“ไปสถานีตำรวจ? เยี่ยเทียน พวกเราไปกับนายด้วย!”
อวี๋ชิงหย่าพูดกับตำรวจพวกนั้นว่า “พวกเราทั้งหมดเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด สามารถเป็นพยานได้ว่าหวงซือจื้อลงมือก่อน!’
“ใช่ พวกเราจะไปด้วย”
“คนชั่วฟ้องร้องก่อนนิ คนนั้นมันชั่วจริงๆ!”
“คุณตำรวจ ฉันเป็นนักข่าวของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง พวกคุณไม่สามารถฟังความข้างเดียวนะ มิฉะนั้นจะเปิดโปงเรื่องนี้ในทีวีนะ!”
ผู้หญิงที่กินข้าวกับเยี่ยเทียนวันนี้ล้วนไม่ใช่คนที่ยอมโดนรังแกทั้งนั้น เว่ยหรงหรงยิ่งกว่า เธอได้นำความสัมพันธ์ในหน้าที่การงานเข้าสู่สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งแล้วด้วยซ้ำ แม้กระทั่งบัตรนักข่าวก็ได้ถือไว้ที่มือแล้ว
“แม่งเอ้ย นี่ทำอะไรกันบ้างเนี่ย? นักข่าวก็ออกมาแล้ว”
ตำรวจหยางรู้สึกลำบากใจอย่างบอกไม่ถูก ปี 98 ตอนนั้น อินเตอร์เน็ตยังไม่ค่อยเผยแพร่เท่าไหร่นัก ความสนใจจึงถูกวางไว้ที่โทรทัศน์ทีวี ถ้าหากมีการรายงานข่าวว่าพวกเขาบังคับใช้กฎหมายตามอำเภอใจ ก็คงต้องรับผิดชอบถึงผลที่จะตามมา เกรงว่าลูกพี่ใหญ่สำนักย่อยก็คงต้านทานไม่ไหวเช่นกัน
“ขอลา ใครจะไปก็ไป ฉันจะกลับไปลา!” สิ่งที่คิดอยู่ในใจตำรวจหยางมั่นใจมาก ยมทูตตีกัน ไม่จำเป็นต้องลากผีน้อยอย่างพวกเขามาเป็นที่รองหลังหรอก?
“เอาเถอะ เรื่องใหญ่แค่ไหนกันเชียว ชิงหย่า เธอไปส่ง หูเสี่ยวเซียนกับเพื่อน ๆ กลับมหาวิทยาลัยไปก่อน ฉันจะไปกับพี่ใหญ่ ไม่แน่ ตอนที่เธอถึงบ้านแล้วฉันเองก็ถึงบ้านแล้วเหมือนกัน”
เยี่ยเทียนเห็นสาวๆพูดคุยเจี้ยวจ้าวอยู่ตรงนั้น อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เขาดูออกว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับตำรวจพวกนี้เท่าไหร่ รากยังคงอยู่ที่ตัวของหวงซือจื้อ
ในเมื่อฝั่งตรงข้ามแจ้งความแล้ว เขาดำเนินการตามขั้นตอนปกติ เยี่ยเทียนไม่ไปอาจจะโดนจับจุดอ่อนได้ ถึงแม้จะรู้ว่าพื้นหลังของหวงซือจื้อหนาแน่น แต่เยี่ยเทียนก็ไม่กลัวเขา เขาไม่เชื่อหรอกว่าสังคมตอนนี้จะสามารถพูดเรื่องดำเป็นขาวได้จริงๆ?
อวี๋ชิงหย่ารู้ว่าเยี่ยเทียนมีความบันยะบันยังเวลาทำเรื่องอะไร ในเมื่อพูดขนาดนี้แล้วในใจก็คงมีความมั่นใจแล้วแหละจึงได้ผงกหัวพูดว่า “โอเค เยี่ยเทียน ถ้างั้นนายระวังตัวด้วยนะ ถ้าพวกเขาทำเรื่องผิดกฎหมายอะไรก็ตาม พวกเราจะฟ้องจนพวกเขาต้องถอดเสื้อผ้าออก!”
