“เสี่ยวเฉิน เธอได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่า ยังไม่รีบไปกับฉันอีก”
เห็นเฉินจิ้งหลันไม่สนใจตัวเอง จางจือซวนอดไม่ได้ที่จะโมโหขึ้นมา ผู้หญิงคนนี้ถูกตนดุว่าไปหลายต่อหลายครั้ง ล้วนแล้วแต่เชื่อฟัง วันนี้ทำไมกล้าขัดคำสั่งเขาแล้ว
หลังจากได้ยินคำกล่าวของจางจือซวนแล้ว เฉินจิ้งหลันก็ไม่รู้ว่าความกล้ามาจากไหน เปิดปากกล่าวว่า “ผู้กำกับจาง หนังเรื่องนี้ฉันไม่ถ่ายแล้ว คุณเปลี่ยนตัวเถอะ!”
เฉินจิ้งหลันไม่ใช่ดาราในสังกัดของฮว้าเซิ่ง หนังฮ่องกงหลายปีมานี้แนวโน้มไม่ค่อยดี อยากใช้ดาราแผ่นดินใหญ่มา หวังเพิ่มกระแสให้กับตลาดหนัง ดังนั้นจึงได้มีการร่วมมือกันครั้งนี้
เฉินจิ้งหลันเดิมทีพูดภาษากวางตุ้งไม่ได้ ถ่ายหนังอยู่ที่ฮ่องกงได้ครึ่งเดือน ทั้งวันถูกผู้กำกับด่าทอยังไม่เท่าไหร่ บางครั้งยังถูกคนเอาเปรียบ ความอดทนของเธอจึงมาถึงจุดสิ้นสุด
“เธอบอกจะไม่ถ่ายก็ไม่ถ่ายแล้วเหรอไงเฉินจิ้งหลัน เงินค่าผิดสัญญาเธอจ่ายไหวไหม หากวันนี้เธอไม่ยอมไป ขอโทษคุณชายหลัวกับฉันล่ะก็ ฉันจะทำให้เธอไม่มีที่ยืนทั้งในวงการที่ฮ่องกงและแผ่นดินใหญ่!”
จางจือซวนเชิดใส่เฉินจิ้งหลาน อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึงเธอเป็นแค่ดาราที่เพิ่งมีชื่อเสียง แม้แต่โจวเหวินฟะระดับนั้น ก็ไม่กล้าเซ็นสัญญาแล้วยกเลิก
ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่คือฮ่องกง เถ้าแก่ของจางจือซวนเป็นพี่ใหญ่ในวงสังคมอยู่ที่ฮ่องกงแห่งนี้ อยากจะจัดการดาราสาว ซักคนจะยากขนาดไหนเหรอใครจะสนว่าเธอเป็นคนฮ่องกงหรือแผ่นดินใหญ่ ดึงไปถ่ายรูปเปลือยซักสองสามรูป ดูซิว่าจะกล้าต่อล้อต่อเถียงได้ยังไง
เยี่ยเทียนทนไม่ไหว เขาไม่รู้จะพูดอะไรกับคนที่สติปัญญาติดลบคนนี้ดี ยื่นมืออกไปชี้หน้าที่เป็นต่อของจางจือซวน กล่าวว่า “พอแล้ว ที่นี่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับนาย รีบไสหัวไป!”
“ไอ้เด็กนี่ แกเป็นใครกัน” คำกล่าวของเยี่ยเทียนเบี่ยงเบนความสนใจของจางจือซวนได้สำเร็จ “ใช่แล้ว มือของคุณชายหลัวแกเป็นคนหักใช่มั๊ย ฉันดูท่าแล้วแกคงไม่อยากมีที่ยืนอีกแล้วนะ!”
