หมอดูยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 180

หูจวิน

“ตรงนี้ต้องตั้งไฟส่องทาง สูงไม่เกินร้อยแปดสิบเซน เอ่อ ทำทั้งแถวนี่เลย ใช่แล้ว หวังกง ตรงนี้สร้างบันไดหกขั้น ใช่ หกขั้น จดไว้นะ ยังมีตรงนี้ต้อง…”

ผ่านไปแล้วสามวันนักพรตทำพิธีเสร็จเรียบร้อยคณะคนงานของเว่ยหงจวินก็เริ่มเข้ามาทำงานในเรือนสี่ประสานของเยี่ยเทียนอย่างจริงจัง โดยปรับปรุงตามที่เขาออกแบบไว้

จากที่เคยเป็นบ้านผีสิง หลังจากผ่านพิธีไล่เทียนที่เยี่ยเทียนประกาศออกไป ตอนนี้ทุกคนค่อยๆลืมมันไป อีกทั้งเสียงร้องไห้ที่ดังออกมาจากในตัวบ้านแห่งนี้ก็หายไป ทุกคนต่างก็เชื่อว่าผีร้ายถูกนักพรตขับไล่ไปหมดแล้ว

ผู้อาศัยที่ย้ายออกก็คิดอยากย้ายกลับเข้ามาอยู่ แต่ก็พบว่าบ้านพักที่เคยอาศัยนั้น แม้แต่ผนังห้องยังถูกขูดไปหมดแล้ว ไม่สามารถพักอาศัยได้อีกต่อไป

เยี่ยเทียนก็ไม่ได้เกรงใจนัก กีดกันทั้งคนทั้งข้าวของเครื่องใช้ไว้หน้าบ้าน ไม่ให้เข้ามา พร้อมกับโทรแจ้งตำรวจ

ผู้กำกับอู๋รับเรื่องอย่างรวดเร็ว วิธีจัดการนั้นง่ายดาย ถ้าผู้อาศัยคนไหนบุกรุกสถานที่ส่วนบุคคล เขาจะจับกลับไปทันที การเป็นผู้กำกับการตำรวจในท้องที่นี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถจัดการเรื่องชาวบ้านได้สะดวกง่ายดายที่สุด

แต่ผู้กำกับอู๋ยังยึดถือตามกฎหมาย ตอนนั้นไม่มีคนบังคับให้พวกคุณย้ายบ้าน พอย้ายออกไปแล้วตอนนี้               บ้านหลังนี้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกคุณอีก การบุกรุกบ้านของคนอื่นถือเป็นความผิดตามกฎหมาย

ด้วยความที่ทำอะไรไม่ได้แล้ว ผู้อาศัยพวกนั้นได้แต่จากไปด้วยความไม่พอใจเรื่องนี้เกิดจากความไม่มีเหตุผลของพวกเขาเอง เรื่องผีผ่านไปเร็วกว่ากระต่ายวิ่ง คนอื่นเชิญนักพรตมาไล่ผีแล้วก็อยากจะย้ายกลับมาอยู่ฟรี ในโลกนี้มีของราคาถูกอย่างนี้ที่ไหน?

“ประธานเยี่ย ถ้าจะสร้างเรือนใหม่ตามความต้องการของคุณ น่าจะต้องใช้เงินประมาณหกแสนถึงหนึ่งล้านหยวน คุณว่ายังไง?”

หวังกงเป็นหัวหน้าวิศวกรในบริษัทของเว่ยหงจวิน ปกติรับงานซ่อมแซมปรับปรุงบ้านเก่า ตอนนี้ถูกเว่ยหงจวินเรียกตัวมาเพื่อช่วยเยี่ยเทียนปรับปรุงเรือนสี่ประสานหลังใหม่

“ต้องใช้มากขนาดนั้นเลย?”

