จากความตกใจเมื่อตอนแรก เยี่ยเทียนสงบใจลง ด้วยสติปัญญาของเขาสามารถมองเห็นช่องโหว่ในคำพูดของซ่งจือเจี้ยนได้ไม่ยาก
ตามที่ซ่งจือเจี้ยนพูดถึง ทรัพย์สินนั้นเป็นของบ้านตระกูลซ่ง แต่เพื่อชดเชยให้เยี่ยเทียน จึงได้ยอมมอบเงินจำนวนหลายหมื่นล้านให้? คำหลอกลวงแบบนี้…คงใช้ได้แต่กับเด็กห้าขวบเท่านั้น
ความจริงนั้นธรรมดามาก ทรัพย์สินหลายหมื่นล้านนั้นต้องเป็นของแม่ของเขาทั้งหมด แต่ตระกูลซ่งไม่สามารถแตะต้องเงินก้อนนั้นได้ จึงยอมมาขอร้องเขา มาจัดการเอาจากตัวเขา
เมื่อถึงเวลาตัวเองนั้น ถือแต่หุ้นของบริษัทแต่ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการบริหารใด ตระกูลซ่งจะทำตุกติกโอนย้ายทรัพย์สินไปนั้นก็ทำได้ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ
เยี่ยเทียนคิดไม่ผิด ซ่งจือเจี้ยนวางแผนมาแบบนี้จริง อีกทั้งซ่งจือเจี้ยนไม่เคยบอกแผนการของตนให้พ่อได้รับรู้ เพราะนอกจากซ่งเวยหลันแล้ว ไม่มีใครทราบถึงตัวเลขที่แท้จริงของทรัพย์สินทั้งหมด
โครงการอุตสาหกรรมที่ซ่งเวยหลันลงทุนไปนั้นก้าวหน้าจนได้กำไรมหาศาล ก็เหมือนกับหุ้นที่อ่อนแอในตลาดหุ้นที่เธอกว้านซื้อ ภายในแค่สิบปีก็ได้ผลตอบแทนเป็นกำไรเกือบร้อยเท่า จำนวนเงินมหาศาลนั้นเพียงพอแล้วที่จะควบคุมทรัพย์สินของตระกูลซ่งไว้ทั้งหมด
“ผมว่าทรัพย์สินของคุณนายซ่งจะให้ใครสืบทอดต่อ คงไม่จำเป็นต้องให้พวกคุณมาเจรจาหรอก?” เยี่ยเทียนจิบชา มองหน้าซ่งจือเจี้ยนเหมือนจะยิ้ม
เห็นรอยยิ้มของเยี่ยเทียนในใจของซ่งจือเจี้ยนอุทานขึ้นมา เขารู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกง่ายๆ บางทีอาจจะรู้แผนการของเขาหมดแล้ว
หยุดคิดครู่หนึ่ง ซ่งจือเจี้ยนพูดอย่างจริงใจว่า “เยี่ยเทียน ทรัพย์สินพวกนี้เป็นเงินที่คนในตระกูลซ่งต่อสู้แลกมา เธอ…แม่ของเธอจะควบคุมทั้งหมดคนเดียวไม่ได้ วิธีนี้เป็นทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุดแล้ว ฉันว่า…เธอต้องทำความเข้าใจหน่อย”
“เงินเป็นของใคร ก็ให้คนนั้นมาคุยเอง ผมว่าคุณซ่งไม่มีคุณสมบัติพอจะมาคุย ขอโทษด้วยครับผมยังมีธุระต่อ ขอตัวก่อน!”
เยี่ยเทียนเข้าใจจุดประสงค์ในการมาของซ่งจือเจี้ยนแล้วเยี่ยเทียนอดรู้สึกเวทนาไม่ได้ ทรัพย์สินเงินทองของซ่งจือเจี้ยนที่มีอยู่นั้นเพียงพอจะทำให้เขาอยู่สุขสบายไปหลายชาติ แต่เพื่อเงินแล้วเขายอมลดตัวได้ถึงขนาดนี้?
