หมู่ตึกเทวะจะต้องชดใช้หนี้ทั้งหมดคืน!”
น้ำเสียงของจินไถหลิวหลีเต็มไปด้วยความเย็นชาและเกรี้ยวกราด ตอนนี้ไม่มีหน้าไหนในหมู่ตึกเทวะสามารถป้องกันตัวเองได้ ในที่สุดนางก็สามารถปลดปล่อยความเกลียดชังในใจ ไม่มีอะไรต้องกังวล
เผชิญหน้ากับคำพูดคั่งแค้นของจินไถหลิวหลี หัตถ์ทั้งสี่ก็พูดไม่ออก ได้แต่เขม่นมองอีกฝ่ายอย่างอาฆาตมาดร้าย ทว่าก่อนที่พวกเขาจะได้พูดอะไรก็เห็นมั่นถัวหลัวโบกมือ แรงกดดันคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวกระจายออกไปทันใดนั้นก็ทำให้หัตถ์ทั้งสี่ส่งเสียงครวญคราง เลือดไหลออกมาจากมุมปากไม่หยุด พวกเขาหวาดกลัวต้องหุบปากไม่พูดอีกต่อไป
“ฮ่าๆ ขอแสดงความยินดีกับอาณาเขตกงเวทสวรรค์สำหรับการรับแม่ทัพทรงทรงพลังคนใหม่” เมื่อวั้นเซิ่งเห็นภาพนี้ เขาก็ยิ้มด้วยดวงตาหรี่แคบลงพลางพูด เห็นได้ชัดว่าจากน้ำเสียงที่เอ่ยออกมาตั้งใจที่จะสร้างสัมพันธ์ระหว่างสองสำนักให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
มั่นถัวหลัวไม่ได้มีความแค้นอะไรกับวั้นเซิ่ง ดังนั้นจึงตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะจ้องมองไปยังประมุขคนที่เหลืออยู่ “ในเมื่อประมุขหมู่ตึกเทวะตายแล้วก็ไม่จำเป็นต้องมีหมู่ตึกเทวะอีกต่อไป ไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดจะแบ่งดินแดนของหมู่ตึกเทวะยังไง?”
เมื่อนางถามขึ้นเช่นนี้ ประมุขคนอื่นๆ ก็หดดวงตา หมู่ตึกเทวะเป็นขั้วอำนาจที่ทรงพลังที่สุดในภูมิภาคทางเหนือมีอาณาเขตกว้างขวางและรากฐานหยั่งลึก เป็นขนมก้อนใหญ่ ตราบใดที่พวกเขาได้รับส่วนแบ่งก็จะเป็นการพัฒนากองทัพของพวกเขาอย่างแน่นอน
ในอดีตเขตแดนของขั้วอำนาจสูงสุดไม่ได้มีกฎเฉพาะตายตัว โดยพื้นฐานแล้วกำปั้นใครใหญ่คนนั้นก็จะได้รับประโยชน์มากที่สุด ดังนั้นในสงครามล่าครั้งที่ผ่านๆ มา หมู่ตึกเทวะมักจะได้ขนมก้อนใหญ่ที่สุดเสมอ
แต่นั่นก็เป็นอดีต สถานการณ์ปัจจุบันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง พลังของอาณาเขตกงเวทสวรรค์เหนือชั้นกว่าขั้วอำนาจอื่นมาก ดังนั้นถ้าประมุขคนอื่นคิดว่ามั่นถัวหลัวยังเต็มใจที่จะแบ่งขนมเป็นชิ้นให้พวกเขาก็ดูจะไร้เดียงสาเกินไป
ทุกคนแลกเปลี่ยนสายตากัน สุดท้ายก็ยังเป็นวั้นเซิ่งที่เป็นคนพูดออกมา “ไม่ทราบว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง?”
เมื่อมั่นถัวหลัวเห็นท่าทางของพวกเขานางก็ยิ้มบาง แต่คำพูดที่เอ่ยออกมากลับไม่เกรงใจเลยสักนิด “อาณาเขตกงเวทสวรรค์ของข้าขอครึ่งหนึ่งของสมบัติและดินแดนของหมู่ตึกเทวะ”
ครึ่งหนึ่ง?!
