เยี่ยเทียนเป็นคนที่ไปไหนมาไหนอย่างอิสระตั้งแต่เด็ก เรื่องอะไรก็จะยึดความคิดเห็นของตัวเองเป็นหลัก แม้แต่เยี่ยตงผิงก็ไม่สามารถจัดการเขาได้ ภายใต้การบังคับการแต่งงานของป้าสองสามคน ทำให้ในใจของเยี่ยเทียนกลัดกลุ้มขึ้นมา
“เยี่ยเทียน อย่ายุ่งเรื่องของพวกป้าๆ เลยนะ”เมื่อเห็นเยี่ยเทียนโกรธแล้วพุ่งตรงเข้ามาในเรือนกลางบ้าน อวี๋ชิงหย่ารีบคว้าเขาทันที
“นั่นเกิดอะไรขึ้นน่ะ ต้องให้พวกเธอไม่โน้มน้าว เธอให้ลูกชายไม่ได้อย่างที่หวังเลยร้องไห้ใช่ไหม”เมื่อได้ยินว่าไม่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับพวกป้าๆ ทันใดนั้นในใจของเยี่ยเทียนถึงกับผ่อนคลายขึ้นมา แล้วก็เริ่มแซวเล่นว่า
“เธอนี่ เก็บท่าทางไม่อยู่เลยนะ”อวี๋ชิงหย่าที่ร้องไห้ต้องหัวเราะคำพูดของเยี่ยเทียน ตบตัวเขาให้จำสักหน่อย แล้วพูดว่า “เพื่อนของฉันหูเสี่ยวเซียนเกิดเรื่องขึ้นแล้ว”
“หูเสี่ยวเซียนเหรอ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนล่ะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นล่ะ”
เยี่ยเทียนได้ยินแล้วถึงกับตะลึง ในสมองมีภาพเงาของเด็กผู้หญิงหน้ากลมๆนี้ขึ้นมา เด็กผู้หญิงตงเป่ยคนนี้มีนิสัยตรงไปตรงมา เยี่ยเทียนรู้สึกประทับใจไม่น้อย
“เสี่ยวเซียนเรียนจบก็กลับบ้านเกิด งานที่สถานีโทรทัศน์ในเมืองนั้น ทำงานเกือบจะสองเดือนแล้ว”
อวี๋ชิงหย่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับน้องๆไม่กี่คนที่อยู่หอพักเดียวกัน ถึงแม้จะเรียนจบแล้ว แต่ห่างกันไม่ถึงสองสามวันก็โทรศัพท์มาหากัน เมื่อกี้เป็นเพื่อนสาวที่อยู่ตงเป่ยอีกคนหนึ่งที่โทรมาหา
ชิงฮวาหยวนถึงแม้จะมหาลับที่มีชื่อเสียงระดับต้นของประเทศ แต่สาขาวารสารศาสตร์ก็ไม่ได้ดังเท่ากับสถาบันกระจายเสียงปักกิ่ง อยากทำงานในเมืองหลวง เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย
เหมือนเว่ยหรงหรงที่ได้ทำงานในสถานีโทรทัศน์ในปักกิ่ง หนึ่งเนื่องจากเธอมีสำมะโนครัวที่ปักกิ่ง สองเส้นสายของเว่ยหงจวินนั้นกว้างขวาง นี่ถึงทำให้ลูกสาวได้มีหน้ามีตาในการทำงาน ต้องรู้ว่า สถาบันกระจายเสียงทุกปีนักเรียนที่จบแบบเกียรตินิยมก็หางานทำไม่ได้
ที่อวี๋ชิงหย่าสามารถทำงานที่ซีเอ็นทีวีได้ ที่จริงอวี๋เฮ่าหรานก็ใช้ความพยายามไม่น้อย แต่แค่ไม่ได้บอกลูกสาวให้รู้เท่านั้น ส่วนหูเสี่ยวเซียนนั้น แค่มาจากที่ไหนก็ต้องกลับไปที่นั่น
แน่นอน แค่อาศัยชื่อชิงฮวาหยวน ตำแหน่งของหูเสี่ยวเซียนก็ตกลงอย่างรวดเร็ว แต่ตำแหน่งพิธีกรก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้น เขากลายเป็นนักข่าวในสถานีโทรทัศน์เมืองฉางไป๋คนแรก
“ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”ใบหน้าของเยี่ยเทียนเต็มไปด้วยความสงสัย เมื่อเห็นอวี๋ชิงหย่าแบะปากอยากร้องไห้ออกมา รีบพูดว่า “เธอก็อย่ารีบ ค่อยๆพูดก่อน”
เมื่อเห็นท่าทางของอวี๋ชิงหย่า เยี่ยเทียนก็อ่านชื่อของหูเสี่ยวเซียนในใจ มือขวาก็ดีดแต่ละนิ้วไปมา กลับทำนายโชคชะตาเธอขึ้น
“ไม่ดี เด็กผู้หญิงคนนี้น่าจะถูกบังคับขู่เข็ญ เกรงว่าน่าจะอันตรายถึงชีวิต!”เพิ่งจะทำนายโชคชะตาไปนิดหนึ่ง ใบหน้าของเยี่ยเทียนถึงกับตกใจ ขมวดคิ้วขึ้นมา
ถึงแม้ว่าตอนนั้นเยี่ยเทียนจะเจอหูเสี่ยวเซียนเมื่อสองเดือนกว่า แต่ไม่ได้ช่วยดูรูปลักษณ์ใบหน้าของเขาให้ละเอียด แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่เหมือนคนที่ตายก่อนวัยอันควร แต่การทำนายเมื่อสักครู่ เส้นกวาเซี่ยงกลับเห็นเคราะห์ร้ายมากๆ
แน่นอน โชชะตาของคนเปลี่ยนไม่ได้แน่นอน ด้วยการเพิ่มอายุและการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ประสบการณ์ระหว่างบุคคลก็เป็นการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หรือสิ่งเล็กน้อยที่อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตของบุคคลได้
ในเวลานี้อวี๋ชิงหย่าได้ปรับอารมณ์ดีแล้ว เริ่มพูดว่า “เยี่ยเทียน เสี่ยวเซียนเป็นโรคประหลาด ตอนบ่ายหลังจากที่เข้าโรงพยาบาล ก็เป็นลมยังไม่ฟื้น หมอบอกว่าสัญญาณชีพของเธออ่อนแอมากน่าจะ……น่าจะมีโอกาส……ที่จะตายได้”
เมื่อพูดถึงอาการป่วยของหูเสี่ยวเซียน อวี๋ชิงหย่าก็อดไม่ได้ที่ร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง พวกเธอเพิ่งแยกออกจากกันแค่สองเดือน เมื่อพี่น้องที่อาศัยอยู่ด้วยเป็นเวลาสี่ห้าปีต้องมาเจอเรื่องอย่างนี้ อวี๋ชิงหย่าในใจที่ในอ่อนและขี้สงสารมาตลอดก็ไม่สามารถรับเรื่องนี้ได้
เยี่ยเทียนคว้าอวี๋ชิงหย่าเข้ามาร้องไห้ในอ้อมอก พูดเสียงที่นุ่มนวลว่า “เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ละเอียดสิ หูเสี่ยวเซียนก็คงจะรู้สึกตัวโดยไม่มีสาเหตุหรอกมั้ง”
อวี๋ชิงหย่าส่ายหน้า พิงไหล่ของเยี่ยเทียนอย่างอ่อนแรง มือทั้งสองกอดเยี่ยเทียนไว้ พูดว่า “ฉันไม่รู้ เสี่ยวจิ้งบอกว่าหูเสี่ยวเซียนไปสัมภาษณ์ที่หนึ่ง หลังจากนั้นพอกลับมาถึงที่หน้าประตูสถานีโทรทัศน์จู่ๆก็เป็นลม ถ้าไม่ได้ยามหน้าประตูมาส่งให้ทันเวลา ตอนนั้นอาจจะไม่มีชีวิตแล้วก็ได้”
เสี่ยวจิ้งก็เป็นเพื่อนนักเรียนของหยูชิงหย่าอีกคน และก็เป็นคนที่เพิ่งโทรศัพท์มา และยังเป็นเพื่อนที่ทำงานที่สถานีโทรทัศน์เดียวกัน หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น เธอก็เฝ้าที่โรงพยาบาลตลอด
“ชิงหย่า อย่ารีบร้อนไป คนดีผีคุ้ม หูเสี่ยวเซียนอายุน้อยขนาดนี้ น่าจะไม่เป็นไรหรอก
จากที่ทำนายและการบอกของอวี๋ชิงหย่าเยี่ยเทียนก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวของหูเสี่ยวเซียนกันแน่ แค่ตอนนี้ปลอบใจชิงหย่าเท่านั้น
อวี๋ชิงหย่าจู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้น พูดอย่างมุ่งมั่นว่า “ไม่ได้ล่ะ ฉัน……ฉันจะต้องไปดูเสี่ยวเซียน ฉันจะโทรหาหรงหรง!”
“เอ๋ ฉันว่า ผมไม่ไปทำงานเหรอ”
เยี่ยเทียนยกมือของอวี๋ชิงหย่ากดหมายเลขโทรศัพท์ พูดอย่างจริงใจว่า เมื่อกี้เยี่ยเทียนได้ทำนายโชคชะตาออกมาเหมือนมีเคราะห์ร้ายนิดหน่อย เขาไม่อย่างให้อวี๋ชิงหย่าไปเจออันตรายในครั้งนี้
อวี๋ชิงหย่าโทรศัพท์ แล้วพูดว่า “พักร้อนได้ ที่จริงวันหยุดสิบห้าฉันจะกลับบ้านได้ ฉันไม่เคยได้พักเลยก็เท่านั้น”
“หรงหรง เธอก็รู้ ฉันต้องการไปเยี่ยมเสี่ยวเซียนที่เมืองฉางไป๋ เธอไปไหม ที่จริงๆ งั้นพวกเราไปด้วยกัน ได้ งั้นเธอจองตั๋วนะ จองตั๋วสองใบ!”
หลังจากที่พูดโทรศัพท์ อวี๋ชิงหย่าก็พูดกับเว่ยหรงหรงไม่กี่ประโยค ก็ร้องดีใจขึ้นมา มองไปที่เยี่ยเทียนที่ส่ายหัวตลอด เมื่อกี้เพิ่งเสียใจอยู่เลย จู่ๆตอนนี้ก็ยิ้มขึ้นมา ยังกล้าที่จะไปเที่ยวอยู่เหรอ
เยี่ยเทียนเอาปากไปพูดที่ข้างหูอวี๋ชิงหย่า พูดเสียงดังว่า “จองตั๋วสามใบ ผมก็ไป !”
จะให้อวี๋ชิงหย่าไปยังเมืองที่อยู่ใกล้กับสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยของเกาหลีเหนือ เยี่ยเทียนไม่วางใจ โดยเฉพาะหลังจากที่ทำนายไปแล้ว ดูเหมือนว่าที่นั่นจะไม่ค่อยสงบนัก ดูเหมือนว่าตัวเองคงเกิดเรื่องที่ยุ่งยากอีกแล้ว
หลังจากที่เยี่ยเทียนพูด อวี๋ชิงหย่าก็รีบโทรศัพท์พูดว่า “ได้ หรงหรง จองสามใบ เอ้อใช่ เธอถามสวี่เติ้นหนานสิจะไปหรือไม่ไป”
“อย่าเลย คือนี่ไปเยี่ยมเพื่อนที่ป่วย ไม่ใช่ไปเที่ยว!”
เยี่ยเทียนได้ฟังก็เดือดเป็นพืนเป็นไฟ พาผู้หญิงสองคนนี้ไป เขายังกลัวว่าจะดูแลพวกเธอไม่ได้ ถ้าต้องเพื่มสวี่เจิ้หนานไปอีก ยิ่งไม่ใช่เพิ่มภาระไปมากกว่านี้เหรอ
“ดี งั้นพวกเราสามคน เธอจองตั๋วนะ!”อวี๋ชิงหย่าถูกเยี่ยเทียนที่กำลังหน้าแดงพูดใส่ หลังจากที่พูดในโทรศัพท์สองสามประโยค ก็วางโทรศัพท์ลง
“พอแล้ว อย่าเป็นห่วงไปเลย มีสามีแบบคุณตามฉันไปด้วย เหยียนลั่วหวังก็เอาชีวิตหูเสี่ยวเซียนไปไม่ได้!”
เยี่ยเทียนส่ายหน้า เอามือไปบีบที่จมูกที่สวยๆเล็กๆของชิงหย่า ความจริงที่เขาต้องไปเมืองฉางไป๋ในครั้งนี้ ที่ทำนายว่าหูเสี่ยวเซียนรับเคราะห์ที่จริงเป็นแค่ความหวาดกลัว ไม่ได้มีอันตรายอะไร
เยี่ยเทียนรู้ ตัวเองเป็นผู้สูงศักดิ์ แต่นักพรตเต๋าเคยพูดกฎดวงสมพงศ์กัน หูเสี่ยวเซียนกับอวี๋ชิงหย่าสมพงศ์กัน ตัวเองเธอก็มีความประทับใจกันได้ไม่เลวนัก พูดอะไรไม่ได้ยังไงก็ต้องช่วยกัน
“พวกเธอสองคน คนหนึ่งโทรศัพท์คนหนึ่งเปิดประตู ทำไมถึงไปนานขนาดนี้ เอ๊ะ ชิงหย่า เยี่ยเทียนรังแกหนูหรือเปล่า”
หลังจากกลับมาที่ห้องอาหาร คนทั้งบ้านก็จ้องมาที่เยี่ยเทียนและสองคน อวี๋ชิงหย่าถึงแม้จะแต่งหน้ามาบ้างแล้ว แต่ตาที่แดงๆยังหลบจากสายผู้หญิงสองสามคนในนั้นไม่ได้
“ป้าใหญ่ ผมจะกล้าที่ไหนกัน”เยี่ยเทียนร้องความไม่เป็นธรรมขึ้นมา “เพื่อนของชิงหย๋าเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย พรุ่งนี้ผมจะไปเมืองฉางไป๋เป็นเพื่อนเธอ พวกคุณก็อย่าคิดมากไป”
“จะไปอีกแล้วเหรอ เสี่ยวเทียน นาย……นายเพิ่งจะกลับบ้านมานะ!”เมื่อได้ยินว่าเสี่ยวเทียนจะต้องออกจากบ้านไปอีก พวกป้าๆสองสามคนก็อดที่จะตัดใจไม่ได้
เยี่ยเทียนพูดทีเล่นทีจริง “พวกเราถือโอกาสไปเที่ยว กลับมาไม่แน่ว่าอาจจะแต่งงานก็ได้นะ”
“งั้นก็ดี งั้นถึงอนุญาต ฉันว่าเสี่ยวเทียน นายก็ไม่เคยพาชิงหย่าไปเที่ยวนี่ ทั้งวันมั่วแต่ยุ่งเรื่องของตัวเอง ครั้งนี้พาชิงหย่าไปเที่ยวดีๆล่ะ!”
