“อาจารย์ พวกเราไปกันหมดแล้ว ท่านจะรั้งอยู่ที่พม่าทำไมล่ะครับ? ถ้ายังไง ผมอยู่กับท่านด้วยแล้วกัน…”
เห็นเยี่ยเทียนไม่ยอมตามเฮลิคอปเตอร์กลับไปยังประเทศจีน โจวเซี่ยวเทียนออกจะเป็นกังวลเล็กน้อย เขาเติบโตมาจนป่านนี้ยังไม่เคยเห็นคนตายมากมายเท่าการเดินทางครั้งนี้ จิตใจจึงไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไร และเกิดความกลัวว่าจะเกิดเหตุอะไรบางอย่างกับเยี่ยเทียน
“ฉันยังอยู่แน่นอนว่าต้องมีธุระ อีกอย่างรถหุ้มเกราะสองสามคันนี้ต้องส่งคืนใช่ไหมล่ะ?”
เยี่ยเทียนหัวเราะโบกไม้โบกมือ กล่าวว่า “ฉันยังต้องไปดูทางซีกั๋ว บ้านที่ฮ่องกงต้องตกแต่งด้วยหินหยกดีๆ สักหน่อย ฉันเลยจะไปดูว่าสามารถนำออกมาได้บ้างไหม?”
ในใจเยี่ยเทียนรู้อยู่ว่า คนญี่ปุ่นจำนวนมากหายตัวไปในพม่าเช่นนี้ จะต้องก่อให้เกิดเป็นกระแสรุนแรงขึ้นมาไม่น้อย ก่อนที่ข่าวจะเล็ดรอดออกไป เขาต้องนำรถหุ้มเกราะส่งกลับคืนสู่นายพลปอกัง เผื่อวันหลังเกิดมีคนนึกสงสัยขึ้นมา ตัวเองก็บินหายไปไกลแล้ว
ส่วนเรื่องหลิ่วซีกั๋ว เป็นเรื่องที่เยี่ยเทียนฉุกคิดขึ้นมาชั่วขณะ หยกที่จะใช้ในคฤหาสน์ที่ฮ่องกง ไม่จำเป็นต้องสูงค่า แต่ว่าจะต้องมีปริมาณมหาศาล แทนที่จะไปซื้อหาหลังกลับประเทศ ยังไม่สู้อาศัยโอกาสนี้ไปตรวจดูหยกพม่าในงานประมูลสาธารณะ ไม่แน่อาจโชคดีหามาได้จำนวนหนึ่ง
อีกทั้งหยกพม่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของหยกแข็ง ซึ่งรับพลังชีวิตของฟ้าดินไว้มากยิ่งกว่าหยกเหอเถียน เพียงแต่ว่าหยกชนิดนี้ไม่สามารถผลิตได้ภายในประเทศ จึงไม่เป็นที่รู้จักในวงการสำนักพยากรณ์มาแต่โบราณ กระทั่งในหัวของเยี่ยเทียนก็ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวข้องกับหยกพม่า
“เยี่ยเทียน ถ้านายยังไม่กลับล่ะก็ พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้แล้วนะ!”
เมื่อเห็นอาจารย์และลูกศิษย์สองคนยังคุยกันอยู่ ซ่งเฟยก็ไม่กล้ารั้งรออีกต่อไป ภารกิจของเขาครั้งนี้มีเวลาจำกัด หากยังรั้งรออยู่ต่อ จะเกินเวลาที่คาดหมายเอาไว้
เยี่ยเทียนพยักหน้า ตบบ่าโจวเซี่ยวเทียน ชี้ไปยังซ่งเฟยแล้วกล่าว “เอาล่ะ เซี่ยวเทียน ฉันมอบภารกิจสำคัญให้นายอย่างหนึ่ง เขาไปไหนให้นายตามไปที่นั่น เร่งให้พวกเขาเอาทองคำห้าตันนั้นหลอมให้ฉัน ถึงเวลานั้นนายก็คอยดูแลแล้วส่งไปยังเหล่าถังที่เกาะฮ่องกง!”
