“นี่…นี่คือเหรียญต้าฉีทงเป่าของท่านอาจารย์?”
เมื่อเห็นเยี่ยเทียนหยิบเหรียญกษาปณ์ออกมา จึงทำให้ดวงตาของจั่วเจียจวิ้นเหยียดตรงทันที ตอนนั้นเขาเห็นท่านอาจารย์ใช้เหรียญกษาปณ์นี้ในการทำนายโชคชะตาไม่น้อย เวลานี้เห็นสิ่งของนึกถึงคน ทำให้เขาอดเบ้าตาแดงขึ้นมาไม่ได้
เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าใจของจั่วเจียจวิ้น เยี่ยเทียนจึงรีบพูดทันที “ศิษย์พี่ครับ ผมต้องการความช่วยเหลือจากพี่ครับ”
“ให้พี่ช่วยอะไร?” จั่วเจียจวิ้นตกตะลึง เพราะถูกเยี่ยเทียนดึงดูดความสนใจ
เยี่ยเทียนได้ยินจึงหัวเราะขึ้นมาแล้วพูด “ผมขอยืมเหรียญกษาปณ์สองเหรียญครับ มีแค่ต้าฉีทงเป่าอย่างเดียว ผมก็ทำนายโชคชะตาไม่ได้ครับ!”
วิธีการเสี่ยงทายนั้นมีหลายวิธี แต่วิธีที่ชอบใช้กันบ่อยๆ ก็คือใช้เหรียญในการทำนาย โดยทั่วไปแล้วคนที่ใช้วิชาดูโหงวเฮ้งทำมาหากิน พวกเขามักจะพกเหรียญกษาปณ์สามอันติดตัวเสมอ
และก่อนหน้านั้นเยี่ยเทียนก็สัมผัสได้ถึงเหรียญที่มีพลังงานอยู่สองสามอันที่อยู่ในกระเป๋าของจั่วเจียจวิ้น และคิดว่าสาเหตุน่าจะมาจากที่เขาเล่นมันบ่อยแน่นอน จึงทำให้มีพลังชี่ของจั่วเจียจวิ้นอยู่เล็กน้อย
“เสียแรงที่นายเป็นศิษย์ของสำนักเสื้อป่านจริงๆ…แม้แต่เครื่องมือทำมาหากินก็ไม่พกติดตัว”
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้วจั่วเจียจวิ้นจึงควักเหรียญกษาปณ์สามเหรียญออกมาจากในกระเป๋าอย่าง หัวเราะไม่ได้และร้องไห้ไม่ออก เหรียญกษาปณ์สองสามอันนี้ก็เป็นเฉียนหลงทงเป่าในสมัยฮ่องเต้เฉียนหลงทั้งสิ้น
ในยุคนี้พวกที่ชอบใช้วิชาฉีเหมิน เหรียญกษาปณ์ที่ใช้ในการเสี่ยงทายล้วนแต่เป็นเหรียญของเฉียนหลงทงเป่า ตามตำนานเล่าว่ามันสามารถเพิ่มการทำนายให้แม่นยำมากขึ้น แต่ในสายตาของเยี่ยเทียนนั้น กลับเป็นเรื่องที่ไร้สาระทั้งเพ เพราะทุกครั้งที่อาจารย์ปู่ทำนายโชคชะตา ก็ยังไม่รู้เลยว่าฮ่องเต้เฉียนหลงไปเกิดอยู่ที่ไหน
ครั้นแล้วเขาจึงยื่นมือออกไปหยิบเหรียญออกไปหนึ่งอัน จากนั้นเยี่ยเทียนจึงหยิบเหรียญอีกสองอันกับ เหรียญต้าฉีทงเป่ามาวางอยู่ด้วยกัน พลางมองไปที่เหวินหลนสงแล้วพูดว่า “พี่เหวินครับ ผมมีสามอย่างที่ไม่อาจทำนายให้ได้ หนึ่งไม่จริงใจยากที่จะทำนาย สองพูดไม่ชัดเจนยากที่จะทำนาย สามถ้าเคยดูมาแล้วก็จะไม่ทำนายซ้ำ พี่หยิบเหรียญทั้งสามอันแล้วโปรยลงไปบนโต๊ะหกครั้ง พร้อมกับนึกนึกเรื่องที่อยากจะให้ทำนาย!”
