“พี่เหวิน ลิขิตสวรรค์ไม่อาจแพร่งพราย หากแพร่งพรายย่อมต้องรับโทษจากสวรรค์ ผมพูดเพียงพอแล้ว พี่ไตร่ตรองให้ละเอียดอีกหน่อยเถอะ…” เยี่ยเทียนส่ายหน้า แต่กลับไม่ตอบไปตรงๆ
คนทั่วไปล้วนคิดว่าที่หมอดูทำนายดวงชะตาบอกว่าลิขิตสวรรค์ไม่อาจแพร่งพราย เป็นเพียงคำหลอกลวงลูกค้า ความจริงไม่ใช่เช่นนั้น พูดมากไปหรือน้อยไปหนึ่งประโยค ล้วนส่งผลกระทบต่อหมอดูได้ทั้งสิ้น
ชะตาคนหนึ่งชีวิต ล้วนมีร่องรอยให้ติดตาม มีตาข่ายขนาดใหญ่ไร้รูปร่างคอยควบคุมการเกิดแก่เจ็บตาย สิ่งที่หมอดูกระทำ ก็คือท่องไปยังขอบเขตของตาข่ายยักษ์นี้ กระทำการตรงเส้นขอบ แต่ทว่าน้อยคนนักจะกล้าล้ำขอบเขต
ที่เยี่ยเทียนฝืนลิขิตพลิกชะตาให้หลี่ซั่นหยวนในอดีต คือการล้ำขอบเขตตาข่ายที่ว่า ผลที่ตามมาไม่จำเป็นต้องกล่าวซ้ำ อายุขัยลดลงไปสิบปีในทันใด
ถึงแม้การรับผลย้อนกลับจากการฝืนลิขิตพลิกชะตาและเผยลิขิตสวรรค์จะแตกต่างราวฟ้ากับดิน แต่ความสัมพันธ์ ระหว่างนักพรตเต๋าและลูกศิษย์นั้นล้ำลึก เยี่ยเทียนจึงยอมรับผลที่ตามมา
แต่ว่าเยี่ยเทียนกับเหวินหลวนสงไม่ใช่ญาติหรือเพื่อนสนิท กลับไม่จำเป็นต้องสละพลังชีวิต บั่นทอนอายุขัยของตนเอง ความสูญเสียนี้ถึงแม้จะเพียงน้อยนิด แต่เมื่อสะสมมากแล้วเยี่ยเทียนเองก็ยากจะทนรับไหว
ที่เยี่ยเทียนไม่ยอมบอกให้ชัดเจน ทำให้เหวินหลวนสงรู้สึกแย่จริงจัง กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าขมขื่น “นี่…นี่มันหมายความว่าอะไรกัน?”
เห็นเหวินหลวนสงเป็นอย่างนั้น จั่วเจียจวิ้นจึงยิ้ม กล่าวอย่างอ้อมๆ “อาสง อย่าซื่อบื้อนักเลย ลองหนีไปจากฮ่องกงดูสิ!”
เมื่อครู่เยี่ยเทียนไม่เพียงใช้วิชาทำนายเหรียญทองแดง ภายในยังมีความรู้เรื่องการอธิบายความหมาย จั่วเจียจวิ้นรู้ซึ้งถึงหลักเสี่ยงทายทายทัก เมื่อปราดตาก็มองออกถึงความหมายที่เยี่ยเทียนต้องการจะสื่อ
“หนีออกไปจากฮ่องกงดู?”
ความคิดของเหวินหลวนสง พลันกระจ่างขึ้นมา ร้องขึ้นว่า “ท่าน……ท่านปรมาจารย์เยี่ยเทียน หรือ……หรือท่านจะบอกว่าหลังจากนี้ ผมไม่สามารถไปอ้าวเหมิน?”