เมื่อได้ยินความต้องการของมั่นถัวหลัว ใบหน้าของคนที่เหลือก็เปลี่ยนไป แบบนี้ก็หมายความว่าคนอื่นจะสามารถแบ่งกันอีกแค่ครึ่งหนึ่งของหมู่ตึกเทวะรึ? ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเขาคงไม่ได้รับส่วนแบ่งถึงหนึ่งในสิบด้วยซ้ำ…
มู่เฉินและจิ่วโยวแอบเดาะลิ้น ครึ่งหนึ่งของสมบัติหมู่ตึกเทวะคงไม่น้อยกว่าสิบล้านหยดของเหลวจื้อจุน นี่เป็นรายได้ที่สูงมากสำหรับอาณาเขตกงเวทสวรรค์อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ครึ่งหนึ่งของดินแดนหมู่ตึกเทวะก็มากกว่าเขตแดนทั้งหมดของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ในปัจจุบัน หากพวกเขาได้ครองดินแดนเหล่านี้ อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็จะกลายเป็นขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคทางเหนืออย่างแน่นอน
“ท่านประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ไม่ได้เรียกร้องมากไปเหรอ?” โยวมิ่งถึงกับขมวดคิ้วขณะที่พูดอย่างเคร่งขรึม
“ทุกคน กฎของภูมิภาคทางเหนือต้องให้ข้าบอกฟังอย่างละเอียดอีกหรือ?” ทว่าเมื่อมั่นถัวหลัวกลับไม่สนใจสายตาทั้งห้าที่มีข้อกังขา พูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
ที่นี่ผู้ชนะคือกฎ ดังนั้นใครที่มีกำปั้นใหญ่กว่าก็จะได้ก้อนขนมที่ใหญ่ขึ้น ในอดีตขั้วอำนาจสูงสุดอื่นๆ ก็เคยใช้สิ่งนี้เป็นมาตรฐาน และตอนนี้ในเมื่ออาณาเขตกงเวทสวรรค์เข้ามาแทนที่หมู่ตึกเทวะ ในฐานะขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคทางเหนือ พวกนางก็มีคุณสมบัติที่จะรับส่วนแบ่งที่ใหญ่ที่สุดของก้อนขนมนี้ไปเป็นปกติ
เมื่อประมุขทั้งห้าได้ยินคำพูดของนางก็จมลงในความเงียบ แต่แค่ความไม่เต็มใจพล่านในสายตา
“ทุกคนไม่ต้องกังวลใจไปมาก ข้ายังมีเรื่องที่จะพูดคุยด้วยต่อ” เมื่อมั่นถัวหลัวเห็นทั้งห้านิ่งเงียบไป นางก็ยิ้มแล้วพูดอีกครั้ง
“ยังมีเรื่องอะไร?”
มั่นถัวหลัวยกเปลือกตาขึ้นพูดว่า “ข้าวางแผนจะสร้างสมาพันธ์กับพวกเจ้า”
“สมาพันธ์?” ประมุขทั้งห้ามีสีหน้าเปลี่ยนไป จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเค้นเสียงดัง “ทำไม? หรือว่าประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์คิดจะเป็นเหมือนประมุขหมู่ตึกเทวะที่ต้องการครอบครองภูมิภาคทางเหนือทั้งหมดเรอะ”
มั่นถัวหลัวเบ้ริมฝีปากอย่างดูถูกตอบว่า “ข้ายังไม่มีอารมณ์ไปทำเรื่องน่าเบื่ออย่างนั้นหรอก”
เมื่อประมุขทั้งห้าได้ยินคำพูดของนางก็รู้สึกโล่งใจ ถ้ามั่นถัวหลัวตั้งใจจะเจริญรอยตามประมุขหมู่ตึกเทวะ ภูมิภาคทางเหนือคงจะสะเทือนเลื่อนลั่นจนถึงจุดที่ขั้วอำนาจสูงสุดอย่างพวกเขาก็ไม่มั่นใจที่จะผ่านพ้นไปได้
มั่นถัวหลัวสะบัดนิ้วเรียกพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจออกมา จากนั้นก็พูดเบาๆ ว่า “พวกเจ้าน่าจะรู้ว่าพีระมิดนี้สามารถรู้ที่ตั้งของวังสวรรค์บรรพกาล…”
“แต่ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าก็คงทราบดีว่าตราบใดที่ซากอารยธรรมของวังสวรรค์บรรพกาลปรากฏขึ้นก็จะสั่นสะเทือนไปทั้งโลกาอย่างแน่นอน ในเวลานั้นขั้วอำนาจสูงสุดในทวีปเทียนหลัวก็คงจะพุ่งตรงมาที่นี่ แม้แต่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ไม่สามารถกินขนมทั้งชิ้นนี้หมด…”
เมื่อมั่นถัวหลัวพูดประโยคนี้ออกมา หัวใจของประมุขทั้งห้าก็เต้นรัว ดวงตาโชนแสงจับจ้องไปที่มั่นถัวหลัว
มั่นถัวหลัวยิ้มบาง “ดังนั้นข้าจึงต้องการสร้างสมาพันธ์ขึ้น เมื่อข้าค้นหาซากอารยธรรมของวังสวรรค์บรรพกาลเจอ เราก็สามารถรวมพลังเข้าด้วยกัน ด้วยวิธีนี้เราจะมีส่วนร่วมในการเก็บเกี่ยวสมบัติของวังสวรรค์บรรพกาล…”
“ไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดอย่างไรกับข้อเสนอแนะนำนี้?”
