“ลูกไม่เอาไหน นี่ลูกของใครกัน?”
“นั่นสิ หยกดีดีทั้งชิ้นถูกทำลายหมดแล้ว นี่สูญเสียของดีไปเท่าไรแล้ว?”
การกระทำของเยี่ยเทียน ทำให้คนที่มุงดูเหล่านั้นเริ่มด่าเงียบๆ อยู่ในใจ นี่มันลูกหลานขายที่นาของบรรพบุรุษอย่างไม่เสียดายจริงๆ หยกดีขนาดนี้กลับถูกเขาตัดเป็นเจ็ดส่วนแปดส่วนซะงั้น
แม้แต่เหล่าถังที่พบเจออะไรมาเยอะ ตอนนี้มุมปากของเขาก็กำลังกระตุก คนที่เล่นหยกมาตลอดทั้งชีวิตอย่างเขา แถมยังมีความรู้สึกต่อสิ่งนั้นแล้วด้วยซ้ำ ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างถึงที่สุดกับการกระทำของเยี่ยเทียน
แต่ว่าแม้จะเป็นเหล่าถัง ก็ไม่พบว่าหยกแดงที่เยี่ยเทียนทำเสียหายและสูญเสียไปตอนที่ตัดเนื้อหยกนั้น เป็นพราะสาเหตุของเลื่อยเครื่องตัด และในตอนที่เปิดผิวหินทำความสะอาดเศษต่างๆ เยี่ยเทียนได้ตัดลงไปอย่างแม่นยำ ทำให้หยกไม่ได้ถูกทำลายเลยสักนิด
ของก็เป็นของเยี่ยเทียน เขาอยากจะทำอย่างไรคนอื่นไม่มีสิทธิมา ยุ่ง และเวลาสั้นๆ เพียงเจ็ดแปดนาที หินหนักห้าสิบกิโลกรัมสองชิ้นก็ถูกปลอกเปลือกจนหมด หินหยกสี่ก้อนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าหนักราวสิบห้ายี่สิบกิโลกรัมก็ปรากฏต่อหน้าผู้คน
ถึงแม้ไม่ได้ผ่านกระบวนการแกะสลักขัดเงา แต่หินสี่ชิ้นนี้ก็ยังแสดงสีแดงเงางามน่าดึงดูดที่สุดออกมาให้เห็น ภายใต้แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา กระจายพลังงานที่ยิ่งใหญ่ ทำให้บริเวณใกล้เครื่องตัดสิบกว่าเมตรถูกย้อมเป็นดั่งทะเลสีแดง
ทุกคนหลงใหลอยู่ในสีแดงนี้ เบื้องหน้าของพวกเขามีสีเพียงสีเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นกับตา พวกเขาไม่มีวันเชื่อว่าสีสดแบบนี้จะนำความน่าตะลึงมาให้กับพวกเขาได้
“สวย สวยมากจริงๆ!” ในใจของทุกคนมีความคิดนี้เกิดขึ้นเช่นกัน
เพียงแต่พริบตาเดียวเท่านั้น ความชื่นชมในความสวยกับสิ่งนี้ จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นความโกรธ เพราะไม่รู้ว่าเยี่ยเทียนไปหากระสอบมาจากที่ไหน หลังจากที่เขานำหยกแดงเหล่านี้แบ่งและห่อเสร็จแล้ว ก็นำหยกทั้งหมดยัดเข้าไปในกระสอบ
ถึงแม้จะมองผ่านกระสอบแต่ก็ยังเห็นสีแดงอยู่ลางๆ และภาพความตะลึงของคนเมื่อสักครู่ก็หายไปหมดแล้ว ทำให้ผู้คนตรงนั้นรู้สึกเสียดายขึ้นมาในใจ
ผ่านไปครู่ใหญ่ หลิวซีกั๋วเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน ถามเยี่ยเทียนที่ถือกระสอบด้วยมือเดียวว่า “ท่านอา หินชิ้นนี้จะตัดอีกมั้ย?”
เมื่อมองดูสายตาดุจจิ้งจอกผู้หิวโหยเหล่านั้น เยี่ยเทียนจึงส่ายหัวตอบว่า “ไม่ตัดแล้ว เอากลับฮ่องกงเลย!”