ถึงแม้เยี่ยเทียนจะยังหนุ่ม แต่พอทำท่าเคร่งขรึมขึ้นมา ทำให้ไม่อาจปฏิเสธพลังอานุภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวของเขาได้ และจั่วเจียจวิ้นที่นั่งอยู่ถัดไปยังมีความด้อยกว่าเมื่อเทียบเขา
“ครับ ผมจะทำตามที่คุณสั่งครับ!” เหวินหลนสงรับเหรียญมา จากนั้นจึงพูดอย่างนอบน้อม และไม่กล้าเรียกเขาว่าน้องเยี่ยอีก
เยี่ยเทียนพยักหน้า แล้วพูด “ตกลง เริ่มเลยครับ!”
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว เหวินหลนสงจึงหลับตาเล็กน้อย พลางนึกในใจถึงเรื่องที่เขาอยากขอ จากนั้นจึงนำเหรียญที่กุมอยู่ในมือขวาโปรยลงไปบนโต๊ะ
“หยินอ่อนกว้าเปลี่ยนเป็นหยาง อืม คุณทำต่อไปครับ…” เยี่ยเทียนมองดูการคว่ำหงายของเหรียญสองสามอันหนึ่งที แล้วจึงงอนิ้วก้อยข้างช้ายขึ้นมา
“หยินแก่หงายหน้าทั้งสามอัน กว้าไม่เปลี่ยนแปลง โปรยต่อไป…”
“หงายหนึ่งอันคว่ำสองอันคือหยางอ่อน ภายในกว้าเปลี่ยนเป็นหยิน ห้ามหยุด…”
เมื่อเหวินหลนสงโปรยเหรียญที่อยู่ในมือไม่หยุด ปากของเยี่ยเทียนก็กำลังสวดมนต์อยู่ซึ่งเป็นภาษา ที่มีเพียงจั่วเจียจวิ้นเท่านั้นที่ฟังเข้าใจ นิ้วมือทั้งสิบขยับไปมาไม่หยุด จากนั้นข้อมูลทีละอย่างก็แวบผ่านในหัว ของเยี่ยเทียนราวกับการฉายภาพยนตร์
หลังจากรอให้เหวินหลนสงโปรยเหรียญครบทั้งหกครั้งแล้ว เยี่ยเทียนจึงโบกมือเป็นสัญญาณให้เขาหยุดได้ จากนั้นตัวเองจึงหลับตาและเริ่มการทำนาย
ขณะที่มองดูเยี่ยเทียนขยับนิ้วทั้งสิบไม่หยุด ทุกคนที่อยู่ภายในห้องเกือบจะหยุดลมหายใจ เพราะกลัวว่าจะรบกวนสมาธิในการทำนายของเยี่ยเทียน แม้แต่จั่วเจียจวิ้นก็ยังรู้สึกว่าวิชาการ เสี่ยงทายของเยี่ยเทียนนั้นลึกซึ้งยากที่จะคาดเดาได้
ต้องรู้ก่อนว่า หลังจากวิชาเหรียญทองปรากฏในตำราปากว้าแล้ว จะต้องทำนายออกมาตามข้อมูลที่ปรากฏอยู่ ในตำราปากว้า และระหว่างนี้จำเป็นต้องค้นหาหกสิบสี่ข่ายไปด้วย แต่เยี่ยเทียนใช้จิตในการเสี่ยงทายแบบนี้ กลับเป็นสิ่งที่จั่วเจียจวิ้นสู้ไม่ได้
หลังจากผ่านไปสิบนาทีกว่า เยี่ยเทียนจึงลืมตา แล้วพูดว่า “พี่เหวินครับ อย่างแรกพี่ถามเรื่องโชคชะตาและอนาคต สองเรื่องชีวิตครอบครัวและการแต่งงาน ความจริงแล้วทั้งสองอย่างนี้มันเชื่อมต่อกันอยู่แล้วครับ! “
“น้อง…น้องเยี่ย นาย…นายรู้ว่าพี่ถามอะไร?”