จางจือซวนเป็นที่รู้จักในวงการของฮ่องกงมานาน เขาเคยผ่านยุคที่เอาปืนจ่อหัวให้ดาราถ่ายภาพยนตร์มาแล้ว ตัวเขาเองก็เป็นพวกแก๊ง ดังนั้นจึงรู้สึกว่าเยี่ยเทียนอายุน้อยวู่วามไม่ชอบขี้หน้า
“พี่เหวิน ผมรู้สึกผิดหวังกับสังคนไฮโซของฮ่องกงเอามากๆเลย”
เยี่ยเทียนถอนหายใจ นี่มันคนแบบไหนกันถึงแม้จะก่อนเรื่องที่ปักกิ่งคราวนั้น ฝ่ายตรงข้ามยังต้องถามความเป็นมา ของตัวเอง แต่คนตรงหน้านี้ จองหองพองขนนัก
“ไอ้กระจอก แกรนหาที่ตายเหรอ แกเรียกคุณเหวินว่าอะไร”
จางจือซวนเห็นเยี่ยเทียนทำท่าไม่สนใจเขาซักนิดเดียวก็เริ่มเอ่ยปากด่าทอ แต่เพียงแค่เพิ่งเริ่ม กลับรู้สึกว่าไม่ถูก
คนฮ่องกงปกติเรียกผู้จ้างของตัวเองว่าเถ้าแก่ และคำพูดคนที่มีฐานะทางสังคมมักจะชอบเติม “คุณ” ไว้หน้าแซ่ จริงๆ แล้วก็หมายถึง “คุณชาย” นั่นแหละ
เหมือนเหวินหลวนสงฐานะทางสังคมแบบนี้ คือเถ้าแก่ของจางจือซวนก็ต้องเรียกว่าคุณเหวินหรือพี่สง ที่ฮ่องกงคนที่สามารถเรียกเหวินหลวนสงว่าพี่น้อง ใช้มือเดียวนับก็พอแล้ว
แต่คนหนุ่มตรงหน้ากลับเรียกพี่สงออกมาได้อย่างตรงไปตรงมา และเหวินหลวนสงก็ไม่ได้มีทีท่าอะไรออกมา เรื่องนี้….หรือบางทียังมีอะไรที่เขาไม่รู้ซ่อนอยู่
“น้องเยี่ย ขอโทษจริงๆ วันนี้ต้องขอโทษเป็นอย่างมากจริงๆ!” เหวินหลวนสงไม่ใช่ว่าไม่มีปฏิกิริยากลับ แต่เมื่อซักครู่ถูกการเล่นใหญ่ของผู้กำกับจางทำให้ตกตะลึงงันไป จนกระทั่งเยี่ยเทียนเริ่มพูดถึงได้สติกลับมา
เถ้าแก่เหวินในใจตอนนี้ไม่ได้หงุดหงิดธรรมดา เมื่อซักครู่เพิ่งทำให้เรื่องที่หลัวเจียฮุยก่อเอาไว้เงียบลงไปได้ แต่จางจือซวนก็โผล่มาต่อหน้าอีก เยี่ยเทียนกล่าวไม่ผิด วันนี้คนที่ปรากฏตัวต่อหน้าเขาไม่ได้แค่ไร้มารยาทธรรมดา
แต่เหวินหลวนสงและหลัวเจียฮุยนับถือกันเป็นพี่น้องแต่กับผู้กำกับจางไม่ได้คบค้าสมาคมลึกซึ้งอะไรขนาดนั้น หลังจากที่ขอโทษขอโพยเยี่ยเทียนไปยกใหญ่ เหวินหลวนสงก็ทำหน้าเครียด กล่าวว่า “ผู้กำกับจาง ขอเชิญคุณออกไป มีเรื่องอะไรผมจะบอกอาเซิ่งเอง!”
