“พี่เยี่ยเทียน คืนนี้หนูไม่นอนได้มั้ย?”
ขณะนั่งอยู่บนเตียงหลังนั้นที่สั่งทำเพื่อเธอเป็นพิเศษ ถังเสวี่ยเสวี่ยมองยังเยี่ยเทียนด้วยสีหน้าวิงวอน แม้ว่าร่างกายจะดีขึ้นเยอะแล้ว และเริ่มเติบโตขึ้นตามเด็กผู้หญิงทั่วไป แต่ว่านิสัยของถังเสวี่ยเสวี่ยยังคงใสซื่อ น่ารักเหมือนเมื่อก่อน
“ไม่ได้หรอก เป็นเด็กดีนะเสวี่ยเสวี่ย นอนสักตื่นก็หายแล้ว!”
เยี่ยเทียนส่ายหน้า ล้อเล่นหรือไง วันนี้ต้องทะลวงจุดเฟิงฉือเชื่อมต่อชีพจรหยางทุกเส้น อาการโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดของเสวี่ยเสวี่ยจะรักษาหายได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการกระทำนี้เท่านั้น จะเสียสมาธิไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
โดยไม่รีรอให้สาวน้อยดื้อรั้นต่อ มือขวาของเยี่ยเทียนลูบจากด้านหลังศรีษะของเธอ ท่วงท่าวิชาหยุดชีพจรนี้เยี่ยเทียนทำได้อย่างเชี่ยวชาญจนไร้ที่ติแล้ว
หลังจากจัดให้ร่างของเสวี่ยเสวี่ยนอนตะแคง เยี่ยเทียนก็หยิบหินหยกเก้าชิ้นที่เตรียมเอาไว้แต่แรกมาจากบนโต๊ะ หินหยกพวกนี้ล้วนเป็นทรงกลม ลวดลายด้านบนก็แตกต่างไปจากหินหยกธรรมดา ล้วนแกะสลักด้วยภาพแผนผังแปดทิศ
หยกพวกนี้คือหยกอุ่นที่เยี่ยเทียนจ่ายเงินซื้อมาถึงหกล้าน ผ่านขั้นตอนทำพิธีแล้วนำมาใช้วางค่ายกล
ความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นวงการไข่มุกเครื่องประดับหรือของโบราณ ล้วนไม่มีพูดถึงหยกอุ่นประเภทนี้ สิ่งพวกนั้นล้วนเป็นเพียงร้านค้าใช้หลอกลวงผู้คน แต่ว่าในวิชาลับ กลับมีการกล่าวถึงหยกอุ่น
ที่เรียกว่าหยกอุ่น ความจริงแล้วก็เป็นประเภทหนึ่งของหยกอ่อน ด้วยแสงสีอันอ่อนนุ่มของหยก ผิวสัมผัสอันนุ่มลื่นราวกับไขมัน จึงทำให้คนรู้สึกว่ามีสัมผัสอบอุ่น
ที่อาจารย์กิมย้งเคยเขียนไว้ในผลงานเรื่อง “ตำนานรักอักษรกระบี่” ท่อนนี้ว่า “สีหยกใสพร่างพราว ใต้แสงจันทร์เปล่งประกายอ่อนจาง ให้สัมผัสอุ่นที่มือ” ก็คือหยกอุ่นนั่นเอง
หยกอุ่นชั้นดี อันดับต้นๆ คือหยกขาวไขมันแกะ ราคาก็สูงเป็นพิเศษ ไม่อย่างนั้นเยียเทียนคงไม่จ่ายเงิน อย่างน้อยหกล้าน เพื่อซื้อหยกที่ไม่เคยผ่านการแกะสลักพวกนี้มา
เยี่ยเทียนนำหินหยกเก้าชิ้นแยกวางตามตำแหน่งเก้าตำหนักข้างกายถังเสวี่ยเสวี่ย ตำแหน่งที่ เขาวางนี้เรียกว่าค่ายกลเก้าตำหนักขังหยิน
ค่ายกลชนิดนี้ สามารถสะกดอาการโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดของถังเสวี่ยเสวี่ยได้ช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เส้นทางการไหลเวียนชีพจรหยินในร่างกายเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวหลังจากเยี่ยเทียนช่วยเปิดทางชีพจร จนเกิดเหตุให้เสียสมดุลย์ของหยินและหยาง
หลังจากวางค่ายกลแล้ว เยี่ยเทียนก็ยืนตรงหัวเตียง ไขว้ท่าดรรชนี เชื่อมต่อพลังชีวิตภายในห้องแล้วชี้ไปยัง หินหยกชิ้นหนึ่งตรงใจกลางค่ายกล ขณะเดียวกันก็เปล่งคำสั่งออกจากปาก “ค่ายกลเก้าตำหนักขังหยิน จงเปิดออก!”
