“ทำไมเหรอ นายก็รู้เรื่องหินหยกกับเขาด้วยเหรอ” หลังจากได้ฟังที่เยี่ยเทียนกล่าวแล้ว จั่วเจียจวิ้นก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา มองไปที่ศิษย์น้อง เขาอายุยังน้อยแต่รู้อะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปแล้วนะ
เยี่ยเทียนส่ายหัว กล่าวว่า “ศิษย์พี่ ผมไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก แต่พรุ่งนี้ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ อยากไปเปิดโลกกว้าง กับศิษย์พี่ก็น่าจะดีไม่น้อย”
หินหยกเกิดมาจากธรรมชาติ เดิมทีก็ผนึกเอาพลังธรรมชาติเข้าไปด้วย หินหยกที่เกรดแย่สีจะไม่ออกชัดเจน ไม่ค่อยมีประโยชน์กับเยี่ยเทียนเท่าไหร่ แต่หินหยกที่ดีนั้นมีไอพลังเต็มเปี่ยม สามารถนำมาทำเป็นอาวุธหรือวางค่ายกลได้
จนถึงทุกวันนี้ เงินที่เยี่ยเทียนใช้ซื้อหยกเกินสิบล้านเข้าไปแล้ว แต่ว่าเยี่ยเทียนไม่รู้ว่าหยกไหนดีไม่ดีจริงๆ เขาได้แต่ดูไอพลังที่แฝงอยู่ในหินหยกแล้วจึงตัดสินใจ
“ได้ เยี่ยเทียน วัฒนธรรมที่เกี่ยวกับหินหยกนี่ประเทศเรามีประวัติมาอย่างยาวนาน แต่หยกเฝ่ยชุยและหยกแกรไฟรต์ ไม่เหมือนกัน เพิ่งพบเจอเมื่อไม่นานมานี้ ไม่กี่ปีที่ผ่านมาถึงมีคนชอบสะสมของพวกนี้…”
นอกจากเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยดูชัยภูมิพื้นที่และทำนายทายทัก ที่ชำนาญในวิชาของตัวเองแล้ว จั่วเจียจวิ้นมีความชอบสนใจและรู้ลึกรู้จริงในหินหยกเป็นอย่างมาก ไม่กี่ปีก่อนเขาเคยไป ตามสถานที่ ผลิตหยกต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตัวเขาเองก็เป็นกรรมการสมาคมหยกของฮ่องกง
ลูกเขยของจั่วเจียจวิ้นก็เป็นคนในวงการหยก แต่หลานสาวไม่ชอบเรื่องพวกนี้ ยากที่เห็นเยี่ยเทียนสนใจ ในตอนนั้นเองจึงได้แนะนำเรื่องต่างๆให้ได้ฟังมากมาย
“คุณพ่อ เยี่ยเทียนเพิ่งมาที่บ้านวันแรก พ่อก็ลดความเป็นอาจารย์ลงหน่อยเถอะ” ลูกสาวของจั่วเจียจวิ้นฟังจนเอือม จึงได้เปิดปากขัดคอพ่อของตัวเองออกมา
หลังจากได้ฟังลูกสาวกล่าว จั่วเจียจวิ้นก็ทำมือต่อกันกล่าวว่า “อย่าพูดเหลวไหล ศิษย์น้องเยี่ยเทียนเป็นอาจารย์พ่อสิไม่ว่า !”
