“สามารถชกได้อย่างไม่มีกฎและใช้อาวุธได้?” เยี่ยเทียนได้ยินอย่างนั้นในใจก็เย็นยะเยือก ความโหดเหี้ยมของมวยใต้ดินนี้มันโหดยิ่งกว่าที่เขาคิด แม้จะมีคนเสียชีวิตด้วยการต่อสู้ด้วยมวยมือเปล่าก็ตาม แต่การใช้อาวุธยังไงก็มีความเสี่ยงมากกว่า
“แล้วถ้าหากไม่มีคนยินยอมที่สู้กับคนที่ชื่อคาโต้ ทาคูมิคนนี้ละ?”
เยี่ยเทียนนึกถึงความน่าจะเป็นหนึ่งข้อ เพราะการเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดต้องได้รับการยอมรับจากนักชกมวยใต้ดินเอง ผู้จัดไม่สามารถบังคับให้พวกเขาขึ้นชกได้ ถ้าหากตัวของพวกเขาไม่ยินยอม ฝ่ายผู้จัดก็จนปัญญา
หูจวินส่ายหน้าแล้วพูด “เวทีมวยมีกฎอยู่ว่า ถ้าหากนักมวยสามารถออกไปชกติดต่อกันสิบครั้ง หลังจากไม่มีใครสู้กับเขาหรือได้รับชนะติดต่อกันสิบครั้ง ก็จะได้รับตำแหน่งเป็นราชามวยใต้ดินแห่งนี้ และพวกเราต้องจ่ายค่าขึ้นชกให้เขาเป็นเงินจำนวนมากขึ้น…”
ถ้าเป็นไปตามที่หูจวินพูด ถึงแม้มวยใต้ดินจะไม่มีการจัดอันดับ แต่ก็มีตำแหน่งแชมป์ของสนาม นักชกคนหนึ่งขึ้นชก ถ้ารักษาแชมป์ได้ติดต่อกัน ค่าขึ้นชกก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
สมมุติว่านักมวยขึ้นชกรอบแรกได้ค่าตัวห้าหมื่นหยวน ถ้าเขาชนะและชกต่อ นัดที่สองก็จะได้หนึ่งแสน นัดที่สามก็จะได้สองแสน นัดที่สี่ได้สี่แสน สะสมแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะเป็นตัวเลขที่เยอะมาก
นี่แค่พูดถึงการจัดมวยใต้ดินในเขตเทียนจิน จนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีใครสามารถขึ้นชกต่อเนื่องได้ถึงห้าครั้ง ดังนั้นผู้จัดเองก็ต้องคำนวณผลประโยชน์ของตัวเองไว้ก่อนด้วย เขาไม่ให้คาโต้ ทาคูมิขึ้นชกชนะต่อกันสิบครั้งแบบฟรีๆ หรอก อย่างไรก็ตามพวกเขาน่าจะขึ้นค่าตัวให้อย่างลับๆ เพื่อจัดการกับคนที่ฝีมือดีดี
“เป็นยังไง น้องเยี่ย อยากลองเล่นสักตั้งไหม?”
จู้เหวยเฟิงทักทายคนในสนามหนึ่งรอบเสร็จ ก็เดินกลับมาที่นั่งข้างๆ เยี่ยเทียน เมื่อมองเห็นข้อมูลในมือที่เยี่ยเทียนกำลังดูอยู่ หัวเราะอย่างอดไม่ได้ “ราชามวยแห่งรัสเซียคนนั้นเก่งมาก แต่พวกเราก็มีนักสู้ที่เก่งๆ เหมือนกัน น้องเยี่ย ถ้าพนันผิดฝั่ง อัตราการชดเชยหนึ่งต่อเจ็ดเลยนะ!”
“เหอะๆ ดูก่อนค่อยว่ากันอีกที กระเป๋าผมแฟ้บมากครับ ไม่มีปัญญาเล่นแบบนี้หรอกครับ” เยี่ยเทียนยิ้มและไม่ปริปากพูดว่าถูกหรือผิด เขาแค่ยิ้ม และวางข้อมูลลงบนโต๊ะน้ำชา ถามต่อว่า ”อีกนานไหนกว่าการแข่งขันจะเริ่มขึ้น?”