“คุณผู้หญิงคนนี้ครับ ขอให้พวกคุณเชื่อหน่วยงานที่ปฎิบัติงานตามกฎหมายอย่างพวกเรา พวกเราจะไม่ละเมิดคนดี และจะไม่ปล่อยคนเลว!”
คำพูดของอวี๋ชิงหย่าแอบแฝงการประชด ตำรวจหยางก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ตำรวจที่อายุหนุ่มกว่าที่อยู่ข้างๆรู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่ ตำรวจอาชญากรดำเนินคดีอย่างหนัก เคยรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมแบบวันนี้ที่ไหนกันเล่า?
“เสี่ยวหวัง พอแล้ว” ตำรวจหยางไม่อยากมีปัญหาเพิ่มอีก จึงหันหัวกลับไปมองลูกน้องหนึ่งที ยิ้มกับเยี่ยเทียนพูดว่า “พวกเราไปกันเถอะ?”
“ได้ ไปสิ”
เยี่ยเทียนขึ้นไปยังรถตำรวจที่จอดอยู่ข้างหลัง ยื่นหัวออกจากหน้าต่างรถ พูดกับอวี๋ชิงหย่าว่า “หอยเป่าฮื้อแช่ข้าว อย่าลืมเอาให้เหมาโถวนะ ให้มันลองชิมอาหารรสเด็ดของร้านอาหารปักกิ่งสักหน่อย!”
“ฉันรู้แล้ว นายระวังหน่อยนะ” อวี๋ชิงหย่าพยักหน้า รอจนรถตำรวจขับออกไปแล้ว จากนั้นรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก
และจุดห่างรถตำรวจไปสิบกว่าเมตร มาลาไกย์เริ่มขับรถที่เช่ามาคันนั้นขับตามหลังไป เขาหยิบมือถือขึ้นมาเหมือนกันและโทรศัพท์ออกไป
ในฐานะบอดี้การ์ดส่วนตัวของเยี่ยเทียน มาลาไกย์สามารถรับประกันได้ว่าสถานการณ์ที่มีตนเองติดตามอยู่ด้วยนั้น เยี่ยเทียนจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ แต่เขาไม่สามารถตามเยี่ยเทียนเข้าไปยังห้องกักกันภายในสถานีตำรวจได้ ดังนั้นเขาจะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ผู้ว่าจ้างทราบ
……
“เยี่ยเทียน ดูแล้วคุณอายุไม่เยอะนะ มีลูกหรือยัง?”
ตำรวจหยางรู้ว่าวันนี้เขาพาทีมมาจับคน ที่จริงเป็นการล่วงเกินเยี่ยเทียนไปแล้ว และอยากจะผ่อนคลายความสัมพันธ์ลงอย่างน้อยต้องถีบตนเองออกจากเรื่องนี้ออกไปให้ได้
“ลูก? ผมไม่มีลูก” เยี่ยเทียนได้ยินก็ตะลึงไปเลย สีหน้าแปลกประหลาดพูดว่า “คุณหมายถึงเหมาโถว?”