คนประเภทนี้คงจะไม่มีทางเข้าใจว่าความผูกพันและมิตรไมตรีของมนุษย์นั้นไม่สามารถแลกได้ด้วยเงิน?
จนวันนี้พ่อแม่ของเยี่ยเทียนไม่ได้อยู่ด้วยกัน ซ่งจือเจี้ยนยังกล้าออกมาเรียกร้อง ทำให้เยี่ยเทียนยิ่งรู้สึกดูถูกคนตระกูลซ่งเข้าไปใหญ่ ไม่อยากนั่งคุยต่อแล้ว
“เยี่ยเทียน นายจะยอมลำบากอยู่ทำไม พวกเราเห็นแก่หน้าอาหญิงนะ ถึงมาเจรจากับนาย ถ้านายยังไม่รู้ถูกผิดอีก แม้แต่เงินสตางค์หนึ่งนายจะไม่มีวันได้ไป!”
ซ่งเหลียงตงเห็นพ่อของตนพูดเสียงอ่อนกับเยี่ยเทียน แต่เยี่ยเทียนกลับทำท่าจะลุกออกไป ซ่งเหลียงตงทนไม่ไหวแล้ว ลุกขึ้นยืนทันทีชี้นิ้วไปที่เยี่ยเทียน
“นาย…กำลังขู่พวกเราเหรอ?”
เยี่ยเทียนหรี่ตา นอกจากซ่งเวยหลันแล้ว เขาไม่เคยคิดดองญาติกับคนตระกูลซ่งคนอื่นเลย จะพูดอีกอย่างคือ เขารู้สึกได้ถึงการข่มขู่จากคนตระกูลซ่ง สามารถทำให้เขาตัดสินใจลงมือฆ่าได้อย่างไม่ลังเลเลย
เมื่อก่อนเรื่องของซ่งเสี่ยวเจ๋อที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิตไปแล้วคนหนึ่ง ยังมีซ่งเซี่ยวหลงที่ยังติดค้างหนี้ชีวิตเขาอีกคน จะให้เพิ่มซ่งเหลียงตงอีกคนเยี่ยเทียนก็ไม่ได้ว่าอะไร
ซ่งเหลียงตงรับรู้ได้ถึงพลังจิตสังหารของเยี่ยเทียน ราวกับว่าหัวใจของเขาถูกบีบรัดด้วยพลังบางอย่าง เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นที่หน้าผาก ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
เพราะพลังจิตสังหารที่เยี่ยเทียนแผ่ออกมานั้นพุ่งตรงไปที่ซ่งเหลียงตงเพียงคนเดียว ซ่งจือเจี้ยนที่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงคิดว่าบุตรชชายแค่ใจเย็นลงเท่านั้น
“เยี่ยเทียน เสี่ยวตงเขาไม่ได้จะข่มขู่เธอหรอกนะ เขาพูดความจริง นี่เป็นเรื่องที่ตระกูลซ่งของเราจะทำได้ หวังว่าเธอจะพิจารณาดูอีกครั้ง!”
ซ่งจือเจี้ยนนึกไม่ถึงว่าเยี่ยเทียนเป็นเด็กหนุ่มอายุแค่ยี่สิบกว่าจะจัดการได้ยากขนาดนี้ ทำเอานักเจรจาธุรกิจมือฉมังอย่างเขายังท้อใจ ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
“คุณไม่ใช่เสาหลักที่ปกครองบ้านตระกูลซ่งล่ะสิ?”
เยี่ยเทียนแค่นหัวเราะ หันหลังกลับเปิดม่านเดินออกไป เสียงเยี่ยเทียนลอยตามหลังมา “ถ้าอยากจะเจรจากับผม คุณไม่ไหวหรอก ให้คุณนายซ่งมาเอง ไม่อย่างงั้นก็ให้ผู้อาวุโสท่านนั้นมาแล้วกัน!”
