“วาง … วางปืนลง!”
เมื่อสารวัตรอู๋ดึงสติกลับมา เขาพบว่าเยี่ยเทียนเล่นอยู่กับปืนกระบอกนั้น แต่สิ่งที่ทำให้เขามีความตกใจและกลัวก็คือ เยี่ยเทียนกำลังใส่กระสุน ผลักและดึงไกปืนเล่น
แม้ว่าสารวัตรอู๋จะเป็นผู้รับผิดชอบด้านความปลอดภัยสาธารณะ แต่จะพูดยังไงก็เป็นตำรวจเก่ามานานกว่า 20 ปี เขารู้จิตใจของอาชญากรเป็นอย่างดี เมื่อพวกเขาไม่มีทางไปแล้ว ก็มีแนวโน้มที่จะแสดงพฤติกรรมที่รุนแรง
หลังจากเคยถูกยิงบนภูเขาฝ่อกงซาน เยี่ยเทียนก็ยิ่งไม่พอใจอาวุธที่ทันสมัยเหล่านี้มากขึ้น ดวงตาของเขาจ้องมองที่สารวัตรอู๋และพูดว่า
“ฉันไม่ใช่คนร้าย ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยทางอาชญากรด้วยซ้ำ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเล็งปืนมาที่ฉันหรอกมั้ง? “
“คุณ … คุณวางปืนลง”
สารวัตรอู๋ถูกจ้องโดยเยี่ยเทียน จึงมีความรู้สึกที่น่าขนลุกอยู่ในใจ ราวกับว่าเขาไม่ได้เผชิญหน้ากับคนคนนึง แต่ราวกับว่ากำลังเผชิญ
หน้ากับสัตว์ร้าย
“ไม่มีปัญหา!” เยี่ยเทียนดึงปืนออกมาสองสามครั้ง กระสุนสีเหลืองส้มก็พุ่งออกมาตกลงบนพื้นด้วยเสียงดังคมชัด
“คุณโจมตีตำรวจอย่างเปิดเผย นี่เป็นการละเมิดกฎหมายแล้ว ผมขอแนะนำให้คุณบอกความจริงและรอการลงโทษจากทางกฎหมายจะดีกว่า!”
เมื่อเห็นว่าเยี่ยเทียนถอดกระสุน อารมณ์ตึงเครียดของสารวัตรอู๋จู่ๆ ก็ผ่อนคลายลงมาก งัดข้อหาใส่ให้เยี่ยเทียนอย่างรวดเร็ว ในห้องสอบสวนนี้เต็มไปด้วยตำรวจ ความผิดที่เยี่ยเทียนทำร้ายตำรวจนั้นสามารถยืนยันได้
“ทำร้ายตำรวจเหรอ”
เยี่ยเทียนยิ้มอย่างเยือกเย็น โยนปืนใส่สารวัตรอู๋ และกล่าวว่า “ฉันแค่ปกป้องตนเองเท่านั้น กฎหมายกำหนดให้ว่าเมื่อจะได้รับบาดเจ็บ สามารถป้องกันตัวเองได้มิใช่หรือ?”
“เยี่ยเทียน แกตายแน่ เมื่อแกเข้าไปในห้องขัง ฉันจะเล่นแกจนตาย!”
การเคลื่อนไหวของหวงซือจื้อนั้นช้ากว่าของสารวัตรอู๋มาก รอเขาวิ่งเข้าไปในห้องสอบสวน เยี่ยเทียนก็ได้โยนปืนให้กับ สารวัตรอู๋แล้ว มองเห็นตำรวจหลายนายล้มอยู่ที่พื้้น สารวัตรอู๋ถือปืนไว้ ทันใดนั้นก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก
” หวงซือจื้อ ทำไม แกมีความสามารถเท่านี้หรือ?”
เมื่อเห็นหวงซือจื้อเข้ามา เยี่ยเทียนก้าวไปหนึ่งก้าว คว้าคอของเขาแล้วพูดว่า “คุณชายหวง ผู้ใหญ่บ้านแกไม่ได้สั่งสอนแกหรือ กับคนบางคน อย่าไปมีเรื่องกับเขา?”
เยี่ยเทียนจับเส้นเลือดที่คอของเขา จู่ๆ หน้าของหวงซือจื้อก็บวมแดง และหายใจไม่ออก คำพูดจากปากของเขาก็เปร่งออกมาได้สองสามคำ
“พี่ … พี่อู๋ ยิง … ยืงสิ?”