ตำรวจหยางพยักหน้า เยี่ยเทียนยิ้มอย่างขมขื่น “ตัวที่ผมเลี้ยงคือลูกเฟอร์เรต ไม่เกี่ยวกับคนเลย”
“หา เข้าใจผิด เข้าใจผิดแล้ว”
คำพูดของเยี่ยเทียนพูดออกไปแล้ว ตำรวจหยางและคนอื่นๆต่างก็แอบด่าอยู่ในใจ พวกเขายังไม่เคยกินหอยเป่าฮื้อแช่ข้าวเลย บุคคลที่อยู่เบื้องหน้ากลับเอาไปให้สัตว์กิน? นี่มันตัวอย่างลูกไม่เอาไหนนี่เอง
ถึงแม้ตำรวจที่อยู่ในใจจะสุภาพอยู่บ้าง แต่เยี่ยเทียไม่รู้ว่าถ้าเข้าไปในสถานีตำรวจแล้วจะเกิดอะไรขึ้น คิดไปคิดมา พูดว่า “ว่าแต่ ผมโทรศัพท์หน่อยไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
“ได้สิ คุณแค่ช่วยตรวจสอบ” ตำรวจหยางต้องไว้หน้าก่อน
“พี่หู ฉันเยี่ยเทียนนะ วันนี้หวงซือจื้อนั่นหาเรื่อง ส่งฉันเข้าสถานีตำรวจแล้ว” ความแค้นของหวงซือจื้อเกิดขึ้นจากร้า น4S ของหูจวิน เบอร์โทรเบอร์แรกที่เยี่ยเทียนโทรออกไปก็คือโทรหาหูจวิน
“อะไรนะ? ไอ้บ้าเอ้ย ไอ้นั่นมันหาที่ตายเหรอ?”
หูจวินที่อยู่ในสายได้ยินปุ๊ปก็เดือดขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้เขาเคยเตือนหวงซือจื้อแล้วว่าอย่างทำไปเรื่อยนะ “เยี่ยเทียนฉันอยู่ที่เทียนจิน นายอยู่สำนักย่อยตรงไหน? สองชั่วโมง ไม่ ชั่วโมงเดียวฉันจะรีบตามไป!”
หลังจากถามชื่อสำนักย่อยกับตำรวจหยางเสร็จ เยี่ยเทียนก็แจ้งให้หูจวินทราบ ทางนั้นตอบกลับมาหนึ่งคำ ก่อนจะวางสายไปเยี่ยเทียนก็ได้ยินเสียงสตาร์ทรถแล้ว
“หรือไม่โทรศัพท์หาลูกพี่ลูกน้องดี? ช่างเถอะ เขาอาจจะช่วยไม่ได้”
“แม่งเอ้ย อยากเทียบความสัมพันธ์ เดี๋ยวลูกพี่จะเล่นด้วยเอง!”
หลังจากวางสายของหูจวินไปแล้ว เยี่ยเทียนครุ่นคิดไปสักครู่ และได้โทรศัพท์ออกไปที่เกาะฮ่องกง ถังเหวินหย่วนเหมือนกับว่ามีตำแหน่งสภาที่ปรึกษาทางการเมืองของจีนด้วยมั้ง?
“เหล่าถัง ฉันเกิดเรื่องแล้ว……”
หลังจากถังเหวินหย่วนรับสาย เยี่ยเทียนไม่พูดไร้สาระและเล่าเรื่องทันที “อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แค่จับไอ้พวกเล่นพรรคเล่นพวกออกมาก็พอ!”
สาเหตุของเรื่องเกิดขึ้นจากหวงซือจื้อ แต่เยี่ยเทียนไม่พอใจกับหัวหน้าที่ออกคำสั่งคนนั้น ถ้าไม่มีคนเหล่านี้ช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ หวงซือจื้อแม้แต่ผายลมก็ไม่คงไม่กล้า
“ผมรู้แล้ว คุณสบายใจเถอะ ไม่มีใครกล้าทำอะไรคุณหรอก” ถังเหวินหย่วนอยากให้เยี่ยเทียนมีเรื่องและมาขอความช่วยเหลือจากเขา และในตอนนี้ก็ได้ยืนยันผ่านโทรศัพท์แล้ว
หลังจากได้ยินการโทรศัพท์ทั้งสองครั้งของเยี่ยเทียนแล้ว ตำรวจหยางและคนอื่นๆต่างก็สงบนิ่งทันที บุคคลคนนี้คิดจะทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่สินะ? ต้องรู้ว่าท่านที่เล่นพรรคเล่นพวกก็คือผู้การของพวกเขา?
เมื่อกี้เยี่ยเทียนรู้สึกไม่พอใจตำรวจหนุ่มคนนั้น ตอนนี้กลับตกใจจนเหงื่อไหลตามหลัง ลูกพี่สำนักย่อยยังไม่อยู่ในสายตา แล้วตนเองละแม้แต่ต้นหอมยังไม่ใช่เลย?
