เมื่อเห็นว่าท้องฟ้ายังไม่มืด เยี่ยเทียนจึงเดินไปที่เรือนสี่ประสานของตน ด้านในมีค่ายกลตั้งไว้อยู่มากมาย หากเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอาจเกิดผลกระทบได้ ดังนั้นเยี่ยเทียนจึงต้องคอยจับตาดู
“ป้า ขายผักเหรอครับ?”
“พี่หกระวังเอวด้วย เล่นยกน้ำหนักไม่ต้องรีบร้อนนะ……”
“ลุงซุน เดินเล่นเหรอครับ?นกฮวยบี๊ของคุณลุงเสียงดีขึ้นเรื่อยๆ นะครับ!”
หลังจากพายุที่ตามมาหลอกหลอนครั้งนั้น เยี่ยเทียนเจ้าของบ้านผีสิง ก็มีชื่อเสียงขึ้นเล็กน้อยในพื้นที่เรือนสี่ประสานนี้ จะเดินไปที่ไหนก็ทักทายผู้คนไม่หยุด
เยี่ยเที่ยนดื่มด่ำกับวิถีชีวิตนี้อย่างมาก การทักทายเพียงประโยคเดียวจากเพื่อนบ้าน มักทำให้รู้สึกดีขึ้นพักหนึ่งเสมอ บวกกับในเรือนสี่ประสานนี้ล้วนเป็นเพื่อนบ้านเก่าแก่ที่เคยอยู่ด้วยกันมานานหลายสิบปี ดั่งวลีที่กล่าวว่า “ญาติห่างๆ ยังไม่ดีเท่าเพื่อนบ้านใกล้เคียง”
“อาเว่ย วันนี้อามีเวลาว่างแล้วหรือ?”
ก้าวแรกที่เดินเข้าสวนของบ้านตนเอง เมื่อเยี่ยเทียนเงยหน้าขึ้นก็เห็นเว่ยหงจวิน เขานั่งอยู่ใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่สนามหน้าบ้าน เหมือนกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่กับหวังกง
“เพิ่งโทรหาเธอทางโทรศัพท์ แต่ไม่มีสัญญาณ อาจึงมาหาเธอ” เมื่อเห็นเยี่ยเทียนกลับมา เว่ยหงจวินจึงโบกมือทักทาย แล้วพูดว่า”ที่จริงแล้วก็มีธุระจะคุยกับเธอ……”
“อย่ามองอาแบบนั้น ไม่ใช่เรื่องของอา เป็นเรื่องบ้านของเธอต่างหาก…”
เว่ยหงจวินรู้ว่าเยี่ยเทียนเกลียดความวุ่นวาย หากตัวเองไม่มีเรื่องสำคัญ จะไม่ขอความช่วยเหลือจากเยี่ยเทียน พอเห็นเยี่ยเทียนขมวดคิ้ว จึงเผลอโวยทีเล่นทีจริงไปประโยคหนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้นกับบ้านหรือครับ?แบบแปลนต่างๆก็มีแล้วไม่ใช่เหรอ?หวังกง เกิดเรื่องอะไรขึ้น? “
เมื่อเยี่ยเทียนได้ยินก็นิ่งไป เขารู้ว่ากระแสพลังหยินพิฆาตในลานแห่งนี้ยังไม่หมด แต่เยี่ยเทียนปรับเปลี่ยนค่ายกลรวมพลังหยางที่เรือนหลัง ทำให้กระแสพลังหยางในเรือนหลังบ้านเข้มข้นขึ้นเล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้นพลังหยางมีความหนาแน่นมากในเวลากลางวัน และคนทำงานก็มีสุขภาพแข็งแรงไม่เลว ว่ากันตามหลักแล้วตราบใดที่ตอนกลางคืนไม่มีการก่อสร้าง ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
“มันไม่เกี่ยวข้องกับผมหรอก เรื่องนี้เจ้านายพูดกับคุณ” หวังกงส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมจะไปดูที่สนามหลังบ้านสักหน่อย งานที่คุณร้องขอนั้นมีความละเอียดเหลือเกิน ผมกลัวว่าพวกเขาจะทำผิด……”
“อาเว่ย มีเรื่องอะไรก็บอกมาตามตรงเลยไม่ได้หรือครับ?” พอหวังกงเดินจากไปแล้ว เยี่ยเทียนก็จ้องมองไปที่เว่ยหงจวิน
เว่ยหงจวินทำสัญญานมือเรียกให้เยี่ยเทียนนั่ง หยิบน้ำแร่หนึ่งขวดโยนไปให้ แล้วพูดขึ้นว่า “ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คือว่าหวังกงโทรศัพท์ถึงอา บอกว่ามีวัสดุก่อสร้างบางชนิดราคาขึ้น แล้วให้อาสอบถามความคิดเห็นของเธอ ว่าจะให้จัดหาของราคาถูกมาใช้หรือเปล่า?”