เยี่ยเทียนไม่ได้กลัวว่าคนเหล่านี้จะมีเจตนาร้าย คิดไม่ดีกับหยกแดงที่อยู่ในมือของเขา เพียงแต่ว่าเมื่อหลายวันก่อนสิ่งที่เยี่ยเทียนทำไว้ที่ภูเขาปีศาจมันน่าตกใจมาก ถ้าถูกตรวจสอบขึ้นมาละก็ เป็นเรื่องใหญ่โตแน่นอน ดังนั้นเยี่ยเทียนไม่ต้องการให้เรื่องบานปลาย หวังเพียงว่าจะไปจากพม่าได้เร็วที่สุด
เนื้อหยกหลายชิ้นนี้ถ้ารวมกันแล้วมีน้ำหนักประมาณห้าสิบกิโลกรัม เยี่ยเทียนหนึ่งคนสามารถยกไหว ส่วนหินอีกหนึ่งชิ้นที่ยังไม่ถูกตัดมีน้ำหนักเพียงเจ็ดแปดสิบกิโลกรัมเท่านั้น มีคนสองคนก็สามารถเคลื่อนย้ายได้ทั้งหมดแล้ว
“ครับ ท่านอา ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะ”
หลิวซีกั๋วมองคนวงการเดียวกันด้วยความรู้สึกดีใจ ถึงแม้จะรับซื้อหยกแดงไม่ได้ แต่ในภายหลังถ้าเยี่ยเทียนคิดจะขาย โอกาสของเขามีมากกว่าคนอื่นๆ อย่างไม่ต้องสงสัย หมายความว่าร้านเครื่องประดับของตระกูลจั่วก็ยังไม่หมดหวัง
เยี่ยเทียนและคนอื่นๆ ออกจากเหมืองหินต่อหน้าสายตาผู้คนมากมาย ขึ้นไปกับรถที่สมาคมจัดไว้ให้ และกลับไปยังโรงแรม
เนื่องจากวัสดุที่มีมูลค่าสูงกว่าร้อยล้านในมือของเยี่ยเทียน ในใจหลิวซีกั๋วมีความตื่นเต้นอยู่บ้างไม่มากก็น้อย เมื่อกลับถึงโรงแรมก็เก็บของอย่างง่าย จากนั้นก็ตรงไปยังสนามบินย่างกุ้งที่ใช้สำหรับทหารใช้เฉพาะ
การสนับสนุนจากถังเหวินหย่วนที่มีให้กับเยี่ยเทียน ไม่มีผลกระทบใดๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ตั้งแต่ที่เยี่ยเทียนมาถึงพม่าเกือบครึ่งเดือนกว่านี้ เครื่องบินส่วนตัวลำนี้ก็จอดนิ่งอยู่ที่สนามบินแห่งนี้มาโดยตลอด เพื่อรอให้เยี่ยเทียนนั่งโดยเฉพาะ
หลังจากคุยเรื่องเส้นทางการบินเสร็จ เยี่ยเทียนกับคนอื่นๆ ก็นั่งอยู่ในเครื่องบินประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า แล้วเครื่องบินลำนี้ก็เริ่มวิ่งเข้าสู่เส้นวิ่งและบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เมื่อมองทะลุจากหน้าต่าง จึงมองเห็นวัตถุที่อยู่บนพื้นดินค่อยๆ เล็กลง
“มันจบแล้ว หวังว่าศิษย์พี่ใหญ่จะไม่โทษผมนะครับ?”
มองดูเมืองย่างกุ้งที่ค่อยๆ เล็กลง ในใจของเยี่ยเทียนก็เริ่มรู้เหนื่อยล้าเล็กน้อย สิ่งที่พบเจอในภูเขาปีศาจนั้นเกินความคาดหมายของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะงูสองหัวแปลกประหลาดนั่นโผล่มา เยี่ยเทียนก็อาจจะไม่สามารถทำลายตระกูลคิตะมิยะกว่าร้อยคนนั้นได้
และการอยู่ของงูสองหัวประหลาดนั่น ทำให้ในใจของเยี่ยเทียนได้สติอีกครั้ง บนโลกใบนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตที่เกินความคาดหมายของคนอีกมากมายอยู่ตามมุมต่างๆ ที่ผู้คนยังไม่รู้
ทุกครั้งที่เยี่ยเทียนคิดถึงงูสองหัวกับเฮยเจียวที่ภูเขาฉางไป๋ซาน ในสมองจะเกิดภาพลวงตาขึ้น หรือนี่จะเป็นตัวตนของสิ่งมีชีวิตในตำนานที่เขาเคยได้ยิน? ถ้าเป็นเช่นนั้น เซียนเทพต่างๆ ในตำนานอยู่ที่ไหนกันล่ะ?
