การยิงปืนของคิตะมิยะ ฮิเดโอะนั้นแม่นยำมาก กระสุนทั้งรางที่ยิงออกไป ทั้งผ่านร่างของฟูจิโอะไปถูกเข้าที่ลำตัวงูประหลาด โดยไม่ได้ทำอันตรายฟูจิโอะเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกคือลูกกระสุนเมื่อกระทบถูกตัวงูแล้ว กลับส่งเสียง”แก้ง แก้ง” เกิดประกายไฟจากโลหะที่เสียดสีกัน บนพื้นมีเกล็ดของงูแผ่นขนาดเท่าฝีมือเด็กทารกตกลงหลายแผ่น
“แว้ก!”
ถึงกระสุนยิงไม่เข้าแต่กระสุนที่โจมตีตัวมันทำให้งูร้ายบาดเจ็บ ดวงตาลุกวาวดั่งโคมไฟอันใหญ่คู่นั้นจ้องเขม็งที่คิตะมิยะ ฮิเดโอะ กับหางที่พันรัดแน่นรอบร่างกายท่อนล่างของคิตะมิยะ ฟูจิโอะอยู่สะบัดไปมา
“อ๊า!”
การดิ้นทุรนทุรายของงูยักษ์เกิดจากความเจ็บปวดที่ได้รับ แต่การเคลื่อนไหวด้วยกำลังมหาศาล ทำให้ฟูจิโอะที่กำลังคิดหาทางเอาตัวรอดอยู่นั้น กระดูกตั้งแต่เอวลงไปจนถึงตาตุ่มเจ็บปวดราวกับถูกรถบรรทุกทับ กล้ามเนื้อถูกบดขยี้กลายเป็นเศษเนื้อ
คิตะมิยะ ฟูจิโอะแต่เดิมเคยฝึกความอดทนแบบนักรบขั้นสูง แต่หลายสิบปีนี้ไม่ได้รื้อฟื้นวิชาเอาแต่อยู่เบื้องหลังกินอยู่อย่างสบาย ความเจ็บปวดที่ท่วมท้นแบบเฉียบพลันทำให้เขาร้องขึ้นมาใจจะขาด มือทั้งสองปัดป่ายไขว่คว้าอย่างไร้จุดหมาย
“นี่มันตัวอะไรกันแน่?”
ฉากตรงหน้าไม่เพียงแต่คนตระกูลคิตะมิยะที่ตกตะลึงตาค้าง เยี่ยเทียนที่ยืนอยู่กลางวงยังตื่นตระหนกตามไปด้วย เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณมหาศาลของเจ้างูสองหัว คล้ายกับพลังของเจ้ามังกรดำที่ภูเขาฉางไป๋ซานก็ไม่ปาน
“แว้ก แว้ก!” งูประหลาดส่งเสียงร้องที่คล้ายกับเสียงเด็กทารกร้องไห้ ปลายหางสะบัดเอาคิตะมิยะ ฟูจิโอะที่ท่อนล่างแหลกเหลวโยนไปด้านหลัง ร่างกายมหึมาดีดตัวขึ้นจากพื้น พุ่งเข้าใส่คิตะมิยะ ฮิเดโอะรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ
สัตว์ประหลาดจำพวกนี้มักมีสติปัญญาเหนือกว่าสัตว์ทั่วไป แม้จะไม่เท่าเทียมมนุษย์แต่สามารถรับรู้ได้ถึงการปองร้ายจากศัตรู เมื่อครู่การเคลื่อนไหวของคิดตะมิยะ ฮิเดโอะทำให้เจ้าป่าแห่งหุบเขาปีศาจพิโรธแล้ว
มันเลื้อยขึ้นมาที่ผืนน้ำแล้ว ทั้งร่างของมันปรากฏขึ้นภายใต้แสงไฟ ขนาดลำตัวยาวประมาณสิบห้าเมตร รอบลำตัวช่วงที่หนาที่สุดหนาถึงสามคืบ หัวงูอยู่ซ้ายขวานั้นมีขนาดใหญ่แต่ก็ไม่ได้ทำให้การเคลื่อนไหวช้าลงเลย
“ยิง ยิงที่ตามัน”
นอกจากเยี่ยเทียนและคิตะมิยะ ฮิเดโอะแล้ว คิตะมิยะ ฮิโคโตชิ ตะโกนเรียกสติคนอื่นในที่มัวแต่ตะลึงตัวแข็ง ตอนที่งูใหญ่พุ่งตัวเข้ามาก็ร้องเสียงหลง
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ทำอะไรก็มักจะทำตามๆ กัน ตอนที่คิตะมิยะ ฮิโคโตชิส่งเสียงร้องออกมา ทุกคนต่างหันปลายกระบอกปืนยิงไปที่งูที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศ
ตอนนั้นเองเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ลูกกระสุนนับร้อยถูกยิงรัวใส่ลำตัวงูยักษ์
แค่สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น งูบิดตัวกลางอากาศ ซุกหัวหลบหลังลำตัวอันอวบหนาที่หันเข้ารับกระสุน
“ปัง ปัง ปัง!”
