ประตูหินอ่อนสีขาวดูเหมือนหนักมากแต่ด้านล่างเป็นลูกบอลกลิ้งมีความยืดหยุ่น เยี่ยเทียนใช้มือขวาผลักเบาๆ ประตูหินก็ค่อยๆ เปิดขึ้น
“วางที่นี่ต้ังนานแล้ว”
เมื่อเยี่ยเทียนมองไปที่ห้องหลุมฝังศพโดยใช้แสงไฟเหนือศีรษะของเขา กระแสพลังพิฆาตหยินที่หนาวเย็นสุดๆ ก็ปะทะหน้ามา เยี่ยเทียนรู้สึกราวกับว่ามีมีดกรีดมายังที่ศีรษะ
ครั้งนี้เยี่ยเทียนมีการป้องกันล่วงหน้า ค่อยๆ ยกมีดสั้น “อู๋เหิน” ขึ้น ทันใดนั้นก็มีกระแสพลังพิฆาตที่ไม่อ่อนกว่ากันพวยพุ่งออกจากมีดสั้น “อู๋เหิน” ทำให้กระแสพลังของห้องหลุมฝังศพทั้งห้องวุ่นวายสับสน
กระแสพลังพิฆาตสองอย่างต่อสู้กันในอากาศ โดยแสงสว่างที่ออกจากโคมไฟ เยี่ยเทียนมองเห็นสถานการณ์ในหลุมฝังศพอย่างชัดเจน
เหมือนอย่างที่เยี่ยเทียนคิด ด้านหลังหลุมฝังศพแห่งนี้แบ่งเป็นห้องเล็กอีกสี่ห้อง มีโลงศพขนาดใหญ่มากวางที่กลางห้อง
ในห้องข้างสองห้องมีโลงศพขนาดเล็กสองโลง เยี่ยเทียนรู้ทันทีว่า นี่คือโลงศพเจ้าของสุสานและภรรยาเขา ส่วนอีกสองห้องที่อยู่ข้างๆ ก็มีแต่กระดูกของคนตายซึ่งน่าจะถูกฝังพร้อมกับเจ้าของสุสาน
“หรือ…หรือว่านี่เป็นหลุมฝังศพของท่านกวนอู”
มันเหมือนเป็นปกติไม่ต่างอะไรกับหลุมฝังศพทั่วๆ ไป แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกตกใจอย่างไม่รู้ตัวคือ ข้างหน้าของโลงศพนั้น มีง้าวรูปจันทร์เสี้ยว เล่มหนึ่งวางอยู่ที่นั่น
ง้าวรูปจันทร์เสี้ยว เป็นดาบด้ามยาวชนิดหนึ่ง เพราะว่าน้ำหนักของมันค่อนข้างหนัก มีพลังของการตัดและการฟันมาก ง้าวมังกรเขียวของกวนอูใช้ก็เป็นง้าวรูปจันทร์เสี้ยวที่มีชื่อเสียงที่สุด
ง้าวรูปจันทร์เสี้ยวที่ปรากฏที่ตรงหน้าของเยี่ยเทียน มีความยาวตัวง้าวประมาณหกสิบเซนติเมตร มีสันง้าวหนา ถึงแม้ว่าจะผ่านมาหลายพันปีแล้ว ใบง้าวยังคมส่องแสงเป็นประกายอยู่เหมือนเพิ่งถูกหลอมออกมาจากเตา
ด้ามง้าวรูปจันทร์เสี้ยวมีความยาวประมาณแปดสิบเซนติเมตร ทั้งตัวดำมืดแต่ยังมีประกาย โดยการมองดูด้วยตาเยี่ยเทียนคิดว่า มันถูกหลอมด้วยเหล็กคุณภาพดี ในระยะห่างประมาณสามหรือสี่เมตร เยี่ยเทียนยังสามารถมองเห็นรอยแกะสลักบนใบง้าวได้อย่างชัดเจน
“นี่ไม่ถูกต้องนะ กวนอูตายที่เมืองไม่เฉิง ที่นั่นอยู่ในมณฑลหูเป่ย ถึงแม้ว่าเหอเป่ยและหูเป่ยต่างก็มีคำว่าเป่ย แต่ทั้งสองเมืองห่างไกลถึงหลายพันกิโลเมตร นี่ไม่ใช่ง้าวของกวนอูแน่ๆ”