หลังจากเสียงที่เปล่งออกมาของเยี่ยเทียนเงียบลง หินหยกที่แกะสลักแผนผังค่ายกลไว้จนทั่ว ก็ถูกพลังวิญญาณภายนอกเขตแดนกระตุ้น เปล่งลำแสงสีเหลืองเรืองรองออกมาในทันใด ครอบคลุมทั่วทั้งร่างของถังเสวี่ยเสวี่ยเอาไว้
แต่หินหยกเหล่านี้ไม่ใช่ของขลังที่แท้ การกักเก็บปริมาณพลังวิญญาณและช่วงเวลาจึงทำได้อย่างจำกัด พอเห็นค่ายกลทำงานได้ผล เยี่ยเทียนก็ไม่กล้ารอช้า นำเอาเข็มทองคำซึ่งกำจัดพิษออกแล้ว เสียบเข้าไปยังกลางจุดเฟิงฉือ ด้านหลังใบหูของถังเสวี่ยเสวี่ย
หลังจากผ่านการฝังเข็มทองคำมาครึ่งเดือนกว่า ไม่เพียงรักษาร่างกายของถังเสวี่ยเสวี่ยจนดีขึ้นมาก กระทั่งเยี่ยเทียนเองก็ยังได้รับผลกำไรเข้าตัวไปด้วย ตอนนี้เยี่ยเทียนสามารถควบคุมชี่แท้ภายในร่างกาย สามารถเรียกได้ว่าเข้าถึงปัญหาได้ทั่วทุกจุด
อีกทั้งเมื่อนำวิธีนี้มาใช้พลังชี่แท้ภายในร่างกายจนหมด คุณสมบัติของชี่แท้เองก็กลับกลายเป็นบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น เวลาที่เยี่ยเทียนเขียนยันต์รวมไปถึงแกะสลักหินหยกพวกนี้ ล้วนสัมผัสถึงได้อย่างชัดเจน
ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้มือขวาหมุนเข็มทองเล่มละเอียดอย่างเบามือ เยี่ยเทียนส่งพลังชี่แท้เล็กละเอียดยิ่งกว่าเส้นผม เข้าไปในร่างของถังเสวี่ยเสวี่ย กลั่นกรองเส้นทางชีพจรราวกับหยดน้ำที่ไหลทะลุผ่านก้อนหิน
เมื่อเข้าไปจนถึงจุดหนึ่งแล้ว ปริมาณชี่แท้ในร่างกายเยี่ยเทียนจะยังคงมีปริมาณมากได้อย่างไร ทุกครั้งที่ชี่แท้ซึมซาบเข้าไปเช่นนี้ ล้วนทำให้ชี่แท้ของเขาผลาญจนหมด เห็นได้ชัดว่าความยากของการทะลวงชีพจรนั้นมีมากแค่ไหน
เวลาหนึ่งชั่วโมงผ่านไป หน้าผากของเยี่ยเทียนก็เต็มไปด้วยเหงื่อ แต่ว่าโดยปกติพอถึงเวลาเช่นนี้ การรักษาด้วยการฝังเข็มทองคำนั้นก็ใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว
“ฮือทำไมถึงไม่เห็นร่องรอยขุดลอกเส้นทางชีพจรนี้เลยล่ะ?”
เยี่ยเทียนที่กำลังส่งพลังชี่แท้เข้าไปอยู่นั้น ขมวดคิ้วขึ้นมาทันใด เพราะเขาพบว่าบนจุดที่ทะลวงจุดฉือเฟิงนั้น ไม่ว่าเขาจะใช้พลังชีแท้เจาะเข้าไปอย่างไรก็ไม่เห็นคลายออกสักทีที
“หรือเป็นเพราะปริมาณชี่แท้น้อยเกินไป?” เยี่ยเทียนลังเลไปชั่วขณะ กลั่นพลังชี่ลงไปยังเข็ม เพิ่มปริมาณยิ่งขึ้น
“อึ๊ก!”
