“ค่ายกล?”
ชาญ ทองทวนที่สงบนิ่งอยู่ พอเห็นฉากในห้อง ก็ปรากฏแววหวาดผวาขึ้นบนใบหน้า ร่างกายนิ่งค้าง ไม่กล้าขยับแม้แต่นิดเดียว
อาจารย์เคยบอกกับชาญ ทองทวนว่า ถ้าหากหลงเข้าไปในค่ายกลแล้วห้ามเดินไปทั่วเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะไปกระตุ้นค่ายกลมรณะ ทำให้พลังพิฆาตเข้าโจมตี
อาจารย์ของชาญ ทองทวนคือนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ วิชาการทำของไสยศาสตร์ ของนายทักษิณเหนือกว่าเขามาก แม้แต่ตอนที่ชาญ ทองทวนรุ่งเรืองถึงขีดสุด เขาก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเก่งกว่าอาจารย์ได้เลย
โชคของชาญ ทองทวนนั้นดีกว่าอาจารย์มาก เพราะตำแหน่งที่เขายืนอยู่ ยังไม่ใช่จุดเริ่มต้นของ ค่ายกลพิฆาตเก้าตำหนักพอดี ดังนั้นถึงจะมองไม่เห็นเหตุการณ์ภายนอก แต่ก็ไม่ถูกพลังพิฆาตโจมตี
“อาฮวา ฆ่าพวกเขาเสีย ฆ่าพวกเขา!” ไขมันในร่างกายของชาญ ทองทวนเร่มตึงตัวขึ้น เขารู้ว่า ค่ายกลนี้ไม่สามารถกักขังวิญญาณที่เขาพามาด้วย
นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ หลายปีมานี้ได้ออกตามหาวิชาไสยศาสตร์ที่สาบสูญ จนในที่สุดก็สามารถสร้างวิญญาณร้ายขึ้นมาได้ ก็เพื่อใช้ต่อกรกับเวทมนต์ค่ายกลแปลกประหลาดในประเทศจีน
วิญญาณร้ายไม่มีความคิดแบบมนุษย์ ดังนั้นพลังค่ายกลจึงไม่สามารถทำให้วิญญาณเกิดภาพหลอนได้ อีกทั้งวิญญาณนี้เกิดจากการรวมตัวกันของแรงอาฆาต พลังพิฆาตในค่ายกลจึงไม่มีผลกับมัน
ค่ายกลใช้ลักษณะของพื้นที่กับพลังเวทร่วมกัน ทำให้โดยรอบเกิดเป็นภาพหลอนหรือทำให้ประสาทหลอน แต่ไม่สามารถสกัดกั้นเสียงได้
เสียงร้องของชาญ ทองทวนเรียกให้วิญญาณอาฮวาพุ่งเข้าไปที่ตัวของเยี่ยเทียนกับจั่วเจียจวิ้น ถลึงตาสีแดงเลือด พุ่งหมัดเหล็กเข้าใส่เยี่ยเทียน
“ศิษย์พี่ ไปที่เนตรค่ายกลปรับค่ายเร็ว ผมจะรั้งมันไว้เอง!”
เยี่ยเทียนรุดออกไปรับ มือขวาทั้งฉุดทั้งดึง เพื่อสลายแรงอันมหาศาลของผีร้าย ทำให้ร่างกาย องเขาถูกลากถูลู่ถูกังไปด้านหน้า
สยบความแข็งด้วยความอ่อนเป็นหลักการของเต๋า การปล่อยตามธรรมชาติ ในจักรวาลมีส่งเสริมและยับยั้ง สิ่งที่แข็งกร้าวต้องไม่ใช้ความแข็งเข้ารับมือ แต่ควรใช้ความอ่อนโยนหาจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม
ถูกไม้นี้ของเยี่ยเทียนเข้าไป ผีร้ายเกือบล้มลงบนโซฟา กรีดร้องแล้วหันหลังกลับ ใช้มือและเท้า โจมตีเยี่ยเทียนอย่างบ้าคลั่ง
ทั้งคนและผีรวมกันเป็นหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นคนแรงมหาศาลอยู่แล้ว ยังมีนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ที่ทำไสยศาสตร์ขึ้น ร่างกายยิ่งแข็งแกร่งดังเหล็กกล้า แต่เมื่อเจอวิชากังฟูการยืมแรงสู้แรงของเยี่ยเทียนเข้าไป ก็เสียเปรียบได้
แรงหมัดของเยี่ยเทียนถึงจะโดนทุกหมัดแต่กับวิญญาณแล้วไม่สามารถทำให้เกิดบาดแผลได้เลย กลายเป็นโดนแรงสะท้อนกลับให้เจ็บมือเจ็บเท้าเปล่าๆ
“นี่มันตัวอะไรกันเนี่ย?”