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถตำรวจก็ขับไปถึงสำนักย่อย ตำรวจหยางพาเยี่ยเทียนเดินเข้าตึกใหญ่ไม่นาน ก็มีคนหนึ่งคนเข้ามาต้อนรับ มองดูอย่างไม่เป็นมิตรกับเยี่ยเทียนพูดว่า
“เหล่าหยาง ทำไมไปนานขนาดนั้น? ผู้การถามหาหลายครั้งแล้ว”
“สารวัตรอู๋ เขาคือเยี่ยเทียน ท่านนี้ชื่อสวีเจิ้นหนาน เป็นพยานในที่เกิดเหตุ”
หลังจากได้พบผู้ที่เดินทางมาแล้ว ตำรวจแนะนำเยี่ยเทียนให้กับคนนั้นทราบ และพูดว่า “สารวัตรอู๋ เมื่อสักครู่ที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อย ผมต้องขอไปพบผู้การและขอลาก่อน คดีนี้ ผมจะส่งมอบให้คุณนะ!”
ตำรวจหยางเป็นรองสารวัตรที่รับผิดชอบอาชญากรรมในสำนักย่อย และคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นสารวัตรที่รับผิดชอบความสงบและความเรียบร้อยสาธารณะ คนที่เข้าใจโครงสร้างระบบจะรู้ดีว่าตำรวจรักษาความสงบและความเรียบร้อยสาธารณะเป็นตำแหน่งที่ร่ำรวย สารวัตรคนนี้แน่นอนว่าต้องมีความสัมพันธ์ระดับหนึ่งถึงได้ตำแหน่งนี้มา
เรื่องจริงก็เป็นเช่นนี้แหละ สารวัตรอู๋เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาโดยผู้การ และปีหน้ารองผู้การท่านหนึ่งในสถานีจะลงจากตำแหน่งแล้ว เป็นไปได้สูงมากว่าเขาจะพัฒนาได้อีกหนึ่งขั้น
สำหรับเรื่องนี้แล้ว สารวัตรอู๋รู้ชัดเจนเช่นกัน เพราะว่าตอนที่ผู้การเพิ่งจะเรียกเขาเข้าไปรับงานนั้น คุณชายหวงคนนั้นกำลังดื่มน้ำชาอยู่ในห้องทำงานของผู้การ มองเห็นท่าทางที่สนิทสนมของผู้การ ภายในใจของสารวัตรอู๋ก็รู้แจ้งเลยทันที
เขตปักกิ่งนี้ คนที่สามารถทำให้ผู้การอายุห้าสิบต้นที่มีอำนาจจริงในสถานีตำรวจย่อยออกหน้า แล้วยังมีท่าทีสนิทสนมมากกับคนที่อายุประมาณสามสิบ ก็คงมีเพียงสองเหตุผลเท่านั้น ถ้าไม่ใช่ความสัมพันธ์ญาติ ก็คือฝั่งตรงข้ามมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่ง
สารวัตรอู๋เดาได้ไม่ผิด ผู้การเสิ่น เมื่อสามสิบปีก่อน เคยเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของคุณปู่หวงซือจื้อ หลังจากนั้นย้ายจากระดับกองพันเข้าไปรับตำแหน่งผู้การท้องที่ ก็เพราะเฒ่าแก่จางโข่ว ตระกูลหวงเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด
ดังนั้นหวงซือจื้อจึงมาหาคนที่อยู่สูง ผู้การเสิ่นไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ไม่กล้าเมินเฉย ถึงแม้เฒ่าแก่หวงจะตายแล้วก็ตาม แต่เห็นแก่ความรู้สำนึกในบุญคุณถ้ายังไม่คืนบุญคุณนี้ ยังไงก็คงถูกด่าว่าไอ้คนอกตัญญู
“พอละ เหล่าหยาง มีอะไรก็ไปทำเถอะ ผู้การเซิ่นบอกแล้ว คดีนี้ผมรับมือเอง!”
