ไม่ว่าจะเป็นหินหยกพม่า เพชรหรือโมรา สิ่งที่ถือกำเนิดเป็นรูปร่างขึ้นมาเองโดยบังเอิญ อีกทั้งถูกพลังงานฟ้าดินทะนุบํารุงเป็นหมื่นปี ภายในตัวมันจะต้องประกอบไปด้วยพลังวิญญาณไม่เข้มข้นก็อ่อนบาง เยี่ยเทียนไม่ได้มีตาทิพย์ แต่ยังสามารถอาศัยพลังวิญญาณที่มีหรือไม่มีปรากฏอยู่ มาตัดสินโลกอันส่องประกายภายในหินดิบ
มือขวาลูบด้านเรียบลื่นที่ถูกตัดของหินดิบอย่างเบามือ พลังงานส่วนหนึ่งหลั่งไหลออกมาจากภายในร่างกายของเยี่ยเทียน แทรกซึมเข้าไปภายในหินอย่างเงียบเชียบ
“หือ? นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
เยี่ยเทียนนั่งลงยองๆ ตรวจสอบดูหินก้อนนี้ เพื่อที่จะปลีกตัวออกจากปรมาจารย์อู๋และประธานเจิ้งเท่านั้น แต่เมื่อพลังงานนั้นแทรกซึมเข้าไปภายในหินดิบ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นยินดีขึ้นมาครู่หนึ่ง
นั่นเพราะเมื่อพลังวิญญาณเข้าไปในหินดิบเพียงไม่นาน เยี่ยเทียนก็สัมผัสถึงไอร้อนจางๆ ส่วนหนึ่งมาแตะต้องกับพลังวิญญาณของเขา ไอนั้นหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของเยี่ยเทียนอย่างอบอุ่น คล้ายกลับไปถูกโอบอุ้มด้วยน้ำคร่ำในท้องแม่ สุขสบายเป็นที่สุด
เมื่อก่อนเยี่ยเทียนยังเคยตรวจสอบหินดิบ รู้ว่าความแข็งของหยกพม่าเหนือกว่าหยกเหอเถียนหน่อยหนึ่ง ต่ำกว่าแร่อย่างเพชรเพียงเล็กน้อย พลังวิญญาณในหินหยกพม่าเย็นสดชื่น ให้คนรู้สึกถึงความเย็นเหมือนน้ำแข็ง และพลังวิญญาณอย่างในวันนี้เขาเพิ่งเคยพบเป็นครั้งแรก
แม้จะไม่รู้ว่าหินอัปลักษณ์ก้อนนี้หล่อเลี้ยงอะไรไว้ภายใน แต่เยี่ยเทียนก็รู้ว่าทุกสรรพสิ่งบนโลกล้วนมีจิตวิญญาณ สิ่งของที่บรรจุพลังวิญญาณไว้ยอมไม่ใช่ของธรรมดา แต่ต่อให้ย่ำแย่อย่างไรก็ยังเป็นแร่หินหายากชนิดหนึ่ง
เยี่ยเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตรวจสอบหินดิบลงลึกต่อไป สัมผัสอุ่นสบายนั้นยิ่งรุนแรงมากขึ้น สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของเขาเผยแววยินดีออกมา ดูท่าหินก้อนนี้สามารถหล่อเลี้ยงพลังวิญญาณไว้ได้ปริมาณไม่น้อย อีกทั้งยิ่งดิ่งลงไปภายในระดับความบริสุทธิ์ก็ยิ่งสูงขึ้น
แต่ว่าที่เยี่ยเทียนมาคราวนี้ก็เพื่อหาหินหยกสำหรับใช้เป็นตัวนำกักเก็บพลังวิญญาณ หลังจากครุ่นคิดอยู่สักครู่ มือขวาของเยี่ยเทียนก็ปลดปล่อยพลังชี่แท้บริสุทธิ์ส่งเข้าไปยังด้านในของหินดิบ
หลังจากพลังชี่แท้พุ่งเข้าไปภายในหินดิบหนึ่งระลอก เยี่ยเทียนก็ดึงมือกลับออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อใช้พลังวิญญาณสัมผัสกับพลังชี่แท้ที่เหลือไว้ภายในหินดิบอีกครั้ง เยี่ยเทียนก็พบว่าไออุ่นภายในหินดิบ ผสมผสานเข้ากับพลังวิญญาณที่สกัดออกมาของตัวเองได้อย่างน่าประหลาดใจ
“ฮะๆ ของดีนี่!”
คราวนี้ในใจของเยี่ยเทียนก็ไม่เหลือความสงสัยใดๆ อีกต่อไป ภายในแร่หินดิบชิ้นนี้ จะต้องเป็นเครื่องมือสำหรับวางค่ายกลที่คฤหาสน์บนเกาะฮ่องกงของเขาได้อย่างแน่นอน อีกทั้งคุณสมบัติของมัน ยังไม่แตกต่างจากหยกเหอเถียนชั้นดีที่สุดเลยแม้แต่น้อย
“ให้ตายสิ การพนันหินนี่ดูกันแต่ภายนอกหรือไง?”
หลังจากใช้พลังสัมผัสพื้นผิวของแร่หินซึ่งกักเก็บพลังวิญญาณนั้นอย่างละเอียดแล้ว เยี่ยเทียนก็ลุกขึ้นยืน ไปดูทางหมายเลขข้างหยกหิน ทันทีที่เห็นก็อดทำหน้ากึ่งยิ้มกึ่งอยากร้องไห้ออกมา กลายเป็นว่าหมายเลขของหินดิบนี้คือ 1414
หมายเลขต้องห้ามที่สุดของทางตะวันตกโดยเฉพาะศาสนาคริสต์นั้นก็คือเลข “สิบสาม” ในชีวิตจริงผู้คนวางแผนร้อยอย่างพันวิธีเพื่อหลีกเลี่ยงมัน ในฮอลแลนด์ยากที่จะหาชั้นหมายเลขสิบสามและห้องหมายเลขสิบสาม พวกเขาจะใช้เลข “12a” มาแทน โรงละครประเทศอังกฤษก็ไม่มีแถวเลขที่สิบสามหรือที่นั่งเลขที่สิบสาม ส่วนในประเทศฝรั่งเศสระหว่างแถวที่สิบสามกับสิบสี่จะเป็นทางเดิน
และคนจีนโดยเฉพาะคนที่ใช้ชีวิตอยู่ทางชายฝั่ง หากเน้นเรื่องความโชคดีที่หนึ่งทะเบียนรถจะต้องเป็นหมายเลขหนึ่งหกแปด หมายเลขโทรศัพท์ยิ่งมีเลขแปดเยอะยิ่งดี แต่เลขต้องห้ามที่สุดก็คือเลขสี่ เช่นเดียวกับทางตะวันตก อาคารใดที่เน้นเรื่องฮวงจุ้ยมักจะไม่มีชั้นที่สิบสี่ และนี่ก็คือความแตกต่างจากวัฒนธรรมตะวันตกนั่นเอง
ชาวพม่านี่ไม่รู้ว่าเพราะวัฒนธรรมแตกต่างกันหรือไม่ จึงกำหนดให้หมายเลขของหินดิบอัปลักษณ์นี้เป็น 1414 เกรงว่านี่อาจเป็นสาเหตุหลักที่พ่อค้าหินดิบซึ่งเดินผ่านไปมาไม่ยอมแวะดูด้วยสาเหตุนี้หรือเปล่า?
แต่ว่านี่ก็ประจวบเหมาะกับความคิดของเยี่ยเทียนพอดี เพราะว่าราคาตั้งของหินวัตถุดิบก้อนนี้เพียงแค่สามร้อยเก้าสิบเก้าดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น สมัยนั้นในยุคปี 98 เมื่อเปลี่ยนเป็นเงินหยวนก็แค่สามสี่พันหยวน และจากสายตาของเยี่ยเทียนก็ไม่ต่างจากยกให้ฟรี ๆ
เหล่าอู๋เห็นเยี่ยเทียนลุกขึ้นยืนแล้ว ก้มมองยังหมายเลขข้างหินซ้ำหลายรอบ ยังอดหัวเราะถามไม่ได้ “น้องชาย เธอคงไม่คิดสนใจหินก้อนนี้จริงๆ ใช่ไหม?”
“หึ ๆ ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจของเล่นพวกนี้หรอกครับ ดูก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ” เยี่ยเทียนยิ้มแย้มแบบยังไม่ตัดสินใจ จดจำหมายเลข 1414 เอาไว้ในใจเดินตรงต่อไปข้างหน้า
จากการแสดงออกของเยี่ยเทียนเมื่อครู่ ประธานเจิ้งคนนั้นราวกับเห็นว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการพนันหินสักเท่าไร จึงเลิกสนใจในตัวเยี่ยเทียนเช่นกัน ดึงตัวปรมาจารย์อู๋ไปเลือกวัตถุดิบที่ดูยอดเยี่ยมอีกจำนวนหนึ่ง ความคลุมเครือในตลาดหยกพม่า เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับพ่อค้าใหญ่เงินทุนหนาเช่นเขา
เมื่อปราศจากการวุ่นวายของสองคนนั้น ความเร็วในการตรวจสอบหินวัตถุดิบของเยี่ยเทียนก็ว่องไวขึ้นทันที จากการแผ่การขับเคลื่อนพลังชี่ พลังวิญญาณที่อยู่ในระยะขอบเขตรอบตัวสิบกว่าเมตร ก็ปรากฏขึ้นในวงสัมผัส จนไม่จำเป็นต้องตรวจดูทีละชิ้นอีก
เมื่อเทียบกับงานพนันหินครั้งนั้นที่เกาะฮ่องกง คุณภาพหินดิบของพม่านั้นมีมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย และราวกับภายในหินดิบทุกชิ้นที่ถูกผ่าออก ล้วนกักเก็บหยกพม่าไว้อยู่ภายใน เพียงแต่ว่าหินดิบเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วมีขนาดเล็กมาก ในจำนวนเหล่านั้นมีหยกพม่าขนาดเพียงแค่เล็บมือ เยี่ยเทียนจึงไม่นึกสนใจเท่าไหร่
หลังจากมองดูเขตพนันผ่าหินรอบหนึ่งแล้ว เยี่ยเทียนก็เลือกเอาหยกดิบน้ำหนักประมาณเจ็ดสิบกว่ากิโลกรัมอีกหนึ่งชิ้น วัตถุดิบชิ้นนี้แม้พลังวิญญาณจะไม่ใสบริสุทธิ์เท่าหมายเลข 1414 แต่ว่าชนะกันที่มีปริมาณมาก ดูเหมือนภายใต้ผิวหินจะมองเห็นเนื้อหยก สามารถขุดเอาหยกพม่าหนักสี่ห้าสิบกิโลกรัมออกมาใช้ในการวางค่ายอาคมได้พอดิบพอดี
อีกทั้งผิวตัดของหยกชิ้นนี้แสดงออกมาไม่ดีนัก แม้จะเผยให้เห็นเนื้อหยกหน่อยเดียว แต่ก็ไม่ใช่หยกพม่า จึงมีราคาแค่หนึ่งหมื่นสองพันดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น คนที่สนใจมันจึงมีไม่มากเช่นกัน
หลังจากสนใจหินสองชิ้นนี้แล้ว เยี่ยเทียนก็เตร็ดเตร่อีกหนึ่งรอบ และเจอหลิ่วซีกั๋วในเขตพนันหินเข้า
“ท่านอา ผมกำลังหาท่านอยู่พอดี เป็นอย่างไรบ้าง? เจอวัตถุดิบที่เหมาะสมหรือยังครับ?”