เมื่อเห็นผีอาฮวาที่ล้มลงแล้วลุกขึ้นได้ใหม่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เยี่ยเทียนหลบข้าง แล้วหมุนตัวไปด้านหลังของศัตรูอย่างรวดเร็ว ซัดหมัดออกไปที่ไขสันหลังของผีอาฮวาแล้วขูดตามแนวยาว
ถ้าดูดีๆ จะเห็นว่าระหว่างนิ้วมือของเยี่ยเทียนมีวัตถุที่สะท้อนแสงซ่อนอยู่นั่นคือเครื่องรางอู๋เหิน ที่ใช้คมกรีดลงมาตามแนวไขสันหลังของอาฮวา
“อะไรนะ? ไม่เป็นไรเลย!?”
พอเยี่ยเทียนขูดเสร็จ ก็ตะลึงตาค้าง เพราะว่าบนแผ่นหลังของผีร้ายไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน นอกจากรอยเสื้อขาด บนผิวหนังมีแต่รอยขีดสีขาวเป็นเส้นเท่านั้น
เห็นแบบนี้แล้ว เยี่ยเทียนอดตกใจไม่ได้ เครื่องรางอู๋เหินนั้นคมกริบ สามารถตัดทองตัดเหล็กได้
แต่กลับไม่สามารถทำอันตรายอาฮวาได้เลยแม้แต่ผิวหนัง สิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้มีเลือดเนื้อจริงหรือไม่? ในใจของเยี่ยเทียนกลับรู้สึกหมดแรงขึ้นมา
“ให้ตายเถอะ เอาใหม่!” เยี่ยเทียนเป็นคนจิตใจหนักแน่น รวบรวมลมปราณทั้งหมดไปที่เครื่องรางอู๋เหิน พอดีกับจังหวะที่ผีร้ายหันกลับมาพอดี เยี่ยเทียนใช้อู๋เหิน กรีดไปที่ใบหน้าของมัน
พลังลมปราณแท้ทั้งหมดของเยี่ยเทียนรวมอยู่ที่ใบมีด เชื่อว่าถึงจะเป็นคนเหล็กก็สามารถใช้อู๋เหินแทงทะลุได้
พอกรีดลงไปเท่านั้น บนใบหน้าของมันก็ปรากฏรอยเลือดเป็นทางยาวตั้งแต่หางตาจนถึงมุมปากจนหนังเปิดออก จากผีที่ดูดุร้ายอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งคลุ้มคลั่งเข้าไปใหญ่
“กรี๊ด!!” ไม่รู้ว่าเพราะเลือดสดที่สาดออกมาเป็นกระตุ้นให้วิญญาณยิ่งทวีความดุร้ายมากขึ้น ตอนโจมตีเยี่ยเทียนในแต่ละครั้งหนักหน่วงรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม
ทุกหมัดที่ปล่อยออกมา มีพลังความแค้นพิฆาตหมายเอาชีวิตรวมอยู่ด้วย อยู่ๆ เยี่ยเทียนได้กลิ่นหวานอย่างหนึ่ง ไม่ระวังจึงสูดเข้าจมูกไป พลังลมปราณก็เกิดติดขัดขึ้นมา
“ยาพิษ?”
เยี่ยเทียนตกใจ ไม่คิดเลยว่าวิญญาณร้ายจะปล่อยพิษออกมาได้ด้วย เขาเองก็ไม่ทันระวัง จึงถูกพิษเข้า
ช่วงอกและท้องมีรู้สึกคันแสบร้อนขึ้นมา เยี่ยเทียนรีบก้าวถอยหลัง ใช้โซฟาที่พลิกตะแคงอยู่กับพื้นเป็นที่กำบัง ควักเอาขวดดินเผาออกมาจากในเสื้อ เทลงบนฝ่ามือ แล้วส่งยาเข้าปาก
คืนก่อนที่เยี่ยเทียนจะออกเดินทางมาฮ่องกงได้ปรุงยาถอนพิษขึ้นมา แม้ว่าจะใช้เวลาเคี่ยวยาได้ไม่นานพอ แต่ก็เป็นยาที่ใช้ต้านพิษร้ายพวกนี้โดยเฉพาะ หลังจากกลืนยาลงไปแล้ว ความรู้สึกแสบร้อนกลางอกค่อยทุเลาลง
เยี่ยเทียนคิดไม่ถึงว่าอาฮวาจะกัดไม่ปล่อย ตอนที่หลบไปเดินลมปราณขับพิษก็ตะโกนออกไปว่า “ศิษย์พี่ รีบเปลี่ยนค่ายกล ฆ่าชาญ ทองทวนทิ้งซะ!”