คิ้วจู้เหวยเฟิงกระตุก ตอบกว่า ”ใกล้จะเริ่มแล้ว ถ้าน้องเยี่ยอยากพนัน เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา”
“เอาไว้ก่อนครับ ผมขอดูการแข่งขันสักรอบสองรอบก่อน…” เยี่ยเทียนไม่ได้สนใจและรับคำของจู้เหวยเฟิง การเอาเงินของคนอื่นมาโดยไม่ถูกต้อง เงินเหล่านี้ไม่ใช่เงินน่าเก็บสักเท่าไหร่ ถ้าไม่ระวังเพียงนิดเดียว ตัวเองก็คงต้องชดใช้ไปด้วย
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน มีคนวัยกลางคนใส่สูทรองเท้าหนังเดินขึ้นไปบนเวทีมวย ขณะเดียวกัน ไฟในสนามทั้งหมดก็ดับลง มีเสียงอุทานดังกระหึ่ม สปอร์ตไลท์สามแถวสว่างขึ้นส่องไปยังเวทีมวย
“เรียนแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่การแข่งขันมวยในครั้งนี้ เชื่อว่าทุกท่านน่าจะไม่ได้มาเป็นครั้งแรก เรื่องอื่นๆ ผมจะไม่พูดมากแล้วครับ ขอให้ทุกท่านดื่มด่ำและสนุกไปค่ำคืนที่มิอาจลืม!”
ชายวัยกลางคนส่งเสียงออกไมโครโฟนเพื่อเปิดการแข่งขัน เขาพูดด้วยเสียงลากยาว ตะโกนขึ้นว่า “ลำดับต่อไปขอเข้าสู่รอบที่หนึ่งคู่ต่อสู้ทั้งสองฝ่ายคือราชาอันเดรวิชจากรัสเซียและจางซาน บาทาไร้เงาของประเทศจีน…”
“อันเดรวิชเคยได้รับแชมป์ชนะสิบครั้งต่อกันในเวทีมวยยุโรปด้วย เป็นเจ้าแห่งวงการมวยยุโรปที่ไม่มีข้อพิพาทใดๆ และเชื่อว่าเขาจะใช้ความสามารถของตนในการพิชิตพวกเราแต่ละคน….”
“ส่วนบาทาไร้เงา จางซาน ทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว เขาถือว่าเป็นดาราสนามมวยของพวกเรา หกรอบชนะห้าแพ้หนึ่ง ก็ยืนยันความสามารถของเขาได้เหมือนกัน และในรอบแรกนี้จะเป็นรอบที่ดุเดือด เหมือนกับมังกรสู้กับเสืออย่างแน่นอน!”
“อัตราต่อรองได้ถูกส่งไปยังทุกคนเรียบร้อยแล้ว ทุกคนสามารถวางเดิมพันชนะแพ้จากดุลยพินิจของตนเอง เวลาในการลงพนันให้เวลาตัดสินใจก่อนเริ่มแข่งสามนาที ขอให้เพื่อนๆ รีบลงเงินเดิมพันนะครับ!”
การพูดจาของชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยแรงจูงใจ สามารถสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้นได้สำเร็จ รอบแรกกำลังจะเริ่มขึ้น ทำให้ผู้ชมหนุ่มสาวเหล่านั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หายใจเร็วกว่าปกติหลายเท่า
“ลำดับต่อไปขอเชิญผู้เข้าแข่งขันคนแรก อันเดรวิชจากรัสเซีย…” ไฟบนเวทีมวยดับลงหลังจากที่พิธีกรลากเสียงยาว จากนั้นไฟก็ส่องไปที่จุดๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นห้องพัก ของผู้เข้าแข่งขันที่ห่างจากเวทีมวยเพียงห้าสิบเมตร
คนยุโรปรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งปรากฏขึ้นภายใต้แสงไฟ ท่าทางของเขา ทำให้คนในสนามต้องสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มๆ
ความสูงของอันเดรวิชน่าจะราวๆ สองเมตรกว่า ร่างกายที่แข็งแรงผิดปกติ กล้ามเนื้อบนไหล่สองข้างเหมือนดั่งเหล็กหล่อ มองเห็นเป็นสีทองวาว
บริเวณมุมตาขวาของอันเดรวิช มีรอยแผลเป็นยาวถึงมุมปาก เวลาที่เขายิ้มรอยแผลเป็นนั้นจะขยายและชี้ออกไปข้างนอก คนทั้งสนามที่เห็นภาพนั้นล้วนพูดไม่ออกทีเดียว เพราะพวกเขารู้สึกกลัวอยู่ในใจ เหมือนกับบุคคลผู้นี้ไม่ใช่คน แต่เป็นหมีขั้วโลกกระหายเลือดอย่างนั้น
อันเดรวิชโบกมือรอบสี่ทิศ และเดินอย่างไม่เร็วและไม่ช้าขึ้นไปบนเวทีมวยตามการชี้ทางของไฟที่ส่องลงมา ด้านหน้าของเขายังมีฝรั่งอีกสองคน รอจนอันเดรวิชมาถึงเวทีมวยแล้ว พวกเขาดึงเชือกเปิดกว้างบนเวทีมวย เพื่อให้อันเดรวิชลอดเข้าไปได้
“และนี่ก็คืออันเดรวิช ราชามวยยุโรปของพวกเรา พวกท่านดูความแข็งแกร่งของร่างกายเขาสิ เหมือนหมีขั้วโลกดุร้ายไหม? ทุกท่านครับ เริ่มพนันได้เลยครับ เชื่อว่าเขาจะไม่ทำให้พวกคุณผิดหวังแน่นอน!”
