โดยปกติของการหาคนโดยใช้ศาสตร์การทำนาย จะสามารถชี้ให้เห็นตำแหน่งคร่าวๆ อย่างเช่นตำแหน่งคร่าวๆ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ แต่จะไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนได้
เยี่ยเทียนใช้วิชาลับร่วมกับศาสตร์การทำนายและข้อมูลส่วนตัวของคนคนนั้นเพื่อหาคน ดังนั้นจึงรู้ได้ถึงตำแหน่งที่แน่ชัดของเขา
แต่ว่าการตามหาคนที่ตายไปแล้วกับคนที่ยังมีชีวิตอยู่จะไม่เหมือนกัน คนที่ยังมีชีวิตอยู่สามารถระบุตำแหน่งแล้วให้คนไปเดินตามหาที่ตำแหน่งนั้นได้ แต่ว่าคนที่ตายไปแล้วจะถูกฝังอยู่ในดิน ถ้าระบุตำแหน่งในแผนที่ก็จะกลายเป็นว่ามันอยู่ในขอบเขตที่กว้างมาก
เห็นเยี่ยเทียนสายศีรษะ กงเสี่ยวเสี่ยวคิดว่าเขาจะไม่หาต่อ เธอคุกเข่าตรงหน้าของเยี่ยเทียนอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง ร้องไห้สะอื้นพูดว่า “ปรมาจารย์เยี่ย ขอร้องละท่านต้องหาซากกระดูกของสามีฉันให้ได้ ตอนนี้สามีของฉันเขาเร่ร่อนจากบ้านเกิดของเขา โดดเดี่ยวและลำบาก เสี่ยวเสี่ยวต้องการที่จะฝังเขาให้ปลอดภัย”
“คุณนายกง ลุกขึ้นมาก่อน เรื่องนี้ ที่สำคัญเลยคือผมไปไต้หวันไม่ได้”
เยี่ยเทียนกุมมือของกงเสี่ยวเสี่ยว คิ้วขมวด เขาสูญเสียพลังจิตในการทำนายหาร่องรอยซากกระดูกของฝูอี้ เดิมที่แค่รอบเดียวก็น่าจะเห็น แต่ว่าเยี่ยเทียนก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าซากกระดูกของฝูอี้จะไปอยู่ที่ไต้หวัน
ถึงแม้ว่าแม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองฝั่งทะเลถูกแยกออกจากกัน แต่ดูเหมือนว่าการที่จะเข้าสู่ไต้หวันจะเป็นเรื่องที่ลำบาก ระยะเวลาที่เยี่ยเทียนจากบ้านมาก็ถือว่านานพอสมควร ถ้าเกิดว่าต้องไปไต้หวันอีก เขาก็ไม่รู้ว่ายังคงต้องเสียเวลาอีกนานแค่ไหน
เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน ถังเหวินหย่วนเปิดปากว่า “เยี่ยเทียน เธอก็ช่วยเสี่ยวเสี่ยวหน่อยเถอะ ไปไต้หวันง่ายๆ เรื่องพวกนี้ฉันจะให้คนของฉันจัดการให้ ไม่ลำบากหรือมีปัญหาอะไรหรอก”
“ต้องใช้เวลาประมาณกี่วัน” เยี่ยเทียนถาม ถ้าเขาทำ เขาก็อยากตั้งใจทำตั้งแต่ต้นจนจบ และนี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องของคุณธรรมและการทำบุญุศล
เมื่อเห็นเยี่ยเทียนตอบตกลงแล้ว ถังเหวินหย่วนดีใจมาก รีบพูดว่า “พรุ่งนี้ไปเลยก็ได้ ฉันกับเสี่ยวเสี่ยวมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ไต้หวัน เพียงแค่เพิ่มผู้ติดตามไม่กี่คนเท่านั้นเอง เยี่ยเทียน เธอว่าไง”