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว ดวงตาของเหวินหลนสงจึงปรากฏความตกใจ เพราะตอนที่เขาโปรยออกไป สามครั้งแรกนั้น ในใจของเขากำลังถามเรื่องโชคลาภกับอนาคต และการโปรยสามครั้งหลังเขากำลังถามเรื่องชีวิตการแต่งงาน และเยี่ยเทียนก็พูดตรงไม่ผิดแม้แต่คำเดียว
“อย่างนั้น…อย่างนั้นปรมาจารน์เยี่ยครับ ดวงของผมเป็นยังไงบ้างครับ? ได้โปรดช่วยชี้แนะด้วย!” ตอนที่เหวินหลนสงพูดนั้น เขาได้เปลี่ยนคำเรียกขาน จากน้องเยี่ยกลายเป็นปรมาจารย์แทน ซึ่งเห็นได้ชัดว่า เยี่ยเทียนถูกยกระดับให้สูงเท่ากับ “ปรมาจารย์จั่ว” แล้ว
“พี่เหวินครับ ในเรื่องของความรักพี่จะมีคนมาชอบตลอด และผู้หญิงธรรมดาทั่วไปไม่สามารถเข้ากับพี่ได้ แต่…ผู้หญิงคนนี้ที่พี่กำลังคบอยู่…”
เยี่ยเทียนมองเหวินหลนสงหนึ่งที แล้วจึงถามต่อ “ผู้หญิงคนนี้คางแหลม โหนกแก้มสูงและแก้มตอบใช่ไหมครับ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว สีหน้าของเหวินหลนสงจึงดูเขินอายเล็กน้อย เขามองไปที่เด็กหนุ่มสาวสองสามคน แล้วจึงตอบ “คุณพูดถูกแล้วครับ หน้าตาเธอ…หน้าตาเธอคล้ายกับที่คุณพูดครับ”
“จุดอิ้นถางเป็นริ้วรอย ดั้งจมูกหัก หน้าตาแบบนี้คือดวงกินผัวไม่สามารถมีลูกได้ และยังได้รับความเดือดร้อน จากครอบครัวของเธอ หากอยู่กับเธอ ไม่เพียงแต่คุณจะเสียเงิน แถมยังจะโชคร้ายติดต่อกันไม่หยุด!”
เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าผู้หญิงที่เหวินหลนสงคบอยู่เป็นใคร เพราะสิ่งเหล่านี้คือผลลัพธ์ที่ออกมาจากการทำนายของเขา แต่ในหูของเหวินหลนสงที่ได้ยิน กลับเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ สั่นสะเทือนจนสะดุ้งตกใจ ทำให้ดวงตาของเขา เต็มไปด้วยความหวาดผวา
ตอนนี้คนที่เหวินหลนสงคบอยู่ คือดาราหญิงคนหนึ่งที่โด่งดังมากในฮ่องกง เขารักและชอบเธอมาก แถมยังเลี้ยงดูเธอมาหลายปีแล้ว แค่เพียงคฤหาสน์ก็มอบให้เธอสามหลังแล้ว
เดิมทีก็ไม่มีอะไร เพราะเถ้าแก่เหวินเป็นคนใจกว้างชอบใช้เงินเอาใจผู้หญิงอยู่แล้ว เขาชอบให้คฤหาสน์ มากมายจนเรื่องเป็นธรรมดา แต่ประโยคนั้นของเยี่ยเทียน กลับพูดตรงกับความจริงเรื่องหนึ่ง
ตอนนี้แม่ของดาราหญิงที่เหวินหลนสงเลี้ยงดูอยู่ เป็นคนที่ชอบเล่นการพนันเป็นชีวิตจิตใจ แต่เธอมักจะไม่มีโชค ในการเล่นพนันเลย หลายปีที่ผ่านมาเธอแพ้การพนันไปเกือบร้อยล้านดอลลาร์ฮ่องกงแล้ว และการขาดทุนนี้ ความจริงแล้วคือเหวินหลนสงที่แอบเอาเงินชดเชยให้เธอ
เหวินหลนสงทำเรื่องนี้ด้วยความลับสุดยอด นอกจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์แล้ว ก็ไม่มีคนนอกที่รู้เรื่องนี้ แต่ตอนนี้ถูกเยี่ยเทียนพูดชี้ชัดออกมา จึงทำให้เขาอดเชื่อคำพูดของเยี่ยเทียนอย่างช่วยไม่ได้
เหวินหลนสงไม่คิดว่าต้นเหตุที่เรื่องมากมายไม่ราบรื่นตลอดสองปีที่ผ่านมาจะเป็นเหตุมาจากผู้หญิงคนนั้น? เวลานี้หัวใจของเขาจึงวุ่นวายแล้ว จึงรีบถามไม่หยุด “อย่างนั้น…อย่างนั้นผมควรทำยังไงดีครับ?”