ถังเสวี่ยเสวี่ยที่เดิมกำลังหลับสนิท พลันร้องครางออกมาจากปาก หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน ใบหน้าเผยให้เห็น อารมณ์เจ็บปวด
“ไม่ได้การ!”
เยี่ยเทียนเห็นเหตุการณ์แล้วรีบลดปริมาณชี่แท้ลง เส้นประสาทในสมองตื่นตัวขึ้นมา ถ้าหากผิดพลาดอะไรไปล่ะก็ อาจจะรักษาจนถังเสวี่ยเสวี่ยกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปได้
เยี่ยเทียนเองยังคงดื้อรั้น คิดอยู่ภายในใจ “จุดเลือดลมทั้งยี่สิบสามจุดก็ทะลวงหมดแล้ว เราไม่เชื่อหรอกว่า เหลือเพียงจุดสุดท้ายที่จะทะลวงไม่ออก?”
เมื่อก่อนเยี่ยเทียนทำการรักษาสักหนึ่งชั่วโมงก็อาจทำให้พลังชี่แท้ในร่างกายหมดสิ้น แต่ว่าปัจจุบันด้วยความเชี่ยวชาญและละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น ต่อให้ต้องยืนหยัดต่ออีกสองชั่วโมง เยี่ยเทียนก็ยังมีกำลังเหลือพอ
เวลาผ่านไปสองชั่วโมงแล้ว หยาดเหงื่อบนร่างของเยี่ยเทียนทำให้เสื้อผ้าทั่วตัวเปียกชุ่มราวกับโคลน
ถึงแม้ว่าสองนิ้วที่มือขวาจะยังคงสงบนิ่งเหมือนเคย แต่เสียงลมหายใจของเยี่ยเทียนนั้นราวกับวัวแก่ ลากรถหนักอึ้งไม่ขยับเขยื้อน จนสามารถได้ยินได้อย่างชัดเจนผ่านประตูใหญ่
ทุกๆ วันในเวลานี้ถังเหวินหย่วนจะย้ายเก้าอี้เอนมารอนอกประตู นาทีนั้นก็ยังนั่งไม่อยู่ ด้วยโจวเซี่ยวเทียนเฝ้ายามอยู่นอกประตู เขาจึงได้แต่เพียงเดินวนกลับไปมาอย่างหวาดวิตก
“ไม่ได้การ คุณสมบัติของหยกอุ่นพวกนี้มีขีดจำกัด ค่ายกลใกล้จะคงสภาพไว้ไม่อยู่แล้ว!”
เยี่ยเทียนกลับยังคงยืนหยัดต่อไป แต่เขาสัมผัสได้ว่าค่ายกลเก้าตำหนักขังหยินนี้เริ่มคลายตัวลงบ้างแล้ว เมื่อผ่านพลังหยางที่ถูกเหนี่ยวนำโดยค่ายกล อีกไม่นานก็จะสะกดชีพจรหยินของถังเสวี่ยเสวี่ยไว้ไม่อยู่
ครั้งนี้ถึงไม่อาจทะลวงจุดเลือดลมของถังเสวี่ยเสวี่ยได้ก็ไม่จำเป็นต้องรีบ แต่หากจะซื้อหินหยกแกะสลักค่ายกลเหล่านี้มาใหม่ เกรงว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือน
แต่ถังเสวี่ยเสวี่ยที่ต้องทุกข์ทนกับอาการโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดล่ะ หากยังทะลวงชีพจรหยางไม่สุด อาการโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดก็จะก่อกำเนิดพลังหยินชั่วร้าย ปิดผนึกเส้นทางชีพจรทั้งหมดที่เยี่ยเทียนทะลวงผ่าน หากกลายเป็นแบบนั้นช่วงเวลากว่าครึ่งเดือนที่ผ่านมาก็เสียแรงเปล่า
“แผนการอยู่ที่คน ผลลัพธ์อยู่ที่ฟ้า ไม่อาจฝ่าฝืน!” ในหัวของเยี่ยเทียนพลันมีคำกล่าวที่ขงเบ้งเคยว่าไว้กู่ก้องขึ้น
