ที่จริงโรงแรมที่ซ่งเวยหลันพักห่างจากบ้านของเยี่ยเทียนไม่ไกลมากนัก อยู่ตรงเจี้ยนกัวเหมินนี่เอง ใกล้กับลานกว้างเทียนอานเหมินกับพระราชวังต้องห้าม ถ้าไปทางลัดเยี่ยเทียนสามารถเดินโดยใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น
รถแท็กซี่จอดที่หน้าประตูโรงแรม พนักงานบริกรเดินมาเปิดประตูรถให้ แต่พอเห็นหน้าเยี่ยเทียนที่เป็นคนจีน สีหน้าเขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ในช่วงนั้นประเทศจีนยังไม่นิยมการให้ทิป
แต่”ปรมาจารย์เยี่ย”อารมณ์ดี และอยู่ที่เกาะฮ่องกงมาหลายวันทำให้ทราบถึงธรรมเนียบการให้ทิปแก่พนักงานบริการ จึงหยิบแบงก์100ดอลล่าร์ฮ่องกงออกมาและยื่นออกไป
“ขอบพระคุณคุณผู้ชายครับ ขอเชิญทางนี้ครับ!”
พนักงานบริกรประตูที่ได้รับทิปก็ดีใจเหมือนโลกสดใสขึ้นมาทันที และนำทางเยี่ยเทียนเข้าไปยังด้านในของโรงแรม
แต่คนขับรถแท็กซี่กลับไม่พอใจเท่าไหร่ ตนเองขับรถมาตลอดทางยังสู้คนเปิดประตูไม่ได้เลย ไอ้หนุ่มนี่กำลังคิดว่าไปเรียนภาษาอังกฤษและมาเป็นพนักงานเปิดประตูซะเลยดีมั้ย?
“คุณผู้ชาย โชคดีครับ!”
พนักงานบริกรรีบกดลิฟต์ชั้น18ให้เยี่ยเทียน หลังจากที่ประตูลิฟต์ปิดลง เยี่ยเทียนยกมือข้างขวาที่ถือของไว้ขึ้นมา ข้อกระดูกที่ซีดขาวแสดงให้เห็นชัดเจนว่าในใจของเขาไม่ได้นิ่งเหมือนใบหน้า
“ดิ้งดุง!”
ลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นที่18 เยี่ยเทียนหายใจเข้าเฮือกใหญ่และก้าวออกไป แต่เพิ่งก้าวออกไปทันใดนั้นก็ถูกคนกั้นไว้
“ขอโทษด้วยครับคุณผู้ชาย เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ผู้ที่จะขึ้นมาชั้นนี้ จะต้องทำการบันทึกข้อมูลส่วนตัวของคุณครับ!”
ชายหนุ่มที่ใส่ชุดสูทใส่เนคไทกำลังแสกนใบหน้าของเยี่ยเทียน ดูเหมือนจะคิดว่าเขาเป็นคนร้ายหรือเปล่า
โรงแรมต่างชาติแห่งนี้บริหารจัดการโดยคณะกรรมการของโรงแรมแชงกรีล่า เคยต้อนรับผู้นำประเทศผู้นำรัฐบาลหลายสิบคน ฉะนั้นจะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากที่สุด ห้องชุดประธานาธิบดีชั้นนี้ได้ติดตั้งกำลังป้องกันความปลอดภัยโดยเฉพาะเอาไว้
ในจุดที่ห่างจากชายชุดสูทสีดำไม่ไกลเท่าไหร่นัก ยังมีสาวต่างชาติผมทองตาสีฟ้าสวมชุดเซ็กซี่อีกหนึ่งคน ที่สงสัยตัวเยี่ยเทียนเช่นกัน และในสายตายังแสดงออกถึงความตกใจเล็กน้อย
“โอเค นี่คือบัตรประจำตัวของผม ผมมาเยี่ยมคุณผู้หญิงซ่งเวยหลันที่พักห้องชุดประธานาธิบดีครับ!” เยี่ยเทียนหยิบบัตรประจำตัวประชาชนออกมาให้แก่คนหนุ่มคนนั้น
“เยี่ยเทียน? ทำไมมีแต่คนแซ่เยี่ยมาหาผู้หญิงคนนั้น?”