เยี่ยเทียนยิ้มและส่ายหัว กำจัดความคิดไร้สาระพวกนั้นออกจากสมอง แล้วค่อยๆ หลับตาพักผ่อน การออกจากพม่าเท่ากับว่าเรื่องราวที่ภูเขาปีศาจก็จบลงแล้ว และนี่ก็ทำให้ความตึงเครียดของเส้นประสาทของเยี่ยเทียนได้คลายลงสักที
สองชั่วโมงผ่านไป เครื่องบินค่อยๆ ลงจอดในสนามบินนานาชาติฮ่องกง หลังเดินออกจากภายในตัวเครื่องบินแล้ว เยี่ยเทียนกลับพบบางอย่างอย่างคิดไม่ถึง ครั้งนี้เป็นอาติงกับถังเสวี่ยเสวี่ยมารอรับตัวเอง แต่ถังเหวินหย่วนกลับไม่ปรากฏตัว
เยี่ยเทียนสอบถามถังเสวี่ยเสวี่ยเสร็จเพิ่งจะรู้ว่า ปีใหม่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน ในฐานะของหัวหน้าธุรกิจของตระกูลถัง ถังเหวินหย่วนจะต้องไปเยี่ยมเยี่ยนธุรกิจต่างๆ แม้สุขภาพจะแข็งแรงแต่ว่าอายุเยอะแล้ว หลายวันมานี้จึงพักผ่อนอยู่ที่บ้าน
“ผ่านไปอีกหนึ่งปีแล้ว…”
มองดูรอยยิ้มดุจดอกไม้ของถังเสวี่ยเสวี่ย ความคิดของเยี่ยเทียนล่องลอยไปบ้าง พริบตาเดียวตัวเองก็อายุยี่สิบสามยี่สิบสี่ปีแล้ว ถึงปีที่ต้องเปลี่ยนทศวรรษอีกแล้ว และตัวเองก็ต้องสร้างครอบครัวแล้ว
เมื่อนึกถึงอวี๋ชิงหย่าที่อยู่ปักกิ่ง เยี่ยเทียนจึงรู้สึกผิดต่อเธออย่างห้ามไม่ได้ หลายปีมานี้เขาไปนู่นไปนี่แทบจะไม่ได้อยู่บ้าน ไม่ค่อยได้สนใจอวี๋ชิงหย่าเลย คิดๆ ดูแล้วในอนาคตจะต้องหาอะไรทำที่ปักกิ่งแล้วล่ะ จะได้รู้สึกไม่สบายใจแบบนี้
หลังจากปฏิเสธคำเชิญถังเสวี่ยเสวี่ยให้ไปอยู่ที่บ้านตระกูลถังแล้ว เยี่ยเทียนจึงสั่งให้รถส่งพวกเขาไปที่บ้านของจั่วเจียจวิ้น เมื่อมาถึงฮ่องกงแล้วไม่ไปอยู่บ้านศิษย์พี่ เดี๋ยวก็โดนดุอีก เยี่ยเทียนก็รับไม่ไหวเหมือนกัน
…
“ศิษย์น้องเล็ก นายได้ทองคำมาก็ไม่เป็นไร แต่หยกแดงนั่นต้องแบ่งให้พี่บ้างนะ!”
พอถึงช่วงกลางวันของวันถัดไป จั่วเจียจวิ้นกับโก่วซินเจียเพิ่งถึงคฤหาสน์ คำพูดแรกก็เต็มไปด้วยความคับแค้นใจ เยี่ยเทียนที่ได้ยินจึงรู้สึกขนลุกขึ้นมา
“เจียจวิ้น เวลาศิษย์น้องเล็กทำอะไร เขามีเหตุผลของเขา ให้เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่พม่าก่อนเถอะ”
โก่วซินเจียช่วยเยี่ยเทียนพูด เขาไม่ได้สนใจหยกแดงหยกเขียวอะไรนั่น แต่สนใจเรื่องที่เยี่ยเทียนพบเจอที่ภูเขาปีศาจมากกว่า ตอนนั้นเขาพาคนเข้าไปยังภูขานั่นทำให้สูญเสียพี่น้องไปหลายคน ไม่คิดเลยว่าเยี่ยเทียนจะสามารถเอาทองออกมาได้อย่างราบรื่น
กับสองท่านนี้ เยี่ยเทียนไม่ได้จะปิดบังอะไร จึงเล่าอย่างตรงไปตรงมาว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ คิตะมิยะ ฮิเดโอะถูกตัดหัวประหารชีวิตแล้ว คนตระกูลคิตะมิยะถูกฆ่าหมดไปกว่าร้อยกว่าคน!”
“อะไรนะ?”