พอเห็นเยี่ยเทียนมาเดินมา หลิ่วซีกั๋วก็รีบลุกขึ้นยืนจากหินหยกก้อนหนึ่งด้านหน้า “ผมคุยกับพ่อแล้ว เขาเองก็เห็นด้วยกับความคิดของท่าน ตัดสินใจเอาเงินสามล้านดอลลาร์สหรัฐกว้านซื้อหินดิบทั้งหมด”
ร้านอัญมณีของจั่วเจียจวิ้น ส่วนมากทำเครื่องเงินเครื่องทอง ธุรกิจหยกพม่าเพิ่งจะเริ่มขยับขยายเมื่อไม่กี่ปีนี้ แต่ว่าเครื่องประดับหยกจักรพรรดิของเยี่ยเทียนเพิ่มสีสันให้ร้านอัญมณีของเขาได้ไม่น้อย ดังนั้นจั่วเจียจวิ้นจึงเน้นการขายในอนาคตของร้านไปทางหินหยกพม่า
สามล้านดอลลาร์สหรัฐนับว่าเป็นเงินจำนวนมหาศาลสำหรับงานนี้ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ตลาดหยกพม่ายังไม่ชัดเจน หากมีวิสัยทัศน์ที่ดี สามารถกอบโกยสินค้าหินดิบล็อตใหญ่ได้ทีเดียว
“ผมเลือกหินวัตถุดิบไว้สองชิ้น ซีกั๋ว ของสิ่งนี้ซื้อขายยังไงหรือครับ?”
พูดตามความจริงแล้ว ในใจเยี่ยเทียนยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง เสาะหาจนทั่วทั้งเขตพนันหิน ยังไม่มีหินดิบที่ดีกว่าสองชิ้นนี้เลย หากถูกคนตัดหน้าแย่งชิงไป เยี่ยเทียนถึงขั้นคิดว่าอาจต้องพบทางตัน ด้วยเหตุนั้นถึงได้ร้อนรนวิ่งมาหาหลิ่วซีกั๋ว
“ท่านอา ท่านจะซื้อวัตถุดิบอะไร? รวมกันเป็นเงินเท่าไหร่ครับ?”
ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว หลิ่วซีกั๋วชะงักไปครู่หนึ่ง เดิมทีเขานึกว่าเยี่ยเทียนเองก็แค่ดูให้ครื้นเครง คงไม่ลงมือ แต่ไม่นึกว่าเยี่ยเทียนกลับคิดจะซื้อจริงๆ?
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เงินทุนของหลิ่วซีกั๋วอาจจะขัดสนสักหน่อย เนื่องจากงานนี้เขาเองก็เลือกซื้อวัตถุดิบพนันหินไปไม่น้อย รวมกันแล้วมูลค่าถึงประมาณสองล้านกว่าดอลลาร์สหรัฐ
เยี่ยเทียนไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของหลิ่วซีกั๋ว เอ่ยปากว่า “ไม่แพงครับ วัตถุดิบชิ้นหนึ่งราคาหนึ่งหมื่นสองพันดอลลาร์สหรัฐ อีกหนึ่งชิ้นราคาสามร้อยดอลลาร์สหรัฐ รวมกันแล้วก็หนึ่งหมื่นสองพันสามร้อย ซีกั๋ว เงินนี้ผมออกเอง ใช้บัญชีพวกคุณจ่ายไปก่อนได้ไหม”
“วัตถุดิบราคาสามร้อยดอลลาร์สหรัฐหรือครับ?”
