จิตสังหารรุนแรงของเยี่ยเทียนเกิดจากการฆ่าคนในตระกูลคิตะมิยะอย่างต่อเนื่อง คิตะมิยะ ฮิเดโอะร้อนใจขึ้นมา แต่ ณ ตอนนี้เขากลับไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว เพราะกลัวเยี่ยเทียนจะโจมตีถึงชีวิต
การมีชีวิตอยู่จนอายุเท่าฮิเดโออะนั้นจึงมองความตายเป็นเรื่องธรรมดา แต่ความปรารถนาต่อเรื่องเอกสารและทรัพย์สินในธนาคารแห่งชาติสวิสนั้นไม่อาจลบล้างไปได้ ไม่เช่นนั้นชื่อของเขาจะถูกจารึกไว้บนเสาไร้ยางอายในตระกูล
“ครั้งนี้ตระกูลคิตะมิยะของเรายอมแพ้แล้ว ทองคำพวกนี้ แกขนไปได้เลย!”
หลังจากที่เงียบไปพักใหญ่ในที่สุดฮิเดโอะก็เงยหน้าขึ้น ในดวงตาปรากฏแววยอมรับความพ่ายแพ้ เคยมีหลายครั้งที่เขามองชนชาติจีนเป็นผู้อ่อนแอกว่า แต่ตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนมีภูเขาลูกใหญ่ทับอยู่บนอกจนทำให้เขาหายใจไม่ออก
“ทองคำน่ะ ผมเอากลับไปแน่ จะให้ปล่อยพวกคุณไปก็ได้อยู่นะ”
เยี่ยเทียนทำหน้าทะเล้นใส่ฮิเดโอะ “เอาซองเอกสารนั่นออกมาให้ผมสิ แล้วพวกคุณจะออกไปจากหุบเขาปีศาจนี้ได้ทันที!”
แม้ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเอกสารในอกเสื้อของฮิเดโอะคืออะไรกันแน่ แต่การที่พวกเขายอมถูกลบหลู่ดูหมิ่นเพราะมันได้ แสดงว่ามันต้องมีความสำคัญมากกว่าทองคำยี่สิบคันรถนี้เสียอีก พวกเขาจึงต้องการปกป้องเอกสารนี้ เยี่ยเทียนรู้ในทันทีว่าต้องเป็นของสำคัญ
“เจ้าโง่เอ๊ย แกมัน แกมันช่างโลภจริง!”
พอเยี่ยเทียนยื่นข้อเสนอจบ ฮิเดโอะอดกลั้นไฟโทสะต่อไปไม่แล้ว มือขวาชักดาบยาวออกมาดัง “ชิ้ง” แล้วเขวี้ยงดาบออกไปพลางตวาดว่า “คนจีนอย่างพวกแกมีคำพูดที่ว่าผู้ชนะเป็นอ๋อง ผู้แพ้เป็นสัตว์ ถ้าแกเอาชนะฉันได้ สิ่งของที่อยู่ตรงนี้ทั้งหมดจะตกเป็นของแก”
ตั้งแต่เมื่อครึ่งศตวรรษก่อนการต่อสู้กับโก่วซินเจียที่บาดเจ็บสาหัสทั้งคู่ เมื่อฮิเดโอะกลับประเทศไปแล้วต้องอดทนต่อความเจ็บปวดจากพลังพิฆาต ต้องสงบกายใจรักษาอาการบาดเจ็บอยู่เป็นสิบปี แล้วยังฝึกวิชาดาบคิตะมิยะจนสำเร็จถึงขั้นสูงสุด จึงจะกล้าไปท้าต่อสู้กับพ่อเพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้นำ
แม้ว่าหลายปีมานี้ร่างกายของฮิเดโอะจะทรุดโทรมลง ไม่ได้แข็งแกร่งกำยำเหมือนตอนหนุ่มๆ แต่เขาก็เชื่อว่าหากตัวเองได้พบกับโก่วซินเจียอีกครั้ง จะไม่มีทางพ่ายแพ้ ตอนนี้ถูกเยี่ยเทียนบีบบังคับ สุดท้ายแล้วเขาจึงแสดงออกถึงสัญชาติญาณที่แท้จริง
ฮิเดโอะอายุเกินเจ็ดสิบปี รูปร่างไม่ได้สูงใหญ่ แต่หลังยังตรงอยู่ สองมือจับดาบไว้มั่น ผมขาวปลิวไสวตามลม ดูราวกับแบบอย่างของปรมาจารย์ในตำรา
“พูดได้ดีนี่ ผู้ชนะเป็นอ๋อง ผู้แพ้เป็นสัตว์ หลักการในยุทธภพก็เป็นแบบนี้ ตอนนั้นคุณตัดแขนของศิษย์พี่ผมขาด วันนี้ผมจะมาทวงความยุติธรรมให้ศิษย์พี่!”