เยี่ยเทียนพยักหน้า เหวินหลวนสงคาดเดาได้เอง จึงไม่นับว่าเป็นการเผยลิขิตสวรรค์อีกแล้ว กล่าวขึ้นทันที “ธาตุทั้งห้าของคุณขาดดิน เดิมทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่เหมาะสม แต่ว่าธาตุเหล็กของคุณพุ่งสูง เชื่อว่าด้วยการเปิดทางของธาตุเหล็ก จะดึงดูดปัญหาในอนาคตเข้ามาไม่รู้จบ สถานที่นั้น เกี่ยวข้องให้น้อยที่สุดเถอะ”
“ท่าน…ท่านปรมาจารย์เยี่ยเทียน ท่าน…ท่านรู้ได้อย่างไรว่าผมทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์?”
คำพูดของเยี่ยเทียนทำให้สีหน้าของเหวินหลวนสงขาดสีเลือด กระทั่งเมื่อครู่ตอนพูดถึงดาราสาวคนนั้น สีหน้าของเขายังไม่ซีดเผือดเท่านี้
ที่สำคัญ ตั้งแต่การเริ่มต้นของวิกฤตทางเศรษฐกิจในยุโรปเมื่อปี 97 เหวินหลวนสงก็มีความคิดถอนตัวออกจาก ตลาดหุ้นอย่างช้าๆ แต่ว่าคนอย่างเขา ไม่มีทางยอมอยู่อย่างสมถะ หากจะออกจากตลาดหุ้น เขาต้องหาเวทีที่ สามารถทำให้มูลค่าของเขาเป็นรูปเป็นร่างได้
หลังจากคิดทบทวนอยู่หลายตลบ สายตาของเหวินหลวนสงก็พุ่งมาทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ ฉวยโอกาสความหวาดกลัวในใจจากการกลับไปของชาวฮ่องกงในปี 97 เหวินหลวนสงจึงปล่อยขาย และดึงดูดอสังหาริมทรัพย์ราคาต่ำติดต่อกันจำนวนไม่น้อย
แต่ว่าอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงได้ถูกพลังมหาเศรษฐีผู้มีอิทธิพลหลายคนแบ่งส่วนกันไปแล้ว บวกกับที่ดินขาดแคลนในฮ่องกง จะคิดขยับขยายให้ใหญ่ขึ้นยังค่อนข้างลำบาก ดังนั้นความคิดของเหวินหลวนสง จึงจรดลงยังอ้าวเหมิน
อ้าวเหมินกับฮ่องกงแยกจากกันด้วยสายน้ำ ระยะห่างจากกันเพียงหกสิบกิโลเมตร ที่สำคัญการเติบโต ของอ้าวเหมินคือธุรกิจการพนันและการโรงแรม แต่นั่นกลับไม่น่าสนใจนัก
ประเด็นอีกอย่างก็คือ ความหนาแน่นของประชากรอ้าวเหมินไม่เทียบเท่าฮ่องกง จึงคว้าที่ดินได้ง่ายกว่าฮ่องกงมาก ดังนั้นความคิดภายในใจของเหวินหลวนสงจึงก้าวเข้าไปยังอ้าวเหมินแล้ว
แต่ในปัจจุบัน นี่เป็นเพียงความคิดภายในใจของเหวินหลวนสง เขาเองก็ยังไม่เคยปรึกษากับใคร กระทั่งเพื่อนเก่าคบหากันหลายปีหรือลูกน้องที่เชื่อใจก็ยังไม่มีใครรู้
ตอนนี้ความคิดนี้กลับถูกเยี่ยเทียนเปิดเผยในคำพูดเดียว เหวินหลวนสงรู้สึกราวกับตนเองยืนเปลือยกาย ต่อหน้าเยี่ยเทียน ยิ่งเหนือไปกว่าความอับอายนั้นคือความหวาดหวั่น
“พี่เหวิน ทุกอย่างล้วนเป็นแผนภาพกว้าแสดงออกมาเท่านั้น พี่อย่าได้คิดมาก…” เห็นอารมณ์ของเหวินหลวนสง เยี่ยเทียนก็พอจะเดาความคิดของเขาออก ไม่มีใครหรอกที่เวลาความคิดภายในใจของตน ถูกเปิดเผยออกมา แล้วจะสามารถทำใจให้สงบ
“กระผมจะจดจำด้วยความเคารพ ขอบคุณปรมาจารย์เยี่ย!”