การ์ดรักษาความปลอดภัยพึมพำอยู่ตรงนั้น เขามาทำงานที่หลายปี เคยเจอคนใหญ่คนโตมาพักที่ห้องชุดนี้ไม่น้อย แต่ผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาอยู่กลับแปลกๆ
หลังจากคุณผู้หญิงซ่งเข้ามาอยู่ได้ไม่กี่วัน มีคนมาหาอย่างไม่ขาดสาย และมีหลายคนเป็นถึงมหาเศรษฐีที่การ์ดรักษาความปลอดภัยคนนี้ก็รู้จักด้วย
แต่ทุกคนเหมือนกันหนึ่งอย่าง ก็คือ ไม่สามารถเข้าไปห้องชุดได้เลยสักคน ทุกคนถูกคุณผู้หญิงซ่งให้ยืนอยู่ด้านนอกทั้งหมด
มีเพียงชายสองคนเท่านั้นที่เข้าไปข้างในห้องนั้น คนที่หนึ่งคือนายท่านซ่งที่เพิ่งลงจากตำแหน่งผู้นำ กับอีกหนึ่งคนก็คือชายวัยกลางคนที่แซ่เยี่ย
คนอย่างซ่งเฮ่าเทียนสามารถพบเจอคุณผู้หญิงซ่งผู้ลึกลับท่านนี้ได้เป็นเรื่องที่ไม่แปลกสำหรับการ์ดรักษาความปลอดภัย
แต่คนที่หน้าตาธรรมดาอย่างเยี่ยตงผิงสามารถเข้าออกห้องนั้นได้อย่างอิสระ ทำให้เขามีความสงสัยเพิ่มขึ้นมากมาย ตอนนี้พบเยี่ยเทียนอีก ชายหนุ่มที่ออกจากองทัพและเข้ามาทำงานที่โรงแรมยิ่งไม่เข้าใจเพิ่มขึ้นอีก
“คุณชายรอก่อนนะครับ ผมต้องแจ้งให้คุณผู้หญิงซ่งทราบก่อน!”
การ์ดรักษาความปลอดภัยบันทึกข้อมูลของเยี่ยเทียนเสร็จ กำลังจะหันตัวกลับไป ก็ได้ยินดังชัดดังขึ้นมาจากข้างหลังว่า “ไม่ต้องแจ้วแล้ว เดี๋ยวฉันพาเขาไปเอง!”
เสียงนี้ทำให้เยี่ยเทียนต้องมองตามเสียงไป เขาตะลึงไปทีเดียว หากไม่ใช่เพราะคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้า เยี่ยเทียนไม่กล้าคิดเลยว่าเสียงอันคุ้นเคยนี้ดังออกมาจากเธอ
คนที่เอ่ยปากพูดเป็นผู้หญิงต่างชาติที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากนัก หลังจากเยี่ยเทียนเข้ามาในตึกแล้ว สายตาของเธอไม่เคยเอาออกจากตัวเยี่ยเทียนเลยแม้แต่น้อย
“ครับ คุณหนูแอนนา” การ์ดรักษาความปลอดภัยตอบรับ และหลีกทางให้กับเยี่ยเทียน
“คุณหนูแอนนาใช่ไหมครับ? นำทางเลยครับ!”
หลังจากยืนอยู่ข้างๆแอนนา เยี่ยเทียนเพิ่งพบว่ารูปร่างของผู้หญิงคนนี้สูงกว่าที่สายตาของเขากะไว้อีกหลายเซ็นติเมตร เท้าที่ใส่รองเท้าพื้นเรียบเกือบจะสูงพอๆกับตัวเองแล้ว
ที่ยิ่งกว่าคือ รูปร่างของสาวต่างชาติคนนี้ไม่ได้ดีขนาดนั้น หน้าอกสองข้างที่เหมือนจะทะลุเสื้อหนังออกมา มองจนเยี่ยเทียนยังเวียนหัว
“โอเค!” แอนนามองเยี่ยเทียนอีกครั้งแต่ไม่ได้พูดอะไร จึงหันตัวกลับไปเดินนำหน้าและให้รูปร่างสมส่วนของเธออยู่ข้างหน้าเยี่ยเทียนอย่างไม่ต้องสงสัยใดๆ
“ฉันคือแอนนา ช่วยเปิดประตูให้ด้วยค่ะ!”