“พี่เหวิน พี่ยังคิดที่จะแต่งงานกับเธอด้วยใช่ไหมครับ?”
เยี่ยเทียนมองดูหนุ่มเจ้าสำราญด้วยความรู้สึกขำอยู่บ้าง พลางพูด “ถ้าไม่ตัดตอนนี้ ก็จะนำมาหายนะมาให้ ภายหลังในเมื่อเธอไม่เหมาะสมกับพี่ เช่นนั้นก็ควรตัดเสียแต่ตอนนี้ แต่พี่เหวินอย่าบอกผมนะครับ ว่าถ้าพี่เลิกกับเธอ แล้วพี่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ อย่างนั้นก็คงจะเป็นเรื่องน่าตลกมากที่สุดในฮ่องกงเลยล่ะครับ!”
“ไม่หรอก ไม่หรอกครับ…”
เหวินหลนสงหัวเราะแห้งขึ้นมากับคำพูดของเยี่ยเทียน ความจริงหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ของเยี่ยเทียนแล้ว ในใจของเขาก็เกิดความคิดที่จะตัดขาดกับผู้หญิงคนนั้นเหมือนกัน เพราะแม่ของผู้หญิงคนนั้นเป็นเหมือนหลุมดำ และสองสามปีที่ผ่านมาเหวินหลนสงก็ได้ลงทุนไปที่ตัวของเธอเกือบหลายร้อยล้านดอลลาร์ฮ่องกงแล้ว
“ส่วนเรื่องโชคลาภของคุณ….” เยี่ยเทียนมองหลิวติงติงและคนอื่นๆ หนึ่งทีแล้วจึงพูด “ติงติง เธอไปนั่งข้างนอกกับเพื่อนของเธอก่อนนะ”
ฉายา “นักซุ่มยิงดาราหญิง” ของเหวินหลนสงกับชื่อเล่น “นักแม่นปืนของตลาดหุ้น” ได้โด่งดังไปพร้อมกัน เยี่ยเทียนไม่กลัวที่จะเปิดเผยประวัติความรักของเขา แต่เรื่องโชคลาภที่เกี่ยวข้องกับเขาที่จะพูดในลำดับต่อไปนี้ ไม่เหมาะที่จะให้คนอื่นได้ยิน
“ค่ะ คุณอา!” หลิวติงติงก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักกาลเทศะ ดังนั้นเธอจึงขานรับทันที จากนั้นจึงเรียกเพื่อนสนิทออกไปจากห้องส่วนตัว
“เยี่ยเทียน โชคชะตาของผมหลังจากนี้ไปอีกสองสามปีจะเป็นยังไงบ้างครับ?” เมื่อเห็นเยี่ยเทียนรีบไล่ หลิวติงติงกับคนอื่นๆ ออกไปด้วยความเคร่งขรึมเช่นนี้ ทำให้ในใจของเหวินหลนสงรู้สึกใจคอไม่ดี
เยี่ยเทียนมองเหวินหลนสงหนึ่งที แล้วจึงพูดเบาๆ “หลังจากนี้ไปอีกสามสิบปีคุณจะราบรื่นทุกอย่าง แต่ตอนที่คุณอายุหกสิบปี จะต้องเจอภัยเรื่องการติดคุก!”
“อะไรนะ?!” เดิมทีเหวินหลนสงอยากจะเทน้ำชาให้เยี่ยเทียน แต่กลับต้องตกตะลึงทันที แล้วพูดอย่างรีบร้อน “เยี่ยเทียน เป็น…เป็นเรื่องจริงเหรอ?”
คนที่ทำให้ครอบครัวเกิดร่ำรวยขึ้น มีใครบ้างที่เป็นคนสะอาดบริสุทธิ์โดยเฉพาะเหวินหลนสง ที่สามารถรวบรวมความมั่งคั่งมากมายได้เพียงระยะเวลาสิบกว่าปี จึงต้องมีเรื่องสกปรกมากมายอยู่ในนั้นด้วย ถ้าหากถูกคนหยิบยกออกมาจริงๆ ก็มากพอที่จะทำให้เขาเข้าไปอยู่ในคุกในสแตนลีย์ได้สองสามปี
เยี่ยเทียนพยักหน้าพลางพูด “คุณร่ำรวยมีวาสนา แต่มันจะลดลงเรื่อยๆ ภายหลังทำการสิ่งใดก็ไม่ค่อยราบรื่น และนิสัยที่วู่วามเกินไปของคุณ พอแก่ตัวไปไม่รู้จักซ่อนเร้นความสามารถ จึงเป็นต้นเหตุของภัยพิบัติได้เช่นกัน”
“พอ…พอจะมีวิธีแก้ไหมครับ?”