เยี่ยเทียนรู้ดีว่าในเมื่อซ่งจือเจี้ยนมาหาถึงบ้าน เรื่องนี้สุดท้ายแล้วก็ต้องมีคำตอบให้พวกเขา ไม่อย่างนั้นคงเป็นเรื่องยืดเยื้อไม่จบสิ้น ดังนั้นจึงยื่นข้อเสนอให้ไป ในใจของเยี่ยเทียน ซ่งจือเจี้ยนไม่มีอำนาจพอที่จะเจรจาได้
แม้ว่าเยี่ยเทียนจะไม่ยอมรับคุณตาของเขา แต่คนอย่างซ่งเฮ่าเทียนที่ยอมบริจาคเงินเกือบหมื่นล้านให้แก่ประเทศชาติได้ เยี่ยเทียนก็ไม่ควรจะไปวิจารณ์กล่าวร้ายคนผู้นั้น
“แก…แก แกมันบ้า!”
ซ่งจือเจี้ยนได้ยินที่เยี่ยเทียนคำพูดประโยคนั้นแล้วก็สะดุ้ง เขาคิดไม่ถึงว่าเยี่ยเทียนจะกล้าให้บิดาของเขาออกมาเป็นคนเจรจาอีก นี่…นี่มันช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเอาเสียเลย?
ซ่งจือเจี้ยนมาถึงบ้านตระกูลเยี่ยได้ เพราะตอนนี้เขายังไม่สามารถเป็นตัวแทนของตระกูลซ่งได้เต็มตัว การที่เขาไปหาถึงตระกูลเยี่ยไม่ได้หมายความว่าตระกูลซ่งยอมก้มหัวให้ แต่เป็นเพราะเขาแสดงความให้เกียรติมากกว่า
แต่ซ่งเฮ่าเทียนเป็นใคร? เป็นถึงประมุขเสาหลักของตระกูล แล้วก็เพิ่งลงจากตำแหน่งผู้นำประเทศ เคยดูแลประชาชนชาวจีนพันกว่าล้านคน จะยอมให้เยี่ยเทียนแสดงท่าทีลบหลู่ท่านแบบนี้ได้อย่างไร?
“เสี่ยวตง เป็นอะไรไป?”
ซ่งจือเจี้ยนระเบิดอารมณ์ออกไปแล้ว ค่อยหันมาสังเกตเห็นความผิดปกติของบุตรชายที่นั่งตาลอยอยู่ตรงนั้น เหงื่อผุดออกมาเต็มศีรษะ
“คุณพ่อครับ เยี่ยเทียนคนนั้น…น่า…น่ากลัวจัง เมื่อกี้เขามองผมแวบหนึ่ง ผมรู้สึกกลัวขึ้นมายังไงไม่รู้!”
ถูกบิดาป้อนน้ำชาเข้าไปแก้วหนึ่งซ่งเหลียงตงถึงตั้งสติกลับคืนมา ยังคงปรากฏความหวาดกลัวในแววตา เขาไม่เคยคิดว่าสายตาคนจะน่ากลัวได้ขนาดนี้?
“แก…แกมันไม่ได้เรื่อง…”
ซ่งจือเจี้ยนเห็นท่าทางบุตรชายที่ถูกเยี่ยเทียนข่มขวัญแล้วได้แต่ส่ายหน้าละเหี่ยใจ “เอาเถอะ อย่าทำให้ขายหน้าอยู่เลย ไปกันเถอะ ไปหาปู่ของแกกัน!”
