คนญี่ปุ่นเป็นชนชาติที่ค่อนข้างบ้าระห่ำ พวกเขาไม่เพียงแต่สังหารประชาชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปมากมายในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง แม้แต่กับคนในชาติเดียวกัน พวกเขายังไม่ค่อยมีมนุษยธรรมเลย
ในกองทัพญี่ปุ่น เหล่าทหารต้องฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาเป็นสิ่งสูงสุด เคร่งครัดในระเบียบวินัย เคยมีคนเปิดเผยคำสั่งของทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกว่า ถูกสั่งให้เดินไปข้างหน้า แม้เบื้องหน้าจะเป็นหน้าผาชัน มีนายทหารหลายสิบคนที่ทำตามคำสั่งอย่างไม่กลัวตาย เดินลงไปจากหน้าผานั้น
การเสียสละตัวเองเป็นคติชั้นสูง ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดในกองทัพทหารญี่ปุ่น เช่นเดียวกับตระกูลคิตะมิยะ ผู้กล้าทั้งหลายได้รับมอบหมายในหน้าที่อย่างนี้เช่นเดียวกัน
ผู้กล้าเดินบุกเข้าไปใกล้งูร้าย โดยที่ไม่ได้หวังว่าจะมีชีวิตรอดกลับมา ตอนที่ร่างกายถูกลิ้นงูตวัดถูกนั้นไม่ปรากฎแววตกใจหรือหวาดกลัวในสีหน้าเลย แต่กลับจุดระเบิดแรงสูงเพิ่มอีกสองอันในมือ
ระเบิดนั้นไม่ใช่ระเบิดมือธรรมดา ระเบิดในมือของเขาทั้งสองเป็นระเบิดแรงสูงที่สามารถเป็นได้ทั้งกระสุนปืน เปลือกโลหะระเบิดภายนอกแข็งแรง แต่ภายในอัดแน่นด้วยชนวนระเบิดแรงดันสูง พอเชื้อปะทุถูกจุดชนวน ทำให้เปลือกแข็งด้านนอกแตกออก กลายเป็นเศษระเบิดที่ทั้งมีความร้อนสูงและแหลมคมสามารถพุ่งตัดแตกกระจายได้รุนแรงกว่าเดิม
เชื้อปะทุระเบิดนี้เพียงพอจะฉีกรถถังขนาดย่อมให้หลุดเป็นชิ้นๆ ผู้กล้าทั้งสองถือระเบิดเดินดุ่มๆ เข้าไปโดยไม่มีการป้องกันตัวใด แล้วถูกงูยักษ์ตวัดเข้าปากไปโดยปริยาย แต่ชนวนระเบิดถูกจุดติดขึ้นแล้ว
ควันสีเขียวผสมกับกลิ่นดินระเบิดลอยออกมาจากปากของงูยักษ์ งูที่กำลังอาละวาดโกรธแค้นรู้สึกได้ถึงความอันตรายที่มาเยือน ร่างกายอันใหญ่โตบิดพันอย่างรุนแรง จนกวาดเอาคนอีกสิบกว่าคนที่ยืนขวางหน้ามันอยู่จนแหลกเหลว ลอยกระเด็นตกไปไกล
“ครืน ครืน !!!”
เสียงระเบิดกึกก้องดังขึ้นสองครั้งไล่เลี่ยกัน แรงสั่นสะเทือนทำให้ทั้งถ้ำสั่นไหว หินน้อยใหญ่ตกลงมาจากเพดานถ้ำ ราวกับว่าถ้ำกำลังจะพังลงมา
หัวอันมหึมาของมันหยุดชะงักกลางอากาศ ตามด้วยกลุ่มเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นมา แต่เดิมหัวสีดำสนิทราวยมทูตของมันถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดแข็ง แต่ตอนนี้มีแสงไฟสีแดงเรืองเรื่อออกมากะโหลกของมัน
แต่ภาพนี้ดำรงอยู่ได้เพียงไม่กี่วินาที กะโหลกอันแข็งแกร่งถูกระเบิดจากภายในแหลกร้าวดังแก้วแตก เชื้อประทุจากระเบิดมือฉีกกะโหลกของมันเป็นชิ้นส่วน ตามมาด้วยเลือดสีคล้ำที่พวยพุ่งพร้อมกับประกายไฟ
คนอื่นๆ ที่อยู่โดยรอบพลอยโดนลูกหลงไปด้วย เศษดินระเบิดกระเด็นออกมาจากตัวงูได้ฝังเข้าที่ร่างกายของพวกเขา แรงระเบิดซัดร่างกายพวกเขาไปกระแทกอย่างแรงกับผนังถ้ำสุดท้ายจึงแน่นิ่งสิ้นใจไปหลายคน
ส่วนคนที่ยืนอยู่ห่างออกมาได้แต่ตะลึงค้างมองดูร่างกายของงูยักษ์ล้มลงอยู่บนพื้น
ความตายของงูร้ายทำให้ในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แม้ร่างกายของมันแน่นิ่งไปแล้ว แต่พวกเขายังไม่แน่ใจว่ามันตายแน่หรือยัง หรือจะดีดตัวกลับขึ้นมาโจมตีพวกเขาอีกครั้ง
“ฮาเซดะ ฮาเซดะ!”