เยี่ยเทียนได้ฟังจำนวนก็อึ้งไป ตอนนี้เขามีเงินเหลืออยู่เพียงสองแสนกว่าเท่านั้น ตอนแรกตั้งใจแค่ว่าจะซ่อมแซมนิดหน่อยเท่านั้น เงินน่าจะพออยู่ ไม่คิดว่าจำนวนที่หวังกงคำนวณออกมา ทำให้เงินที่มีอยู่นั้นไม่เพียงพอ

“ประธานเยี่ย ดูสิ เสาแท่งนี้สนิมขึ้นจนจะพังอยู่แล้ว แล้วก็ผนังนั่น ถึงจะใช้อิฐอย่างดี แต่ แต่ก็ไม่อาจต้านทานคนที่ฝึกวิชาหมัดมวยทุกวันได้ ยังมีตรงนี้ ถ้าเป็นห้องครัวคงจะก่อไฟเผาหลังคาได้แล้ว ต้องสร้างใหม่ทั้งหมด…”

หวังกงฟังเยี่ยเทียนถามจบ ก็ลากเยี่ยเทียนไปดูรอบบ้าน พอวนดูเสร็จเยี่ยเทียนถึงกับเหงื่อซึม เขาไม่เคยคาดการณ์ถึงความเสียหายที่ผู้อาศัยได้สร้างไว้ มันมากมายจนน่าตกใจ?

มีห้องถึงเจ็ดห้องที่ใช้ทำเป็นห้องเก็บของ ตอนนี้กลายเป็นห้องผุพัง ไหนจะยังห้องครัวที่มีแต่คราบน้ำมัน กรงอิฐที่เคยเลี้ยงเป็ดไก่ อาคารสองหลังด้านหน้าคงต้องสร้างใหม่เกินครึ่ง

การตกแต่งซ่อมแซมกับการสร้างบ้านนั้นไม่เหมือนกัน เรือนสี่ประสานของเยี่ยเทียนถือเป็นบ้านแบบโบราณ ถ้าจะซ่อมแซมต่อเติมต้องเป็นไปตามข้อกำหนด จำนวนเงินที่หวังกงเสนอราคา ถือว่าใจดีมากแล้ว

“เอาเถอะ หวังกง ฉันโอนเงินสามแสนให้คุณก่อน พวกคุณเริ่มงานได้เลย เงินที่เหลือผมจะจ่ายให้ตามใบสัญญา…”

เงินเจ็ดแสนก็จ่ายออกไปแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะหยุดอยู่เพียงแค่นี้ บ้านหลังนี้ต่อไปจะมีความสำคัญต่อการช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บจากการฝืนชะตาขัดลิขิตสวรรค์ และเขาจะไม่ยอมถอดใจแน่

ยังดีที่การชำระค่าก่อสร้างนั้นสามารถแบ่งจ่ายได้หลายครั้ง เงินก้อนแรกเยี่ยเทียนพอมีให้ได้ ส่วนที่เหลือเยี่ยเทียนก็ไม่ได้กังวลมาก ถ้าไม่ได้จริงๆก็คงขายเครื่องรางของขลังสักชิ้น คนเรายังไงก็ต้องหาทางออกจนได้นั่นแหละ

ส่วนเรื่องที่เว่ยหงจวินไม่คิดค่าแรงงานนั้น เยี่ยเทียนไม่เคยนับเลยว่าเขาติดหนี้น้ำใจเว่ยหงจวินไปแล้วเท่าไหร่ เกรงว่าต่อไปถ้าเว่ยหงจวินจะให้เขาช่วยทำอะไรที่ไม่อยากทำ เขาน่าจะปฏิเสธยากแล้ว

“ใช่แล้ว หวังกง ผมได้ทำเครื่องหมายลงบนกระดาษ คุณต้องทำตามที่ผมต้องการอย่างเคร่งครัด ถ้างานไม่ผ่านผมไม่จ่ายเงิน หืม?เสียงอะไร?”