“วัสดุอะไรบ้างครับ?” เวลานี้เยี่ยเทียนกระเป๋าหนา ราคาจะขึ้นก็ขึ้นไป อย่างไรเสียเขาก็มีเงินในมืออยู่แล้ว
เว่ยหงจวินชี้ไปที่เล่มหน้าสีพวกนั้นบนโต๊ะหิน พูดว่า “หินอ่อนสีขาวราคาขึ้นแล้ว เมื่อก่อนอาไม่ต้องใช้วัสดุเหล่านี้ จึงไม่ค่อยเข้าใจตลาด วันนี้หวังกงส่งคนไปสอบถาม ให้ตายเถอะ ราคามันเพิ่มขึ้นตั้งหลายเท่าตัว……”
เดิมทีความตั้งใจของเว่ยหงจวินนั้น โครงการปรับเปลี่ยนเรือนสี่ประสานของเยี่ยเทียน แค่เรียกเก็บค่าแรงเล็กน้อยก็พอแล้ว พวกวัสดุเขาจะช่วยเยี่ยเทียนออก แต่เยี่ยเทียนก็ไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก เว่ยหงจวินจึงคิดคำนวณงบประมาณตามสภาพตลาด
แต่วันนี้เมื่อหวังกงโทรศัพท์หาเขา แจ้งว่าหินอ่อนสีขาวราคาสูงขึ้นหลายเท่า งบประมาณทั้งหมดจึงเพิ่มเป็นสองเท่า เว่ยหงจวินนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ เพราะเขารู้ว่าตอนนี้การเงินของเยี่ยเทียนค่อนข้างวิกฤต
“ชิบเป๋ง ราคาขึ้นสูงขนาดนี้เชียวหรือ?”
เยี่ยเทียนหยิบหนังสือบนโต๊ะขึ้นมา เปิดไปหน้าเสนอราคา พอเปิดดูแล้วก็อดพูดคำหยาบคายออกมา ไม่ได้ ราคาเริ่มแรกที่หวังกงเสนอให้เขานั้นประมาณสามพันหยวนต่อลูกบาศก์เมตร แต่ราคาที่ระบุไว้ในหนังสือนี้คือสองหมื่นแปดพันหยวนต่อลูกบาศก์เมตร ขึ้นราคาเกือบสิบเท่า
แท้จริงแล้วหินอ่อนสีขาวเป็นคริสตัลหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์ เนื้อหินมีแสงสะท้อนแวววาว เผยความงามอันเคร่งขรึมไร้ที่ติ ส่วนรอบฐานรากของห้องโถงใหญ่ในพระราชวังต้องห้าม กรุงปักกิ่ง ก็ตกแต่งและสร้างขึ้นด้วยหินอ่อนสีขาว
ทุกคนที่อยู่ในวงการนี้ต่างรู้ว่าหินอ่อนสีขาวเป็นเพียงหินชนิดหนึ่ง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับหยกเลย
แต่พวกเขาไม่รู้ว่า หินอ่อนสีขาวมีคุณสมบัติรองรับพลังชี่ดั้งเดิมของฟ้าดิน มันมีความแข็งแกร่งกว่าก้อนหินทั่วไปถึงร้อยเท่า ด้อยกว่าหยกจริงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เดิมทีที่เยี่ยเทียนต้องการสร้างให้เรือนสี่ประสานเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ จำเป็นต้องใช้หินหยกจำนวนมาก เขาหรือจะมีเงินมากขนาดนั้น จึงเลือกใช้หินอ่อนสีขาวมาแทนหยก แม้ว่าประสิทธิภาพจะแย่ลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ต่างกันนัก
กล่าวได้ว่า นอกจากการปรับปรุงบ้านแล้ว หินอ่อนสีขาวเป็นสิ่งที่ถูกใช้มากที่สุดในเรือนสี่ประสาน เมื่อวัสดุดังกล่าวปรับราคาสูงมากขนาดนี้ แน่นอนว่าเยี่ยเทียนต้องเป็นกังวล
“อาเว่ย วัสดุนี่ไม่น่าขึ้นราคาสูงขนาดนี้ในช่วงเวลาสั้นๆ หรือเปล่าครับ?”