“ช่างเถอะ ทำสุดความสามารถ แล้วฟังลิขิตสวรรค์!” เยี่ยเทียนเพิ่มความเร็วในการไขว้นิ้วอย่างเห็นได้ชัด เพิ่มปริมาณชี่แท้ คุมพลังชี่ให้กลายเป็นเข็ม ส่งไปยังจุดเฟิงฉือผ่านทางเข็มทองคำ
“จงเปิดออก!” เยี่ยเทียนร้องตะโกนอย่างเคร่งเครียดที่สุด จุดเฟิงฉือที่ถูกปิดกั้นไว้พลันถูกทะลวงจนเปิดออก และชีพจรหยางเส้นนี้ของถังเสวี่ยเสวี่ยก็ถูกทะลวงได้จนหมดสิ้น
ขณะที่จุดเฟิงฉือถูกทะลวงออกนั้นเอง พลังหยางชี่ระลอกใหญ่ก็บังเกิดขึ้นกลางส้นเท้า เริ่มจากจุดไท่หยางเซินม่าย ใต้ข้อเท้าด้านนอก แยกออกที่จุดฟูหยาง พุ่งตรงขึ้นมาตามสะโพกถึงขอบสะบักด้านนอก จากจุดจิงหมิงพุ่งเข้าสู่ไรผม แล้วสิ้นสุดลงที่จุดเฟิงฉือ
การขับเคลื่อนไหลเวียนของชีพจรหยาง ทำให้อาการโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดของถังเสวี่ยเสวี่ย เกิดวิกฤตเล็กน้อย พลังหยินร้ายที่เดิมถูกค่ายกลกดทับเอาไว้ กลับทะลักออกมาอย่างรุนแรง
เวลานั้นเยี่ยเทียนดึงเข็มออกมาแล้ว ทว่ายังคงล่วงรู้ถึงภายในร่างของถังเสวี่ยเสวี่ยได้อย่างแจ่มแจ้ง
สายตาเห็นว่าพลังหยินร้ายเหล่านั้นกำลังจะกลืนกินพลังหยางที่เพิ่งจะท่องไปทั่วทิศ เยี่ยเทียนจึงตะโกนสั่งออก มาหนึ่งเสียง “จงปิดเสีย!”
ขณะเดียวกัน เยี่ยเทียนก็เค้นพลังชีวิตระลอกสุดท้ายในร่างออกมาส่งเข้าไปยังใจกลางค่ายกลเก้าตำหนักขังหยิน พริบตานั้นภายในค่ายกลบังเกิดแสงเหลืองทองพวยพุ่ง กดทับพลังร้ายอันวุ่นวายนั้นลงไปอย่างแน่นสนิท
พลังหยินร้ายน้อยนิดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในเส้นทางชีพจร จึงขัดขวางการเคลื่อนที่ของลมชีพจรหยางต่อไปอีกไม่ไหว อีกทั้งยังถูกกัดกร่อนดูดซึมไปเรื่อยๆ หลังจากผ่านไปสามอาทิตย์ พลังหยินหยางภายในร่างของถังเสวี่ยเสวี่ย ก็จะกลับสู่สมดุลย์
ภาษิตกล่าวไว้ว่า เพียงหยางไม่เกิด ลำพังหยินไม่โต ระหว่างหยินกับหยาง จะมีเพียงสิ่งเดียวและคงอยู่โดยไม่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ อีกทั้งต้องสัมพันธ์กันโดยอยู่คู่ตรงข้าม พึ่งพาอาศัย หักล้างขยับขยาย หมุนเวียนเปลี่ยนไป
เวลานั้นอาการโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดในร่างของถังเสวี่ยเสวี่ย หลังผ่านการดูดซึมหล่อเลี้ยงด้วยพลังหยางแล้ว ก็ค่อย ๆ เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด พลังหยินเย็นร้ายนั้นค่อยๆ ถูกกัดกร่อนไปไม่หยุด
“สำเร็จแล้ว!!!”