เยี่ยเทียนดึงผ้าปิดหน้าออกเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา ใบหน้าอันหนุ่มแน่นของเยี่ยเทียนทำให้ทั้งฮิเดโอะและท่านโชตะที่ยืนอยู่ข้างๆ ตกตะลึง ฟังจากน้ำเสียงแล้วพอเดาได้ว่าเยี่ยเทียนอายุยังน้อย แต่คิดไม่ถึงว่าเยี่ยเทียนยังเป็นแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น
เยี่ยเทียนใช้เท้าตวัดทีเดียว ดาบญี่ปุ่นเล่มนั้นก็ลอยขึ้นมาใส่มือขวาเขาทันที พร้อมกับยื่นนิ้วชี้ข้างซ้ายออกไปชี้หน้าฮิเดโอะ กระดิกนิ้วเรียก “คุณแก่มากแล้ว ผมจะยอมให้คุณหนึ่งกระบวนท่าก่อน!”
แม้ท่าทางของเยี่ยเทียนดูแคลนฝ่ายตรงข้าม แต่นัยน์ตาเขาไม่ได้มีความประมาทเลินเล่อเลยสักนิด การท้าทายฮิเดโอะเมื่อครู่ เขาไม่ได้จู่โจมโดยไม่ได้ยั้งคิด เพราะความอดทนอดกลั้นของฮิเดโอะทำให้เยี่ยเทียนนับถือ
“เจ้าโง่!” การท้าทายจากเยี่ยเทียนทำให้อารมณ์ของฮิเดโอะคุกรุ่นขึ้นกว่าเดิม ขอแค่หาช่องโหว่เยี่ยเทียนได้ มือทั้งสองถือดาบพุ่งไปด้านหน้า วิ่งเข้าใส่เยี่ยเทียนอย่างรวดเร็วราวกับพายุถาโถม
“ชิ้ง…ชิ้งชิ้ง…”
เยี่ยเทียนถือดาบมือเดียว ไม่ได้หลบหลีกการโจมตีเลย รับการโจมตีของดาบอันแข็งกร้าวด้วยความแข็งแกร่ง สลายแรงปะทะออกไปหมด ฝ่าเท้ายืนอยู่มั่นคงราวกับถูกตรึงไว้ด้วยรากไม้ใหญ่ เสียงดาบกระทบกันหลายครั้ง แล้วทั้งสองก็ผละออกจากกัน
“วิชาดาบคิตะมิยะก็แค่นี้ ยังสู้วิชาดาบหัวเซี่ยของฉันไม่ได้ และยังจะก่อตั้งสำนักดาบได้อีกเหรอ?” ปลายดาบแหลมคมของเยี่ยเทียนชี้ไปที่ฮิเดโอะที่ยืนห่างออกไปห้าเมตร ยิ้มเย็นพลางเอ่ยเย้ยหยัน
ในญี่ปุ่นถ้าเทียบกับวิชามวยใต้ดินของคาโต้ ทาคุมิแล้ว วิชาดาบอันแข็งแกร่งของคิตะมิยะ ฮิเดโอะนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความเข้มแข็งของทุกฝีดาบไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด ใช้เพียงแค่เจ็ดแปดส่วนเท่านั้น การเคลื่อนไหวลื่นไหลไม่มีที่ติ มีความคล้ายกับวิชาดาบไท้เก็กของประเทศจีน
เพียงแต่เยี่ยเทียนไม่รู้ซึ้งถึงเคล็ดลับวิชาดาบ ไม่ว่าฮิเดโอะจะดัดแปลงกระบวนท่าไปอย่างไร เยี่ยเทียนก็ยังคงโจมตีกลับด้วยความรวดเร็วรุนแรง ในสิบกว่ากระบวนท่าที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่รับทุกกระบวนท่าของฮิเดโอะได้ทั้งหมด ยังส่งแรงกระแทกทำให้มือของฮิเดโอะเกิดอาการชาขึ้นด้วย
“เจ้าโง่!” ฮิเดโอะรู้ดีว่าวันนี้ผลการต่อสู้ตัวเองต้องจบไม่สวยแน่นอน ถึงจะยอมมอบเอกสารกับใบรับรองการฝากเงินให้ ฝ่ายเยี่ยเทียนต้องไม่ยอมปล่อยตัวเองไปแน่นอน พลันนึกแค้นในใจ บุกเข้าใส่เยี่ยเทียนอีกครั้ง
ตอนนี้ฮิเดโอะไม่มีการป้องกันตัวใด ทุกดาบที่ฟันลงไปนั้นใช้แรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ในร่างกาย เป็นการโจมตีที่จะทำให้บาดเจ็บหนักทั้งคู่ บีบเค้นให้เยี่ยเทียนถอยหลังไปสองก้าว
ขณะเดียวกัน คิตะมิยะ โชตะที่ยืนดูการต่อสู้อยู่ จู่ๆ ก็ค่อยพรางตัวหายไปกับอากาศ เหมือนกับว่าตรงนั้นไม่เคยมีใครยืนอยู่เลย
“คุณฟันจนพอใจแล้วใช่ไหม? ต่อไปตาผมบ้างละ?”
เยี่ยเทียนดูเหมือนจะสู้แบบหมาจนตรอก แต่เพราะฝ่ายตรงข้ามกำลังหาช่องโหว่เขาอยู่ ฮิเดโอะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดฟันดาบไปหลายสิบครั้ง ทุกครั้งถูกเยี่ยเทียนรับเอาไว้ได้หมด เมื่อดูท่าทางอ่อนกำลังลงของฮิเดโอะแล้ว เยี่ยเทียนจึงสั่นมือขวาครั้งหนึ่ง เปลี่ยนจากการรับเป็นรุก ความเยือกเย็นได้แผ่ออกมาจากดาบที่เฉียบคม ถึงกับทำให้อุณหภูมิโดยรอบลดลงหลายองศา
“ชิ้ง…ฟึบ ฉับ!”