พอวางหนังสือในมือลง เยี่ยเทียนก็ถามขึ้นอย่างงงงวย เว่ยจวินเองก็ทำงานก่อสร้างมาสองปีแล้ว ถึงแม้จะไม่ค่อยได้ใช้วัสดุเหล่านี้ แต่คงไม่ถึงขั้นไม่รู้ราคาในตลาดกระมัง?
เมื่อได้ฟังที่เยี่ยเทียนพูดแล้ว เว่ยหงจวินก็ตอบอย่างกระดากอายเล็กน้อย ย “เยี่ยเทียนเรื่องนี้เป็นเพราะความสะเพร่าของอาเว่ยเอง เดิมทีหินอ่อนสีขาวที่ใช้ในบริษัทของเรา ความจริงแล้วมาจากมณฑลหูหนานและมณฑลเสฉวน ราคาต่ำมาก เธอบอกว่าจะใช้อย่างดี อาจึงบอกหวังกงให้ไปสอบถามราคา จึงได้รู้ว่าราคาหินอ่อนสีขาวของปักกิ่งฟางซันนั้นสูงขนาดนี้……”
หินอ่อนสีขาวที่ผลิตในประเทศจีน มีเพียงปักกิ่งฟางซันที่สามารถเรียกว่าหินอ่อนสีขาว อย่างไรก็ตามเนื่องจากหินก้อนนี้มีสีขาวบริสุทธิ์จึงเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมากมาย เลยมีผู้ผลิตทำของปลอมตามมา
อย่างไรก็ตามหากว่ากันอย่างจริงจัง นอกจากหินอ่อนสีขาวที่ผลิตในปักกิ่งฟางซันแล้ว สถานที่อื่นๆ ล้วนผลิตและแยกประเภทโดยบดจากหินสีขาว ด้วยเครื่องโม่เรย์มอนด์หรือใช้แรงดันสูงอื่นๆ
หลังจากอธิบายให้เยี่ยเทียนฟังแล้ว เว่ยหงจวินก็พูดว่า “เยี่ยเทียน เรื่องนี้เป็นความสะเพร่าของอาเว่ยเอง ดังนั้นเงินส่วนนี้อาจะรับผิดชอบ แต่ว่าเยี่ยเทียน เพื่อความสวยงาม จะใช้ชิ้นงานจากมณฑลเหอหนานก็ได้ ภาพลักษณ์ ภายนอก ไม่แตกต่างจากหินอ่อนสีขาวของฟางซัน……”
“ไม่เป็นไรอาเว่ย ผมจะใช้หินอ่อนสีขาวของฟางซันครับ อาอย่าเปลี่ยนให้ผมเด็ดขาดนะ อาบอกมาเลยว่ายอดทั้งหมดที่เกินมาคือเท่าไหร่?”