ไม่ให้เฉินจิ้งหลานแสดงเป็นนางเอกนำแล้วยังกล่าวข่มขู่เหวินหลวนสงในตอนนี้อยากจะกระชากร่างจางจือซวนออก เป็นแปดส่วน ไม่แน่ว่าหลังจากนี้อาจจะไปหาหวาเซิ่ง ให้ผู้กำกับจางคนนี้ไปเอาดีต่อที่แผ่นดินใหญ่
“เหวิน…คุณเหวิน นี่…นี่มันเรื่องอะไร”
หลังจากที่เหวินหลวนสงเรียกพี่น้องกับเยี่ยเทียนแล้ว ผู้กำกับจางก็ตะลึงงันไป เขาไม่ใช่คนโง่ กลับกันกับตาแหลมคม ในตอนนี้ทำไมจะไม่รู้ว่าตัวเองทำเรื่องอะไรผิดไป
“พอแล้ว นายออกไปเถอะ” เหวินหลวนสงเริ่มหมดความอดทน โบกมือไล่เหมือนกับปัดแมงวัน วันนี้ล่วงเกินเยี่ยเทียนไปสองเรื่องติดต่อกัน เขากำลังคิดว่าอีกประเดี๋ยวจะทำอย่างไร
“คุณเยี่ย เฮ้อ อาซวน เฉินจิ้งหลันเป็นดาราที่บริษัทเราเชิญมาร่วมงานด้วย วันนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พวกเราก็ต้องรับผิดชอบด้วย…”
ในตอนที่ผู้กำกับจางไม่รู้จะแก้สถานการณ์ตรงหน้าอย่างไร ประตูห้องถูกเปิดออก หวาเซิ่งพาคนมาด้วยสองคน “อาซวน กลับไปแล้วค่าแรงของคุณหนูเฉินเพิ่มขึ้นอีกห้าเท่า ถือเป็นค่าตกใจของคุณหนูเฉิน!”
“อะ…อะไรนะ” ตอนแรกจางจือซวนรู้สึกตุ้มตุ้มต่อมต่อม แต่หลังจากได้ยินคำพูดของเถ้าแก่ตัวเองแล้ว ความตระหนกนั้นแปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวในทันที
ต้องทราบก่อนว่า หวาเซิ่งไม่ใช่คนที่มีเมตตาบารมีในแวดวงบันเทิงของเขา ล้วนแล้วแต่อาศัยแรงของสังคม ถึงได้มีทุกวันนี้ ไม่เพียงแต่โหดเหี้ยมกับศัตรู แม้แต่ลูกน้องทีทำผิดก็ไม่เห็นแก่ความรู้สึกใดใดทั้งสิ้น
ในตอนปีแปดศูนย์ มีผู้กำกับอาวุโสที่มีชื่อมาก ในตอนนั้นหวาเซิ่งเชิญเขามากำกับหนังให้บริษัทตัวเอง แต่ใครจะไปรู้ว่าผู้กำกับคนนั้นตอบปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย
ในวันที่สามหลังจากตอบปฏิเสธหวาเซิ่งไป เขาก็ถูกคนสามคนรุมฟันบาดเจ็บหนักสาหัส คนร้ายหลังจากฟันเขา จนบาดเจ็บแล้วไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใด แต่วิ่งไปมอบตัวที่สถานีตำรวจ
ตามคำกล่าวของนักเลงสามคน บอกว่าผู้กำกับคนนั้นชนพวกเขาก่อน จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็เกิดมีปากเสียงกัน มีต้นเรื่องและมีผู้ทำร้าย ตำรวจไม่มีทางเลือก ได้แต่ทำตามขั้นตอนพิจาณาตัดสินให้นักเลงทั้งสามคนติดคุกสองสามปี
แต่ในแวดวงบันเทิงนั้น ทุกคนล้วนกระจ่างแจ้งแก่ใจว่าเรื่องเป็นมายังไง แต่ไม่มีหลักฐาน ใครจะทำอะไร หวาเซิ่งได้นับแต่นั้นมา แวดวงบันเทิงของฮ่องกงก็ถูกอำนาจของสังคมบดบังจนมิด
จางจือซวนถือว่าเป็นคนเก่าคนแก่ของหวาเซิ่ง ในเรื่องวิธีการของเถ้าแก่หวาไม่มีใครเข้าใจชัดเจนไปมากกว่าเขา คิดถึงเมื่อก่อนที่มีเพื่อนร่วมงานที่หัวกบฏบางคนถูกจับยัดกระสอบโยนแม่น้ำฮ่องกง ขาทั้งสองข้างของ ผู้กำกับจาง ก็สั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“อาซวน วันนี้นายเป็นอะไรไปที่ฉันพูดนายฟังไม่เข้าใจเหรอ” หวาเซิ่งก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศในห้องไม่ผิดปกติ สายตาก็มองไปที่จางจือซวนไปมาอย่างประเมิน
“เถ้าแก่หวา ผู้กำกับจางท่านนี้บอกว่าจะให้พี่จิ้งหลันไม่มีที่ยืนอีกต่อไป จะทำลายอนาคต ของเธอในวงการ ทั้งสองที่ล่ะ!”