เสียงดาบโลหะที่กระทบสลับกัน ฮิเดโอะรู้สึกว่ามือขวาของตัวเองที่รับดาบของเยี่ยเทียนจู่ๆ ก็เบาลงไปมาก พอหันไปดู ก็ต้องตกใจใหญ่ เพราะดาบเหล็กกล้าของเขาถูกเยี่ยเทียนฟันขาดเป็นสองท่อนไปแล้ว
ควรทราบว่า คิตะมิยะ ฮิเดโอะมีตำแหน่งเป็นถึงระดับผู้นำ ดาบที่เขาถือก็มีประวัติเรื่องราวมาเช่นกัน ดาบโอนิมุระ คูนิสึนะ เป็นดาบที่ตกทอดมาในตระกูลคามาคูระ โฮโจ เป็นดาบที่มีชื่อเสียงหนึ่งในสิบของญี่ปุ่น พอตระกูลคามาคูระ โฮโจล่มสลาย ดาบนี้ก็ตกไปอยู่ในมือของบุคคลภายนอก คิตะมิยะ ฮิเดโอะมีโอกาสได้ไปพบเข้า ใช้เงินจำนวนมากเพื่อจะซื้อมันมาครอบครอง
ส่วนดาบของเยี่ยเทียนเป็นดาบนักรบ ที่มีเพียงคนในตระกูลเท่านั้นที่จะครอบครองมันได้ ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงของดาบหรือวัสดุของดาบต่างก็ยอดเยี่ยมพอที่จะตัดดาบโอนิมุระ คูนิสึนะให้หักเป็นสองท่อนได้
ตอนนี้ฮิเดโอะไม่มีเวลาไปนั่งเสียดายดาบแล้ว อาศัยโอกาสที่ดาบโอนิมุระ คูนิสึนะของเขายับยั้งเยี่ยเทียนไว้อยู่ แล้วกระโดดถอยตัวไปด้านหลัง เยี่ยเทียนฟาดดาบลงอีกครั้ง ส่วนปลายแหลมของดาบห่างจากร่างของฮิเดโอะเพียงไม่ถึงคืบ แต่ไม่สามารถทำอันตรายฮิเดโอะได้
“หักเดี๋ยวนี้!”
เยี่ยเทียนกราดสายตาพิฆาต พร้อมกับตะโกนเสียงกร้าว กำลังในมือขวาไม่ได้ลดลง แต่สิ่งที่ทำให้ฮิเดโอะประหวั่นพรั่นพรึงคือ ที่ตรงปลายดาบอันเยือกเย็นที่เยี่ยเทียนส่งออกมา มีลำแสงสีขาวพาดผ่าน
คนทั้งสองตอนแรกที่ยืนอยู่ใกล้กันมาก เมื่อเยี่ยเทียนใช้กระบวนท่าดาบออกไป คิตะมิยะ ฮิเดโอะไม่มีทางหลบหลีกได้เลย ได้แต่มองดูลำแสงนั้นตัดไปที่ไหล่ขวาของตัวเอง