แม้ว่าเยี่ยเทียนจะมีปัญหาในการเข้าไปในไต้หวันในฐานะที่เป็นคนแผ่นดินใหญ่ แต่ก็ต้องดูว่าใครเป็นคนจัดการให้ แต่สำหรับฐานะของถังเหวินหย่วนและกงเสี่ยวเสี่ยวนั้น ถือว่าเป็นระดับชั้นสูงของไต้หวันก็ต้องให้เกียรติกันหน่อย
“พรุ่งนี้ ดีเลย” เยี่ยเทียนคิดแล้วคิดอีก พยักหน้าตอบตกลงแล้ว
เมื่อได้ยินคำตอบของเยี่ยเทียน ถังเหวินหย่วนพูดว่า “ดี ฉันจะเป็นคนจัดการเอง” กงเสี่ยวเสี่ยวก็ต้องไปจัดการ เรื่องของเธอด้วยเช่นกันจึงออกจากบ้านพักตากอากาศพร้อมกับถังเหวินหย่วน
“วันหน้าถ้ามีเงิน อยากจะซื้อบ้านอยู่ที่นี่เหมือนกัน”
เมื่อทั้งสองคนเดินจากไป เยี่ยเทียนก็เดินเล่นอยู่ในลานบ้าน บ้านพักตากอากาศนี้ตั้งอยู่บนเชิงเขา ด้านหน้าหันเข้าหาทะเล ถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีฮวงจุ้ยที่ดี เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนี้ ทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายและความสบายใจ
เรือนสี่ประสานของเยี่ยเทียนมีฮวงจุ้ยที่ดีกว่า เพราะใช้ค่ายกลดูดเอาพลังชีวิตจากพระราชวังโบราณที่สะสมไว้หลายร้อยปี แต่ในอีกสามถึงห้าปีข้างหน้า พลังก็จะหมดไปกลายเป็นสภาพเดิม ไม่มีพลังพิเศษอีกแล้ว
แต่ฮวงจุ้ยที่นี่ถูกสร้างขึ้นตามธรรมชาติ ถ้าเกิดว่าหาพื้นที่ที่ดีได้ เยี่ยเทียนจัดวางค่ายกล ก็สามารถดูดพลังจากทะเลได้ หลายร้อยปีผ่านไป พลังจะลดลงไปแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
หลังจากเดินไปรอบๆ บ้านพักตากอากาศพร้อมกับขยี้ผมที่เปียกจากการลงเล่นน้ำในสระ เยี่ยเทียนก็พึ่งนึกออก “ใช่แล้ว ต้องโทรหาพี่จิ้งหลันนี่นา”
แม้ว่าเยี่ยเทียนเชื่อว่าหวาเซิ่งจะไม่กล้าหน้าไหว้หลังหลอกกับตัวเอง แต่ในวงการบันเทิงนั้นเชื่อไม่ได้ ดังนั้นไม่กล้ารับประกันว่ายังจะมีคนที่จะคอยรังแกเฉินจิ้งหลันอยู่อีกหรือเปล่า
หลังจากกลับมาถึงห้องก็รีบหานามบัตรของเฉินจิ้งหลันจนเจอ เยี่ยเทียนหยิบโทรศัพท์แล้วโทรออกไป
ในการเตรียมความพร้อมสำหรับการถ่ายทำในสตูดิโอที่ฮ่องกง ทุกคนต่างไม่ว่างยุ่งวุ่นวายกันไปหมด ใบหน้าก็ค่อนข้างเป็นกังวล ไม่มีเหตุผลอื่นที่จะอธิบาย ในวงการนี้ มันเป็นเรื่องปกติถ้าหากจะมีการเปลี่ยนนักแสดง แต่ว่าการเปลี่ยนผู้กำกับนั้นจะมีน้อยมาก
การเปลี่ยนตัวผู้กำกับจือซวน ทำให้ทีมงานทั้งหมดรู้สึกไม่สบายใจ ปกติแล้วผู้กำกับทุกคนจะมีทีมงานของตัวเอง รวมถึงข่างภาพ ดังนั้นทีมงานเก่าของจางจือซวนจึงรู้สึกอึดอัด