หลังจากตกใจในตอนแรกเยี่ยเทียนก็ได้สติขึ้นง้าวที่อยู่ตรงหน้าของเขา ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับกวนอูเลยแม้แต่นิดเดียว
เพราะเยี่ยเทียนรู้ว่า ง้าวมังกรเขียงที่กวนอูใช้ เป็นเพียงแค่นวนิยาย
ในยุคราชวงศ์ถัง หากตีความจากนวนิยาย บางคนทำง้าวเล่มใหญ่สำเร็จ แต่เนื่องจากหนักเกินไป จึงมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถใช้มันได้ ส่วนใหญ่จึงใช้ง้าวเป็นอาวุธในการฝึก เป็นของที่เข้าร่วมพิธีการหรือใช้เป็นอาวุธของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายในวังเท่านั้น
แต่เมื่อดูง้าวรูปจันทร์เสี้ยวเล่มนี้ สายตาของเยี่ยเทียนก็ลุกวาว ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่อาวุธของกวนอู แต่ง้าวเล่มนี้ สามารถเรียกได้ว่าเป็นง้าวมหาสมบัติ และก็เป็นของขลังที่หายาก
เห็นได้ว่าง้าวเล่นนี้อยู่ในหลุมฝังศพโบราณแห่งนี้มาหลายพันปีแล้วแต่ก็ไม่ขึ้นสนิม เพียงแค่กระแสพลังพิฆาตรุนแรงจากร่างง้าว ก็พอที่จะทำให้มันเป็นอาวุธร้ายเล่มหนึ่ง
ส่วนกระแสพิฆาตในง้าวยังมีรังสีอำมหิตซ่อนไหวอยู่ แสดงว่าง้าวเล่มนี้ไม่ใช่เครื่องตกแต่งหรือเครื่องประกอบเกียรติยศ มันต้องเคยกินเลือดคนเยอะแน่นอน อยู่ยงคงกระพันเหนือสนามรบ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงถูกผนึกไว้ในหลุมฝังศพมาหลายพันปี
“เจิง” ขณะที่เยี่ยเทียนกำลังคิดอยู่ ในข้างหูก็มีเสียงชัดใสหนึ่งเกิดขึ้น ปลุกเขาตื่นขึ้นมา
การต่อสู้ของอาวุธร้ายทั้งสองชิ้นใกล้จะรู้ผลแล้วว่าใครจะชัยชนะหรือพ่ายแพ้ กระแสพลังพิฆาตที่ออกมาจากง้าวรูปจันทร์เสี้ยวได้กลับมารวมกันอีกครั้ง ส่วนมีดสั้น “อู๋เหิน” ที่อยู่ในมือของเยี่ยเทียนก็ได้ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความดีใจ เห็นได้ชัดว่ากำลังได้เปรียบ
ที่จริงแล้วในแง่ของความก้าวร้าว ง้าวรูปจันทร์เสียวเล่มนี้มียิ่งกว่า มีดสั้น “อู๋เหิน” เพราะมันเป็นอาวุธร้ายที่ใช้ฆ่าศัตรูในสนามรบมาก่อน โอกาสที่จะได้รับเลือดสดมาแช่มีมากกว่ามีดสั้น “อู๋เหิน” รังสีอำมหิตจากการฆ่ามีมาก แม้แต่เยี่ยเทียนเองยังรู้สึกสั่นสะท้าน
ถ้าหากว่ามีดสั้น “อู๋เหิน” ไม่ได้รับการเลี้ยงจากกระแสพลังพิฆาตของสองหลุมฝังศพโบราณ เมื่อครู่ก็น่าจะไม่ใช่คู่แข่งของง้าวรูปจันทร์เสี้ยวแล้ว