เยี่ยเทียนส่ายหน้าไปมา เล่นตลกอะไรกัน หินอ่อนเทียมสีขาวเป็นของที่ไม่มีประสิทธิภาพต่อเขา หากเว่ยหงจวินไม่มาบอกเรื่องนี้กับเขา แล้วตัดสินใจเลือกใช้ของเทียมเอง รอให้สร้างบ้านเสร็จสิ้น คาดว่าใจของเยี่ยเทียนคงถึงขั้นคิดอยากผูกคอตาย
เว่ยหงจวินเอาตารางงบประมาณก่อนหน้าออกมา หลังจากเพิ่มตัวเลขไปสองสามตัว แล้วพูดว่า “โครงการของเธอต้องการหินอ่อนสีขาวมากกว่าสามสิบลูกบาศก์เมตร รวมกับเงินสำหรับการก่อสร้างใหม่และตกแต่งจะใช้ทั้งหมดประมาณหนึ่งล้านห้าแสนถึงหกแสน……”
“อาเว่ย…… อาคงคิดว่าผมมีเงินมากขนาดนั้นสินะ?”
เมื่อได้ฟังเว่ยหงจวินพูดแล้ว เยี่ยเทียนพลันตกตะลึง ถึงกระทั่งคิดในใจตนเอง ว่าที่ตัวเขาอาภัพอับจนไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง คงไม่ใช่เก็บเงินไม่อยู่หรอกกระมัง? ไม่อย่างนั้นทำไมบ่อยครั้งที่เงินเพิ่งตกถึงมือก็ล้วนถูกใช้จ่ายออกไปล่ะ?
เรื่องอย่างนี้ใช่ว่าไม่เคยมีตัวอย่าง สุภาษิตโบราณที่เคยกล่าวว่า ใช้เงินบรรเทาภัยพิบัติ ก็หมายถึงสิ่งนี้เอง
ในวิชาฮวงจุ้ย ก็มีคำกล่าวเช่นนี้ คือการใช้เงินที่ได้จากการทำนายดวงชะตามาทำบุญทำทาน สามารถชดเชยการกระทำอันเผยลิขิตสวรรค์ และปกป้องตนเองให้แคล้วคลาดปลอดภัย
“ทำไมหรือ? เยี่ยเทียน ถ้าเงินของเธอไม่พอให้อาเว่ยช่วยชดเชยส่วนนี้เถอะ ” เมื่อเห็นเยี่ยเทียนนิ่งค้างไป เว่ยหงจวินจึงเข้าใจว่าเขาไม่มีเงินแล้ว
“อย่าเลยอาเว่ย เงินส่วนนี้ผมจัดการเอง……”
เยี่ยเทียนแค่นยิ้ม หยิบบัตรที่เพิ่งโอนเงินเข้าไปหนึ่งล้านกว่าใบนั้นออกมาจากกระเป๋า พูดว่า “ในบัตรนี้มีเงินประมาณหนึ่งล้านสามแสนกว่า อาเอาไปเถอะ อย่างไรก็ตามหินอ่อนสีขาวต้องใช้ของที่ฟางซันผลิตเท่านั้น อย่าลดหรือแอบเปลี่ยนวัสดุให้ผมเด็ดขาดนะครับ!”
เยี่ยเทียนเองก็คิดไม่ถึงว่า การซื้อบ้านหลังหนึ่งที่คำนวณค่าโอนและค่าดำเนินการต่างๆ น่าจะไม่เกินเจ็ดแสน แต่ปรับปรุงตกแต่งกลับต้องใช้เงินถึงหนึ่งล้านห้าหกแสน รอแต่งบ้านเสร็จเมื่อไหร่ สองมือตัวเองก็จะว่างเปล่าอีกครั้ง
พอได้ฟังสิ่งที่เยี่ยเทียนพูด เว่ยหงจวินก็ยิ้มออกแล้วพูดว่า “วางใจเถอะ อาเว่ยไม่หากำไรจากโครงการของเธอหรอก จริงสิคืนนี้ว่างใช่ไหม? เหล่าเหลยให้อานัดเธอหลายครั้งแล้ว ให้มาทานข้าวด้วยกัน……”
“ยังไม่แน่ใจว่าช่วงกลางคืนว่างหรือเปล่าครับ รอสักครู่นะครับอาเว่ย ขอรับโทรศัพท์สายนี้ก่อน……”
ขณะที่สนทนากันอยู่ โทรศัพท์ของเยี่ยเทียนก็ดังขึ้น เยี่ยเทียนมองดูเบอร์โทร เป็นคุณพ่อที่โทรเข้ามา