แต่ก็ยังโชคดีที่ผู้กำกับที่มาใหม่คือผู้กำกับที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งของฮ่องกงเช่นกัน การถ่ายทำจึงผ่านไปด้วยความราบรื่น แต่ว่าในความรู้สึกของทีมงานก็ยังคงมีบรรยากาศที่ไม่ค่อยดี
มีคนในทีมงานได้รับข่าวมาจากไหนก็ไม่รู้ว่า สาเหตุที่มีการเปลี่ยนตัวผู้กำกับจางจือซวนนั้นเป็นเพราะเฉินจิ้งหลันมีส่วนเกี่ยวข้อง และเมื่อวานนี้เองที่ท่านประธานหวาเซิ่งเองก็ได้เข้ามาเยี่ยมกองถ่ายของเฉินจิ้งหลันด้วย เท่ากับเป็นการยืนยันข่าวลือที่เกิดขึ้น
ทีมงานบางคนในกองถ่ายที่เคยไม่ค่อยชอบเฉินจิ้งหลัน ตอนนี้ต่อหน้าเฉินจิ้งหลันยังไม่กล้าหายใจแรง ไม่กล้าแม้แต่จะพูดกวางตุ้งกับเธอ พยายามพูดกับเธอด้วยภาษาจีนกลางแบบติดๆ ขัดๆ
“นักแสดงประจำที่ ตากล้องพร้อม ใครโทรศัพท์ของใคร ไม่รู้หรอว่าเวลาถ่ายทำห้ามพกโทรศัพท์”
หลังจากการเตรีมการที่วุ่นวายผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทุกอย่างก็เรียบร้อย ตอนที่ผู้กำกับกำลังจะสั่งให้ถ่ายทำ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
ทำให้ผู้กำกับคนใหม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ถ้าในกองถ่ายมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น มันเหมือนกับการท้าทาย อำนาจของเขา
“ผู้กำกับเฉิน ขอ ขอโทษ คือเป็นเสียงโทรศัพท์ของฉันเอง เมื่อกี้ลืมปิด”
เป็นเสียงโทรศัพท์ของเฉินจิ้งหลันเองที่ดังขึ้นมา เธอขอโทษผู้กำกับ สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเกรงใจ เรื่องนี้ถือว่าเธอทำผิดพลาดไปแล้ว เวลาทำงานก็ต้องปิดเครื่อง
“เหรอ เป็นโทรศัพท์ของพี่เฉินเองเหรอ” เมื่อผู้กำกับได้ยินว่าเป็นโทรศัพท์ของเฉินจิ้งหลัน สีหน้าที่กำลังโกรธจัดก็ค่อยๆ หายไป พักการถ่ายไว้ก่อน “พี่เฉิน ไปรับสายก่อนนะ ไม่แน่ว่าอาจเป็นเรื่องที่สำคัญมาก”
อารมณ์ที่เปลี่ยนไปของผู้กำกับ ทำให้ทีมงานและนักแสดงในกองถ่ายทุกคนประหลาดใจ ผู้กำกับคนนี้เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของอารมณ์โมโหร้ายของเขา ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขากลายเป็นคนพูดจาดีขนาดนี้
“ไม่ต้อง ฉันก็จะปิดแล้ว”
เฉินจิ้งหลันรีบเปิดกระเป๋าของตัวเอง เอาโทรศัพท์ออกมาดู กลับเห็นว่าเป็นบอร์ของฮ่องกง อดไม่ได้ที่จะรับสายเพราะอยู่ในฮ่องกง เธอให้เบอร์ส่วนตัวกับเยี่ยเทียนเท่านั้น
“ไม่เป็นอะไรครับ พี่เฉิน ค่อยๆ รับสาย”