ในช่วงเวลานี้เยี่ยเทียนได้รับถ่ายทอดวิชาของตระกูลจั่ว ล้วนแต่อาศัยชื่อของนักพรตเฒ่า ถือได้ว่าเป็นตัวแทนอาจารย์สืบทอดวิชา จั่วเจียจวิ้นกล่าวแบบนี้ก็นับว่าไม่เลว
แต่ลูกสาวและลูกเขยของเขาไม่ได้รับรู้เรื่องพวกนี้ กล่าวอย่างสนใจขึ้นมา ตามมาด้วยการคุยโวของหลิวติงติง ที่นั่งอยู่ด้านข้าง ทำให้เยี่ยเทียนที่ว่าหน้าหนาแล้วยังรับไว้ไม่ค่อยอยู่ สุดท้ายจึงเป็นจั่วเจียจวิ้นที่แก้ไขสถานการณ์
คฤหาสน์ของจั่วเจียจวิ้นนี้มีห้องรับแขกโดยเฉพาะ เยี่ยเทียนกลับชอบบรรยากาศของที่นี่ วันนั้นจึงได้อยู่ที่นั่น แต่วันต่อมาพอกินข้าวเช้าเสร็จ อาติงก็มาปรากฏอยู่หน้าคฤกหาสน์ของจั่วเจียจวิ้น
“นายน้อย ท่านถังกลัวว่าคุณจะไม่อยากเจอท่าน ให้ผมมาติดตามคุณครับ คุณอยู่ที่ฮ่องกงนี่ก็ต้องเดินทางไม่ใช่เหรอ”
เห็นเยี่ยเทียนสีหน้าไม่ขัดขืน อาติงก็รีบส่งรอยยิ้มตามออกมา เมื่อวานเห็นเยี่ยเทียนไม่ได้กลับไปบ้าน ถังเหวินหย่วนคิดว่าเยี่ยเทียนโกรธ จึงได้ส่งอาติงมาอธิบายตั้งแต่เช้า
“ฉันใจแคบขนาดนั้นเลยเหรอไง”
เยี่ยเทียนถลึงตามองอาติงไปหนึ่งคำรบ ในตอนที่กำลังจะกล่าวต่อนั้น ก็เห็นลูกสาวและลูกเขย ของจั่วเจียจวิ้น เดินออกมา ยกมือโบกไปมากล่าวว่า “อยากตามก็ตามเถอะ นายขับรถตามศิษย์พี่ฉันไป!”
หลังจากขึ้นรถตู้ที่หลิวคังกั๋วเป็นคนขับแล้ว หลิวคังกั๋วก็เกิดความสงสัยจึงสอบถามกับเยี่ยเทียนว่า “คุณลุงเล็ก คนนั้นเป็นใครกันผมมองดูรู้สึกคุ้นหน้ามาก”
เยี่ยเทียนไม่ได้กล่าวอะไร หลิวติงติงก็รีบแย่งกล่าวว่า “พ่อคะ เป็นตาโง่ที่รับใช้อยู่ข้างตัวคุณตาถังไงคะ ครั้งที่แล้วหนูประมือกับเขามา…”
“เป็นคนของคุณลุงถังนี่เองเหรอ” หลิ่วคังกั๋วพยักหน้า มองทางเยี่ยเทียนผ่านกระจกมองหลังครั้งหนึ่ง แต่กลับไม่ได้พูดอะไรขึ้นมา
หลิวคังกั๋วอยู่ที่ฮ่องกงแห่งนี้ก็นับได้ว่าเป็นเศรษฐีคนหนึ่ง แต่หากเทียบกับถังเหวินหย่วนแล้ว นั่นไม่ได้อยู่ในระดับ เดียวกัน ถึงแม้เขาจะรู้จักพวกเศรษฐีทั้งหลายผ่านทางพ่อตา แต่ปกติแล้วก็ไม่ได้คลุกคลีกับพวกนั้นเท่าไหร่
เมื่อซักครู่ที่อาติงพยักหน้าค้อมตัวต่อหน้าเยี่ยเทียนถูกหลิวคังกั๋วเห็นเข้าพอดี สำหรับคุณอาที่อายุน้อยคนนี้ หลิวคังกั๋วถึงแม้ปากจะไม่ได้ถามอะไรมากมาย แต่ในใจกลับรู้สึกสงสัยอยู่หลายส่วน
“พ่อ คุณอาเล็ก ถึงแล้ว!”