หลังจากได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยเทียน เหวินหลวนสงก็ยืนขึ้นโค้งคำนับเยี่ยเทียนด้วยความเคารพ ถึงแม้เรื่องที่เขาเข้าคุกจะยังไม่เกิดขึ้น แต่คำพูดของเยี่ยเทียนกลับทำให้ตัวเขาสามารถหลีกเลี่ยงได้ล่วงหน้า
เหวินหลวนสงไม่รู้ว่า ถ้าหากไม่มีการทำนายครั้งนี้ของเยี่ยเทียน หนึ่งปีให้หลังเขาอาจก้าวเข้าไปยังธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ที่อ้าวเหมิน และเพื่อคว้าที่ดินผืนหนึ่ง เขาอาจจะใช้เงินทองเบิกทาง กดดันผู้มีอำนาจที่แท้จริ งผู้หนึ่งในอ้าวเหมิน
หลังจากนั้นสิบปีต่อมาธุรกิจของเขาจะดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่ว่าเมื่อถึงอายุหกสิบปี บัญชีเก่าพวกนี้ล้วนจะถูก พลิกออกมา แล้วเหวินหลวนสงจะยากหนีพ้นหายนะจากการถูกจองจำ
ด้วยการชี้แนะของเยี่ยเทียน เส้นทางชะตาชีวิตของเหวินหลวนสงเองก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ภายหลังมหาเศรษฐีชาวจีนผู้นี้จะยังคงใช้ชีวิตอย่างมั่งคั่งรุ่งเรืองต่อไป บั้นปลายจะสามารถถอนตัวออกมา แน่นอนว่า เรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องภายหลัง
“เอาเถอะ พี่เหวิน อย่าเรียกว่าปรมาจารย์เยี่ยเลย เรียกผมว่าเยี่ยเทียนเถอะ ว่าไปแล้วผมยังติดค้างพี่อยู่……”
เห็นบรรยากาศภายในห้องรับรองค่อนข้างหนักอึ้ง เยี่ยเทียนจึงนำชิ้นหยกนั้นออกมา ยิ้มกล่าว “วันนี้ทำนายให้พี่แล้ว ภายหลังเจียระไนหยกชิ้นนี้ออกมาจะไม่แบ่งกับพี่ล่ะ!”
ความผันผวนในตลาดหุ้นใหญ่หลวง อีกทั้งการทำนายดวงชะตาให้คนในตลาดหุ้น ก็สูญเสียพลังกาย มากกว่าคนทั่วไป เมื่อครู่เยี่ยเทียนเองก็ใช้สมองสืบทอดสับเปลี่ยนพลังชีวิตไปไม่น้อย จึงสามารถพูดเช่นนี้ออกมาได้
“ที่ไหนกันล่ะ วันนี้น้องเยี่ยชี้แนะให้พี่ตั้งหลายครั้ง เป็นพี่สมองช้าไม่เข้าใจเองต่างหาก!”
เหวินหลวนสงได้ยินแล้วก็หัวเราะแห้งออกมา เยี่ยเทียนพูดอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาจะต้องสูญเสียเงินทุน แต่ตนไม่เชื่อในคำทำนายเอง นำหยกชั้นดีชิ้นนี้ถวายให้ ก็เหมาะสมแก่เยี่ยเทียนแล้ว
“หึ ๆ พี่เหวินอยู่กลางหมากโดยไม่รู้ตัวเท่านั้น เอาเถอะ ผมไม่พูดแล้วล่ะ”
เยี่ยเทียนยิ้มออกมา นำหยกชิ้นนั้นยื่นส่งให้กับจั่วเจียจวิ้น กล่าวว่า “ศิษย์พี่ ก่อนหน้านี้ผมศึกษาทักษะการเจียระไน จากอาจารย์มาบ้าง แต่ไม่สามารถทำกำไลได้ ผมอยากให้พี่ช่วยนำวัตถุดิบชิ้นนี้แกะเป็นกำไลสองวง ส่วนที่เหลือเจียระไน เป็นสิ่งของชิ้นเล็ก ๆ สักหน่อย พี่เห็นว่าเป็นยังไง?”