เมื่อรู้ว่าเป็นเยี่ยเทียนโทรมา ผู้กำกับเฉินยิ้มอ่อนๆ แล้วแตะไปที่ไหล่ของเฉินจิ้งหลัน หันตัวกลับมาแล้วตะโกนเสียงดังว่า “คนดูแลฉาก ฉากฝั่งนี้มันยังจัดไม่ถูก จัดใหม่สิ เร็วๆ เข้า”
ในฐานะคนเก่าแก่ของบริษัทหวาเซิ่ง ผู้กำกับเฉินรู้ดียิ่งกว่าใครว่าอะไรที่เป็นสาเหตุให้มีการเปลี่ยนตัวจางจือซวนกลางคัน อีกทั้งเขาเห็นหน้าจางจือซวนที่ถูกตีจนเหมือนหมู ถึงกล้าเพียงไหน ผู้กำกับเฉินก็ไม่กล้าทำให้คุณเฉินรู้สึกไม่พอใจ
“ฮัลโหล เยี่ยเทียน ใช่เธอหรือเปล่า” ถึงแม้ว่าจะเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก แต่ว่าเฉินจิ้งหลันก็มั่นใจว่าต้องเป็นเยี่ยเทียน โทรมาแน่นอน
“พี่จิ้งหลัน ฉันเอง ไม่ได้รบกวนเวลาทำงานของพี่ใช่ไหม” เป็นไปอย่างที่คิดไว้ เสียงของเยี่ยเทียน ดังออกมาจากโทรศัพท์
เฉินจิ้งหลันมองไปรอบๆ คนที่กำลังทำงานอยู่จ้องมองเธอ ฝืนใจพูดว่า “ไม่มี เยี่ยเทียน ธุระของเธอเสร็จแล้วเหรอ”
“ใช่ เพียงแค่ส่วนหนึ่ง แต่ว่าธุระทั้งหมดยังไม่เสร็จ ใช่แล้ว เถ้าแก่หวาไม่ว่าอะไรพี่ใช่ไหม การถ่ายทำมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“เมื่อวานเถ้าแก่หวามาเยี่ยม ทุกคนในกองถ่ายถือว่าทำดีกับฉันมาก” เฉินจิ้งหลันลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ก็พูดต่อว่า “เยี่ยเทียน เรื่องของวันนั้นฉันยังไม่ได้ขอบคุณเธอเลย ฉัน วันนี้ฉันอยากเลี้ยงข้าวเธอ ไม่รู้ว่าเธอจะสะดวกมั้ย”
“วันนี้ไม่ว่างแล้ว พรุ่งนี้ผมต้องไปไต้หวัน รอให้กลับมาแล้วกลับไปที่ปักกิ่งแล้วผมจะเลี้ยงข้าวพี่เองนะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ถ้ากลับมาถึงปักกิ่งแล้วอย่าลืมโทรมาหาฉันนะ”
คำตอบที่ผ่านสายโทรศัพท์ ทำให้เฉินจิ้งหลันรู้สึกผิดหวัง หลังจากพูดคุยกับเยี่ยเทียนไม่กี่คำ ก็รีบตัดสาย
เมื่อรับสายนี้แล้ว ทำให้เฉินจิ้งหลันจิตใจไม่อยู่กับตัว ในช่วงกลางวันที่ถ่ายทำจึงไม่มีสมาธิ มีหลายครั้งในการถ่ายทำมีหลายที่น่าจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่กลับถูกสั่งพักไว้ ทำให้ผู้กำกับคนใหม่รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
ตอนกินข้าวกลางวัน นักแสดงหญิงคนหนึ่งที่ดูมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉินจิ้งหลันพูดว่า “พี่จิ้งหลัน ตอนเช้าแฟนโทรมาเหรอ”
หลังจากที่เถ้าแก่หวามาเยี่ยมกองถ่าย ในกองถ่ายนี้ก็ไม่ได้สนใจว่านักแสดงจะอายุมากน้อยแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าเฉินจิ้งหลันแล้ว ก็เติมคำว่าพี่หน้าชื่อของเธอ เพราะรู้ว่า นี่คือคนที่นายใหญ่ดูแลอยู่