ตอนที่ทุกคนชะงักค้างอยู่นั้น เสียงร้องเรียกน่าเวทนาของคิตะมิยะ ฮิโคโตชิดังขึ้น เขาพุ่งตัวไปที่ร่างของงูยักษ์ทันที เพราะเมื่อครู่หนึ่งในสองคนที่ถูกงูร้ายกลืนลงท้องไปนั้นเป็นลูกชายของเขา คิตะมิยะ ฮาเซดะ
การสูญเสียบุตรชายไปอย่างไม่มีวันกลับส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อจิตใจของเขา เขาวิ่งไปที่ร่างพรุนทั้งตัวของงูยักษ์ ใช้มือควานหาเศษชิ้นเนื้อในปากของของมัน ร้องไห้ฟูมฟายแทบขาดใจ
คิตะมิยะ ฮิเดโอะมองดูศพเกลื่อนบนพื้น ภายในชั่วพริบตาเขาดูเหมือนแก่ลงไปหลายสิบปีทีเดียว รูปร่างที่เคยหลังตรงสง่า จู่ๆ ก็ตัวค่อมลง แววตาว่างเปล่ามองไปเบื้องหน้า ปากบ่นพึมพำ “ท่าน…ท่านอาวุโสโชตะ ครั้งนี้สิ่งที่ผมทำมันผิดหรือถูกกันแน่?”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะเพื่อการออกตามหาขุมทรัพย์ของตระกูล เขาได้คัดสรรแต่สมาชิกฝีมือเยี่ยม อีกทั้งยังเป็นเชื้อสายของลูกหลานสายตรง ที่ต่างก็เป็นผู้ชี้ชะตาอนาคตของตระกูลด้วยมือของพวกเขา
แต่เขากลับไม่เคยคิดเลยว่า การเดินทางตามหาขุมทรัพย์ครั้งนี้ ยังไม่ทันได้มีใครจับถูกแท่งทองเลย กลับต้องบาดเจ็บล้มตายไปตามกัน กวาดตามองไปทางคนที่เหลืออยู่หยิบมือเพียงยี่สิบกว่าคน คิตะมิยะ ฮิเดโอะอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
ต้องรู้ว่า การประลองในตระกูลคนญี่ปุ่นมีกฎข้อห้ามไม่ให้ใช้ปืน ดังนั้นยอดฝีมือในตระกูลต่างใช้ฝีมือวิทยายุทธเป็นตัววัด และใช้ปกป้องตระกูล
ตอนนี้เหลือเพียงคนตำแหน่งเล็กๆ ไม่กี่คน คิตะมิยะ ฮิเดโอะคาดเดาได้เลยว่า การประชุมสมาชิกตระกูลครั้งหน้า ตระกูลคิตะมิยะจะไม่รุ่งเรื่องแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว
ดังนั้นถ้าหากหาพบขุมทรัพย์นำกลับไปได้จริง แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับความเสียหายที่เกิดขึ้น ถ้าทำตามกฎสำนักที่คิตะมิยะ ฮิเดโอะตั้งขึ้นมาหลายสิบปี ผู้นำคณะเดินทางอย่างเขาก็ควรจะทำฮาราคีรีฆ่าตัวตายเพื่อชดเชยความผิดต่อคนในตระกูล
“ฮิเดโอะ เรื่องนี้จะโทษคุณไม่ได้ ใคร….ใครก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ พอกลับไปแล้ว ฉันจะอธิบายให้ผู้อาวุโสในสำนักฟังเอง”
การเดินทางครั้งนี้มีผู้อาวุโสสามท่านร่วมทางมาด้วย คิตะมิยะ ฟูจิโอะถูกงูร้ายบีบรัดร่างกายท่อนล่างแหลกเหลว ยังไม่ทราบว่าเป็นหรือตาย ผู้อาวุโสอีกคนก็ได้เสียชีวิตไปท่ามกลางความโกลาหลเมื่อครู่ ตอนนี้เหลือเพียงท่านโชตะเพียงคนเดียวแล้ว แต่หน้าตาของท่านดูซีดเผือด ดวงตาไร้แววมองดูเศษชิ้นส่วนมนุษย์ที่เกลื่อนกลาดอยู่ตรงหน้า
“ช่วยคน รีบช่วยคนสิ!”