หลังจากเดินทางมาเกือบประมาณหนึ่งชั่วโมง รถหรูของหลิวคังกั๋วก็หยุดอยู่หน้าลานใหญ่หนึ่งที่อยู่ใกล้ชายทะเล
“ศิษย์พี่ นี่พี่…พี่มาซื้อหยกที่นี่เหรอ”
ครั้งนี้หลังจากมาที่ฮ่องกง คฤหาสน์และชีวิตที่หรูหราของพวกเศรษฐีที่เยี่ยเทียนพบเห็นทั้งหมด เดิมทีคิดว่าสถานที่ซื้อขายหินหยกที่มีมูลค่ามากจะจัดอยู่ในโรงแรม คิดไม่ถึงว่าจะเป็นสถานที่เรียบง่ายแบบนี้
“ศิษย์น้อง อย่าได้คิดดูถูกสถานที่นี่เชียว หินหยาบที่ประมูลแล้วหลั่งไหลเข้าสู่ฮ่องกง โดยพื้นฐาน ก็มาจากสถานที่นี้แหละ…”
หลังจากเห็นสีหน้าของเยี่ยเทียนแล้ว จั่วเจียจวิ้นก็หัวเราะออกมา แกล้งทำเป็นลึกลับแล้วกล่าวว่า “นายรู้หรือไม่ว่าหินหยกที่นี่รวมกันมูลค่าเท่าไหร่”
“ยี่สิบล้าน” เยี่ยเทียนพูดตัวเลขออกมาโดยประมาณ ในสายตาของเขา สถานที่ซื้อขายเรียบง่ายแบบนี้ คุณภาพของหยกน่าจะไม่ดีเท่าไหร่
“ยี่สิบล้านเหรอใส่ศูนย์เข้าไปอีกตัวแล้วเพิ่มอีกเท่าหนึ่งถึงจะถูก!” จั่วเจียจวิ้นหัวเราะอย่างสบอารณ์ ทิ้งเยี่ยเทียนที่ยืนตะลึงอ้าปากค้างอยู่เดินเข้าไปในลานกว้าง
หลิวคังกั๋วที่เดินตามหลังพ่อตาของตนเห็นพ่อตาแกล้งหยอกเยี่ยเทียนก็หัวเราะขึ้นกล่าวว่า “อาเล็ก การประมูลหยกที่พม่าสถานที่เรียบง่ายยิ่งกว่าที่นี่อีก เงินประมูลแต่ละปีเกือบถึงพันล้าน คุณอาเข้าไปก็จะเข้าใจแล้วล่ะ!”
อาติงที่ยื่นอยู่อีกด้านก็ไม่ค่อยเข้าใจ ปากพึมพำกล่าวว่า “หินอะไรกันที่มีค่าสี่ห้าสิบล้าน”
“โอ้โห นี่…นี่มันหินหยกทั้งหมดเลยเหรอ”
เหมือนกับที่หลิวคังกั๋วกล่าว เมื่อเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ เยี่ยเทียนเข้าใจแล้วว่าทำไมหินหยาบพวกนี้ จึงไม่ไปประมูลกันในโรงแรม
เพราะหินหยาบที่อยู่ที่นี่ ไม่ใช่เหมือนกับที่เยี่ยเทียนคิดเป็นหยกที่เจียรแล้วแต่ยังไม่ได้แกะสลัก แต่เป็นก้อนหินเล็กใหญ่ต่างกัน
หินหยาบพวกนี้เล็กสุดก็ขนาดเท่ากำปั้น ใหญ่ก็ถึงขนาดห้าร้อยกิโล อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง แค่ขนาดและน้ำหนัก ก็ยากต่อการขนย้ายไปที่โรงแรมแล้ว
“คุณจั่ว มาแล้วเหรอครับ…”
“คุณจั่ว นี่มือเป็นอะไรครับ”
“อาจารย์จั่ว ขอบคุณรอบที่แล้วที่ทำนายให้ผม!”