“พ่อ มีเรื่องอะไรครับ? ทางบ้านทุกอย่างเรียบร้อยดี… ” เยี่ยเทียนรู้ว่าช่วงนี้พ่อไปรับซื้อสิ่งของที่ชนบทเมืองเหอเป่ย ทุกสองสามวันจะโทรหาตัวเองเพื่อถามเกี่ยวกับสถานการณ์ที่บ้าน
“โทรศัพท์ของลูกมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า? โทรหาครึ่งค่อนวันแล้วยังติอต่อไม่ได้ ลู่เชินพี่ชายเธอเกิดเรื่องแล้ว ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล101 พ่อจะรีบกลับไปปักกิ่งทันที ลูกลองไปดูเขาก่อน……”
น้ำเสียงของเยี่ยตงผิงดูกังวลเป็นอย่างมาก หลังจากที่บ่นใส่ลูกชายของเขาแล้วก็วางสายไป แต่ก็คุยกันชัดเจนเข้าใจ ว่าพี่ชายบ้านป้ารองเข้าโรงพยาบาล
“งานของพี่ชายนั้นตามหลักการไม่น่าจะมีเหตุเกิด ได้ จะว่าไปเราก็เอาของขลังป้องกันตัวให้เขาแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ได้ยินเสียง “ตื๊ดๆ” ในไมโครโฟน เยี่ยเทียนก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ถึงแม้ลู่เชินจะเป็นตำรวจ แต่เขาเป็นฝ่ายนิติเวช โดยปกติแล้วเขาไม่ต้องออกไปจับกุม แล้วทำไมถึงมีเหตุให้เข้าโรงพยาบาลได้?
หลังจากเห็นเยี่ยเทียนรับโทรศัพท์ใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึม เว่ยหงจวินที่นั่งอยู่ข้างๆ จึงถามขึ้น “เยี่ยเทียน เกิดอะไรขึ้น?”
คำถามของเว่ยหงจวินขัดจังหวะการไตร่ตรองของเยี่ยเทียน เงยหน้าแล้วพูดว่า “อาเว่ยขับรถมาใช่ไหมครับ? ช่วยส่งผมไปโรงพยาบาล101ที……”
“เกิดเรื่องกับคนในครอบครัวหรือ? ไปสิ… เราไปกันตอนนี้เลย”
เมื่อสักครู่เสียงของเยี่ยตงผิงค่อนข้างดัง ขนาดเว่ยหงจวินยังได้ยินเสียงสนทนา เดินออกไปข้างนอกพลางบ่นกับเยี่ยเทียนว่า
“โทรศัพท์มือถือของเธอมีปัญหาสินะ? ติดต่อไม่ได้อยู่บ่อยๆ ว่าไปแล้วสัญญาณของหมายเลขขึ้นต้น139 ล้วนดีหมดไม่ใช่หรือ…”
เยี่ยเทียนส่ายหน้าไปมาแล้วพูดว่า “อาเว่ย ในอนาคตผมจะติดตั้งโทรศัพท์ในบ้านหลังนี้ หากมีเรื่องอะไรโทรมาที่โทรศัพท์บ้านดีกว่า โทรศัพท์มือถือสัญญาณไม่ดีเลย……”
ความจริงเยี่ยเทียนรู้เรื่องโทรศัพท์มือถือไม่มีสัญญาณดี เพราะเมื่อใดก็ตามที่เขาใช้วิชา พลังชี่ดั้งเดิมฟ้าดินรอบตัวเขาจะเปลี่ยนแปลงราวกับสัญญาณถูกรบกวน ทำให้สัญญาณโทรศัพท์มือถือถูกปิดกั้น
วันนี้ตอนที่กำลังช่วยทำนายโชคชะตาให้ถังเสวี่ยเสวี่ยอยู่นั้น เกรงว่าสนามแม่เหล็กรอบๆ คงจะเกิดปั่นป่วน เป็นเหตุให้โทรศัพท์ของพ่อและเว่ยหงจวินล้วนไม่สามารถติดต่อได้