ซ่งจือเจี้ยนต้องกลับไปถ่ายทอดคำพูดของเยี่ยเทียนให้ชายชรารับรู้ ซ่งเฮ่าเทียนไม่มีทางไปหาเยี่ยเทียนถึงบ้าน แต่อาจจะให้น้องสาวของเขากลับมาอีกครั้ง ถึงตอนนั้นเขาค่อยหาวิธีจัดการแม่ลูกคู่นี้อีกที
…
“คุณซ่งครับ ท่านผู้นำสุขภาพไม่ค่อยดี รบกวนอย่าคุยนานมากนะครับ”
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงกว่า ซ่งจือเจี้ยนและบุตรชายมาถึงบ้านของซ่งเฮ่าเทียนที่ถนนว่านโส้ว ฟังคำเตือนของแพทย์แล้วจึงจะเข้าไปหาผู้เป็นพ่อ ส่วนซ่งเหลียงตงได้แต่รออยู่ข้างนอก
ซ่งเฮ่าเทียนที่กำลังเดินเล่นอยู่ในสวน เห็นบุตรชายเดินเข้ามายังไม่ทันเอ่ยปาก ก็ยิ้มทักว่า “ไม่สำเร็จล่ะสิ? ฉันรู้อยู่แล้วว่าเด็กนั่นไม่ยอมง่ายๆ หรอก คนตระกูลเยี่ยน่ะดื้อดึงจะตาย”
“เขาเรียกว่าดื้อดึงที่ไหน? เป็นคนเหิมเกริมต่างหาก!”
ซ่งจือเจี้ยนนึกถึงเหตุการณ์วันนี้แล้ว เขาโตป่านนี้ยังไม่เคยรู้สึกอ่อนด้อยต้อยต่ำอย่างวันนี้มาก่อน สถานะญาติผู้ใหญ่ที่เขาเป็นในวันนี้ ถือว่ายอดเยี่ยมดีแท้
“พ่อ เรื่องมันก็เป็นแบบนี้…”
ซ่งจือเจี้ยนประคองพ่อลงนั่งแล้วเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างละเอียดโดยไม่ได้ต่อเติมเสริมแต่ง “เยี่ยเทียนไม่ยอมรับตระกูลซ่งของเรา เขา…เขาไม่ยอมเจรจากับผมเลย ผมว่า คงต้องให้น้องสาวกลับมาอีกครั้งแล้ว?”
“น้องสาวแกนิสัยแข็งกร้าวว่าเด็กนั่นอีก ถ้ากล่อมเขาได้จะต้องให้แกไปหาเยี่ยเทียนอีกทำไม?” ซ่งเฮ่าเทียนต่อว่าบุตรชายอย่างหงุดหงิด ทำไมเขาถึงจะเดาไม่ออกว่าบุตรชายกำลังคิดอะไรอยู่?
“ช่างเถอะ บ้านตระกูลซ่งติดค้างเขาอยู่ ฉันไปหาเขาถึงบ้านจะเป็นไรไป?”
ซ่งเฮ่าเทียนถอนหายใจยาว หลังลงจากตำแหน่งมาสองเดือนนี้เขาคิดอะไรได้มากมาย ตลอดชีวิตที่ผ่านมามีเพียงเรื่องเดียวที่ติดค้างในใจ คือความรู้สึกผิดต่อบุตรสาวคนโต และพลอยรู้สึกผิดต่อเยี่ยเทียนด้วย
“พ่อ ได้…ได้ยังไงกัน?”
คำพูดของซ่งเฮ่าเทียนทำให้บุตรชายเบิกตาโพลง “ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้ พ่อ พ่อเป็นใคร ทำไมต้องไปหาเขาถึงบ้านด้วย?”