เสียง “ฉับ” ดังขึ้นเบาๆ ฮิเดโอะยังไม่ทันได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดด้วยซ้ำ แขนด้านขวาของเขาขาดไปแล้ว กระดูกสีขาวโพลนปรากฎขึ้นอย่างชัดเจน กลิ่นคาวจากเลือดที่ฉีดพุ่งออกมาไกลถึงเมตรกว่า
คิตะมิยะ ฮิเดโอะยังกัดฟันทนต่อแม้จะยืนไม่ไหว ก้าวถอยร่นไปด้านหลังอีกเจ็ดแปดเมตร ทรุดตัวคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ใช้ดาบหักที่อยู่ในมือซ้ายค้ำยันร่างกายเอาไว้
“ดาบนี้ ชดเชยให้ศิษย์พี่ของฉัน!”
เยี่ยเทียนมองดูแขนขวาข้างนั้นที่เพิ่งถูกตัดไป ใบหน้าไม่มีอารมณ์ใดๆ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ในเมื่อเลือกยุทธภพแล้ว ก็ต้องทำความเข้าใจในจุดนี้ เยี่ยเทียนพึมพำถามตัวเอง ไม่แน่อาจจะมีสักวันหนึ่ง อาจมีคนมาเหยียบย่ำศพของตัวเอง เพื่อก้าวไปสู่จุดหมายเช่นกัน
มีผู้อาวุโสในยุทธภพมากมายที่พอถึงวัยหนึ่งแล้วเกิดอยากจะล้างมือจากวงการ ในยุทธจักรคลื่นลูกใหม่มาแทนคลื่นลูกเก่าเสมอ ถ้าหากไม่ระวัง คลื่นลูกเก่าอาจจะถูกซัดมาตายบนฝั่งก็เป็นได้
ความแค้นในยุทธภพที่ไม่สิ้นสุด ตั้งแต่ต้นจนจบ เยี่ยเทียนไม่เคยปล่อยศัตรูให้รอดไปได้ง่ายๆ หลังจากฟันดาบลงไปที่แขนของฮิเดโอะแล้ว เยี่ยเทียนกระตุกข้อมือกลับ แล้วรุดเข้าไปประชิดตัวศัตรูทันทีปานสายฟ้าแลบ
ตอนนั้นเอง ฮิเดโอะล้วงมือที่เหลืออยู่เข้าไปในอกเสื้อหยิบเอาของสิ่งหนึ่งออกมา แล้วโยนใส่เยี่ยเทียน เสียง“พรวด”ดังเบาๆ สิ่งที่ตกอยู่ตรงเท้าเยี่ยเทียนกำลังพ่นควันสีดำออกมา ล้อมรอบตัวเยี่ยเทียนเป็นรัศมีสิบกว่าเมตร
“แกล้งหลอกผีรึ!” เยี่ยเทียนนึกในใจ จังหวะลมหายใจเปลี่ยนเป็นยาวขึ้น ดวงตาสองข้างปิดสนิท เขาเองก็ไม่รู้ว่าควันนี้มีพิษหรือไม่ เอาเป็นว่าระวังไว้ก่อนดีที่สุด
“รนหาที่ตาย!”