แม้พลังการฝึกของโก่วซินเจียถึงระดับสูงสุดแล้ว แต่ก็ยังตกใจกับคำพูดของเยี่ยเทียจนกระโดดขึ้นโซฟา ถึงแม้โก่วซินเจียจะรู้สึกอยู่ในใจตลอดเวลา แต่ก็ไม่คิดว่าตระกูลคิตะมิยะจะใจกล้าไปพม่าถึงร้อยกว่าคน
“ศิษย์พี่ใหญ่ ผมโชคดีด้วยแหละ ไม่คิดว่าจะเจอสัตว์ประหลาดที่ภูเขาปีศาจ…”
เยี่ยเทียนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้สองคนนี้ฟังอย่างละเอียด สองคนที่ฟังแสดงสีหน้าที่ตกใจออกมาทั้งคู่ โดยเฉพาะตอนที่เล่าถึงงูสองหัวประหลาดตัวนั้น สองคนนั้นยิ่งรู้สึกตะลึงขึ้นไปอีก
หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดจบแล้ว เยี่ยเทียนแบมือออกพูดว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละ ถึงแม้ผมจะมีใจไว้ชีวิตคิตะมิยะ ฮิเดโอะ แต่ตอนนั้นไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ…”
“เหอะๆ”
โก่วซินเจียเข้าใจความหมายของเยี่ยเทียน น้องเล็กอยากจะส่งคิตะมิยะ ฮิเดโอะให้ตัวเองจัดการ จึงยิ้มและพูดว่า “คนตายเพราะทรัพย์สิน นกตายเพราะอาหาร เยี่ยเทียน ฉันไม่คิดว่านายจะใส่ใจขนาดนั้น คิตะมิยะ ฮิเดโอะไม่สามารถทำให้ฉันเกิดความชั่วในใจได้หรอก”
ตอนนั้นถึงแม้จะสูญเสียแขนไปหนึ่งข้าง แต่เวลาผ่านไปแล้วกว่าครึ่งศตวรรษ ในใจของโก่วซินเจียได้สงบนิ่งหมดแล้ว แต่ถ้าจะพูดให้จริงจังมากหน่อย ก็คือเงินทองและความร่ำรวยเหล่านี้ตระกูลคิตะมิยะก็ขูดรีดได้มาทั้งนั้น พวกเขานั่นแหละที่เป็นเสือแย่งอาหารคน
“อ้อใช่ เยี่ยเทียน ทองคำเหล่านั้นส่งกลับไปยังประเทศจีนแล้ว นี่คือสิ่งที่น้องเหวินซวนบอกให้ฉันเอาให้นาย”
โก่วซินเจียหยิบสมุดบัญชีเงินฝากออกมาจากระเป๋า ยื่นให้กับเยี่ยเทียนเสร็จ ก็พูดต่อว่า “เหวินซวนบอกฉันให้บอกนายว่า ทองคำที่นายเก็บไว้ต้องเอากลับเข้าเตาหล่อใหม่ หลังจากสามวันค่อยส่งกลับมาให้นายที่นี่ ให้นายอย่าเพิ่งใจร้อน”
“ผมไม่ได้ใจร้อน เขารึเปล่าที่ใจร้อน?”
เยี่ยเทียนเปิดสมุดบัญชีเงินฝาก ไม่คิดว่าซ่งเฮ่าเทียนจะทำงานมีประสิทธิภาพดีขนาดนี้ โจวเซี่ยวเทียนและคนอื่นๆกลับประเทศจีนแค่สามวัน เขากลับนำทองคำแปรเป็นเงินเรียบร้อย และยังให้โก่วซินเจียเอามาให้ตัวเองอีก
“หนึ่งพันล้าน?”
มองดูเลขศูนย์เก้าตัวหลังตัวเลขหนึ่งแล้ว เยี่ยเทียนจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็คลายออกอย่างรวดเร็ว ถึงเงินนี้จะน้อยกว่าที่เขาคิด แต่สำหรับเยี่ยเทียนแล้วก็ถือว่าพอแล้ว เขาเชื่อว่าซ่งเฮ่าเทียนทำได้ถึงขนาดนี้ก็คงใช้แรงไปไม่น้อยเช่นกัน
เยี่ยเทียนเดาไว้ไม่มีผิด ราคาขายทองคำในตลาดสากล ทุกกรัมจะอยู่ที่ประมาณแปดสิบหยวน ถ้าขายให้กับประเทศราคาจะถูกว่านิดหน่อย ทองคำสิบห้าตันของเยี่ยเทียนได้มาหนึ่งพันล้าน จะว่าไปแล้วก็เป็นเพราะผลของความสามารถของซ่งเฮ่าเทียน
เยี่ยเทียนถือสมุดบัญชีเงินฝากไว้และคิดไปคิดมา พลางแบ่งสัดส่วนเงินเหล่านี้อยู่ในใจ มองไปที่โก่วซินเจียและพูดว่า “ศิษย์พี่ ผมจะเอาเงินออกมาสักสองร้อยล้าน ที่เหลืออีกแปดร้อยล้าน จะทำเป็นกองทุนเฉพาะของสำนักเสื้อป่านของพวกเรา ศิษย์พี่ทั้งสองคนสามารถหาคนมาลงทุนได้เลย พี่คิดว่ายังไงครับ?”
………