“อาจารย์จั่ว ช่วงนี้ผมทำมาค้าขายไม่ขึ้น ท่านช่วยดูให้ผมหน่อยได้มั๊ยครับ”
จั่วเจียจวิ้นเพิ่งเข้ามาหน้างาน ก็ถูกผู้ชมหลายคนรุมล้อม เดิมที่คนที่กำลังสังเกตสังกาหินหยาบอยู่ ก็ค่อยๆ ทะยอยเดินกันมากล่าวทักทาย
ทรัพย์สินของจั่วเจียจวิ้นไม่ถือว่าเยอะ ที่ฮ่องกงที่รวบรวมเศรษฐีผู้มั่งคั่งเอาไว้มากมาย เกรงว่าแม้แต่สองร้อยอันดับแรกก็จะไม่ติด แต่หากเป็นวงการหยกนั้น ร้านเครื่องประดับของเขาหลายสาขานั้นก็ดูไม่หมดแล้ว
แต่ว่าที่จั่วเจียจวิ้นมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในฮ่องกงนี่ ไม่ได้เป็นเพราะพวกเพชรพลอย แต่เป็นศาสตร์การทำนายที่แม่นยำของเขา ตั้งแต่มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดไปจนถึงประชาชนคนธรรมดา มีใครไม่รู้จัก “อาจารย์จั่ว” กันเล่า
และจั่วเจียจวิ้นยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าของสมาคมม้าแข่งของฮ่องกงอีกหนึ่งตำแหน่งด้วย ฐานะทางสังคมนี้ กลับเป็นที่หมายปองในพวกหมู่เศรษฐีพวกนี้
ต้องทราบก่อนว่า สมาคมม้าแข่งของฮ่องกง ทั้งหมดมีหัวหน้าเพียงยี่สิบท่าน แต่ละท่านล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง อย่างมากของฮ่องกง จั่วเจียจวิ้นสามารถดำรงตำแหน่งนี้ได้ เห็นได้ว่าฐานะทางสังคมของเขาสูงส่งขนาดไหน
สำหรับที่ว่าทำไมคนพวกนี้ถึงได้ให้ตำแหน่งนี้กับจั่วเจียจวิ้นนั้น นั่นก็เข้าใจได้ง่ายทีเดียว
คนมีเงินทั้งหลายล้วนรักตัวกลัวตาย ใครๆ ก็อยากจะหลีกหนีโชคร้ายรับโชคดี หากว่าถูกอาจารย์จั่วแนะนำ ไม่กี่ประโยค ต่อให้แนะนำหลุมศพ นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับคนรุ่นหลัง
“เหอๆ สวัสดีทุกคน คุณหลิว คุณเป็นพี่ใหญ่ในตลาดหุ้นทำไมถึงมีความสนใจในหินหยกด้วยเล่า” จิ่วเจียจวิ้นหัวเราะและทักทายกับผู้คนที่รายล้อม แต่สำหรับคนที่ขอร้องให้เขาทำนายทายทักนั้นกลับไม่ให้ความสนใจ
ในตอนที่จั่วเจียจวิ้นแยกจากหลี่ซั่นหยวนนั้น นักพรตเฒ่าเคยเตือนลูกศิษย์คนนี้ คนที่ทำนายทายทัก เป็นคนที่แพร่งพรายความลับฟ้าดินเป็นอย่างมาก หากไม่ระวังจะถูกฟ้าดินลงโทษ ดังนั้นเขาจึงกำหนดให้จั่วเจียจวิ้น วันหนึ่งทำนายไม่เกินสามครั้ง หลายปีมานี้ จั่วเจียจวิ้นปฏิบัติตามคำสั่งสอนของอาจารย์อย่างเคร่งครัด
แต่นี่ก็พอดีกับคำพูดที่ว่ายิ่งหายากยิ่งมีมูลค่า เนื่องจากว่าการทำนายของจั่วเจียจวิ้นนั้นแม่นยำมาก หนึ่งวันสามครั้งไม่มีไม่ถูกต้อง ในเวลาอันรวดเร็วก็ได้การรับถือเป็น “อาจารย์” คนมีชื่อเสียงทั่วทั้ง เกาะฮ่องกง ถือว่าการได้รับการทำนายจากจั่วเจียจวิ้นเป็นเกียรติอันสูงสุด
“เห็นหรือยังคุณตาของฉันถึงเป็นอาจารย์ตัวจริงต่างหาก!” เห็นคุณตาได้รับการชื่มชมจากคนจำนวนมาก หลิวติงติงที่เดินข้างเยี่ยเทียนก็หัวเราะอย่างสบอารมณ์ แต่พอคิดถึงความสามารถของเยี่ยเทียน ก็พลันปิดปากลง
เยี่ยเทียนได้ฟังก็พยักหน้า กล่าวว่า “ศิษย์พี่จั่วประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนได้รับชื่อเสียงมากมาย แน่นอนว่าไร้เทียมทาน!”