เฉินจิ้งหลันส่ายหน้า พูดว่า “ไม่ใช่แฟน เป็นเพื่อนกันปกติ อาเหลียน สภาพของฉันไม่ค่อยดี ต้องรบกวนพวกเธอหน่อย”
อาเหลียนยิ้มตอบว่า “ต้องเป็นแฟนอย่างแน่นอนเลยพี่จิ้งหลัน ผู้ชายคนนี้ก็นะใช้ไม่ได้เลย ต้องให้เขาพาพี่ไปกินข้าวเป็นการไถ่โทษเลย”
เฉินจิ้งหลันหน้าแดงขึ้นมา อธิบายว่า “ไม่ใช่จริงๆ เป็นเพื่อนคนหนึ่งที่บังเอิญเจอกันที่ฮ่องกง พรุ่งนี้เขาจะไปไต้หวันแล้ว โอ้ย แล้วทำไมฉันต้องคุยกับเธอเรื่องพวกนี้ด้วยนะ”
“พอแล้ว พอแล้ว กินข้าวกันเถอะ ช่วงบ่ายเธอต้องมีสมาธิ ถ้าไม่อย่างนั้นผู้กำกับเฉินจะโมโหได้นะ”
อาเหลียนเปลี่ยนหัวข้อในการคุย และไม่มีใครสังเกตเห็นว่าในช่วงที่พักกลางวัน อาเหลียนก็หลบไปที่ลับตาคน แล้วโทรศัพท์ไปยังออสเตรเลีย
……
จางจือซวนมาถึงออสเตรเลียได้สองวันแล้ว แม้ว่าแต่ก่อนเขาจะชอบเที่ยวที่ออสเตรเลียอยู่บ่อยๆ แต่ครั้งนี้เขาถูกคนบังคับให้มาถึงที่นี้ สองวันนี้ทุกครั้งที่เขาหลับตา มันทำให้เขานึกถึงเยี่ยเทียนที่ทำให้เขาอับอาย
เมื่อได้รับสายของอาเหลียนคนที่ตัวเองเคยช่วยเหลือ จางจือซวนแสยะยิ้ม รีบต่อสายหาหลวนเก้อหนานทันที
“แน่ใจไหมว่าเป้าหมายจะไปไต้หวันจริงๆ” เมื่อได้ยินจางจือซวนพูด หลวนเก้อหนานถามกลับไป
“แน่ใจสิ หลวนเก้อหนาน ขอแค่แกฆ่ามันให้ตาย ฉันจะเป็นหนี้บุญคุณแก และยังเหลืออีกเก้าแสน ฉันก็สามารถให้แกก่อนได้”
จางจือซวนเกลียดเยี่ยเทียนเข้ากระดูกดำ ปีนี้เขามีอายุแค่ห้าสิบปีเท่านั้น ถือว่าเป็นผู้กำกับมือทองคนหนึ่ง แต่เพราะว่าเยี่ยเทียน ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว ถ้าเกิดว่าเขาไม่มีสติขึ้นมา เกรงว่าอาจเป็นตัวเขาเอง ที่ใช้ปืนยิงและฆ่าเยียเทียนตาย
หลังจากที่หลวนเก้อหนานถามรายละเอียดเพิ่มเติมก็พูดว่า “ดี หลังจากนี้สามวันแกรอฟังข่าวคนนั้นว่าตายไปแล้วได้เลย ถึงเวลานั้นก็อย่าลืมโอนเงินเข้าบัญชีของฉันละ”
หลวนเก้อหนานเป็นนายหน้าธุรกิจที่ใหญ่มาก เขามีเส้นสายอยู่ทั่วทุกที่ในเอเชียอาคเนย์ ขอเพียงแค่กำลังเงินพอ เขาก็สามารถจัดการทุกอย่างได้
ครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น วันก่อนเมื่อมีการส่งข่าวออกไปว่ามีความต้องการลอบฆ่าเยี่ยเทียน แต่ว่าแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ครึ่งวัน ก็มีคนติดต่อเข้ามารับงานนี้กับเขา หลวนเก้อหนานรู้จักฝั่งตรงข้ามดี เป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียงในเอเชียอาคเนย์
……