เยี่ยเทียนไม่ใช่คนมีเมตตา บวกกับเขาเองก็ไม่ประทับใจกับผู้กำกับจางคนนี้เท่าไหร่นัก สำหรับคนแบบนี้ เยี่ยเทียนยึดหลักการเหยียบให้จมดินจัดชุดใหญ่ให้เท่านั้น
“ตัดอนาคตคุณหนูจิ้งหลันเหรอ”
หลังจากได้ยินเยี่ยเทียนกล่าวแล้ว หวาเซิ่งก็เข้าใจแล้วว่าบรรยากาศที่ตึงเครียดในห้องมาจากที่ไหน สายตาทั้งสองพลันปรากฏแววเยือกเย็น จ้องเขม็งไปที่จางจือซวนอย่างไม่วางตา
“เถ้าแก่ ผมผิดไปแล้ว ผมผิดเอง ผมไม่รู้สถานการณ์เลยพูดไม่คิดออกไป ผมสมควรตาย!”
หวาเซิ่งเดิมทีก็เป็นคนที่หน้าตายอยู่แล้ว ดวงตาที่ถลึงมองในเวลานี้ มาจากคนที่อยู่ในระดับสูงมาเป็นเวลานาน จึงจะสามารถใช้สายตาแบบนั้นได้ ทำให้จางจือซวนตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้น ใช้มือตบปากตัวเองไม่หยุด
หวาเซิ่งไม่ได้สนใจจางจือซวนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นแม้แต่น้อย แต่กลับมองไปทางเยี่ยเทียน กล่าวว่า “คุณชายเยี่ย เป็นผมที่ดูแลลูกน้องไม่เข้มงวด คุณว่ามาเถอะ ต้องการมือข้างไหน”
ในตอนที่อยู่ด้านนอก หลังจากที่หวาเซิ่งได้รับรู้ฐานะทางสังคมของเยี่ยเทียนจากอาติงมาแล้ว ทำให้เขาตกใจ ขนานใหญ่ สังคมของเขาในตอนนี้ก็ล้วนแล้วแต่มาจากแก๊งชิงทั้งนั้น และเคารพปฏิบัติตามกฏระเบียบของแก๊งชิงมาตลอด
เมื่อหลายปีก่อนเปิดการประชุมหงเหมิน หวาเซิ่งก็ไปอเมริกาเข้าร่วมด้วย นี่ทำให้คณะสังคมของเขาพัฒนาไปสู่สากล หลายปีมานี้ ได้รับความช่วยเหลือจากพรรคชิงในต่างประเทศไม่น้อย
ในแก๊งนั้นให้ความสำคัญกับลำดับอาวุธโสเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในหงเหมิน ศิษย์ล้างอาจารย์นั้น เป็นโทษร้ายแรงมหันต์
หลังจากได้ทราบฐานะของเยี่ยเทียนแล้ว หวาเซิ่งเมื่อซักครู่ยังดีใจที่ตัวเองไม่ได้มีเรื่องกับเยี่ยเทียน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าลูกน้องของตัวเองที่โง่เง่านี้ กลับไปมีเรื่องกับ “พี่ใหญ่” คนนี้เข้า
หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ถึงแม้จะไม่ได้กระทบอะไรกับธุรกิจของหวาเซิ่ง แต่ชื่อเสียงของเขาทีสั่งสมมา ต้องโดนทำลาย ดังนั้นจึงได้พูดกับเยี่ยเทียนออกมาแบบนั้น
“ผมจะเอามือเขาไปทำอะไรกัน คนนี้แค่ปากเสียไปหน่อยเท่านั้น…”
เยี่ยเทียนหัวเราะแกนๆ ออกมา ก่อนหน้านั้นหักมือขวาของหลัวเจียฮุย นั่นก็เพราะมาล่วงเกินเฉินจิ้งหลันแต่คนที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้ใช้มือทำอะไรเฉินจิ้งหลัน
“ปากเสียงั้นก็ง่าย” หวาเซิ่งกล่าวอย่างเยือกเย็น “อาหู่ เอามันออกไป เอาต้นไผ่ตบปาก ให้เขาพูดไม่ได้ซักสามเดือน!”
“อา…ไม่…ไม่ต้องถึงขนาดนั้น”
เดิมทีเฉินจิ้งหลันที่กำลังตกใจกับการที่เถ้าแก่หวาเซิ่งปฏิบัติกับเยี่ยเทียนอยู่ แต่พอได้ยินคำสั่งนั้นแล้ว ก็อดตกใจขึ้นมาไม่ได้ ถึงแม้ในภาพยนต์เธอจะเคยแสดงมาแล้วหลายบทบาท แต่เคยเจอเรื่องแบบนี้ที่ไหน
“คุณหนูเฉิน ช่วยด้วย ผม…ผมหลงผิดไปชั่ววูบเท่านั้น คุณเป็นคนดีให้อภัยเถอะ !”
จางจือซวนลุกขึ้นยืนจากพื้น แล้วก็คุกเข่าลงต่อหน้าเฉินจิ้งหลันโค้งคำนับขึ้นมา ล้อเล่นอะไรกัน เอาไม้ไผ่ตบปาก มีแต่จะทำให้ฟันเขาหลุดหมดปากไม่เหลือซักซี่
“เยี่ยเทียน นี่…นี่ นายดูเถอะ”
โดนจางจือซวนที่อายุใกล้ห้าสิบปีคุกเข่าใส่เฉินจิ้งหลันพลันชะงักไปไม่รู้จะทำอย่างไร เงยหน้าขึ้นมองไปทางเยี่ยเทียน ถึงตอนนี้แล้วเธอจะไม่เข้าใจได้อย่างไร คนที่นี่ล้วนเคารพการตัดสินใจของเยี่ยเทียน
“ไม่ใช่เรื่องของฉัน นี่เป็นเรื่องภายในของคุณชายหวา มีอะไรเธอคุยกับเขาเอง”
เยี่ยเทียนส่ายหัว หวาเซิ่งจะลงโทษจางจือซวนอย่างไร ไม่เกี่ยวกับเขาซักนิดเดียว แต่เยี่ยเทียนก็ไม่ได้มีทีท่าว่า จะช่วยเขาผ่อนหนักเป็นเบา เขาไม่ได้มีจิตใจเมตตาเฉกเช่นเฉินจิ้งหลัน
“พอแล้ว อาหู่ ลากเขาออกไป!” หวาเซิ่งกำลังรอสัญญาณที่จะดูว่าจัดการอย่างไรเมื่อได้ฟังคำกล่าวนั้นเขาก็เข้าใจในทันทีว่าเยี่ยเทียนไม่ได้จะปล่อยจางจือซวนไป
……..