พิธีกรยังคงพูดหว่านล้อมอย่างต่อเนื่อง ตอนแรกเขาอยากก้าวเข้าไปลองจับกล้ามของอันเดรวิช แต่คนตัวใหญ่ดั่งสัตว์ป่าร้ายคนนั้นดันเปิดปากยิ้มให้เขาเพียงครู่เดียว พิธีกรถึงกับต้องก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ถ้าไม่ใช่เพราะมีเชือกกั้นไว้ เกรงว่าเขาคงจะลงจากเวีทีมวยไปแล้ว
ที่นั่งของเยี่ยเทียนและคนอื่นๆ เป็นอัฒจรรย์ที่สร้างขึ้นให้อยู่ตรงหน้าเวทีมวยเลย ข้างบนมีที่นั่งเพียงเจ็ดถึงแปดที่เท่านั้น ด้านหน้าที่นั่งถูกวางเต็มไปด้วยถั่วผลไม้และเครื่องดื่ม จุดนี้ก็ถือว่าเป็นจุดที่ใกล้สนามและดีมากที่สุด ดังนั้นความรู้สึกที่เยี่ยเทียนมีต่ออันเดรวิช ก็ยิ่งเห็นได้โดยตรงมากขึ้น
“นี่…เป็นไปได้ยังไง?” เมื่อความสนใจถูกเพ่งไปที่ตัวของอันเดรวิชผู้ดุร้าย สีหน้าของเยี่ยเทียนเปลี่ยนไปไม่ทันตั้งตัว ร่างกายลุกขึ้นยืนอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นเยี่ยเทียนจู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืน จู้เหวยเฟิงคิดว่าเขาตกใจกับอันเดรวิช หัวเราะอย่างอดไม่ได้และพูดว่า “น้องเยี่ย ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว ถึงเขาจะแสดงความบ้าคลั่งออกมา ก็มาถึงตรงนี้ไม่ได้!”
ข้างหลังของจู้เหวยเฟิง มีผู้ชายใส่สูทสี่คนยืนอยู่ เยี่ยเทียนสัมผัสได้ว่าตรงเอวของพวกเขามีอาวุธอัตโนมัติ ปืนสี่กระบอกยิงสลับกัน ยังไงก็สามารถยืนยันความปลอดภัยของลูกค้าพิเศษมุมนี้ได้แน่นอน
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แค่ตื่นเต้นเท่านั้นแหละ!”
เยี่ยเทียนสะบัดมือและนั่งลงไปที่เดิม สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นปกติเหมือนเดิม แต่ความตะลึงภายในใจกลับไม่ลดเลยสักนิด เพราะความแข็งแกร่งของพลังชี่ของอันเดรวิชแกร่งกว่าหูหงเต๋อถึงสามเท่า
จากการสัมผัสพลังของเยี่ยเทียน ทั้งตัวของอันเดรวิชเหมือนดั่งเตาไฟก็ไม่ปาน โครงสร้างกล้ามเนื้อของเขาทุกนิ้ว ดูเหมือนผ่านการทุบกระหน่ำมา เหมือนภูเขาไฟที่ซุ่มอยู่ใต้ดินหล่อเลี้ยงอยู่อย่างนั้น ทำให้เยี่ยเทียนยังต้องกลัวพลังนี้
“ถ้าไม่ใช้วิชา ตัวเองก็ไม่น่าใช่คู่ต่อสู้ของคนๆ นี้เลย กำ…กำลังของเขาฝึกฝนออกมาให้ได้แบบนี้ได้ยังไง?”