เสียงโลหะกระทบกันสนั่นหู ลูกกระสุนเกือบทุกนัดถูกยิงเข้ากลางลำตัวของมัน แต่ไม่มีนัดไหนที่เจาะทะลุผ่านเกล็ดสีดำทมิฬของมันเข้าไปได้เลย
ระยะห่างของทั้งสองฝ่ายตอนแรกห่างกันเพียงสามสี่สิบเมตร ลำตัวงูยาวถึงสิบห้าเมตร รวมกับที่มันดีดตัวพุ่งมาด้านหน้า ทุกคนได้เพียงแต่ยิงปืนป้องกันตัว งูใหญ่ได้เข้าใกล้มากกว่าเดิมอีก
“แว้ก!” เสียงร้องคำรามน่าขนลุกของมัน หัวทั้งสองชูมาทางด้านหน้า ปากใหญ่อ้ากว้าง ลิ้นสองแฉกของมันตวัดเข้าใส่กลุ่มคน คนตระกูลคิตะมิยะสองคนที่ไม่ทันระวังตัวถูกลิ้นตวัดใส่อย่างหนักหน่วง
ผู้โชคร้ายทั้งสองยังไม่ทันตั้งตัว พองูยักษ์ชักลิ้นกลับ เสียงร้องของคนทั้งสองก็ดังขึ้นตามมา สุดท้ายร่างของทั้งสองก็หายเข้าไปในปากของงูยักษ์ เหลือเพียงปืนไรเฟิลที่ตกอยู่
เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้คนอื่นขนหัวลุก ทั้งหมดต่างถอยหลังไปหลายก้าว ในถ้ำถึงจะกว้างใหญ่แต่ก็ไม่มีที่ให้วิ่งหนีเหมือนนอกถ้ำ
ขณะเดียวกับที่งูยักษ์เขมือบผู้โชคร้ายทั้งสองเข้าไป หางของมันก็แกว่งกวาดไปทั่ว ปัดเอาคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าเจ็ดแปดคนลอยขึ้นจากพื้น ร่างกายลอยอยู่กลางอากาศแต่ปากพ่นเลือดสดออกมาเป็นสาย ตัวปลิวกระเด็นไปกระแทกกับผนังถ้ำที่อยู่เหนือขึ้นไปสิบกว่าเมตร เมื่อตกลงมาร่างกายอ่อนปวกเปียกราวกับไม่มีกระดูก ดูท่าจะหมดลมหายใจไปแล้ว
งูประหลาดตัวนี้อยู่ชั้นบนสุดในห่วงโซอาหารแห่งหุบเขาปีศาจ มันไม่เคยได้รับอันตรายใดมาก่อน แต่ตอนนี้มนุษย์ตัวเล็กราวกับมด กลับมารุกรานมันถึงที่ มันจึงลงมือแบบไม่ยั้ง หัวยักษ์ทั้งสองอ้าปากสำรอกกรดพิษออกมา
จากที่ถอยหลังทิ้งระยะห่างไปสิบกว่าเมตร คนในตระกูลคิตะมิยะพอถอยห่างออกจากงูยักษ์แล้วก็เห็นแต่สารน้ำเหนียวเหนอะพุ่งเข้าใส่ ไม่ทันตั้งตัวหลบ ก็ถูกสารเหนียวนั้นราดลงบนหัว
“หา หน้า…หน้าของฉัน?”
“มือ…มือของฉัน ทำไม…ทำไมเป็นแบบนี้?”