เห็นตำรวจหยางขอออกจากคดีนี้ด้วยตนเอง สารวัตรอู๋รู้สึกดีใจอย่างไม่ได้ตั้งใจ เมื่อกี้ผู้การเสิ่นสั่งให้เขา “ดูแล” เยี่ยเทียนให้เป็นอย่างดี เขาก็กำลังอารมณ์ไม่ดีที่ตำรวจหยางทำตัวเกะกะ
ตำรวจหยางยิ้มกับเยี่ยเทียน พูดกับสารวัตรอู๋ว่า “สารวัตรอู๋ ที่จริงแล้วคุณเยี่ยเป็นผู้เสียหาย ผู้กองต้องสอบสวนดีดีนะ”
“รู้แล้ว ที่บ้านคุณมีธุระก็รีบไปเถอะ” สารวัตรอู๋สะบัดมือ ที่จริงเขาไม่เอาคำพูดของตำรวจหยางเก็บใส่ใจเลย กลับไม่รู้
ว่าตำรวจหยางวางแผนให้เขาติดกับ
ส่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษนี้ ดูแลควบคุมโดยรองผู้การที่กำลังจะย้ายลงไปเป็นผู้อำนวยการส่วนการสอบสวนอาญาในปีหน้าและรองผู้การท่านนี้ก็เตรียมตัวแล้วว่าถ้าตนเองลงไปอยู่ในตำแหน่งนั้น จะให้สารวัตรคนปัจจุบันในส่วนอาชญากรรมมารับตำแหน่งนี้เป็นเช่นนี้แล้ว รองสารวัตรตำรวจหยางก็สามารถพัฒนาขั้นไปอีกขั้น เพียงแต่ว่าผู้การเสิ่นเคยเป็นทหารมาก่อน ดังนั้นเขาจึงเป็นคนค่อนข้างแข็งกร้าว ความคิดของคนประเภทนี้จึงยากนักที่จะประสบความสำเร็จ
แต่วันนี้ตำรวจหยางกลับมองเห็นความหวัง เขารู้สึกตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงในโทรศัพท์ที่เยี่ยเทียนโทรอันนั้น ถ้าหากผู้การเสิ่นยืนกรานจะช่วยคุณชายหวง เกรงว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที ถึงเวลานั้นโอกาสของเขาก็มาถึงแล้ว
“เสี่ยวจ้าว คุณพาคนๆนี้ไปบันทึกคำให้การหน่อย คุณคือเยี่ยเทียน? มากับผม!”
ถ้าเป็นคดีใหญ่ สารวัตรอู๋สู้ตำรวจหยางที่มาจากมืออาชีพ การชกต่อยแบบนี้จะดูแลโดยทีมรักษาความปลอดภัย จัดการเรื่องของเยี่ยเทียนถือว่าตรงประเด็นมากๆ
“เห้ จะสอบปากคำก็ต้องไปด้วยกัน?” สวีเจิ้นหนานเห็นเยี่ยเทียนกำลังถูกพาไปโดยตัวคนเดียว เขาจึงโหวกเหวกขึ้นมา
“ตำรวจดำเนินดีต้องให้คุณสอนด้วยเหรอ?” สารวัตรอู๋สะบัดมือ ตำรวจสองคนพาสวีเจิ้นหนานไปที่ห้องข้างๆ
หลังจากแยกสวีเจิ้นหนานออกไปแล้ว สารวัตรอู๋กลับพาคนอีกสองคน นำทางเยี่ยเทียนไปถึงห้องให้ปากคำด้าน
ในสุดของตึกสำนักงาน
“นั่งลง!” เพิ่งเข้ามาถึงในห้อง ตำรวจสอบคนก็ดันเยี่ยเทียนให้เขานั่งลงไปที่เก้าอี้สอบสวนที่มีแผ่นพลิกอันนั้น
……….