เยี่ยเทียนใช่ว่าจะไม่สามารถแกะหยกชิ้นนี้มาเป็นกำไลได้จริง ๆ เพียงแต่เขาไม่มีอุปกรณ์อยู่กับมือเท่านั้น และยังไม่สามารถขัดกำไลด้วย หากให้เขาทำ เกรงว่าจะทำหยกชิ้นนี้เสียของไปอย่างน้อยหนึ่งในสาม
“ตกลง เรื่องนี้ยกให้ศิษย์พี่จัดการเถอะ จะต้องนำวัตถุดิบชิ้นนี้ไปใช้ประโยชน์ได้มากที่สุดอย่างแน่นอน”
จั่วเจียจวิ้นตกปากรับคำเป็นมั่นเหมาะแล้ว ด้วยความสัมพันธ์ของเขากับเยี่ยเทียน ถึงเวลานั้นนำกำไลหยกจักรพรรดิ ที่เจียระไนเสร็จแล้ววางไว้ในร้านสักสองสามวัน จะต้องทำให้ร้านเครื่องประดับของเขามีชื่อเสียงโด่งดังแน่
“งั้นต้องขอบคุณศิษย์พี่แล้ว” เยี่ยเทียนพยักหน้า
“เอาล่ะ พวกนายนั่งกันไปก่อน ฉันจะเรียกติงติงเข้ามากินข้าวล่ะ!” หยิบหยกยืนขึ้นมาแล้ว ปรมาจารย์จั่ว ยังจะมีความคิดอะไรแสดงให้เพื่อนร่วมวงการดูอีกหรือ?
หลังจั่วเจียจวิ้นออกไปแล้ว เหวินหลวนสงพลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมา กล่าวว่า “จริงสิ เยี่ยเทียน พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงที่บ้านฉัน อยากเชิญนายไปร่วมหน่อย ไม่รู้ว่านายพอมีเวลาบ้างไหม?”
เมื่อครู่ได้ยินจั่วเจียจวิ้นบอกว่าความสามารถของเยี่ยเทียนเก่งกาจกว่าเขา เหวินหลวนสงยังนึกว่าจั่วเจียจวิ้นถ่อมตน แต่หลังจากการทำนายทายทักเรื่องเมื่อครู่ ในใจเถ้าแก่เหวินเทิดทูนเยี่ยเทียนเสมือนเทพไปแล้ว
จั่วเจียจวิ้นในฐานะนักพรตเต๋า ต่างรักษาสัมพันธ์อันดีต่อใคร ๆ ทว่าก็ยากจะเข้าใกล้ เหวินหลวนสงจึงขบคิดว่าจะตีสนิทกับเยี่ยเทียนสักหน่อย ภายหลังเมื่อเจอปัญหาจะได้ขอร้องอีกฝ่ายสะดวกขึ้น
“งานเลี้ยง?”
เยี่ยเทียนได้ยินแล้วตกใจเล็กน้อย ยิ้มแห้งตอบ “พี่เหวิน ขอผ่านก่อนเถอะครับ ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ อีกอย่าง ผมอยู่ฮ่องกงยังไม่รู้จักใครเท่าไหร่ ไปก็คงไม่สนุก”
เยี่ยเทียนหวนคิดดูเล็กน้อย เหมือนว่าครั้งนั้นตนเองไปร่วมงานเลี้ยงอะไรสักอย่างแล้วมักก่อให้เกิดปัญหา ดังนั้นหลังจากไปงานประมูลเพื่อการกุศลของสถานีโทรทัศน์กลางครั้งนั้นแล้ว เยี่ยเทียนก็น้อยนักที่จะปรากฏตัว ในโอกาสที่มีผู้คนสาธารณะมากมายอย่างนั้น
“ไม่เอาน่า เยี่ยเทียน งานเลี้ยงนี้น่าสนใจมากนะ มีแต่คนหนุ่มสาวล้วน ๆ”
พูดถึงตรงนี้ เหวินหลวนสงก็พลันสบสายตากับเยี่ยเทียน ยิ้มกล่าว “งานเลี้ยงครั้งนี้มีดาราฮ่องกงไต้หวันมามากมาย ฉันเองยังเชิญดาราแผ่นดินใหญ่มาหลายคน แล้วยังเป็นแถวหน้ากันทั้งนั้นด้วย นายไม่คิดทำความรู้จักสักหน่อยเหรอ?”