เหวินหลนสงก็รู้นิสัยของตัวเองดี ถึงแม้เขาจะมีความกระตือรือร้นในเรื่องสาธารณประโยชน์และชอบช่วยเหลือผู้อื่น จึงมีเพื่อนในวงการเยอะมาก แต่ก็ชอบทำตัวเป็นจุดเด่นในขณะเดียวกันเวลาทำอะไร จึงไม่รู้จักบันยะบันยัง และเคยผิดใจกับคนอื่นไม่น้อย
“แก้ไข? ก็ไม่ยากอะไรครับ…”
เยี่ยเทียนมองสีหน้าที่ร้อนใจของเหวินหลนสง แล้วจึงหยิบแก้วเทน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะ จากนั้นจึงเอานิ้วจุ่มลงไป แล้วเขียนตัวหนังสือออกมาหนึ่งคำ
“หมิ่น ?!” หลังจากเหวินหลนสงดูตัวหนังสือแล้ว เขาจึงถามแบบงงๆ “ปร…ปรมาจารย์เยี่ย ตัว…ตัวหนังสือนี้ เกี่ยวอะไรกับผมครับ?”
“คุณรู้ไหมว่าคำนี้อ่านยังไง?” เยี่ยเทียนถาม
เหวินหลนสงพูดงงๆ อย่างบอกไม่ถูก “รู้ครับ อ่านว่า หมิ่น ทำไมเหรอครับ?”
เยี่ยเทียนหัวเราะ แล้วจึงถามต่อ “แล้วคุณรู้ถึงความหมายของคำนี้ไหมครับ?”
“อันนี้…ไม่รู้จริงๆ ครับ” เหวินหลนสงได้ยินแล้วจึงส่ายหน้า เพราะตัวอักษรจีนมีความกว้างขวางและลึกซึ้งมาก ทุกตัวมีความหมายได้หลายอย่าง ถึงแม้เหวินหลนสงจะอ่านและเขียนได้ แต่ก็ไม่รู้ความหมายของมันจริงๆ
“หมิ่น คำนี้ แสดงถึงฌาปนกิจ เหมือนกับคำว่าหมิ่น และยังอธิบายถึงความสงสารเวทนาได้ ดังนั้นคำนี้จึงบ่งบอกถึงลางที่ไม่ดี!”
เยี่ยเทียนก็ไม่ได้ทำให้เหวินหลนสงลำบากใจ และจึงอธิบายให้เขาฟังว่า “คุณแซ่เหวิน เหวินบวกกับเหมิน กลายเป็นหมิ่น คุณเป็นคนดวงดีมาก สามารถหลีกเลี่ยงโชคชะตาเหล่านี้ได้ แต่เมื่อแก่ตัวไปโชคลาภก็เสื่อมทรุดลง ถ้าหากฝ่าฝืนข้อห้ามเหล่านี้ ก็จะทำให้คุณเจอแต่ปัญหารุมเร้า!”
“ปร…ปรมาจารย์เยี่ย ท่านสามารถพูดให้เข้าใจกว่านี้ได้ไหมครับ? ผมต้องเข้าออกประตูทุกวัน คงไม่ต้องถึงกับรื้อถอนประตูใช่ไหมครับ?”
เวลานี้เหวินหลนสงเชื่อในคำพูดของเยี่ยนเทียนอย่างไม่มีข้อกังขา แต่เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะหลบคำว่าประตูนี้ได้อย่างไร เพราะมันเกี่ยวข้องกับการพักผ่อนของชีวิตของเขา
เยี่ยเทียนส่ายหน้า แล้วพูด “การเข้าออกประตูในบ้านเป็นเรื่องปกติ แต่เราสามารถเชิญเทพประจำประตูได้ ประตูที่ผมพูด ไม่ใช่ประตูนี้ครับ”
“นั่น…นั่นคือประตูอะไรครับ?”
เหวินหลนสงได้ยินแล้วจึงเกาหัวแกรกๆ เพราะอาจารย์ที่ดูดวงพวกนี้ชอบพูดจาปิดบังอำพราง ทำให้คนคิดเท่าไรก็ไม่เข้าใจ
……