จนถึงเวลานี้ เยี่ยเทียนเพิ่งจะรู้ตัวว่า ตนเองดูถูกนักสู้บนโลกนี้ไปจริงๆ มวยวูซู่ของประเทศจีนมีมายาวนานก็จริง แต่เทคนิคการต่อสู้ของชาวต่างชาติก็มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน แค่อันเดรวิชคนเดียว ถึงแม้ไม่พูดว่ามีความสามารถมากพอที่จะกวาดเรล้างมวยวูซู่ภายในประเทศ แต่คนที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้นั้น มีจำนวนน้อยมาก
เยี่ยเทียนเคยอ่านนิยายเรื่องหนึ่ง เขียนไว้ว่าชาวต่างชาติมาล้มเวทีประเทศจีน ล้มนักชกแถวหน้าติดต่อกันนับไม่ถ้วน สุดท้ายมาพ่ายแพ้ให้กับปรมาจารย์จอมยุทธ์ตู้ซินอู่
ตอนนั้นเยี่ยเทียนยังสงสัยอยู่บ้าง ยุทธภพในตอนนั้นเฟื่องฟูที่สุด มีคนฝีมือดีโผล่ขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย แล้วทำไมนอกจากจอมยุทธ์ตู้ซินอู่แล้วไม่มีใครสามารถล้มเขาได้เลยล่ะ ตอนนี้ได้มาเจออันเดรวิช เยี่ยเทียนเพิ่งจะเข้าใจ นักต่อสู้ยอดฝีมือระดับสูงของต่างประเทศ มีความสามารถไม่แพ้ปรมาจารย์มวยภายในประเทศเลย
“เหล่าหู คุณมองคนๆนี้ยังไง?” เยี่ยเทียนหันข้างไปฝั่งหูหงเต๋อและถามเขา
หูหงเต๋อส่ายหัวเบาๆ แต่สีหน้าเคร่งเครียดพร้อมพูดว่า “ถ้าทดลองฝีมือ ฉันสามารถเอาชนะเขาได้ แต่ถ้าแข่งแบบให้ถึงตาย ฉันตายด้วยมือของเขาแน่ๆ นอกจากเธอและท่านลุงแล้ว คงไม่มีใครเอาชนะเขาได้หรอก แม้…แม้แต่ท่านลุงในตอนนี้ ก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
อายุของอันเดรวิชแค่สี่สิบต้นๆ สำหรับผู้ชายแล้วกำลังอยู่ในวัยฉกรรจ์ ปราณ จิตถึงจุดสูงสุด ส่วนโก่วซินเจียนั้นใกล้จะเก้าสิบแล้ว เลือดลมก็ถดถอยไปบ้าง ดังนั้นหูหงเต๋อจึงกล้าพูดคำนี้ออกมา
“ดูทางนี้หน่อยว่ายังมีคนรับช่วงต่อไหม ไม่เช่นนั้น วันนี้คงจบไม่ค่อยดีเท่าไหร่” เยี่ยเทียนถอนหายใจกับการตรวจสอบไม่ได้ ปลายจมูกของเขาเริ่มได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ การแข่งขันมวยในวันนี้จะต้องมีเลือดสาดเต็มเวทีมวยแน่นอน
“ลำดับต่อไปขอเชิญ บาทาไร้เงา จางซาน….”
ถึงแม้อันเดรวิชจะมีชื่อเสียงมากในยุโรป แต่การชกมวยภายในประเทศที่นี่เป็นครั้งแรกของเขา ดังนั้นการปรากฎตัวบนสนามของ บาทาไร้เงา จางซาน จึงจัดลำดับไว้ด้านหลัง ไฟเริ่มส่องไปยังห้องรับรองของนักมวย พร้อมกับมีเสียงโห่ร้องขึ้นตามมา
ก็เหมือนกับการแนะนำที่อยู่ในข้อมูล บาทาไร้เงา จางซาน เคยขึ้นชกมาแล้วหกครั้ง ผลการชกชนะห้าแพ้หนึ่งถือว่าเป็นผลงานที่ไม่เลวทีเดียว บวกกับเป็นคนจีนอีก เขาจึงได้เปรียบในฐานะเป็นเจ้าภาพ ดังนั้นการปรากฏตัวในสนามของเขาจึงได้รับการต้อนรับที่มากกว่าอันเดรวิช
จางซานที่มีความสูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบกว่า ร่างกายของเขาถูกคลุมเอาไว้ด้วยผ้าคลุมสีแดง เวลาเดินช่วงล่างมีความมั่นคงเป็นอย่างมาก กำลังของเขานั้นอยู่ที่ขาทั้งสองข้าง
เมื่อเดินถึงข้างบนเวทีมวย จางซานพลิกตัวกระโดดขึ้นเวทีมวยอย่างสวยงาม เรียกเสียงโห่ร้องจากคนในสนามได้เป็นอย่างดี
……