“ผมก็อยากยิงใจจะขาด!” สารวัตรอู๋รู้สึกหดหู่ใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ กระสุนก็ตกลงบนพื้นแล้ว ปืนในมือของเขายังสู้กระบอง ตำรวจไม่ได้เลย
“เยี่ยเทียน ปล่อยคนก่อน อย่าเพิ่มความผิดเลย!”
สารวัตรอู๋รู้สึกใจคอไม่ดีเล็กน้อย เสียงพูดของเขาดังมาก เขาต้องการดึงดูดความสนใจจากเพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างนอก ในขณะเดียวกันร่างกายของสารวัตรอู๋ก็ขยับออกไปนอกประตู
“อยากจะออกไปหรือ?”
เยี่ยเทียนใช้มือโยนหวงซือจื้อไปข้างๆ เอาร่างกั้นสารวัตรอู๋ไว้อย่างฉับพลัน ใช้เท้าปิดตะขอประตูห้องสอบสวน
“คุณนี่เป็นความหายนะจริงๆ !”
หลังจากปิดกั้นสารวัตรอู๋เสร็จ เยี่ยเทียนจ้องไปที่หวงซือจื้อแทน มือขวาเอาไว้ด้านหลังกล้องวงจรปิดและบีบนิ้ว วาดค่ายกลในอากาศ แล้วตบไปที่ไหล่ของหวงซือจื้อ
หวงซือจื้อรู้สึกชาไปทั่วร่างกาย และถอยหลังอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่ดูน่ากลัวพร้อมตะโกนว่า “แก … แกจะทำอะไร?”
“เป็นพวกไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ มีอะไรก็ใช้มีดใช้ปืน ทำไมต้องทำแต่เรื่องลับหลังแบบนี้?”
เยี่ยเทียนมองไปที่สารวัตรอู๋ผู้ซึ่งยืนอยู่ที่นั่นอย่างไม่สบายใจ และค่อยๆ นั่งลงในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ห้องสอบสวน พูดว่า “ไม่สำคัญหรอกว่าตัวเองจะอับอายหรือไม่ ระวังจะทำลายอนาคตของคนอื่นด้วย?
เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว สารวัตรอู๋ยิ่งรู้สึกไม่ปลอดภัยมากขึ้น เขาหวังเพียงว่าผู้การจะมาเร็วๆ เพราะเขาสูญเสียการควบคุมกับเหตุการณ์ในตอนนี้ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
“ข้างในนี้เเกิดเรื่องแล้ว!”
เสียงของสารวัตรอู๋ที่เพิ่งส่งออกไปปลุกผู้คนจำนวนมาก และตำรวจในห้องกล้องวงจรปิดได้เห็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น และรายงานไปที่ข้างบนทันที
การจ่อตำรวจด้วยปืนในสถานีตำรวจ เป็นเรื่องที่พบได้น้อยมากนับตั้งแต่การเปิดประเทศมา
เสิ่นหมิงซิน ผู้การเสิ่นที่แต่เดิมคิดว่าจะชวนหวงซือจื้อไปกินข้าว หลังจากได้รับรายงาน ทันใดนั้นก็เหงื่อออกมาทั้งตัวรีบพาคนไปที่ประตูห้องสอบสวน
“ตอบฉันมาสิ ถ้าเขาไม่ปล่อยคน เตรียมจัดผู้คนแล้วให้รีบเข้าไป ฆ่าทันที!”
เสิ่นหมิงซินเคยเข้าร่วมสงครามเวียดนามในปี 70 แม้ว่าเขาจะไปถึงสถานที่นั้น เขาก็ยังคงยึดมั่นในความแข็งแกร่งของกองทัพอยู่
เสมอ ตอนนี้หลานชายของหัวหน้าเก่า ถูกจี้โดยเยี่ยเทียนอยู่ด้านใน เขาจึงตัดสินใจทันทีเกี่ยวกับแผนการที่จะจัดการกับเหตุการณ์
“เหล่าเสิ่น ใครให้สิทธิคุณในการยิงผู้คน” เช่นเดียวกับที่ตำรวจหลายคนที่เอาปืนมาเล็งไว้ด้านหน้าของประตู ก็มีเสียงออกมาตอนที่
พวกเขากำลังจะพังประตู
เมื่อเสิ่นหมิงซินได้ยินเสียงและตกตะลึง หันหัวไปมอง เป็นผู้การของแผนกอื่นที่ไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ย “ผู้การจ้าว นี่ไม่ใช่สำนักย่อยของคุณ ยังไม่ถึงคราวคุณพูดหรอกมั้ง?”