“ครับ แน่นอน ท่านก็ระวังตัวด้วยนะครับ ผมจะต้องทำงานให้คุณสำเร็จแน่นอน!”
พอได้ยินเยี่ยเทียนยกหน้าที่สำคัญเช่นนี้ให้เขาทำ โจวเซี่ยวเทียนก็พลันมีสีหน้าตื่นเต้น ออกปากรับคำเสียงดัง
“พวกนี้นี่มันยังไงกัน? อายุก็พอๆ กัน คนนึงร้ายกาจอย่างกับปีศาจ อีกคนกลับใสซื่อซะขนาดนั้น!”
ซ่งเฟยมองยังอาจารย์และลูกศิษย์ทั้งสองอย่างอึดอัดเล็กน้อย จากสายตาของเขาสามารถมองออกว่าเยี่ยเทียนกำลังหลอกล่อเจ้าหนุ่มนั่น ต่อให้ซ่งเฟยมีกึ๋นกว่านี้อีกร้อยเท่า เขาก็ยังไม่กล้าแตะต้องทองคำเหล่านี้ของเยี่ยเทียน แล้วยังต้องให้คนมาคอยติดตามอีกหรือ?
เมื่อมองยังเฮลิคอปเตอร์หลายลำส่งเสียงกระหึ่มทั่วฟ้า ค่อยๆ บินขึ้นและจากไป จากนั้นเยี่ยเทียนมองยังพวกมาลาไกย์ พลางหัวเราะพูด “เหล่าหม่า ลำบากพวกพี่อีกรอบนะ ช่วยตามผมนำรถหุ้มเกราะพวกนี้กลับไปคืนได้ไหม?”
“ไม่ลำบากๆ หัวหน้า นั่นเป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”
พอติดตามคลุกคลีอยู่กับพวกอู่เฉินมาหลายวัน มาลาไกย์เริ่มเรียนรู้สำเนียงปักกิ่งสองสามประโยค เพียงแต่ใช้สำเนียงอเมริกันพูดภาษาจีนแบบเขาแล้ว เยี่ยเทียนได้ยินเข้าก็หัวเราะออกมา
“จริงสิ หัวหน้า ท่านจะจัดการกับชาวญี่ปุ่นพวกนั้นอย่างไรครับ?”
เมื่อเห็นเยี่ยเทียนอารมณ์ดี มาราไกย์ยกมือวาดที่ลำคอตนเองครั้งหนึ่ง ในฐานะทหารรับจ้างที่ท่องไปยังเขตแดนระหว่างความเป็นความตายบ่อยครั้ง ดาบสุดท้ายนี้ เหล่าหม่ายังไม่ละอายที่จะถามออกมา ถึงอย่างไรหากมีความสามารถพิเศษ บางครั้งอาจมีความหวังรอดชีวิตบ้าง
“เรื่องนี้ คุณไม่รู้จริงๆ เหรอ?” เยี่ยเทียนส่ายหน้า มองยังมาราไกย์อย่างไม่เชื่อสายตา แค่นหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง กล่าวว่า “เหล่าหม่า หยิบการตั้งท่าป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของคุณออกมา!”
พอได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน มาราไกย์ก็รีบถอยหลังไปหนึ่งก้าว สองขายืนมั่นวางเป็นอักษรเลขแปด สองมือข้างหนึ่งอยู่บนข้างหนึ่งอยู่ล่าง แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่มวยตะวันตกแต่เป็นเจี๋ยฉวนเต้าของบรูซลี ป้องกันจุดอันตรายบนร่างกายได้อย่างรัดกุม
“ดูให้ดี!” เยี่ยเทียนเอ่ยเสียงเตือนเขาหนึ่งประโยค มือซ้ายยื่นออกมาดัง “ฟุ่บ” หนึ่งเสียง คว้าไปยังลำคอของมาราไกย์
ว่าไปแล้วก็แปลก แม้มาราไกย์เห็นท่วงท่าของเยี่ยเทียนได้อย่างชัดเจน กระทั่งทิศทางที่เขาออกหมัดยังเห็นอย่างชัดแจ้ง แต่ไม่รู้เพราะอะไร ขณะที่มือซ้ายตรงหน้าอกเขายกขึ้นมาจะปัดป้อง กลับรู้สึกเจ็บปวดที่ลำคอ กลายเป็นว่าถูกเยี่ยเทียนคว้าลำคอไว้แล้ว
แม้รู้ว่าเยี่ยเทียนจะไม่ลงมือสังหาร มาราไกย์ยังตกใจจนหน้าซีดเผือด เมื่อเผชิญหน้ากับคนอย่างเยี่ยเทียน ในใจเขานอกจากความรู้สึกหมดหนทางอย่างล้ำลึก ส่วนที่เหลือคือความหวาดกลัวทั้งสิ้น เขาสาบานกับตัวเองว่าชาตินี้จะไม่ขอพบพานคู่ต่อสู้แบบนี้
“วิทยายุทธ์ของจีนให้ความสำคัญจากภายในสู่ภายนอก ต้องเรียนพื้นฐานตั้งแต่ยังเล็ก ตอนนี้กระดูกนายเข้ารูปแล้ว ไม่อาจฝึกได้สำเร็จ”
เห็นสายตาวอนขอชีวิตของมาราไกย์ เยี่ยเทียนก็ยิ้มคลายมือออก ชาวต่างชาติมีข้อดีอยู่ข้อหนึ่ง นั่นก็คือนับถือผู้แข็งแรงกว่า ขอเพียงตัวเองกำราบพวกเขาได้ คนพวกนี้ก็ไม่มีใจเป็นอื่น
ภายใต้การจู่โจมของเยี่ยเทียนครั้งนี้ พวกมาราไกย์กลับกลายเป็นเชื่อฟังอย่างน่าประหลาด หลังนำรถออฟโรดสองสามคันนั้นที่ขนย้ายทองคำออกจนว่างเปล่าไปยังหุบเขาเพลิงผลาญแล้ว สี่คนก็ขับรถหุ้มเกราะสามคัน กลับสู่ย่างกุ้งในสองวันถัดมา
ระหว่างเส้นทางกลับไปเยี่ยเทียนนับว่าล่าเสือได้ตัวหนึ่งได้จริงๆ ภายใต้หนังเสือที่ห่อหุ้มอยู่นั้น รองนายพลปอกังผู้มารับรถกลับไม่เคยนึกสงสัยแม้แต่น้อย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คาดไม่ถึงว่าภายในช่วงเวลาสั้นๆ แค่นี้เยี่ยเทียนกลับเดินทางข้ามครึ่งประเทศพม่า ก่อเรื่องยิ่งใหญ่สะเทือนเลื่อนลั่นโลกาได้ขนาดนั้น
แน่นอนว่า นอกจากซากรถออฟโรดเหล่านั้น ชาวญี่ปุ่นกว่าร้อยคนนั่นล้วนถูกกำจัดออกไปจากโลกนี้ คิดจะขุดศพจากอุโมงค์ที่ถูกระเบิดออกมา นับว่าไม่มีความเป็นไปได้ใดๆ เลย
หลังจากส่งมอบรถหุ้มเกราะแล้ว พวกมาราไกย์ก็ใช้ช่องทางของตัวเอง ส่งยุทโธปกรณ์ที่เหลือออกไปจากพม่า นัดแนะเวลาพบกันที่เมืองหลวงกับเยี่ยเทียนเสร็จแล้วก็จากไป ส่วนเยี่ยเทียนกลับไปยังโรงแรมที่พักตอนแรกที่มาถึงพม่า ภายใต้การคุ้มกันของรถทหารคันหนึ่ง
“ท่านอา ท่านกลับมาแล้ว!”
หลิ่วซีกั๋วไม่มีความรู้สึกประหลาดใจที่จู่ ๆ เยี่ยเทียนก็มาปรากฎอยู่ตรงหน้า เขารู้ว่าชายหนุ่มผู้มากอาวุโสล้วนมีความสามารถบางอย่างที่ไม่อาจล่วงรู้เช่นเดียวกับพ่อตาของเขา จึงไม่อาจใช้สายตาที่มองคนธรรมดามามองพวกเขาได้
แต่ถ้าหากหลิ่วซีกั๋วรู้เรื่องที่เยี่ยเทียนทำลงไปในสองสามวันนี้ เกรงว่าจะถึงกับอ้าปากค้างเลยหรือเปล่า?