คำเตือนสติของท่านโชตะทำให้คิตะมิยะ ฮิเดโอะเรียกสติกลับมาได้ รีบตะโกนเสียงโหวกเหวก วิ่งไปเรียกสมาชิกคนอื่นที่ตกใจจนช็อกไป ใช้วิธีตบบ้องหูเรียกสติพวกนั้นกลับคืนมา
เหลือผู้รอดชีวิตทั้งหมดอีกยี่สิบแปดคน ด้วยการลงมือทุบตีเล็กน้อยของคิตะมิยะ ฮิเดโอะ ทำให้พวกเขาเริ่มขยับตัว อดกลั้นความรู้สึกในใจออกไปตามหาผู้รอดชีวิตท่ามกลางกองเศษชิ้นส่วนมนุษย์และร่างเน่าเปื่อยจากการโดนกรดรุนแรง
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม จิตใจของคิตะมิยะ ฮิเดโอะ ห่อเหี่ยวถึงที่สุด เพราะไม่พบผู้รอดชีวิตเลยสักคน แม้แต่คนที่การบาดเจ็บไม่สาหัส ร้องครวญครางอยู่ ก็ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงสิ้นลมไปเฉยๆ
“ปีศาจ ที่นี่มีปีศาจ!”
ความลึกลับพิสดารทำให้สมาชิกตระกูลคิตะมิยะคนหนึ่งหมดสิ้นหนทาง เขาหยิบปืนขึ้นมาจากพื้น ชี้ปืนจ่อที่คอหอยตัวเอง คิตะมิยะ ฮิเดโอะยังไม่ทันอ้าปากห้าม เขาได้เหนี่ยวไกไปแล้ว
เสียงทึบของปืนดังสะท้อนในถ้ำ คิตะมิยะ ฮิเดโอะมีสีหน้าสิ้นหวัง เขารู้ดีว่าตัวเองควรจะทำแบบคนๆ นั้นคือชักดาบเหน็บที่เอวออกมาแทงเข้าไปในท้องของตัวเอง เพื่อเป็นการชดเชยแก่ผู้เสียชีวิต
“โง่เง่า พวกนายเป็นนักรบของตระกูลคิตะมิยะ ความรุ่งโรจน์ของตระกูลตกอยู่ในมือพวกนายแล้ว พวกนายต้องฮึดสู้!”
ตอนที่คิตะมิยะ ฮิเดโอะกำลังลังเลตัดสินใจไม่ขาดนั้น ผู้อาวุโสโชตะก็โกนขึ้นเสียงดัง “ที่นี่มีทรัพย์สมบัติที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้พวกเราเป็นมูลค่าเกิดหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพียงแค่หามันให้พบ พวกเราก็จะกลับไปทำให้ตระกูลของเรารุ่งเรือง พวกนายจะเป็นผู้มีคุณต่อตระกูล!”