ชายชราหวงในตอนนั้นมีลูกน้องคนหนึ่ง ตอนนี้ทำหน้าที่เป็นรองหัวหน้าในกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ เขาดูแลหัวหน้าเสิ่นเป็นอย่างดี ดังนั้น เสิ่นหมิงซินไม่เคยให้ความสนใจกับผู้การสำนักย่อยมากนัก
ผู้การจ้าวยังไม่ทันพูด แต่หูจวินซึ่งอยู่ข้างเขารู้สึกกังวลและตะโกนว่า “แม่งเอ้ย ถ้ากล้ายิง ฉันจะฆ่าแก!”
หูจวินมาอยู่ในปักกิ่งได้ไม่นาน และความสัมพันธ์ในพื้นที่นั้นน้อยกว่าของหวงซือจื้อ กระทั่งผู้การจ้าวเอง ก็เป็นเพียงเพื่อนกับเลขานุการของพ่อเขา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาเลย
เพียงแต่ว่าหูจวินไม่ได้คาดคิดว่าสถานการณ์จะบานปลายเช่นนี้ เยี่ยเทียนถูกล้อมอยู่ในห้องโดยกลุ่มตำรวจที่มีปืนจริง และผู้การกล้าที่ออกคำสั่งให้ฆ่า?
หูจวินรู้ถึงความสัมพันธ์ของเยี่ยเทียนและถังเหวินหย่วน หากไม่สามารถป้องกันเยี่ยเทียนได้ วันนี้ในที่นี่เขาจะถูกลงโทษ ดังนั้นเขาจึงวิตกกังวลมาก และเอาโทรศัพท์ออกมาเพื่อต่อสายไปยังหน่วยงานทางทหาร
“เฮ้ หูจวิน อย่าทำในสิ่งที่โง่นะ!”
เมื่อเห็นว่าหูจวินจะโทรศัพท์จริงๆ ผู้การจ้าวก็ตกตะลึงในทันที นี่คือเมืองหลวงนะ ถิ่นที่อยู่ใต้เท้าของจักรพรรดิ หากไปยุ่ง
กับกองทหาร จะเป็นเรื่องใหญ่อย่างแท้จริง
“ใช้กองทัพมาข่มขู่ฉันใช่ไหม?”
เสิ่นหมิงซินพูดอย่างเย้ยหยันว่า “เมื่อตอนที่ฉันกำลังทำสงคราม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแกเป็นโคลนอยู่ที่ไหน ตะโกนเข้าไป ถ้าคนข้างในยัง ดื้อดึงไม่ยอมรับผิด จะพังเข้าไปแล้ว!”
“เกิดอะไรขึ้น? เหล่าเสิ่น ทำไมโทรศัพท์สำนักงานของคุณถึงโทรไม่ติดเลย? ” คำพูดของผู้การเสิ่นยังไม่ทันสิ้นเสียงก็มีเสียงดังจากฝูงชนข้างนอก
“นี่ใครอีก?” ในใจเสิ่นหมิงซินรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เขาคิดว่าสำนักย่อยนี้เป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบของตนแล้ว ทำไมผู้คนถึงเข้ามาขัดจังหวะได้ตลอด?
“ผู้การเฮ่อ? คุณมาที่นี่ได้ยังไง?” เดิมที่ยืนอยู่ข้างนอก ผู้การจ้าวก็ได้เห็นถึงการมาผู้การเฮ่ออย่างชัดเจน รีบเข้าไปทำการต้อนรับเขาอย่างรวดเร็ว
“ผู้การเฮ่อ?” เสิ่นหมิงซินรู้สึกประหลาดใจ นอกจากผู้การเฮ่อ ผู้ซึ่งรับตำแหน่งผู้การคนแรกในสำนักเทศบาล ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสมควรได้รับตำแหน่งนี้
ข้าราชการมีกฎของข้าราชการ ศักดิ์ศรีของความเป็นผู้นำเป็นสิ่งที่ละเมิดไม่ได้ มิฉะนั้นถ้าอาศัยความสัมพันธ์และเห็นแก่หน้ากัน ระบบก็จะยุ่งกันไปหมด
เสิ่นหมิงซินสามารถไม่เห็นแก่หน้าผู้การจ้าว แต่เขาไม่กล้าที่จะรุกรานผู้การเฮ่อคนนี้แน่นอน มิฉะนั้นผู้นำของกองทัพคนนั้นก็ไม่สามารถปกป้องเขาไว้ได้
แม้ว่าเสิ่นหมิงซินมาจากกองทัพ เขาก็เข้าใจความจริงของกฏข้อนี้ดี เขาแยกคนออกจากกันอย่างรวดเร็ว และพูดกับผู้การเฮ่อว่า “รายงานครับผู้การเฮ่อ ด้านในมีผู้ต้องหากำลังจี้ตำรวจหลายคน ผมกำลังดำเนินการครับ”
” ช่างกล้านะ คุณและหวงซือจื้อสมรู้ร่วมคิดกันเพื่อละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของพวกเขาต่างหาก พาเยี่ยเทียนมาที่สำนักงานตำรวจและใช้ศาลเตี้ย คุณเป็นผู้การยังไงกัน?”