ตอนที่กำลังเจรจาการสร้างศูนย์กลางค่ายกลของเขากับหวังกงอยู่นั้น เยี่ยเทียนอยู่ๆก็ได้ยินเสียงไวโอลินลอยมา จึงนิ่งค้างอยู่

“อะแฮ่ม ผู้อำนวยการเยี่ย มือถือของคุณดัง” หวังกงกลั้นหัวเราะ ชี้ไปที่กระเป๋าชุดฝึกวิชาของเยี่ยเทียน

“เฮ้อ ผมลืมสนิท หวังกง คุณรอสักครู่ ผมรับโทรศัพท์หน่อย…”

เยี่ยเทียนยิ้มแก้เก้อ เขาซื้อโทรศัพท์มือถือมา ทุกทีจะโยนไว้ที่บ้าน ถ้าไม่ใช่ชิงหย่าบังคับให้เขาพกมาด้วย ยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้เสียงโทรศัพท์จะไปดังอยู่มุมไหนของบ้าน

“ฮัลโหล ใครครับ?” เยี่ยเทียนไม่ถึงกับใช้มือถือไม่เป็น แต่เบอร์ที่ขึ้นอยู่นั้นไม่คุ้นเลย

“เยี่ยเทียน?ฉันคือพี่เกา ทำไมรึ ข้าวเที่ยงกินไปรึยัง?”

เสียงของเกาเฉียนจิ้นดังลอดออกมาจากหูโทรศัพท์ พี่ชายคนนี้ถึงจะไปเรียนต่างประเทศหลายปี แต่เนื้อในยังเป็นคนปักกิ่งแท้ อ้าปากถามได้ก็ถามว่ากินข้าวรึยัง?”

เพิ่งกินไปนิดหน่อย พี่เกา พี่กินรึยัง?” เยี่ยเทียนคุ้นชินกับสำนวนคำทักทายของคนปักกิ่ง ตัวเขาเองก็ค่อยๆเหมือนคนปักกิ่งเข้าไปทุกที

ทั้งสองคุยกันอีกสองสามประโยคแล้วอยู่ๆเกาเฉียนจิ้นก็พูดขึ้นมาว่า “เยี่ยเทียน ช่วงก่อนที่คุยกับเธอเรื่องอาจารย์ท่านนั้นน่ะมาแล้ว ฉันเพิ่งจัดการพาท่านไปพักที่โรงแรม เธอ…อยากจะพบหน่อยไหม?”

“พี่หมายถึงอาจารย์หลัวจื้อ?”

เยี่ยเทียนช่วงก่อนหน้านี้มัวแต่ยุ่งเรื่องหลอกผีจนไม่เป็นอันทำอย่างอื่น แล้วก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท

“ใช่ อาจารย์หลัว อีกคนที่มากับอาจารย์ด้วยคือท่านผู้เฒ่าถัง”

เกาเฉียนจิ้นเคยคุยโม้กับถังเหวินหยวนไว้มากมาย พูดว่าสามารถหาคนที่ขายเครื่องรางคนนั้นมาให้ได้ ด้วยความกลัวว่าเยี่ยเทียนจะไม่มา จึงเซ้าซี้ต่อว่า “น้องเยี่ย อาจารย์หลัวอยู่ในประเทศจีนแค่วันนี้วันเดียว ถ้าเธอไม่มาพบท่านวันนี้ ครั้งหน้ายังไม่รู้จะมีโอากาสอีกไหม…”

“เฮ้อ เทพเจ้าแห่งความร่ำรวยมาแล้ว?ถ้างั้นก็ต้องไปสิ!” ได้ฟังว่าถังเหวินหยวนก็มาถึงประเทศจีนแล้ว เยี่ยเทียนยิ่งสนใจมาก ในสายตาของเยี่ยเทียนผู้เฒ่าถังคนนั้นเหมือนกับอ่างเงินอ่างทองสำหรับเขาทีเดียว

หลังจากที่เคยได้ฟังเกาเฉียนจิ้นกล่าวถึงความเก่งกาจเหนือชั้นอาจารย์หลัวแล้ว เยี่ยเทียนก็รู้สึกแปลกใจ ฝ่ายตรงข้ามยิ่งเซ้าซี้จึงตอบว่า “พี่บอกสถานที่มาเลย เดี๋ยวผมเรียกรถไปเอง…”

“โรงแรมXXXห้อง666 ช่างเถอะ เธอมาถึงกี่โมง ฉันไปรับเธอดีกว่า…”