คนหลายสิบคนที่ถูกสารเหลวเหนียวหนืดนั่น เนื้อหนังบนร่างกายที่โดนเริ่มเกิดเสียงฉี่ฉี่ พร้อมกับควันสีขาวลอยขึ้นมาจากผิวหนัง ราวกับโดนสารกรดรุนแรงรดใส่ แม้แต่เสื้อผ้าก็ถูกกัดกร่อนให้หายไปในพริบตา
ไม่เพียงเท่านี้ ความเร็วในการกัดกร่อนของมันรวดเร็วมาก บางคนผิวหนังหลุดร่อนกินเข้าไปถึงเนื้อจนเห็นเป็นกระดูกขาวโพลน กรีดร้องทุรนทุรายอย่างอย่างสมเพช
บางคนฉลาดหน่อย รีบวิ่งไปทางสระน้ำโดยหวังว่าจะอาศัยน้ำสะอาดล้างสารกรดออกไป แต่ออกเดินได้เพียงไม่กี่เมตรฤทธิ์กัดกร่อนเกิดขึ้นรวดเร็วจนเหลือแต่โครงกระดูกขาวโพลนเดินได้ น่ากลัวพิกล
การโจมตีติดต่อกันหลายครั้งของเจ้างูยักษ์ ทำให้เบื้องหน้าของมันค่อยๆ ว่างเปล่าลง คนที่เหลือถอยหลังห่างจากตัวงูไปสิบกว่าเมตร พวกผู้กล้าคิตะมิยะในตอนความวุ่นวายช่วงสุดท้ายใช้ปืนในมือกราดยิงไปที่งูยักษ์อย่างไม่รอช้า
แต่สิ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึงก็คือ ตอนที่เสียงปืนในมือพวกเขาดังขึ้น ร่างของงูยักษ์กลับหดตัวลง หัวทั้งสองมุดหลบอยู่ตรงกลางลำตัว ทำให้กระสุนโดนเกล็ดของมันและกระเด็นออกไป
แต่การสาดกระสุนแบบนี้ยังพอจะทำให้มันบาดเจ็บได้บ้าง ตามช่องโหว่ของเกล็ดที่หลุดออก กระสุนเจาะฝังเข้าไปในตัวของมันได้ ร่างกายขนาดใหญ่โตดังขุนเขาของมันสั่นสะดุ้งหลายครั้ง แสดงว่าได้ลิ้มรสกระสุนเข้าไปแล้ว
นักรบที่ถือปืนกลไฟอยู่เปิดสลักปืนยิง ไฟพวยพุ่งออกมาเป็นลำยาวพ่นตรงไปที่งูยักษ์ ทำให้ตำแหน่งที่มันอยู่ล้อมรอบไปด้วยทะเลไฟ มีกลิ่นไหม้เหมือนเนื้อย่างตลบอบอวลไปทั่วทั้งถ้ำ
ผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่คนเห็นกองไฟถูกจุดขึ้นบนตัวงูจึงถอนใจด้วยความโล่งอก บางคนร้องอุทานออกมา บอกคนรีบบรรจุกระสุนลงในรางกระสุนที่ว่างเปล่าของตัวเอง แต่ดวงตาทุกคู่ยังจดจ้องไปที่กองไฟกองใหญ่นั้น
ทุกคนคิดว่าสามารถจัดการงูยักษ์ได้แล้ว แต่ขณะนั้นเอง มีไฟลำใหญ่พวยพุ่งขึ้นออกมา เจ้างูยักษ์เริ่มรู้ทันมนุษย์แล้ว มันไม่ได้ดีดตัวขึ้นเหมือนครั้งแรก แต่เลื้อยตรงเข้าใส่กลุ่มมนุษย์ตรงหน้าแทน
“บ้าเอ๊ย มันดูดซึมพลังพิฆาตมากเกินไป เลยป้องกันไฟได้”
เยี่ยเทียนผู้ที่ยืนอยู่ห่างที่สุดมองเห็นอย่างเต็มตา ตอนที่กองไฟกองใหญ่ดังทะเลเพลิง เขามองเห็นว่างูประหลาดตัวนี้ไม้ได้บาดเจ็บมากนัก เพราะหลังจากพ่นลูกไฟโดนเกล็ดงูแล้วก็ร่วงหล่นลงบนพื้นอย่างไร้เสียงใดๆ