หลิ่วซีกั๋วได้ยินแล้วหัวเราะเสียงดังออกมา แม้ว่าครั้งนี้จะกว้านซื้อหินดิบจำนวนไม่น้อย แต่ว่าเขายังโอนเงินสมทบได้อีกหลายแสน จึงรีบบอกทันที “ท่านอา อย่าพูดถึงเรื่องมีเงินหรือไม่มีเลยครับ หากพ่อรู้ว่าผมถามท่านเรื่องต้องการเงินหนึ่งหมื่นดอลลาร์สหรัฐนี้หรือเปล่า กลับบ้านไปจะต้องนัดคิดบัญชีกับผมแน่”
“เรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลังเถอะครับ วัตถุดิบสองชิ้นนั้นซื้อยังไงหรือ? ผมได้ยินว่าดูเหมือนจะต้องประมูลกันหรือครับ?” ตอนนี้เยี่ยเทียนกลัวว่ายิ่งปล่อยไว้นานจะยิ่งเสียการณ์ มีเพียงแต่ต้องให้หินสองก้อนนั้นมาเป็นของตัวเองเขาจึงจะสงบใจลงได้
“หากเป็นเมื่อสองวันก่อนยังต้องประมูลจริงๆ ครับ แต่ว่าตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว” หลิ่วซีกั๋วยิ้มตอบ “ท่านอา คุณเอาหมายเลขของดิบนั่นให้ผม ผมจะไปเจรจาซื้อขายเอง”
ที่แท้งานประมูลที่ผ่านมาล้วนมีธรรมเนียมอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือหลังผ่านการซื้อขายหินดิบขนาดใหญ่ไปแล้วสามวันสุดท้ายจะจัดให้มีการซื้อขายกันอย่างอิสระ
เจ้าของหินดิบจะนำวัตถุดิบของตัวเองมาตั้งราคา ขอเพียงคุณสามารถเสนอเงินนี้ออกมาได้ ก็สามารถเจรจาซื้อขายกับผู้จัดหาได้โดยตรง อย่างแรกคือเพื่อดึงดูดลูกค้าที่มาท่องเที่ยวพม่าเหล่านั้น อย่างที่สองคลับคล้ายจะเป็นการเช็ดน้ำตาเลหลังขาย กำจัดหินดิบที่ไม่สวยงามของตัวเอง
หลิ่วซีกั๋วพาเยี่ยเทียนมายังเคาน์เตอร์กรรมการผู้จัดงานช่องหนึ่ง นำกระดาษโน้ตเขียนหมายเลขหยกดิบสองชิ้นและหมายเลขเจรจาซื้อขายของตัวเองส่งเข้าไป เพียงไม่นานรถขนหินสองคันก็ขับมาหาด้วยเสียงดังกระหึ่ม ที่วางอยู่ข้างบนก็คือหินสองก้อนนั้นนั่นเอง
เพื่อเป็นการรับประกันเหตุการณ์ส่งคืนสินค้าจากพ่อค้าหินดิบเหล่านี้หรือลูกค้า การเจรจาสองสามวันสุดท้าย ล้วนต้องผ่านการยืนยันของทั้งสองฝ่ายถึงจะดำเนินการได้
ทว่าหลังจากหลิ่วซีกั๋วเห็นหินดิบสองชิ้นบนรถขนหินแล้ว สองตาอดเบิกกว้างไม่ได้ หลังขยี้ตาตัวเองว่าไม่ได้ตาฝาดแล้วก็แค่นหัวเราะมองมาทางเยี่ยเทียน กล่าวว่า “ท่านอา นี่…นี่คือหินดิบที่ท่านต้องการซื้อหรือครับ?”
“ใช่แล้วครับ? ทำไมหรือ?”
เยี่ยเทียนเหลือบมองหลิ่วซีกั๋วแวบหนึ่ง รู้สึกไม่พอใจกับการแสดงออกของเขา ตอนที่เขาเห็นว่าคนรอบข้างดูเหมือนจะเข้ามารอมุงดู ก็รีบร้อนพูดขึ้น “ผมว่าคุณรีบยืนยันใบเสร็จเถอะ ถ้าหากถูกคนตัดหน้าไปก่อนล่ะก็ ผมไม่ไว้หน้าคุณแน่ !”
“ได้ ได้ครับ ขอแค่คุณถูกใจก็พอ!”
เมื่อเห็นเยี่ยเทียนเบิ่งตาโต หลิ่วซีกั๋วเองก็ไม่กล้าพูดจาเหลวไหล แค่นหัวเราะดำเนินการยืนยันการซื้อขายตรงช่องบริการ ด้วยจำนวนเงินที่เกี่ยวข้องไม่มากนัก เขาจึงไม่ได้โอนจากบัญชี แต่จ่ายเงินสดโดยตรงเป็นจำนวนหนึ่งหมื่นสองพันสามร้อยกว่าดอลลาร์สหรัฐ
“ของชิ้นนี้เป็นของพวกเราแล้วหรือครับ?” หลังจากรอหลิ่วซีกั๋วเจรจาซื้อขายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เยี่ยเทียนจึงเผยรอยยิ้มออกมา ราวกับได้สมบัติล้ำค่าหายากอย่างไรอย่างนั้น
…………………