หลังจากสัมผัสได้ว่าชีพจรหยางภายในร่างของถังเสวี่ยเสวี่ยจะไม่ถูกชีพจรหยินกดทับอีก เยี่ยเทียนก็รู้ว่าอาการชีพจรเก้าหยินขาดของเด็กสาวคนนี้นับว่าถูกรักษาจนหายขาดแล้ว
แต่ว่าเยี่ยเทียนเองก็รู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์ผู้อาวุโสที่ทิ้งวิธีรักษาอาการโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดขณะรับสืบทอด เหลือเกิน เพราะระดับความยากในการรักษาอาการโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดนั้น เหนือเกินกว่าที่ ท่านอาวุโส ผู้นั้น อธิบายไปไกล
ขณะยื่นมือออกมาลูบคลำหินหยกชิ้นหนึ่งข้างกาย เยี่ยเทียนพบว่า หินหยกชิ้นนั้นสภาพไม่เหมือนเคย แต่กลับแหลกสลายกลายเป็นผงหยก เงินหกแสนจึงปลิวสลายไปอย่างนั้น
“เหล่าถัง ใช้ได้แล้ว อาการโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาดของเสวี่ยเสวี่ยจะไม่มีอีกต่อไปแล้วล่ะ ร่างกายของเธอ แข็งแรงสมบูรณ์ดีแล้ว!”
หลังจากนั่งปรับลมปราณอย่างสงบอยูกลางห้องสักครู่หนึ่ง เยี่ยเทียนก็ลุกขึ้นยืน เพราะว่าเขาได้ยินเสียงฝีเท้า ของถังเหวินหย่วนวนกลับไปมา หากตัวเขายังไม่ออกไปล่ะก็ ไม่แน่ผู้เฒ่าคนนั้นอาจจะอดรนทนไม่ไหวผลักประตูเข้ามาจริงๆ
“จริงหรือเยี่ยเทียน ลำบากเธอเสียแล้ว……”
ถังเหวินหย่วนผลักเยี่ยเทียนที่ยืนขวางหน้าประตูออกแล้วพุ่งตัวเข้ามาในห้อง อาการป่วยของหลานสาวคนนี้ทำให้เขา เจ็บปวดไปถึงเส้นประสาทในสมอง วันนี้ได้ยินว่าอาการป่วยรักษาหายขาดแล้ว ความยินดีปรีดาในใจของถังเหวินหย่วน นั้นไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้อย่างแท้จริง
“ให้ตายสิ พอเสร็จศึกก็ฆ่าขุนพลเลยหรือไง?” เยี่ยเทียนที่ถูกปล้นพลังชี่แท้จนหมดทั้งตัว ถูกถังเหวินหย่วน ผลักจนตัวเซ เกือบล้มลงไปบนพื้น
“อะแฮ่ม เยี่ยเทียน ฉันวู่วาม วู่วามเกินไป ขออภัย ต้องขออภัยจริงๆ……”
ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว ใบหน้าของท่านผู้เฒ่าก็แดงขึ้นมา เมื่อครู่ตัวเขาเผลอไผลไปจริงๆ จึงรีบร้อนกล่าวขึ้น “ถ้าอย่างไร ฉันจะซื้อโสมคนมาจำนวนหนึ่งจากเขาฉางไป๋ซาน คาดว่าน่าจะมาส่งวันนี้ ถึงตอนนั้นเอามาให้ เธอบำรุงร่างกายก็แล้วกัน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยยังชั่ว……” เยี่ยเทียนจ้องถังเหวินหย่วนอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง แล้วว่าต่อ “คุณไปเรียกเซี่ยวเทียนให้เข้ามาเถอะ อีกครึ่งชั่วโมงเสวี่ยเสวี่ยถึงจะตื่น”
“แฮะ ๆ ท่านอาจารย์ วันนี้ก็เหนื่อยไม่เบาเลยสินะครับ?”
โจวเซี่ยวเทียนเคยชินต่ออาการอย่างนั้นทุกครั้งของเยี่ยเทียนหลังทำการรักษา พอเข้าเรือนด้านหลังก็เอ่ยปาก “ท่านอาจารย์ ข้างนอกประตูมีคนมาหา เป็นผู้เฒ่าชื่อว่าตู้เฟย เขาบอกว่ามีเรื่องด่วน รอมากว่าสองชั่วโมงแล้ว”
ช่วงเวลาที่โจวเซี่ยวเทียนติดตามเยี่ยเทียนมาค่อนข้างสั้น จึงไม่เคยพบตู้เฟยมาก่อน ดังนั้นจึงให้เจ้าพ่อหงเหมินผู้นี้ คอยอยู่ด้านนอกประตู
……