ค่ายกลพิฆาตเก้าตำหนักนั้นไม่ใช่ว่ายืนอยู่ตรงเนตรค่ายกลแล้วจะรอดเสมอไป หากเพิ่มกำลังภาพหลอนในค่ายขึ้น ตำแหน่งเป็นก็จะเปลี่ยนเป็นตำแหน่งตายทันที พอได้ยินเสียงร้องของเยี่ยเทียน จั่วเจียจวิ้นดีดนิ้ว ภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
ชาญ ทองทวนที่ตอนแรกยืนอยู่ในตำแหน่งเป็น อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองหลุดเข้าไปในห้วงน้ำลึก ร่างกายถูกตรึงรัดไว้จากทุกทิศทาง ลมหายใจกระชั้นถี่ขึ้น
พลังพิฆาตที่สะสมอยู่ในค่ายกลแปรเปลี่ยนเป็นภาพหลอนในหัวของชาญ ทองทวน คนที่เคยถูกเขาฆ่าตายกลายเป็นผีดิบยื่นมือดึงไขว่คว้าเข้ามาหาเขา
“แตก ทำลายเสียเดี๋ยวนี้!”
คนที่อยู่ใช้พลังพิฆาตศาสตร์มืดมานานอย่างชาญ ทองทวนมีหรือจะหวาดหลัวภาพหลอนพวกนี้ หยิบเอาของชิ้นหนึ่งออกมายื่นเข้าใส่ภาพหลอนและฝูงผีดิบนั้นสะบัดเพียงทีเดียว ทุกอย่างก็อันตรธานหายไป
“นั่นมันอะไร?” เยี่ยเทียนที่กำลังโดดหลบผีร้ายไปมา เห็นชาญทองทวนถือของบางอย่างที่ทำลายพลังพิฆาตได้ จึงทั้งตกใจและประหลาดใจ
“เหอะๆ พวกแกต้องตาย!”
ชาญ ทองทวนมองสิ่งของในมืออย่างฮึกเหิม นี่เป็นยันต์เรียกวิญญาณที่ทำจากหนังมนุษย์ ภายในผสมด้วยสารพัดพิษ ไม่เพียงแต่ดูดซับพลังชั่วร้าย ยังสามารถใช้โจมตีศัตรูได้ด้วยเป็นของที่อันตรายมาก
ชาญ ทองทวนถือยันต์เรียกวิญญาณไว้ในมือ ไม่กลัวจะมีภาพหลอนจากค่ายกล เดินก้าวยาวๆออกไปข้างหน้า เขากำลังยืนอยู่หน้าประตู ดูแล้วเป็นตำแหน่งเนตรของค่ายกล
ชาญ ทองทวนพอมีความรู้เรื่องค่ายกลบ้าง ตอนแรกรู้สึกว่าง้าวอันใหญ่ที่ห้องรับแขกดูแปลกๆ รอจนค่ายกลเริ่มทำงานแล้ว ถึงแน่ใจว่าต้องเป็นตำแหน่งเนตรของค่ายกล
ทุกค่ายกลมักมีจุดอ่อน ตำแหน่งเนตรถ้าถูกทำลาย ค่ายกลก็จะไม่มีผลอีก ชาญทองทวนมีจุดประสงค์ด้วยเหตุนี้
จั่วเจียจวิ้นที่แขนขวาขาดไปแล้ว เห็นชาญทองทวนเดินบุกเข้ามาในค่ายกล ก็ตกใจร้อนรน ไม่สนอาการบาดเจ็บของตัวเอง รีบรุดออกไปเผชิญหน้ากับชาญ ทองทวน
“หลบไป!” เห็นจั่วเจียจวิ้นยืนขวางอยู่ ชาญ ทองทวนเอามืออันใหญ่โตอย่างกับใบพาย ตบทั้งหัวทั้งหน้าของจั่วเจียจวิ้นออกไปให้พ้นทาง
แม้ว่าแขนขวาบาดเจ็บ แต่จั่วเจียจวิ้นยังคล่องแคล่วกว่าชาญ ทองทวน ตอนนั้นก้มตัวหลบการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามได้แล้วใช้มือซ้ายชกเข้าไปที่ท้องของชาญ ทองทวน