เกาเฉียนจิ้นบอกเลขห้อง นี่เป็นไปตามความต้องการของอาจารย์หลัวดังนั้นคุณชายเกาจึงจัดการ จองโรงแรมห้าดาวล่วงหน้าไว้ก่อนหลายวัน

“ประมาณครึ่งชั่วโมง…”

เยี่ยเทียนดูเวลาบนมือถือ หลังจากวางสายแล้ว ก็รู้สึกผิดต่อหวังกงจึงพูดว่า “ต้องขอโทษจริงๆ เพื่อนผมมีธุระด่วน ที่นี่ต้องฝากให้คุณช่วยดูแลต่อ…”

สิ่งที่เยี่ยเทียนต้องการก็ได้บอกกล่าวหมดแล้วอย่างชัดเจน เพียงแต่ค่ายกลนั้นยุ่งยากซับซ้อนเกินไป สิ่งก่อสร้างทุกอย่างจะผิดตำแหน่งไปไม่ได้แม้แต่เซนเดียว ถ้าไม่ใช่เกาเฉียนจิ้นโทรศัพท์มา เขาจะต้องอยู่ดูการก่อสร้างเอง

แน่นอนว่างานก่อสร้างไม่ได้เสร็จในวันเดียว ไปหาเกาเฉียนจิ้นหาเงินได้นิดหน่อยก็ไม่เลวเหมือนกัน เงินค่าก่อสร้างที่ยังขาดอยู่พอดี

“เยี่ยเทียน ทางนี้…”

เมื่อรีบมาถึงโรงแรมแล้ว เยี่ยเทียนเพิ่งก้าวออกจากลิฟท์ ก็ถูกเกาเฉียนจิ้นที่มารออยู่แล้วเจอตัวเข้า สิ่งที่ยิ่งน่าสงสัยมากกว่าคือหลงเสี่ยเหลียนที่อยู่ด้านหลังเกาเฉียนจิ้นนอกจากนี้ยังมีชายหนุ่มอายุประมาณ30ปีอีกคน ที่เยี่ยเทียนไม่รู้จัก

รอให้เยี่ยเทียนเข้ามาใกล้แล้ว เกาเฉียนจิ้นก็ประเมินเสื้อผ้าของเยี่ยเทียน สีหน้าแปลกประหลาด ถามว่า “เยี่ยเทียน ทำไมเธอแต่งตัวแบบนี้ก็ออกมาเลย?”

“มันเป็นยังไงเหรอ? ผมก็แต่งตัวแบบนี้ทุกทีแหละ วันนั้นไปงานเลี้ยง ก็ไปเปลี่ยนชุดตรงหน้างาน…” เยี่ยเทียนเหลือบมองชุดฝึกวิชาของตน ไม่เห็นจะสกปรกตรงไหน?

“เอาเถอะ เราเข้าไปแล้วค่อยว่ากัน อย่าให้อาจารย์หลัวรอนาน…” น้ำเสียงของเกาเฉียนจิ้นแสดงถึงความเคารพในตัวอาจารย์ท่านนั้นถึงที่สุด

“เหล่าเกา เพื่อนคนนี้เป็นใครหรือ?ทำไมไม่แนะนำให้พวกเรารู้จักบ้าง?” ชายที่ยืนอยู่ข้างเกาเฉียนจิ้นอยู่ๆก็ถามขึ้นมา เพราะฟังออกว่าผู้ที่เพิ่งมาถึงสนิทสนมคุ้นเคยกับเกาเฉียนจิ้นเป็นอย่างดี

“อ้อ ฉันเกือบลืม เหล่าหู นี่คือเยี่ยเทียน คนที่ฉันพูดถึงเมื่อวาน…”

ได้ยินคำทักท้วงของคนนั้นแล้วเกาเฉียนจิ้นตบศีรษะตัวเองทีหนึ่ง แล้วชี้ไปที่ชายคนนั้นพูดกับเยี่ยเทียนว่า “เขาชื่อหูจวิน อืม เรื่องพนันเรื่องผู้หญิงเขาทำหมด แต่ไม่ทำงานเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง พวกเธอรู้จักกันไว้…”

“นายก็พูดเกินไป?”