ฮ่องกงถึงแม้จะเป็นพื้นที่เล็ก แต่มีทั้งเศรษฐีและพวกงูเห่าทั้งหลายปะปนกัน หากอยากตั้งหลักที่นี่ ไม่เพียงแต่มีความสามารถ สายป่านก็ต้องยาวด้วย
ตอนนี้จั่วเจียจวิ้นก็ถูกรบกวนจนทนแทบจะรับมือไม่ไหวแล้ว ตอนนั้นที่ยกมือพนม กล่าวรอบทิศว่า “ทุกท่าน รอให้งานซื้อขายหินหยาบวันนี้จบลง พวกเราค่อยหาที่ดื่มชาคุยเรื่องความหลังกันดีกว่า ร้านเครื่องประดับหลายร้าน ของผมกำลังรอพวกหินหยกพวกนี้อยู่แหนะ”
“ตามที่คุณจั่วกล่าว ทุกคนมาเลือกหยกกันเถอะ อย่ารุมล้อมกันเลย…”
“ได้ รอให้การซื้อขายวันนี้จบก่อน ฉันจะเป็นเจ้าภาพ ขอให้อาจารย์จั่วให้เกียรติด้วยก็แล้วกัน!”
“คุณหลิว ปีนี้คิวไม่ได้ไปถึงคุณ พวกเราโจวจี้ ปีที่แล้วได้ทำการนัดกับอาจารย์จั่วเอาไว้แล้วนะ!
คำพูดเพียงประโยคเดียวของจั่วเจียจวิ้นทำให้คนที่ยืนอยู่ที่นั่นปะทะคารมกันขึ้นมา ฉวยโอกาสนี้ จั่วเจียจวิ้นก็ออกมาจากกลุ่มคนที่รายล้อม มาถึงด้านหน้าของเยี่ยเทียน
“ศิษย์พี่ มีความสามารถจริงๆ!” เยี่ยเทียนยกนิ้วโป้งให้
“พอแล้ว นายก็อย่าหัวเราะเยาะฉันเลย หากนายยอมทำนายให้คนที่ฮ่องกงนี่ ไม่รู้ว่าจะแข็งแกร่งกว่า ศิษย์พี่ขนาดไหน!”
จั่วเจียจวิ้นยิ้มส่ายหัว เขาไม่อยากคุยเรื่องนี้ต่ออีก จึงชี้ไปที่ก้อนหินหยาบบนพื้นพวกนั้น กล่าวว่า “ศิษย์น้อง ฉันจะแนะนำพวกหินหยาบพวกนี้ให้ฟังแล้วกัน แล้วค่อยไปประมูล หากนายสนใจก็สามารถซื้อเล่นได้หลายก้อน”
“ได้ ศิษย์พี่ ฉันกำลังหงุดหงิดแหละ พวกก้อนหินหยาบพวกนี้ทำไมถึงไม่เหมือนกับที่เคยเห็น นี่ไม่เหมือน หินหยกซักนิดเดียว” หลังจากได้ฟังที่จัวเจียจวิ้นกล่าว เยี่ยเทียนก็พยักหน้า
เมื่อก่อนที่ปักกิ่งเยี่ยเทียนก็เคยซื้อหินหยกหยาบ แต่เขาสามารถสัมผัสพลังที่ปล่อยออกมาของหยกแนฟไฟต์ได้ จึงได้ทำการตัดสินใจที่จะซื้อตามคุณภาพของหยก
แต่เมื่อซักครู่เยี่ยเทียนอาศัยจังหวะที่จิ่วเจียจวิ้นถูกรุมล้อม ก็แอบไปเบิกเนตร กลับพบว่าภายในสถานที่นี้ หินเกือบพันกว่าก้อน กลับมีแค่จำนวนน้อยนิดทีมีไอพลังอ่อนๆ ออกมา
นี่ทำให้เยี่ยเทียนไม่เข้าใจและรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง เดิมทีเขาอยากจะอาศัยการสัมผัสกับไอพลัง เลือกเอาหยกดีดีหลายก้อนติดมือกลับไป
……