เยี่ยเทียนเพิ่งเปลี่ยนการหายใจด้วยลมปราณ ถึงรู้สึกว่าด้านหลังของเขามีเงาของคนคนหนึ่งใกล้เข้ามา สัมผัสจากพลังลมปราณแล้วน่าจะเป็นท่านโชตะที่ยังไม่ได้ลงต่อสู้ด้วย
เยี่ยเทียนแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เดินไปข้างหน้าอีกสองก้าว ร่างของเขากำลังจะออกจากวงล้อมของหมอกควันแล้ว ที่ด้านหลังคิตะมิยะ โชตะถือกริชอยู่ในมือ ย่องเข้าไปจะปาดคอเยี่ยเทียน
วิชาพรางตัวของตระกูลคิตะมิยะนั้น ในยุคแรกเริ่มผู้ฝึกวิชานี้ได้ดีกว่าคนที่ฝึกวิชาดาบต่อสู้เสียอีก อย่างท่านโชตะถึงจะไม่ได้เชี่ยวชาญด้านการพรางตัวเท่าคิตะมิยะ ฟูจิโอะ แต่ก็มีฝีมือชั้นยอดทีเดียว ประสบการณ์การต่อสู้ก็มีมาก
การเคลื่อนไหวของท่านโชตะนั้นเบาเงียบถึงที่สุด ไม่มีความรีบร้อนแม้แต่น้อย อาวุธของท่านก็ถูกกำบังอย่างมิดชิด เป็นการลอบสังหารที่สมบูรณ์แบบ ไม่รู้ว่ากี่ชีวิตที่ต้องมาจบลงด้วยกริชแหลมของท่านเล่มนี้
ศิลปะการพรางตัวที่ถูกคนภายนอกร่ำลือไปต่างๆ นานา แต่ในสายตาของเยี่ยเทียนนั้นน่าขำสิ้นดี ผู้ที่มีวิชายุทธขั้นสูงเขาสามารถรับรู้ได้อยู่แล้วว่าผู้พรางตัวอยู่ในตำแหน่งไหน แม้วิชาพรางตัวของท่านโชตะจะเหนือชั้น กลับคิดไม่ถึงว่าการเคลื่อนไหวทุกอิริยาบถของท่านจะถูกเยี่ยเทียนจับทางได้หมด
ตอนที่ท่านโชตะกำลังจะเอื้อมกริชไปพาดที่คอของเยี่ยเทียนนั้น จู่ๆ เยี่ยเทียนก็ชะงัก เท้าขวาวางลงบนพื้นให้มั่นคง ส่วนท่านโชตะที่เป็นฝ่ายไม่ทันตั้งตัวรู้สึกแค่ความเย็นวาบที่หน้าอก ตามด้วยแรงปะทะหนักหน่วงซัดเอาร่างของท่านลอยออกไป
……………..