แต่สิ่งที่จั่วเจียจวิ้นอึดอัดใจคือตอนที่เขาชกหมัดนั้นเข้าที่ท้องของชาญ ทองทวน กลับรู้สึกเหมือนชกปุยนุ่น รู้สึกนุ่มนิ่มไปหมด เขาอึดอัดจนรู้สึกอยากกระอักเลือดออกมา
“ไปตายซะ!” ชาญทองทวนแค่นหัวเราะ ยังไม่ทันที่จั่วเจียจวิ้นจะชักมือกลับ ร่างทั้งร่างก็พุ่งไปข้างหน้า อย่างกับมีแรงระเบิดมาชนเข้ากลางอกของเขา
“ปึ้ง” เสียงดังตามมา จั่วเจียจวิ้นถูกชาญทองทวนชนเข้าเต็มรัก ร่างกายสะท้อนกลับไปทางด้านหลัง กระอักเอาเลือดออกมาเป็นสาย แล้วตกแอ้กลงบนพื้น
“ศิษย์พี่?!” เห็นจั่วเจียจวิ้นถูกชาญ ทองทวนอัดลงไปนอนอยู่ที่พื้นไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย เยี่ยเทียนก็ตาแดงขึ้นมา
ความแข็งแกร่งกับความแปลกประหลาดของพวกหมอคุณไสยเกินกว่าที่เยี่ยเทียนจะคาดเดาได้ โดยเฉพาะเจ้าครึ่งผีครึ่งคนนั่น มันคอยคุกคามเยี่ยเทียนอยู่ตลอด แม้ว่าจะเตรียมตัวมาดีแล้วแต่ก็ยังเกิดเรื่องไม่คาดฝันจนได้
ใช้เท้าถีบผีร้ายกระเด็นไปหลายเมตร เยี่ยเทียนรีบเคลื่อนเข้าไปที่ใจกลางค่ายกล ยื่นมือขวาไปจับ ด้ามง้าวจันทร์เสี้ยวเอาไว้
ตอนแรกเยี่ยเทียนจะใช้ค่ายกลจัดการกับชาญ ทองทวน แต่วิญญาณร้ายกับยันต์หนังมนุษย์แผ่นนั้น ทำให้ค่ายกลทั้งหมดไม่เกิดผล คงเหลือแต่การต่อสู้ตัวต่อตัวแล้ว
หลังออกจากสำนักเต๋ามา นี่เป็นครั้งแรกที่เยี่ยเทียนได้พบกับอันตรายใหญ่หลวง กลับปลดปล่อยพลังใจอันร้อนแรงของเขาออกมา แม้แต่พิษร้ายที่กลางหน้าอกเขาก็ไม่สนใจมันแล้ว มือหนึ่งถือง้าวจันทร์เสี้ยวรับมือกับผีร้ายที่พุ่งเข้าใส่ตน
“แหลกไปซะ!”
เยี่ยเทียนมือขวาชูง้าวจันทร์เสี้ยวไว้ มือซ้ายกดด้ามง้าวไว้ ใช้พลังลมปราณทั้งหมดที่มีถ่ายทอดเข้าไปในตัวง้าว ตอนที่ออกแรงฟันลงไป รอยตัดยาวสามนิ้วของง้าวปรากฏขึ้น
“ตายซะ!”
เมื่อเห็นว่าผีร้ายตรงหน้าไม่ได้หลบเลยแม้แต่น้อย แรงง้าวอันหนักหน่วงถูกสับลงบนใบหน้าของผีร้าย “พรวด” เสียงเบาๆ แว่วตามมา ร่างกายใหญ่โตของผีร้ายถูกตรึงไว้กับที่
ครั้งแรกที่ฟันลงไปเยี่ยเทียนไม่ได้มองที่ฝ่ายตรงข้าม พอเงื้อง้าวขึ้นมาอีกครั้งก็บุกทะยานเข้าหาชาญทองทวน ศิษย์พี่ที่นอนอยู่ที่พื้นยังไม่รู้เป็นหรือตาย ทำให้เยี่ยเทียนเคียดแค้นชาญ ทองทวนมาก
ตั้งแต่เยี่ยเทียนนำเอาง้าวจันทร์เสี้ยวออกมา ค่ายกลทั้งหมดก็เสื่อมฤทธิ์ลงทันที ชาญ ทองทวนเพิ่งจะเห็นชัดว่าเยี่ยเทียนถือง้าวอันใหญ่พุ่งเข้ามาหาตน
“อาฮวา?!” ตอนที่เยี่ยเทียนหันหลังกลับ ชาญทองทวนตะลึงกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ร้องออกมาด้วยเสียงน่าสมเพช
……