หูจวินถลึงตาใส่เกาเฉียนจิ้นอย่างหงุดหงิด พลางยื่นมือออกไปให้เยี่ยเทียนจับ “อย่าฟังที่เขาเหลวไหล น้องเยี่ย ฉันโตกว่าเธอไม่กี่ปี เรียกฉันว่าเหล่าหูก็แล้วกัน”

หูจวินกับเกาเฉียนจิ้นเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่อ้อนแต่ออก นับว่าเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกันมา จึงรู้ถึงนิสัยใจคอกันดีที่สุด

เมื่อวานตอนที่เกาเฉียนจิ้นพูดถึงเยี่ยเทียน หูจวินยังคิดว่าเยี่ยเทียนเป็นชายวัยกลางคนอายุสักสามสี่สิบปี ตอนนี้เมื่อได้พบหน้า จึงรู้สึกคาดไม่ถึง

ในความเข้าใจของเกาเฉียนจิ้น หูจวินไม่ได้ดูถูกเยี่ยเทียนเลยแม้แต่น้อย แม้แต่หัวหน้าคณะกรรมการสถาบันหลักทรัพย์แห่งชาติ ยังไม่ได้อยู่ในสายตาของเกาเฉียนจิ้น แต่กลับยอมยืนรอเยี่ยเทียนอยู่ครึ่งชั่วโมงด้วยความเต็มใจ แสดงให้เห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้ต้องมีอะไรพิเศษแน่นอน

“พี่หูเกรงใจไปแล้ว เรียกผมว่าเสี่ยวเยี่ยก็ได้”

เยี่ยเทียนมองหน้าหูจวิน ยิ้มให้แล้วพูดว่า “พี่หูกับพี่เกานั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง ช่วงแรกของชีวิตของพี่นี่ช่างลำบากยากเข็ญจริงๆ…”

ตั้งแต่ขอบไรผมหน้าผากจนถึงจุดอิ้นถางที่หว่างคิ้วของหูจวินนั้นแคบมาก  ความกว้างยังไม่ถึงสามนิ้วเลย ไรผมส่วนที่ตรงกับหว่างคิ้วนั้นยื่นลงมาเล็กน้อย ตามศาสตร์โหงวเฮ้งหมายความว่าคนๆนี้ในวัยเด็ก ได้ผ่านเรื่องราวซับซ้อนและความลำบากมามากมาย

“เอ๋?เหล่าเกา นายเล่าเรื่องของฉันให้น้องเยี่ยฟังเหรอ?”

ฟังคำพูดของเยี่ยเทียนจบ หูจวินหันไปมองหน้าเกาเฉียนจิ้น สายตาเผยแววติเตียน ความสัมพันธ์ของเขากับเกาเฉียนจิ้นนั้นจริงใจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยินยอมให้เกาเฉียนจิ้นเอาเรื่องส่วนตัวของเขา ไปพูดให้คนอื่นฟัง

หมอดูยอดอัจฉริยะ

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ในยุคสมัยหลังการปฏิวัติวัฒนธรรมครั้งใหญ่ ประเทศจีนเริ่มพัฒนาสู่ความทันสมัย ผู้คนต่างหันไปพึ่งวิทยาการตะวันตก ถ้าใครแสดงออกว่าสนใจเกี่ยวกับ “ศักดินางมงาย” อาจมีตำรวจมาเยี่ยมถึงบ้าน เยี่ยเทียน เด็กชายจากหมู่บ้านชาวนาผู้มีชะตาไม่ธรรมดา มีโอกาสได้รับการถ่ายทอดศาสตร์โบราณที่ถูกตีตราว่าล้าหลังและงมงาย เสี่ยงทาย ฮวงจุ้ย คำนวณชะตา โหงวเฮ้ง ทำนายฝัน ดูฤกษ์… เขาจะใช้ทักษะเหล่านี้ (และอื่นๆ) อย่างไรในยุคสมัยเช่นนี้?

Options

not work with dark mode
Reset