เหวินหลวนสงคิดดูแล้ว เยี่ยเทียนแม้จะมีความสามารถแค่ไหน อย่างไรก็ยังเป็นคนหนุ่มสาว ต้องมีความชื่นชอบ ดาราไม่มากก็น้อย พรุ่งนี้ขอเพียงเขาถูกใจดาราสาวคนไหนสักคน แล้วตกกลางคืนตนเองจะให้ดารา คนนั้นไปถึงในห้อง ของเยี่ยเทียน
“อันนี้……”
ได้ยินเหวินหลวนสงพูดอย่างนี้ เยี่ยเทียนยังรู้สึกใจเต้นขึ้นมาจริงๆ ในฐานะคนยุคนี้ที่เติบโตมากับการดูหนัง ฮ่องกงแต่เล็ก เยี่ยเทียนรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อนักแสดงชาวจีนผู้โด่งดังเหล่านั้นเป็นอย่างมาก แต่ว่าเขากลับไม่ได้คิดสกปรก อย่างที่เหวินหลวนสงคิด
แต่เมื่อนึกถึงเคราะห์ร้ายเมื่อตนเองเข้าร่วมงานเลี้ยงนั้น เยี่ยเทียนก็ยังคงส่ายหน้ากล่าว “ไม่ไปล่ะครับ พรุ่งนี้อาจจะต้องพบกับคุณนายกง”
เยี่ยเทียนเคยรับปากว่าจะช่วยเธอตามหาโครงกระดูกของสามี ตอนนี้ธุระของตนเองจัดการเรียบร้อยแล้ว ช่วยหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นสะสางเรื่องนี้เร็วหน่อย จะได้ถือเป็นการทำบุญทำกุศล
“คุณนายกง? กงเสี่ยวเสี่ยว?” เหวินหลวนสงตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมา เรื่องการหายตัวไปของ สามีกงเสี่ยวเสี่ยวนั้นสามารถพูดได้ว่าคนเดินถนนต่างล่วงรู้กันหมด
เหวินหลวนสงยังคงไม่ยอมตัดใจ ชักชวนต่อ “เยี่ยเทียน อย่างไรเสียนายยังต้องหยุดอยู่ที่ฮ่องกงอีกหลายวัน พรุ่งนี้ไม่ไปร่วมงานเลี้ยงจะน่าเสียดายจริงๆ นะ คนหนุ่มสาวรู้จักคบหาเพื่อนมากหน่อยอย่างไรก็เป็นเรื่องดี”
งานเลี้ยงของวันพรุ่งนี้นั้นความจริงเป็นเหวินหลวนสงเป็นสปอนเซอร์จัดขึ้น ในนามเพื่อเฉลิมฉลองงานวันเกิด ให้แก่หญิงสาวคนสนิท ถึงเวลานั้นนอกจากจะมีญาติมิตรบางส่วนมาแล้ว นักแสดงภาพยนตร์ฮ่องกงมากมายก็จะมาที่งานด้วย ภายในงานนั้นยังรวมไปถึงกระทั่งเจ้าของบริษัทภาพยนตร์ฮ่องกงอีกหลายแห่ง
“อาเหวิน คบหาเพื่อนคนไหนเหรอคะ?” ขณะที่เหวินหลวนสงกำลังโน้มน้าวเยี่ยเทียน ประตูห้องรับรองก็ถูกหลิวติงติง ผลักเปิดออก ได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายพอดี
เห็นหลิวติงติงเข้ามา เหวินหลวนสงก็ตกอกตกใจ กล่าวว่า “ติงติง พรุ่งนี้ภายในบ้านอาเหวินจะจัดงานเลี้ยง เชิญเพื่อนในวงการบันเทิงมาบางส่วน เธออยากมาเที่ยวหรือเปล่าล่ะ?”
……….