เมื่อเห็นท่าทางคนอื่นๆ ต่างหมดอาลัยตายอยาก ท่านโชตะไม่สนใจอย่างอื่นแล้ว เขาได้ประกาศความลับขั้นสูงสุดออกมา
คำโบราณกล่าวไว้ คนเรายอมตายเพราะลาภยศ นกยอมตายเพราะหาอาหาร พอได้ยินว่าเงินจำนวนหลายหมื่นล้านดอลลาร์ พวกสมาชิกตระกูลต่างลุกวาวกันเป็นแถว ต่างเงยหน้ามองคิตะมิยะ ฮิเดโอะและท่านโชตะสองคน
คำพูดของท่านโชตะเป็นการกระตุ้นคิตะมิยะ ฮิเดโอะ พอเห็นคนอื่นจ้องมาที่ตัวเองก็รีบพูด “ถูกแล้ว เพียงแค่หาขุมทรัพย์นั้นจนพบ พวกนายจะเป็นผู้มีคุณต่อตระกูลของเรา ฉันคิตะมิยะ ฮิเดโอะขอสาบานด้วยเกียรติของตระกูลว่าในวันที่มีการแบ่งสมบัติกัน วันนั้นพวกนายทุกคนจะได้ส่วนแบ่งด้วย”
“ท่านหัวหน้า แล้วคนที่ตายไปเล่า จะทำอย่างไร?” คนที่มาถึงพม่านี้เป็นญาติมิตรพวกพ้องกันทั้งนั้น คิตะยะ ฮิเดโอะใช้ผลประโยชน์เป็นตัวล่อ กลับไม่สามารถทำให้พวกเขาพอใจได้
“ครั้งนี้เป็นเพราะคำสั่งของฉันผิดพลาด กลับประเทศเราแล้ว ฉันจะบอกท่านผู้อาวุโสขอลาออก จากนั้นก็จะมีคำตอบให้กับทุกคน”
คิตมิยะ ฮิเดโอะพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวด “สิ่งที่สำคัญตอนนี้คือ อย่าให้ชีวิตของผู้บริสุทธิ์ต้องเสียไปโดยเปล่า ต้องหาสมบัติของบรรพบุรุษที่ซ่อนไว้จนเจอ ถึงจะเป็นการปลอบประโลมวิญญาณเหล่าผู้กล้า”
“ท่านหัวหน้าพูดถูก ทุกคนรีบหาสมบัติที่ตกอยู่ก้นบึงให้พบเร็วเถอะ หุบเขานี้ลึกลับประหลาด ถ้าอยู่นานกว่านี้ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
คิตะมิยะ ฮิโคโตชิเองก็ฟื้นคืนจากความทุกข์โศกที่สูญเสียบุตรชาย เขาไตร่ตรองอย่างละเอียดอีกที ครั้งนี้ไม่ควรโทษคิตะมิยะ ฮิเดโอะเพียงฝ่ายเดียว อสรพิษสองหัวนั่นมันเกินความคาดหมายของมนุษย์ทั่วไป ถ้าไม่ได้เห็นกับตา ตัวเขาเองจะไม่มีทางเชื่อ
คิตะมิยะ ฮิโคโตชิเอ่ยประโยคนั้นออกไป คนที่หลายคนในที่นั้นอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขนลุก แค่งูประหลาดตัวเดียวก็เกือบทำให้พวกเขาต้องเอาชีวิตมาทิ้งกันหมด ถ้ามีตัวประหลาดอะไรโผล่มาอีก เกรงว่าผู้กล้าตระกูลคิตะมิยะคงจะไม่มีใครเหลือรอดกลับไปสักคน
ทุกคนไม่ได้สนใจกองเลือดเต็มพื้นและเลือดที่ไหลปนไปกับน้ำ พวกเขากระโดดลงไปงมของในสระน้ำ
“ให้ตายเถอะ ขนาดนี้แล้วยังจะหาเงินกันอีก?”
เห็นท่าทางของทุกคนแล้วเยี่ยเทียนแอบก่นด่าอยู่ในใจ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาลงมือ เขาจะรอให้คนเหล่านี้เดินทางกลับไปถึงปากทางเข้าหุบเขาปีศาจก่อน แล้วร่วมมือจากคนด้านนอกโจมตีทีเดียว พร้อมทั้งให้พวกนั้นช่วยเขาขนทองกลับไป
เพราะเยี่ยเทียนไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น เยี่ยเทียนเรียนรู้เอาจากท่าทาง ตามคนอื่นลงไปในน้ำ เก็บเอาทองคำที่จมอยู่เบื้องล่างขึ้นมา วางเรียงกันบนฝั่งอย่างเป็นระเบียบ
สระน้ำนี้ไม่ได้ลึกมาก ทั้งยังถูกน้ำมันแผดเผาไปไม่น้อย ตอนนี้ความสูงของน้ำยังไม่เท่าหัวเข่า คนยี่สิบกว่าคนลงงมพร้อมกันเหมือนกับหว่านแหลงไปในสระจนไม่เหลือทองคำแท่งหลงเหลืออยู่แล้ว
“ฮิ…ฮิเดโอะ!” ตอนที่ทุกคนกำลังกวาดตามองดูโขดหินตรงกลางสระน้ำนั้น มีเสียงเรียกอันอ่อนแรงดังขึ้น
……………………..