หูจวินไม่ได้เป็นบุคคลภายในระบบ แต่ผู้ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของเขานั้นมีตำแหน่งสูงกว่าผู้การคนใดในเมืองหลวง หลังจากได้ยินคำพูดของเสิ่นหมิงซินเขาก็เริ่มดุออกชุดใหญ่
“คุณ … คุณพูดเรื่องไร้สาระ!” ณ จุดนั้นเมื่อถูกหูจวินเปิดเผยความคิดของเขา เลือดก็ขึ้นหน้าของเสิ่นหมิงซิน
“เยี่ยเทียน? เรื่องเป็นยังไงกัน? คุณไม่ได้เข้ามาช่วยตรวจสอบหรือ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”
เรื่องที่คนส่วนใหญ่ในที่เกิดเหตุต่างคาดไม่ถึงก็คือ ผู้การเฮ่อคนนั้นยังไม่ได้พูดอะไร ชายวัยกลางผู้ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาก็ได้ตั้งคำถามหลายข้อออกมา
“เลขาเจียว คุณสามารถมั่นใจได้ ผมจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างชัดเจนแน่นอน”
เมื่อผู้การเฮ่อพูดแบบนี้ ทุกคนตกตะลึง การที่ผู้การเฮ่อของพวกเขามาถึงนั้นไม่ใช่ตัวเอก แต่เป็นการมาของเลขาธิการเจียวคนนี้ต่างหาก?
หลายคนที่มีความสนใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในขณะนั้นก็จำขึ้นได้ว่า ชายวัยกลางคน คนนี้เป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคเทศบาล ซึ่งจะปรากฏตนพร้อมกับหัวหน้ารัฐมนตรีบนช่องสถานีของเมืองหลวง
หลังจากที่ถังเหวินหย่วนได้รับโทรศัพท์จากเยี่ยเทียน คิดมาครึ่งวันและเห็นว่าเรื่องนี้มันไม่เหมาะสม ดังนั้นเพียงแค่ถังเหวินหย่วนยกหูโทรศัพท์ถึงรองเลขาธิการของกรุงปักกิ่ง บอกว่าเยี่ยเทียนเป็นหลานชายของเขา
สำหรับผู้นำจีนอย่างถังเหวินหย่วนนี้ รองปลัดกระทรวงคนไหนก็ไม่กล้าที่จะชักช้า ใช้ให้เลขาเจียวดำเนินการทันทีเพื่อจัดการเรื่องนี้
“ต้องมั่นใจความปลอดภัยของเยี่ยเทียน ต้องตรวจสอบเรื่องการใช้อำนาจอย่างไม่เหมาะสม!”
คำพูดของเลขาเจียว ทำให้เสิ่นหมิงซินที่จำตัวตนของเขาได้ก็เย็นลงอย่างกะทันหัน และแนวโน้มของคำเหล่านี้ก็แรงเกินไปมั้ง? ยังไม่ทันตรวจสอบเรื่องราวก็ให้ความมั่นใจก่อนตรวจสอบแล้ว!
สุภาษิตกล่าวไว้ว่าตำแหน่งสูงกว่าหนึ่งขั้นก็กดขี่คนให้ตายได้ เสิ่นหมิงซินเป็นเพียงท่านรอง กับรองสำนักงานใหญ่นั้นมีช่องว่างที่ผ่านไม่ได้ ถ้าอีกฝ่ายต้องการจะกำจัดเขา นั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
“เขาเป็นคนเริ่มโจมตีตำรวจก่อน และตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจห้าคนที่ยังถูกจี้ เราไม่ได้ใช้กฎศาลเตี้ยเลย!” เสิ่นหมิงซินกำลังขี่หลังเสือและลงได้ยาก ทำได้แค่มุ่งเน้นไปที่เรื่องที่เยี่ยเทียนทำร้ายตำรวจ
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่สามารถฟังคำพูดของคุณข้างเดียวนะ ฉันคิดว่า หยุดงานของผู้การคนนี้ก่อนได้หรือไม่?”
คำพูดที่ลอยมากะทันหันนี้ ทำให้เลขาเจียวตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง แม้แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดว่าให้หยุดงานของผู้การเสิ่นโดยตรง บุคคลที่มานี้คือใครกัน น้ำเสียงที่ดังและหนักแน่นเพียงนี้?
……..