เมื่อมั่นถัวหลัวพูดจบ ดวงตาของประมุขทั้งห้าก็แดงก่ำมากขึ้น พวกเขามองเขม็งมาที่นางพลางพูดออกมาอย่างเหลือเชื่อ “เจ้ายอมให้พวกข้ามีส่วนร่วมด้วยรึ?”
วังสวรรค์บรรพกาลเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมเพียงใด? สถานที่แห่งนั้นเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนธรรมดายังไม่กล้าอาจเอื้อม แต่ตอนนี้มั่นถัวหลัวกลับยอมที่จะแบ่งปันกับพวกเขารึ?
“แม้ว่าจะเป็นโอกาสที่ดี แต่เราก็ต้องรู้ถึงขีดจำกัดของตนเอง อาณาเขตกงเวทสวรรค์ยังไม่มีพลังเพียงพอที่จะกลืนกินซากอารยธรรมนั่นไว้คนเดียวได้” มั่นถัวหลัวยิ้ม ภูมิภาคทางเหนือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทวีปเทียนหลัว แค่อาณาเขตกงเวทสวรรค์สำนักเดียวยังไม่มีคุณสมบัติที่จะต่อสู้กับขั้วอำนาจทั้งหมดในทวีป ดังนั้นนางต้องการดึงกลุ่มต่างๆ ของภูมิภาคทางเหนือมารวมกัน ด้วยวิธีนี้ถึงจะสามารถเผชิญหน้ากับขั้วอำนาจสูงสุดของทวีปเทียนหลัวได้
“เป็นยังไง? พวกเจ้าสนใจข้อเสนอของข้าไหม?” มั่นถัวหลัวถามอีกครั้ง
เมื่อประมุขคนอื่นได้ยินคำพูดของนาง พวกเขาก็แลกเปลี่ยนสายตากันอย่างรวดเร็วพลางขบฟันพูดโดยไม่ลังเลว่า “ตราบใดที่ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ยอมให้เรามีส่วนร่วม เราก็ยินดีที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังแน่นอน!”
เมื่อมั่นถัวหลัวได้ยินประโยคนี้ก็ยิ้มบาง พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “งั้นเรื่องนี้ก็เป็นอันตามนี้… ส่วนเรื่องการแบ่งหมู่ตึกเทวะ?”
“พวกข้ายินดีทำตามที่เจ้าว่า!” คนทั้งหมดพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวไม่ลังเล เมื่อเปรียบเทียบกับซากอารยธรรมของวังสวรรค์บรรพกาลแล้ว เรื่องอื่นก็ไม่มีอะไรน่าพูดถึง!
“งั้นก็ขอบคุณมาก”
ที่ด้านหลังเมื่อมู่เฉินเห็นว่าแต่ละคนพูดถึงชะตากรรมของหมู่ตึกเทวะอย่างไร เขาก็พูดไม่ออก ในที่สุดเขาก็ได้เห็นอำนาจของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน กระทั่งหมู่ตึกเทวะที่ทรงพลังก็ไม่ได้เป็นอะไรนอกจากแกะอ้วนเมื่อปราศจากผู้นำ การถูกแบ่งอย่างโหดร้ายนี้ ทำให้เขาต้องถอนหายใจ
ขณะเดียวกันหัวใจของมู่เฉินก็ค่อยๆ เย็นลง ดูท่าพลังของเขายังอ่อนด้อยเกินไป หนทางของเขามีอีกยาวไกล แต่เขาเชื่อว่าสักวันหนึ่งเขาจะมีพลังแบบนี้เช่นกัน
เพียงแต่ว่าเขายังต้องการเวลาเท่านั้น
ฮา
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นพ่นลมหายใจสีขาวขุ่นออกมา แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในที่สุดสงครามล่าก็มาถึงฉากจบ สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกโชคดีก็คือหลังจากสงครามล่าครั้งนี้อาณาเขตกงเวทสวรรค์ของพวกเขายังคงยืนหยัดอยู่ในภูมิภาคทางเหนือ!
และในอนาคตพวกเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ!