หงหูเต๋อส่ายหัว กล่าวว่า “เยี่ยเทียน นี่ไม่ใช่เรื่องเงินทอง โสมพวกนี้เก็บสะสมคุณค่าของดินเอาไว้ หากว่าได้รับความเสียหายนั้นน่าเสียดายมาก”
ถึงแม้จะเป็นหนี้ก้อนใหญ่กับเยี่ยเทียน แต่ว่าในฐานะคนขุดโสม หงหูเต๋อก็ยังคงยืนยันว่าตัวเขาเองจะเป็นคนขุด
ต้องทราบว่า ฤดูหนาวของตะวันออกเฉียงเหนือนั้น แม้แต่พื้นดินก็ถูกแช่แข็งได้ ในตอนที่ขุดโสมนั้นยากกว่าตอนหน้าร้อนเป็นร้อยเท่า หากมีอะไรผิดพลาดเล็กน้อยก็จะทำให้รากของโสมเสียหาย
เยี่ยเทียนมองหูหงเต๋อด้วยสายตาไม่พอใจ กล่าวว่า “เหล่าหู นายดูถูกฉันใช่มั๊ย จะบอกนายให้ ลัทธิของฉันมีวิชามองทะลุได้ กับอีแค่ขุดโสมไม่คณามือหรอก”
“จริงเหรอ วิชามองทะลุมองเห็นโสมได้” หูหงเต๋อถูกเยี่ยเทียนทำให้ตกใจ คล้ายกับว่าวิชามองทะลุนี่เอาไว้สำหรับดูฉวงจุ้ยชัยภูมิของสถานที่ หรือว่าสามารถใช้หาโสมได้ด้วย
หูหงเต๋อก็ไม่รู้ว่าที่เยี่ยเทียนกล่าวถูกหรือไม่ แต่ว่าเห็นท่าทางดึงดันของเยี่ยเทียน สุดท้ายก็พยักหน้า กล่าวว่า “เอาเถอะ นายระวัง โสมไม่ได้โตตรงๆ มันนอนเอียงอยู่ใต้ดิน นายต้องขุดจากพื้นรอบๆ ก่อน อย่าให้โดนรากโสมเด็ดขาดนะ!”
ไม่เหมือนกับพืชที่มีหัวอยู่ใต้ดินอื่นๆ หัวของโสมนั้นคือโตกลับด้าน รากเล็กๆ พวกนั้นล้วนไปทางพื้นดิน ดังนั้นเวลาขุดโสมจะต้องขุดจากไกลเข้ามาใกล้ จากล้างขึ้นบน ค่อยๆ ขุด
“ฉันรู้แล้ว เหล่าหู นายรอดูเถอะ”
เยี่ยเทียนเอากระเป๋าสะพายวางไว้ด้านข้างยื่นมือเข้าไปข้างในนำเอาพลั่วทหารอันสั้นออกมา กล่าวอย่างมั่นใจไม่อายว่า “เหล่าหู หากว่าฉันมาขุดโสมที่ฉางไป๋ซานนี่ล่ะก็ พวกนายคงไม่มีข้าวกินแน่!”
หลังจากได้ฟังคำของเยี่ยเทียนแล้ว เห็นท่าทางของเขา หูหงเต๋อเกือบร้องไห้ มือหนึงจัดพลั่วเหล็ก กล่าวอย่างอ้อนวอนว่า “ฉันว่า ให้ฉันขุดเถอะนะ ขุดโสมใช้พลั่วเหล็กได้ยังไงกันเล่า”
“ทำไมล่ะ ถ้าไม่ใช้พลั่วเหล็กขุดแล้วใช้อะไรขุดกัน”
เยี่ยเทียนกล่าวถามพร้อมกับหยุดขยับ สายตาเหล่มองไปทางมือหูหงเต๋อพล่างกว่าว่า “เหล่าหู นายฝึกกรงเล็บพญาเหยี่ยว แต่ฉางไป๋ซานคนเก็บโสมตั้งเยอะแยะ ไม่ได้มีวิชานี้กันทุกคนใช่มั๊ย หรือว่าพวกเขาก็ใช้มือขุดเหมือนกัน ”
หลายวันมานี้น้องจากอยู่เล่นเป็นเพื่อนหยูชิงหย่าและคนอื่นๆ เลนบนภูเขาแล้ว เยี่ยเทียนก็มีโอกาสได้ประมือกับหูหงเต๋อหลายครั้ง สำหรับกรงเล็บพญาเหยี่ยวแห่งฉางไป๋ซานที่มีระดับความแรงตั้งแต่รุนแรงมากไปจนถึงมากที่สุดนั้นเยี่ยเทียนนึกเลื่อมใสอยู่ไม่น้อยทีเดียว
โดยเฉพาะการฝึกได้ในระดับของหูหงเต๋อนี่ นิ้วมือทั้งสิบนั้นก็คือมีดพกอันคมกริบดีๆ นั่นเอง ต้นไม้แห่งที่ต้นใหญ่หน่อยแค่เพียงมือเดียวก็ตะปบหัก หากว่าตะปบใส่คน นั่นจะเป็นรูทั้งห้าที่มีเลือดไหลริน
ดังนั้นเยี่ยเทียนเพิ่งจะสงสัยหูหงเต๋อขุดโสม ว่าใช้มือขุดโดยตรงเลยหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้นพลั่วเหล็กจะให้ดียังไงก็ไม่คล่องแคล่วเท่านิ้วมือ
“ใครบอกว่าพวกเขาใช้มือขุด”
หูหงเต๋อเสียใจจริงๆ ที่พาเยี่ยเทียนขึ้นเขามาด้วย ส่ายหน้าพร้อมหยิบมีดเล็กที่ทำจากไม้ออกมาจากระเป๋า กล่าวว่า “ใช้มีดไม้นี่ขุด ไม่อย่างนั้นก็มีเขากวาง ยังไงก็แล้วแต่จะต้องไม่ใช้สิ่งของที่เป็นโลหะ!”
โสมสดนั้นไม่ว่าจะเป็นรากหรือว่าขั้วล้วนแต่อ่อนแอมาก หากได้สัมผัสกับโลหะ ต้องทำให้เกิดความเสียหายแน่อนอนดังนั้นมีดไม้และเขากวางเป็นอุปกรณ์ที่คนเก็บโสมต้องพกกันอย่างขาดไม่ได้
สมัยก่อนหูหงเต๋อก็ใช้อุปกรณ์สองอย่างนี้ แต่ว่าต่อมาวิชาของเขาฝึกจนเข้าขั้นแล้ว ตามที่เยี่ยเทียนกล่าว เขาใช้มือทั้งสองข้างขุดโสม
ครั้งนี้ที่เข้ามาให้หุบเขาแล้วนำเอามีดไม้และเขากวางมาด้วยนั้น ก็เพราะอยากให้เยี่ยเทียนสนุก หาโสมอายุสิบกว่าปีให้เขาขุดเล่น เพียงแต่หงหูเต๋อคิดไม่ถึงว่า อายุของโสมที่เยี่ยเทียนจะใช้ฝึกมือจะมีอายุถึงห้าสิบปี ไม่ได้เป็นเพียงโสมทั่วไป
“ต้องระวังเยอะมาก ได้ งั้นใช้มีดไม้นี่แล้วกัน”
เยี่ยเทียนโยนพลั่วเหล็กไป แล้วรับรับมีดไม้เล่มเล็กราวของเด็กเล่นมา แต่ก็อดส่ายหัวไม่ได้ ฤดูหนาวนี้พื้นแข็งเป็นหิน หากว่าเปลี่ยนเป็นคนขุดโสมธรรมดา ใช้มีดไม้ต้องขุดถึงเมื่อไหร่กัน
แต่ว่าสำหรับเยี่ยเทียนแล้ว ใช้อะไรก็ไม่สำคัญ มีดไม้นี้ใส่พลังบริสุทธิ์เข้าไป เกรงว่าจะแหลมคมกว่าพลั่วเหล็กหลายเท่า
เยี่ยเทียนถึงแม้ว่าก่อนหน้าจะแสดงว่าไม่สนใจ แต่หลังจากได้ลงมือแล้ว ตัวเขากลับเปลี่ยนเป็นนิ่งสุขุมลงมาก หลังจากเขาสัมผัสตำแหน่งของโสมป่าแล้ว ก็เริ่มขุดบริเวณพื้นที่ที่ห่างจากรากโสมประมาณสามสิบเซนติเมตร
เห็นเยี่ยเทียนระมัดระวัง หูหงเต๋อก็เพิ่มความเชื่อใจหลายส่วน ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจว่าอะไรคือทัศนคติตัดสินแพ้ชนะ แต่เมื่อขุดโสมจะต้องระมัดระวังและเพ่งสมาธิ
“ของนี้โตมาในดิน แต่กลับสามารถดูดพลังจากฟ้าและดินมาเก็บสะสมได้ ไม่เสียชื่อที่เป็นสมบัติล้ำค้าในตำนาน แค่โตช้าไปหน่อยเท่านั้น!”
โสมถือเป็นของที่ตั้งแต่เยี่ยเทียนฝึกตนมา เป็นยาที่เคยใช้ที่แพงที่สุด และมันก็ไม่ได้ทำลายชื่อเสียงที่ถือเป็นราชาแห่งยารักษาทั้งปวงเลย ในเรื่องของสรรพคุณทางยาก็มีผลต่อการเลื่อนขั้นของเยี่ยเทียนเป็นอย่างมาก
ถือว่าตัวเองจะไม่ทำลายโสม การกระทำของเยี่ยเทียนก็มีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ดูแล้วค่อยๆ ละมุนลุม่อมขุดดินที่แข็งรอบๆ โสมนั้นขึ้นมา
“ระวัง จะขุดถึงโสมแล้ว ช้าหน่อยค่อยๆ จัดการด้านบน!”
พื้นที่เป็นน้ำแข็งเป็นแค่พื้นผิว หลังจากขุดเปิดแล้ว พื้นดินด้านในก็เปลี่ยนเป็นร่วนนุ่มขึ้นมา การกระทำของเยี่ยเทียนเริ่มเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้น ทำให้หูหงเต๋อที่ยืนมองอยู่ด้านข้างตื่นเต้นเป็นที่สุด
เยี่ยเทียนตอนนี้ก็ผ่อนคลายลง หันกลับมากล่าวว่า “เหล่าหู นายคอยดูให้ดีนะ!”
การควบคุมร่างกายของเยี่ยเทียนนั้นเหมาะมากที่สุดสำหรับการทำงานที่มีความประนีต หลังจากจัดการพื้นดินที่เป็นน้ำแข็งไปแล้ว ก็ทิ้งมีดไม้ออกไป ใช้มือค่อยๆ ขุดดินรอบๆ โสมลงไปด้านล่าง
หลังจากขุดจนต้นของโสมโผล่พ้นออกมาแล้ว เยี่ยเทียนก็เพิ่มความเร็วราวกับบินค่อยๆ ขุดเอารากฝอยที่อยู่ในดินทีละรากทีละรากให้โผล่พ้นออกมา ทำให้หูหงเต๋อที่ยืนดูอยู่ตกตะลึงตาค้าง ในตอนนั้นดูราวกับสตัฟไว้
ต้องทราบก่อนว่า โสมนั้นเติบโตอยู่ในดิน และจะมีรากหญ้า รากไม้ ก้อนหิน ชิ้นส่วนเล็กๆ มีบางอันถูกรากโสมโอบล้อมเอาไว้
แต่เยี่ยเทียนสิบนิ้วนี่ราวกับกำลังเย็บปักก็ไม่ปาน เคลื่อนไหวคล่องแคล่วอย่างประหลาดในการคัดสิ่งแปลกปลอมออก การกระทำก็รวดเร็ว แต่กลับไม่ได้ทำให้รากฝอยนั้นได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย
หลังจากสิบกว่านาทีเต็มๆ รากฝอยหนึ่งของโสมก็ออกมาสมบูรณ์ ผิวเปลือกเป็นสีน้ำตาลเหลือง บริเวณรากที่ยื่นออกมาเป็นไหล่ลาดไปนั้นเต็มไปด้วยเกลียวที่ปิดละเอียดลอออเหมือนกับเกลียวน็อตมีสีเหลืองเป็นโสมแก่ ปรากฏอยู่ในมือของเยี่ยเทียน
โสมป่าอายุมากนี้มีรากฝอยทั้งหมดสิบรากด้วยกัน หนาขนาดไม้จิ้มฟันและเล็กขนาดเส้นไหม มิน่าถึงได้แพงมากขนาดนั้น รากโสมเยอะมากไม่มีรากไหนที่ขาดเลย
แม้แต่หูหงเต๋อเองก็ไม่มีทางขุดต้นโสมต้นนี้ได้ออกมาสมบูรณ์มากขนาดนี้ เก็บโสมมาหลายปี หูหงเต๋อกล้าบอกเลยว่า โสมที่อยู่ในมือของเยี่ยเทียนนั้นอายุไม่ได้เยอะมาก แต่สภาพลักษณะนั้นถือว่าเป็นอันที่ครบถ้วนสมบูรณ์มากที่สุดอันหนึ่งทีเดียว
“ไอ้ของสิ่งนี้นอกจากสีแล้ว อย่างอื่นก็เหมือนกับแครอททุกอย่างเลยนะเนี่ย”
เยี่ยเทียนนำเอาโสมป่าอันนี้ค่อยๆ วางไว้ในอุ้งมืออย่างระวัง ค่อยๆ พินิจพิจารณาดู เขาเพิ่งได้เห็นโสมที่ขุดสดๆ เป็นครั้งแรก ต่างกับโสมแห้งที่เมื่อก่อนซื้อค่อนข้างเยอะทีเดียว
เยี่ยเทียนรู้สึกได้ว่า น้ำที่อยู่ในโสมนี้ เต็มไปด้วยพลังที่ไหลเหวียนอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ประสิทธิภาพนั้นย่อมมีมากกว่าโสมที่ตากแห้งแล้วอย่างเทียบกันไม่ติด
สูดดมกลิ่นอ่อนอ่อนที่ออกมา เยี่ยเทียนยังมีความอยากลองเอาไปเคี้ยวเล่นขึ้นมา
สำหรับคนรอบข้างหรือยางทีอาจจะบอกว่าบำรุงมากเกินไป แต่สำหรับร่างกายของเยี่ยเทียนแล้ว ไม่มีหรอกที่ว่าจะบำรุงมากไปจนร่างกายไม่รับแล้ว ต่อให้เอาโสมหกใบมาให้เยี่ยเทียนกินแทนข้าว พลังธรรมชาติของพื้นดินนั้นก็จะกลายมาเป็นพลังชี่ในร่างกายของเขา
“เยี่ยเทียน นายจับไว้ให้ดี ระวังจะทำให้รากมันขาด”
หูหงเต๋อในตอนนี้สติกลับคืนมาแล้ว อยากจะเอาโสมป่ามาดูใจจะขาด แต่กลับวิ่งไปยังป่าไป๋หัวหลินที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าเมตรแทน
“เหล่าหู นายทำอะไร”
เยี่ยเทียนหันไปอย่างนึกตกใจ หลังจากตะโกนออกไป ก็เห็นมือขวาของหูหงเต๋อเปลี่ยนเป็นกรงเล็บ ตะครุบเข้าไปยังต้นไป๋หัวหลินที่สูงใหญ่นั่น
“ตึ้ง” เสียงดังขึ้น เปลือกของต้นหัวชิ้นใหญ่ก็ตกลงมา ก้มลงไปและเปิดหิมะที่กองอยู่บนพื้น หูหงเต๋อผ่านไปซักพักใหญ่ถึงได้วิ่งกลับมา
“เยี่ยเทียน เอาต้นสนมาให้ฉัน”
ไม่รอให้เยี่ยเทียนเปิดปากถาม หูหงเต๋อก็เอาต้นโสมไปแล้ว ใช้เปลือกของต้นหัวห่อขึ้นมา เยี่ยเทียนพบว่า ภายในเปลือกของต้นไม้มีมอสและดินที่เปื่อย
หูหงเต๋อได้ควานหยิบกล่องไม้ออกมาจากในกระเป๋า ค่อยๆ เอาเปลือกไม้ที่ห่อโสมอยู่ใส่เข้าไป หลังจากนั้นเมื่อเรียบร้อยแล้วจึงได้ถอนหายใจยาวออกมา
มองเห็นสายตาสงสัยของเยี่ยเทียน หูหงเต๋อก็หัวเราะพลางกล่าวว่า “ท่อนไม้นี้หากออกจากพื้นดินแล้ว จะเปลี่ยนเป็นเหี่ยวแห้งลง ฉันเลยใช้มอสและเปลือกไม้ห่อเอาไว้ ทำให้พลังชี่ของมันไม่ไหลออกมาด้านนอก!”
“เรื่องเยอะไม่น้อยเลยนะ หากเป็นฉัน กินเข้าไปเพื่อเพิ่มพลังธาตุไปแล้ว”
เยี่ยเทียนเลียริมฝีปาก โสมแห้งเขาเคี่ยวกินมาก็ไม่น้อย แต่โสมป่าสดๆ นี่ เยี่ยเทียนยังไม่เคยได้ลอง พลังชี่ในโสมต้นนั้นมีมาก ทำให้ใจของเยี่ยเทียนคันยิกๆ
เห็นสายตาของเยี่ยเทียนแล้ว หูหงเต๋อก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไป นำเอากล่องไม้มากอดไว้ในอกกล่าวว่า “นายอย่าทำร้ายของล้ำค่าสิ โสมอายุห้าสิบปีระดับสี่ใบหาได้ยากมากแล้ว เก็บเอาไว้เอาไว้ช่วยชีวิตได้”
ที่ว่าช่วยชีวิตนั้น ก็คือในตอนที่เหลือลมหายใจสุดท้ายแล้ว นำเอาโสมอายุร้อยปีมาหั่นเป็นชิ้น ให้ผู้ป่วยอมไว้ พลังชี่ในโสมก็จะทำให้คนนั้นมีอายุต่อได้อีกหน่อย เพื่อให้มีเวลาได้สั่งเสีย
ในสมัยโบราณในเรือนของผู้ลาภมากดีนั้นมักจะเก็บต้นโสมแก่เอาไว้ ก็เพื่อใช้ในการนี้แหละ เพียงแต่โสมอายุร้อยปีเมื่อมาถึงในสมัยนี้เป็นสิ่งของหายากไปแล้ว โสมอายุห้าสิบปีนี้ก็ถือว่าพอจะถูไถใช้แทนกันได้
“ฉันก็แค่อยากลองชิมรสชาติเท่านั้น”
เห็นหูหงเต๋อทำท่าราวกับกันขโมยนั้น เยี่ยเทียนก็กล่าวถามอย่างโมโหหน่อยๆ ว่า “เหล่ากู แถวนี้ยังมีโสมอีกไม่น้อย แต่ไม่มีขนาดใหญ่เท่ากับต้นนี้ พวกเราจะขุดขึ้นมาให้หมดเลยดีมั๊ย”
จากการใช้พลังเทพในการสัมผัส เยี่ยเทียนพบว่า ในบริเวณสิบเมตรรอบต้นโสมสี่ใบนี้ ยังมีของที่มีพลังชี่อยู่บางส่วน หากคิดดูก็น่าจะเป็นรุ่นหลานของโสมต้นนี้แหละ
“ฉันว่านะพ่อคุณ นายปล่อยให้ฉางไป๋ซานของเราเหลือเมล็ดพันธ์ได้เจริญเติบโตบ้างเถอะ ป่าแถบนี้ยังต้องเลี้ยงคนอีกมาก!” หลังจากได้ฟังเยี่ยเทียนแล้ว หูหงเต๋อก็หัวเราะแกนๆออกมา
คนเก็บโสมก็มีหลักจริยธรรมของคนเก็บโสม นอกจากพบโสมห้าใบ พวกเขาจะขุดเอาโสมสี่ใบที่อยู่โดยรอบขึ้นมา นอกนั้นที่อายุได้สิบกว่าปี คนขุดโสมจะไม่ไปยุ่งโดยเด็ดขาด