เมื่อเยี่ยเทียนพูดคำนี้ออกมา ทันใดนั้นใบหน้าของหญิงชราก็ยิ้มราวกับดอกไม้บาน แทบอยากจะให้เยี่ยเทียนแต่งงานสักที เมื่อได้ยินเยี่ยเทียนรีบมองบน ผู้หญิงในตระกูลเยี่ยทำไมถึงเป็นอย่างนี้นะ
หลังจากที่กินข้าว เยี่ยเทียนก็ให้ชิงหย่าอยู่คุยกับพวกป้าๆ ตัวเองกลับลากโก่วซินเจียกลับมาที่บ้านของตัวเอง พรุ่งนี้ต้องไปเมืองฉางไป๋ เขามีปัญหาบางอย่างที่อยากจะได้คำแนะนำจากศิษย์พี่
เยี่ยเทียนก็เอาเรื่องที่หยูชิงหย่าพูดให้โก่วซินเจียฟัง หลังจากนั้นก็พูดว่า “ศิษย์พี่ เรื่องนี้คุณคิดว่าเป็นว่าเป็นยังไง”
ถึงแม้ว่าการทำนายจะไม่ค่อยแม่นยำมาก แต่ไม่รู้ว่าทำไม เยี่ยเทียนถึงรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับวิชาฉีเหมินในยุทธภพ เกี่ยวข้องกับวิชาฉีเหมิน แน่นอนว่าต้องสอบถามกับโก่วซินเจีย
ต้องรู้ว่า โก่วซินเจียตอนที่ก่อนปลดแอก เคยคุมสำนักฉีเหมินในประเทศ รู้สถานการณ์ทุกสำนักของวิชาฉีเหมินเป็นอย่างดี ถึงแม้จะห่างกันครึ่งศตวรรษแล้ว แต่วิชาฉีเหมินการรุกล้ำพื้นที่ ในที่สุดก็มีคนรุ่นหลังที่ยังอยู่
“ไม่แน่ว่า อยู่ๆอาจจะมีโรคระบาดเกิดขึ้นก็ได้ ก็อาจจะถูกคนเสกคาถาอาคม ต้องเจอหน้าถึงจะพูดได้”โก่วซินเจียคิดสักพัก พูดว่า “ไม่งั้นเอาอย่างนี้เถอะ ศิษย์น้อง พรุ่งนี้ฉันไปเป็นเพื่อนนายสักรอบหน่อย”
“ศิษย์พี่ ไม่ต้องแล้ว คุณพูดสถานการณ์ของวิชาฉีเหมินที่นั่นให้ผมฟังก็พอ”เสี่ยเทียนส่ายหน้า ศิษย์พี่เป็นคนที่อายุแปดสิบกว่าปี จะให้วิ่งเต้นไปทั่วตามตัวเองไปได้ยังไง
“เมืองฉางไป๋บุกรุกเข้าไปในภูเขาฉางไป๋ ก็เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นเขตแดนของมณฑลเหลียวหนิงตะวันออก นั่นเป็นที่กำเนิดของราชวงศ์ชิง เป็นบ้านเกิดของแมนจูเรีย ดังนั้นจึงเป็นสถานที่ที่เฟื่องฟูของหมอผีเชมัน”
โก่วซินเจียคิดสักพักแล้วก็พูดต่อว่า “ตอนปลายราชวงศ์ชิง เชมันได้เสื่อมสลายลงไปมาก หลังจากที่ราชวงศ์ชิงล้มสลาย ก็ไม่ปรากฎหมอผีเชมันในพื้นที่ราบแห่งนี้ ดังนั้นฉันจึงค่อยไม่รู้เรื่องพวกเขามาก”
“ศิษย์พี่ ความหมายของคุณ ยังมีหมอผีเชมันหลงเหลืออยู่ตรงนั้น”เยี่ยเทียนถาม เขารู้สึกว่าตัวเองเดินทางครั้งนี้เหมือนจะคลุกเคล้าไปกับวิชาฉีเหมินในท้องถิ่น
“แน่นอน ประวัติความเป็นมาของหมอผีเชมันกับเวลาของคนในปัจจุบันก็ยาวนานเท่ากันๆ จะล้มสลายไปหมดเหรอ”
โก่วซินเจียพยักหน้า น้ำเสียงพูดอย่างมุ่งมั่นมาก “นอกจากหมอผีเชมัน ทางนั่นยังมีพระลัทธิรื่อเยว่อยู่ มีนามสกุลหูและนามสกุลซงเป็นหัวหน้า ฉันกลับรู้จักชายชราคนหนึ่งที่เป็นคนตระกูลเจีย ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ไหม”
พูดถึงตรงนี้ โก่วซินเจียก็ยิ้มขึ้นมา “พระลัทธิตะวันและจันทราจะเชื่อในวิญญาณแห่งสวรรค์และโลกบรรพบุรุษ บรรพบุรุษตระกูลหูและตระกูลซงทั้งสองตระกูล เดิมทีไม่ใช่สองตระกูลนี้ แค่อีกคนนับถือหวงต้าเซียน อีกคนนับถือซงลี่ซื่อ นี่ถึงได้เปลี่ยนนามสกุล!”
……