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำไม มีดสั้น “อู๋เหิน” จึงถูกโจรขโมยสุสานขโมยออกมาได้ จนสุดท้ายก็ถึงมือของเยี่ยเทียน แต่สำหรับการใช้อาวุธร้ายเล่มนี้ ไม่มีใครสามารถใช้ได้ยกเว้นเยี่ยเทียน มันคือต้นกำเนิดของภัยพิบัติสำหรับทุกคน
“ฮาๆ มาถูกแล้ว มันเป็นการเดินทางที่คุ้มค่ามาก”
เยี่ยเทียนหัวเราะขึ้น ถึงแม้ว่าง้าวรูปจันทร์เสี้ยวเล่มนี้ใหญ่เกินไป ไม่สามารถพกติดตัวได้ แต่เป็นอาวุธมีค่าที่เหมาะสมในการปกป้องบ้านเรือน
ตั้งมันไว้ที่ เรือนสี่ประสานของเยี่ยเทียน สิ่งชั่วร้ายจะไม่กล้ำกรายเข้ามา สัตว์ที่มีกระแสพลังชีวิตน้อยก็จะหลีกเลี่ยง ถึงเวลานั้นแล้วเจ้าเหมาโถว คงจะไม่มีหนูให้จับสักตัว
เป็นของขลังด้านโจมตีที่หาได้ยากมากในวงการฉีเหมินในรอบร้อยปี แต่ภายในปีเดียวเยี่ยเทียนกลับเจอถึงสองชิ้น เขาจึงหัวเราะเสียงดังสนั่นขึ้นมาอย่างอดใจไม่ไว้ ทำให้ห้องสุสานสั่นสะเทือนมีฝุ่นกระจายไปทั่ว
แต่ว่าอยากพาง้าวรูปจันทร์เสียวเล่มนี้ออกไป เยี่ยเทียนก็ต้องทำให้มันเชื่องก่อน ของขลังมีจิตวิญญาณ โดยเฉพาะของขลังที่มีพลังพิฆาตร้าย ถ้าไม่ระมัดระวังก็จะถูกทำร้าย
ศพที่อยู่หน้าประตูนั้นก็ถูกของขลังนี้บุกเข้าจิตใจจึงตายไปแล้ว และห้องในสุสานนี้ไม่มีร่องรอยที่ถูกรื้อค้น คาดว่าเมื่อโจรขโมยสุสานเห็นเพื่อนตายไปอย่างไร้เหตุผล ก็ไม่กล้าเข้าไปในห้องเพื่อรื้อค้นเอาสิ่งของ
เยี่ยเทียนใช้มือทำให้มีดสั้น “อู๋เหิน” สงบลง หันกลับไปวางมันที่ทางเดินของสุสาน แล้วก็หันกลับไปที่ห้องเก็บศพ เดินตรงไปยังง้าวรูปจันทร์เสี้ยว
ดูเหมือนว่ามันจะรู้สึกถึงความตั้งใจของเยี่ยเทียน กระแสพลังพิฆาตกระจายออกจากง้าวพุ่งตรงไปยังเยี่ยเทียน
เคยมีประสบการณ์ในการทำให้อาวุธร้ายเชื่อง เยี่ยเทียนไม่ได้ตื่นตะหนกและไม่ได้ต่อต้านอะไร ปล่อยให้กระแสพลังพิฆาตชั่วร้ายเข้าไปในร่างกาย
ในกระแสพลังพิฆาตของง้าวร้ายเล่มนี้ ก็มีกระแสฆ่าฟันอย่างรุนแรง ในสมองของเยี่ยนเทียนปรากฏภาพของสนามรบในสมัยโบราณปรากฏขึ้น เสียงประทะกันของดาบ ประกายของแสงดาบ ภูเขาซากศพและทะเลเลือด ปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่องรอบๆ ตัวเขา
มีกระแสพลังพิฆาตเพียงเล็กน้อยเคลื่อนไหวอยู่ภายในร่างกายของเยี่ยเทียน แต่เยี่ยเทียนที่ได้ฝึกฝนมาได้ใช้กำลังภายในค่อยๆ รวมกระแสพลังชีวิตของตนเข้ากับกระแสพลังพิฆาตนี้ แต่ว่าความเร็วของการรวมเข้ากับง้าวรูปจันทร์เสียวนั้น ช้ากว่าที่เมื่อทำให้มีดสั้น “อู๋เหิน” เชี่องตั้งเยอะ