เยี่ยเทียนมองซ้ายมองขวา แล้วถามขึ้นอย่างสงสัย “ซีกั๋ว ติ้งติ้งล่ะ?”
ตอนสุดท้ายที่จากย่างกุ้งไป เยี่ยเทียนยังออกคำสั่งอย่างเคร่งครัด ไม่อนุญาตให้หลิ่วติ้งติ้งร่วมเดินทางไปกับเขาครั้งนี้ ตอนนั้นเด็กนั่นโกรธจนแทบร้องไห้ออกมา แต่เยี่ยเทียนถือสิทธิ์ของเจ้าสำนัก สุดท้ายจึงได้แต่รับคำอย่างทำอะไรไม่ได้
“เธอไม่ชอบการพนันหิน เลยไปเมืองหลวงหาคุณตาแล้วครับ” หลิ่วซีกั๋วเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับลูกสาวคนนี้ แม้จะโตมาสะสวย แต่ก้าวร้าวเกเรมาแต่เด็ก จนถึงตอนนี้กระทั่งแฟนหนุ่มก็ยังไม่มี แต่เมื่อมองเธอกับลูกศิษย์ของเยี่ยเทียนคนนั้น กลับดูน่าสนใจไม่น้อย
“พวกคุณเตรียมจะไปกันเมื่อไหร่ครับ? แล้วยังจะไปที่พนันหินกันหรือเปล่า?” เยี่ยเทียนไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมงานพนันหินที่พม่า หากอยากเข้าไปยังเขตหยกพม่าสาธารณะ ต้องอาศัยนามของบริษัทหลิ่วซีกั๋วถึงจะทำได้
หลิ่วซีกั๋วตอบว่า “ท่านอา พวกเราเลือกซื้อหินวัตถุดิบได้พอสมควรแล้ว บ่ายนี้ไปกันสักรอบ แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยกลับฮ่องกง!”
“งั้นก็ดี ผมจะไปเปิดหูเปิดตากับพวกคุณ ถ้าหากมีวัตถุดิบไหนที่ผมสนใจ จดบัญชีให้พวกคุณซื้อหน่อยได้ไหม?”
เยี่ยเทียนพอใจแผนการเดินทางของหลิ่วซีกั๋วมาก ก่อเรื่องใหญ่ขนาดนั้นที่พม่า เขาเองก็ไม่อยากรั้งอยู่นานนัก ตอนบ่ายไปดูงานประมูลสาธารณะ ถ้าหากพบหยกที่เหมาะสมก็จะดีมาก แต่ถ้าหากไม่พบ เขาก็จะจากไปวันพรุ่งนี้
“ไม่มีปัญหาครับ ท่านอา บัญชีของพวกเรายังมีเหลือใช้ยามฉุกเฉินอีกสามล้านดอลลาร์สหรัฐ ยังพอสามารถซื้อวัตถุดิบดีๆ ได้บ้าง”
หลิ่วซีกั๋วรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเยี่ยเทียนกับพ่อตา จึงรับปากลงไปทันที งานประมูลสาธารณะในพม่าครั้งนี้ ไม่โด่งดังเทียบเท่าสมัยก่อน วัตถุดิบที่ราคาสูงกว่าสิบล้านหยวนล้วนเป็นวัตถุดิบที่ยังไม่ได้เจียระไน สามล้านดอลลาร์สหรัฐจึงนับว่าไม่ใช่เงินทุนที่หรูหรานัก
พอเรียกรถบัสเล็กของโรงแรมมาแล้ว หลิ่วซีกั๋วกับภรรยาและปรมาจารย์พนันหินที่พวกเขาเชิญมา ก็พาเยี่ยเทียนมาถึงตลาดศูนย์กลางค้าหยกแห่งชาติในชานเมืองย่างกุ้ง
ปัจจุบันที่แห่งนี้ไม่มีขอบเขตอย่างเมื่อสมัยอดีต เป็นเพียงพื้นที่โล่งกว้างตรงกลางก่อกำแพงขึ้น กำแพงสี่ทิศล้อมรอบไปด้วยทหารพม่าพกอาวุธกระสุนจริงยืนคุ้มกัน นักธุรกิจคนใดก็ตามที่เข้าร่วมงานประมูลหยกพม่าสาธารณะไม่สามารถเข้าใกล้กำแพงที่ล้อมรอบได้ และสามารถเข้าออกทางประตูของทางการเท่านั้น
“พวก….พวกนี้เป็นหยกพม่าหมดเลยหรือครับ?”
หลังจากแสดงบัตรยืนยันแล้ว เยี่ยเทียนก็เข้ามายังภายในตลาดประมูลหยกพม่า มองยังพื้นที่สี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดพันกว่าตารางเมตรอันอุดมไปด้วยหินหยกมากมายหลายชนิด เยี่ยเทียนยังอดตกตะลึงไม่ได้
“ท่านอา พูดให้ถูกต้องควรจะบอกว่าทั้งหมดนี้เป็นหินดิบ ข้างในมีหยกพม่าหรือไม่นั้น ยังไม่อาจบอกได้ครับ” พอเห็นเยี่ยเทียนตกตะลึงอย่างนั้น หลิ่วซีกั๋วยังอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ ครั้งแรกที่เขาเข้าร่วมงานประมูลสาธารณะ ยังแสดงออกไม่เท่าเยี่ยเทียนเลย
“ทำไมคนถึงน้อยอย่างนี้ล่ะ?” เยี่ยเทียนพบว่าเมื่อเทียบกับห้องประชุมแบบเปิดโล่งแล้ว คนที่เดินไปมาภายในนี้ยังน้อยกว่ามาก มีเพียงไม่กี่เขตเท่านั้นที่มีผู้คนยืนตรวจสอบ
“ท่านอา สถานการณ์ช่วงนี้ของพม่าไม่ค่อยสงบ ดังนั้นคนที่เข้าร่วมประมูลจึงมีไม่มาก นอกจากนั้นงานประมูลก็ใกล้จะจบแล้ว บางคนจึงพักอยู่ที่โรงแรมครับ!”
นับตั้งแต่การยอมจำนนของคุนซาปีนี้ สถานการณ์ในพม่ากลับยิ่งวุ่นวายมากขึ้น มีกองกำลังท้องถิ่นมากมายลักพาตัวพ่อค้าหยกจากนานาประเทศในทวีปตะวันออกเฉียงใต้ที่มายังพม่า เรียกร้องค่าไถ่เป็นจำนวนสูงลิ่ว เป็นเหตุให้เหล่าพ่อค้าหยกพม่าต่างหวาดระแวง
ดังนั้นบริษัทที่ไม่มีกองทหารหนุนหลังมั่นคง จึงได้แต่สังเกตการณ์การประมูลสาธารณะในครั้งนี้ เหล่าพ่อค้าปลีกยิ่งรั้งรอ และยังส่งผลให้การประมูลครั้งนี้เงียบเหงาอย่างน่าประหลาด ปริมาณการค้าหินดิบก็ต่ำลงจากงานประมูลในอดีตลงมาก
แต่ว่าการจัดงานประมูลสาธารณะของพม่าจะดีหรือเลวนั้น ไม่เกี่ยวกับเงินของเยี่ยเทียนแม้แต่น้อย หลังจากได้ยินหลิ่วซีกั๋วอธิบายแล้ว เขาก็เอ่ยถามตรงๆ ว่า “ซีกั๋ว ทางไหนคือพนันผ่าหินดิบครับ?”
หลังจากพาเยี่ยเทียนมายังเขตพนันผ่าหินดิบซึ่งตัดให้เห็นบางส่วนแล้ว หลิ่วซีกั๋วก็กล่าวเตือนอย่างระมัดระวังว่า “ท่านอา ปีนี้ราคาตลาดหยกพม่าหล่นลงมานิดหน่อย ท่านอย่าเล่นสูงมากนักนะ”
……………