กลิ่นเนื้อนั้นเกิดจากไฟที่เผาถูกเนื้อของงูในบริเวณที่เกล็ดหลุดออกไป ในเมื่อเป็นอย่างนี้ กองไฟสามารถทำร้ายงูได้เพียงแต่ภายนอก แต่ไม่อาจทำให้งูถึงแก่ความตาย
การต่อสู้แบบนี้ทำให้งูยักษ์ที่เป็นดั่งเจ้าครองหุบเขาปีศาจเกิดคลุ้มคลั่งอาละวาด การลงมือฆ่าครั้งนี้ มันไม่ได้สนใจลูกกระสุนที่สาดซัดใส่ตัวมันอีกครั้ง หรือแม้แต่ดวงตาของมันเองก็ไม่อาจปกป้องได้ ร่างกายอันใหญ่โตดุจมังกรไฟ กลิ้งเกลือกไปมาบนพื้นไม่หยุด
หัวอันน่าเกลียดทั้งสองก็กระตุกสั่นเหมือนถูกดึงรั้ง ทุกครั้งที่มันกลืนคนลงไปในท้อง อาจแค่เพราะต้องการสังหารมนุษย์ที่มาทำร้ายมัน พอกลืนลงไปไม่กี่นาทีก็สำรอกเอาร่างที่มันกลืนเข้าไปออกมา แต่ด้วยความรุนแรงของกรดในกระเพาะงู ทำให้ร่างที่ถูกสำรอกออกมาเน่าเปื่อยไม่มีชิ้นดี
ผนังถ้ำที่แข็งแรงถูกงูยักษ์ปัดป่ายจนหินกระเด็นหลุดออกมาหล่นใส่ศีรษะของทุกคน เป็นภาพที่ไม่น่าดูนัก อีกทั้งการเคลื่อนไหวดิ้นรนของมันทำให้การป้องกันของตระกูลคิตะมิยะแตกขบวนโกลาหล
ภายในเวลาไม่กี่นาที นักรบผู้กล้าในตระกูลถูกฆ่าตายไปเจ็ดแปดสิบคน คิตะมิยะ ฮิเดโอะกำลังเจ็บปวดใจ การเดินมาทางมาเยือนพม่าคราวนี้ของเขา ทำให้พี่น้องต้องบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก แม้ได้ขุมทรัพย์กลับไป ก็ไม่อาจชดเชยชีวิตที่ต้องเสียไปที่นี่
ต้องรู้ว่า เงินทองทรัพย์สมบัตินั้นหาง่าย แต่ชีวิตของเหล่าผู้กล้าในตระกูลนั้นต้องผ่านการฝึกสะสมวิชามาคนละสิบยี่สิบปี อีกทั้งผู้ที่มาล้วนแต่เป็นลูกหลานสายตรง เมื่อตายกันไปมากขนาดนี้ ตระกูลคิตะมิยะคงจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง
“เจ้าโง่เอ๊ย ผู้กล้าทั้งหลาย ฆ่ามันให้ตาย!”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะที่สูญเสียการควบคุมร่างกายท่อนล่างไป ทำให้เสียงที่ตะโกนออกมานั้นแหลมผิดปกติ คำสั่งเสียงดังจนได้ยินชัดทุกคน เหล่าผู้กล้าลุกฮือขึ้นอีกครั้งเข้าโจมตีงูร้ายอย่างไม่เกรงกลัวความตาย
“แว้ก!” งูยักษ์อาละวาดเต็มที่แล้ว มันไม่สนว่าใครเป็นใคร ตวัดลิ้นทีหนึ่งก็กลืนเอาคนสองคนที่ยืนขวางหน้ามันอยู่เข้าปากไปทีหนึ่ง พร้อมกับพ่นกรดพิษออกมาจากกระเพาะหมายจะกัดกร่อนคนทั้งสองให้หายสาบสูญ
สติปัญญาของสัตว์เดรัจฉานมีหรือจะเทียบเท่ามนุษย์ได้ มันมองไม่เห็นว่าคนทั้งสองที่มันกลืนเข้าไปนั้นถือแท่งระเบิดไว้ในมืออยู่
…………………