ความบาดหมางของซ่ง เยี่ยสองตระกูลในเมืองปักกิ่งไม่มีใครไม่รู้ ความแค้นหนักหนาถึงขั้นไม่มีทางไปเผาผีกัน ซ่งเฮ่าเทียนเป็นประมุขตระกูลซ่งถ้าไปถึงบ้านตระกูลเยี่ยแล้ว ถือว่าเป็นการยอมให้ตระกูลเยี่ยก่อน
ถ้าหากตระกูลเยี่ยยังเป็นครอบครัวเศรษฐีร่ำรวยมีหน้ามีตาในสังคมยังพอจะเข้าใจได้ แต่ตระกูลเยี่ยตอนนี้ตกต่ำลงมาก ถ้ายอมไปก้มหัวให้ก่อนจะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก นี่เป็นสาเหตุที่ซ่งจือเจี้ยนยืนกรานหนักแน่นที่จะห้ามพ่อ
“ฐานะของฉันเหรอ? ตอนนี้ฉันเป็นแค่คนแก่วัยเกษียณคนหนึ่ง!”
ซ่งจือเจี้ยนมองบุตรชายแล้วพูดต่อว่า “คนเราน่ะอย่าเห็นแก่ตัวตนของตัวเองมากเกินไป จือเจี้ยน ถ้าแกอายุเท่าพ่อแกถึงจะคิดได้!”
“คืนนี้สองทุ่มค่อยไป แกอยากตามไปด้วยก็ไปเถอะ!”
“ซ่งเฮ่าเทียนยืนขึ้น โบกมือเป็นสัญญาณให้บุตรชายกลับไปก่อน ว่ากันตามตรง แม้ว่าซ่งจือเจี้ยนเป็นนักธุรกิจแนวหน้าของฮ่องกง แต่ก็อดรู้สึกผิดหวังในตัวพ่อไม่ได้
……
“เหล่าหู เมืองหลวงเป็นยังไง? เทียบกับเขาฉางไป๋ซานของคุณแล้ว คึกคักกว่ามากมั้ย?”
หกโมงเย็นวันเดียวกัน โจวเซี่ยวเทียนพาหูหงเต๋อและโก่วซินเจียมาส่งที่บ้าน เยี่ยเทียนเห็นท่าทางตื่นเต้นของหูหงเต๋อแล้วก็อดขำไม่ได้ “เหล่าหู อยู่มันเสียที่ปักกิ่งนี่เลยดีไหม จะได้เป็นเพื่อนคุยให้ศิษย์พี่ใหญ่”
“ให้อยู่แป้บๆ น่ะได้ แต่ให้อยู่นานไปคงจะไม่ไหว”
หูหงเต๋อส่ายศีรษะ กลัวว่าโก่วซินเจียจะคิดเป็นอื่น รีบตอบว่า “ท่านลุง ผมก็อยากจะอยู่เป็นเพื่อนท่านลุงนะ แต่ยังมีห่วงอยู่ที่เขาฉางไป๋ซาน ท่านลุงคงไม่โกรธผมใช่ไหม?”
“ฉันจะโกรธอะไรเล่า? ตอนนั้นจะพาเธอออกมาจากเขาเธอก็ไม่ยอม ฉันจะไม่รู้นิสัยเธอได้อีกหรือ?”
โก่วซินเจียหัวเราะออกมา วันนี้เขาไปเที่ยวที่ๆ เคยไปมาแล้วหลายครั้ง เขารู้สึกสะท้อนใจ พูดกับเยี่ยเทียนว่า “ศิษย์น้องเล็ก วันนี้ไม่เป็นไรนะ? ดื่มเป็นเพื่อนศิษย์พี่หน่อย ฉันจะเล่าเรื่องอดีตให้ฟัง!”
“ได้สิ เซี่ยวเทียน นายไปสั่งอาหารมาจากร้านนะ ฉันจะไปเอาเหล้าเหมาไถออกมาสองไห พ่อน่ะขี้เหนียว เมื่อวานไม่ยอมเอาเหล้านั้นออกมา!”
เยี่ยเทียนตอบรับ เรื่องราวแปลกพิสดารของโก่วซินเจียไม่ใช่ว่าใครจะได้ฟังกันง่ายๆ
…