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ง้าวรูปจันทร์เสี้ยวที่วางอยู่ตรงหน้าของเยี่ยเทียน จู่ๆ ก็เกิดเสียงใสดังขึ้นหนึ่งครั้ง กระแสพลังพิฆาตจากร่างกายเยี่ยเทียนกระจายออกมา แล้วม้วนเก็บไว้ในง้าวทั้งหมด
ตอนนี้ ง้าวรูปจันทร์เสี้ยวได้กลายเป็นของขลังชิ้นหนึ่งแล้ว ถ้าไม่มีการกระตุ้นจากเยี่ยเทียน มันก็จะไม่สามารถปล่อยกระแสพลังพิฆาตออกมาและทำร้ายคนตามอำเภอใจได้
“ยุ่งยากจริงๆ กว่าจะทำให้อาวุธร้ายเล่มนี้เชื่อง” เห็นได้ชัดว่าเยี่ยเทียนใช้พลังไปเยอะ หน้าซีดขาวเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อและสีหน้าดูอ่อนล้ามาก
หลังจากยืนพักผ่อนสักพัก เยี่ยเทียนกลับไปเอามีดสั้น “อู๋เหิน” เก็บไว้ที่ปลอกแขนซ้าย แล้วก็เดินมาถึงหน้าแท่นที่วางง้าวรูปจันทร์เสี้ยว
เยี่ยเทียนใช้มือขวาจับด้ามของง้าวรูปจันทร์เสียว ยกมันขึ้น อาวุธร้ายที่วางบนแท่นถูกเยี่ยเทียนยกขึ้นไปที่หน้าอกของเขา
ความรู้สึกของเลือดเนื้อที่เชื่อมต่อกันส่งเข้ามาที่ภายในใจของเยี่ยเทียน เสียงร้องตะโกนฆ่าฟันที่ไร้ตัวตนซึ่งส่งออกมาจากใบง้าว ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อเยี่ยเทียนอีกแล้ว
ตอนนี้เยี่ยเทียนจึงสามารถตรวจสอบง้าวรูปจันทร์เสี้ยวได้ อย่างที่เขาคิดไว้ก่อนหน้านี้ ด้ามของง้าวทั้งหมดถูกเคลือบด้วยเหล็กสแตนเลส ส่วนปลายถูกแกะสลักเป็นรูปหัวเสือ
ส่วนใบง้าวลื่นเรียบ กว้างและยาว รูปเหมือนจันทร์เสียว ด้านหลังมีใบมีดสองแฉก ใบมีดแทงลง การเชื่อมต่อระหว่างหัวง้าวและด้ามมีรูปร่างเป็นมังกรอ้าปาก ให้ความรู้สึกทั้งนุ่มและขรุขระพร้อมๆ กันในการจับ
“การฆ่าคน ฆ่าโดยไม่มีความปรานี จะเป็นบาปกรรมชั่วนิรันดร์”
หิ้วง้าวรูปจันทร์เสี้ยวที่มีความหนักถึงสามสิบหรือสี่สิบกิโลกรัม ความกล้าหาญเกิดขึ้นในใจของเยี่ยเทียน ลองนึกภาพการขี่ม้าและควงง้าวแล้วลุยเข้าไปในกองทัพม้าหลายหมื่นตัว ก็ทำให้เลือดฉีดพล่านด้วยความตื่นเต้น
เยี่ยเทียนใช้ง้าวฟันไปด้านหน้า มีเสียงแรงกรีดอากาศดังขึ้น ดังนั้นถ้าง้าวเล่มนี้อยู่ในมือของผู้ชายที่แข็งแกร่ง ในสนามรบมันเป็นอาวุธร้ายที่ไม่มีอะไรเทียบได้แน่นอน
“หลุมฝังศพนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นของใครกันแน่ ง้าวเล่มนี้ถูกวางไว้แต่เดิมเพื่อปกป้องเจ้าของหลุมฝังศพแห่งนี้ แต่ไม่คาดคิดว่าผ่านไปพันปีจะกลายเป็นอาวุธร้ายที่ใช้ฆ่าคน แต่สุดท้ายผมกลับชิงความได้เปรียบ”
หลังจากเล่นกับง้าวสักพัก อารมณ์ตื่นเต้นของเยี่ยเทียนค่อยๆ สงบลง มองดูนาฬิกามันก็เป็นเวลาดีสามกว่าๆ แล้ว เขาก็ไม่เวลาเยอะที่จะอยู่ที่นี่
“เปิด หรือไม่เปิดดีนะ”
มองดูโลงศพสามโลงขนาดไม่เท่ากันในสุสาน เยี่ยเทียนก็รู้สึกลำบากใจ การเปิดโลงศพเป็นเรื่องง่ายมากแค่ง้าวในมือก็ใช้ได้ แต่เป็นการไม่เคารพคนตายและรบกวนบรรพบุรุษ
สำหรับโบราณวัตถุที่มีค่าจำนวนมากที่น่าจะฝังพร้อมศพในโลงศพ เยี่ยเทียนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร เพราะว่าสัมผัสจากกระแสพลังแล้ว ในโลงศพสามอันนี้ไม่มีของขลังอีก
แต่ถ้าอยากรู้ฐานะแท้จริงของเจ้าของหลุมฝังศพแห่งนี้ ก็ต้องค้นหาตราประทับในโลงศพ โดยทั่วไปในโลงศพจะมีสิ่งของที่แสดงตัวตนของเขาอยู่
“ช่างเถอะ ไปหาที่อื่นเถอะ” เยี่ยเทียนส่ายหน้า สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่ไปรบกวนเจ้าของหลุมฝังศพที่โชคร้าย
หลังจากตายแล้วยังถูกคนวางค่ายกลพิฆาตหยินแบบนี้ คาดว่าไม่มีทายาทตั้งนานแล้ว ถึงแม้ว่ากระดูกของเขาจะได้รับการเก็บรักษาไว้ เยี่ยเทียนก็ไม่อยากทำลายความหวังในการขึ้นสู่สววรค์ของเขา
หลังจากเดินรอบโลงศพทั้งสามโลง เยี่ยเทียนขมวดคิ้ว ที่นี่ไม่มีคนเข้ามาหลายพันปีแล้ว นอกจากฐานของโลงศพที่ทำด้วยจากหินอ่อนสีขาวแล้ว ไม่มีสิ่งของที่ฝังพร้อมศพแม้แต่ชิ้นเดียว
ในห้องหลักไม่ได้เบาะแสอะไรเลย สายตาของเยี่ยเทียนมองไปที่ห้องข้างทั้งสองด้าน หรือว่าในคนที่ถูกฝังพร้อมศพมีสิ่งของอะไรเหลือไว้อยู่ก็ไม่แน่นะ
“นี่มันโหดร้ายมาก”
หลังจากที่เดินเข้าไปห้องของผู้ที่ถูกฝังพร้อมศพนั้น เยี่ยเทียนพบว่า คนที่ตายจากการถูกฝังพร้อมศพ ทุกคนถูกฆ่าตายในที่เกิดเหตุ กระดูกจำนวนมากยังคงมีดาบหรือมีดที่ไม่ได้ถูกดึงออกมา
ฐานะของสองห้องของคนที่ถูกฝังพร้อมศพสองห้องก็ไม่เหมือนกัน หนึ่งในนั้นเป็นผู้หญิงสวมผ้าไหมซาตินทั้งหมด อีกหนึ่งเป็นผู้ชายสวมผ้ากระสอบหยาบทั้งหมด
“ฮือคนนี้เป็นใครวะ”
เมื่อเยี่ยเทียนเห็นกระดูกกองหนึ่ง ก็อึ้งไปสักพักอย่างอดไม่ได้ เพราะว่าเสื้อที่กระดูกศพนี้สวม มันเป็นเสื้อคลุมสีเขียวแบบนักบวชเต๋าที่ยังไม่เน่าเปื่อย
……