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูห้องชุดประธานาธิบดีที่ทำจากไม้จันทน์ แอนนากดกริ่งประตู สิ่งที่เยี่ยเทียนยังไม่เข้าใจคือผู้หญิงคนนี้ไม่แนะนำตัวว่าเป็นใคร
“มาแล้ว!” เสียงชายวัยกลางคนดังออกมา
ระหว่างที่รอประตูเปิดออก แอนนาถอยหลังไปหนึ่งก้าว หน้าอกสองข้างหยุดอยู่ตรงหน้าเยี่ยเทียน และกระซิบกับเยี่ยเทียนว่า “เจ้านายคิดถึงคุณมาก ดูรูปของคุณและร้องไห้ประจำ คุณอย่าทำให้เจ้านายเสียใจนะ!”
ไม่ว่าสาวต่างชาติคนนี้จะมีความสัมพันธ์กับแม่อย่างไร แต่เยี่ยเทียนฟังออกว่าในคำพูดของเธอมีความห่วงใยต่อซ่งเวยหลัน จึงพยักหน้าตอบรับไปว่า “ครับ ขอบคุณครับ!”
“เยี่ย……เยี่ยเทียน เป็น……ลูกเองเหรอ?”
หลังจากประตูเปิดออก เยี่ยตงผิงที่ยืนอยู่หน้าประตูตะลึงไปเล็กน้อย แม้ว่าเมื่อวานจะตะโกนใส่ลูกชายไป แต่จากการรู้จักตัวของลูกชายเป็นอย่างดีนั้น เยี่ยเทียนน่าจะลังเลและคงอีกหลายวันกว่าจะกลบมา?
เมื่อกี้เยี่ยตงผิงยังปลอบภรรยาให้เวลาเยี่ยเทียนสักหน่อย สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือเพิ่งวางสายกันไป12ชั่วโมงเท่านั้น ลูกชายที่ตัวอยู่ไกลถึงฮ่องกงมายืนอยู่ตรงหน้า ทำให้เขาไม่ทันได้ตั้งตัวเลยสักนิด
“แอนนา ใครเหรอ? ไม่ได้พูดว่าห้ามพาคนเข้ามาเหรอ?”
เสียงแฝงความขี้เกียจเล็กน้อยจากซ่งเวยหลันดังขึ้น สถานะของเธอเมื่ออยู่ในบางวงการของประเทศจีนไม่ถือว่าเป็นความลับใดๆ ฉะนั้นหลังจากที่กลับมาถึง การพบปะพูดคุยบางอย่างทำให้เธอเบื่อหน่ายที่สุด จึงได้ส่งแอนนากันแขกตั้งแต่หน้าประตูลิฟต์
“ตุบ!!”
เมื่อซ่งเวยหลันมองเห็นเยี่ยเทียนผ่านไหล่ของเยี่ยตงผิง แก้วน้ำชาที่อยู่ในมือก็ตกลงที่พื้น การปรากฏตัวอย่างกระทันหันของลูกชาย ทำให้ซ่งเวยหลันอึ้งไปหมด
เมื่อเห็นภาพนี้ แอนนาที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ปิดประตูห้องอย่างเบาๆ แอนนาติดตามซ่งเวยหลันมา10กว่าปี รู้ดีว่าในใจของเธอมีความเสียใจและคาดหวังแค่ไหน
มองดูชุดกระโปรงสีเหลืองเรียบๆของซ่งเวยหลัน เยี่ยเทียนก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน นี่…..นี่คือแม่เหรอ?
แม่ผู้เข้ามาอยู่ในฝันของเยี่ยเทียนตั้งแต่เด็ก ใบหน้าที่เบลอมาตลอดเวลา เยี่ยเทียนที่รู้เกลียดแม่ในตอนนั้น คิดเสมอว่าเพราะแม่หน้าตาไม่สวยพอ
ฉะนั้นผู้หญิงที่อ่อนน้อบจนดูเหมือนอ่อนแอคนนี้. ทำให้เยี่ยเทียนไม่เชื่อว่าเขาคือแม่ของตน ริมฝีปากที่สั่นไม่หยุด และพูดคำนั้นออกมาไม่ได้สักที
“ไอ้เด็กนี่ เจอแม่แล้วทำไมไม่เรียกล่ะ?!”
ฝ่ามือของเยี่ยตงผิงตบไปที่หัวของลูกชาย แม้จะลงแรงหนักพอควร แต่แรงตบที่เยี่ยเทียนรู้สึกได้กลับเบามาก เพราะในเวลานี้ตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา
ตั้งแต่เด็ก เยี่ยตงผิงรู้สึกผิดต่อลูกชายมาตลอด
โดยเฉพาะครั้งแรกที่ลูกชายถามถึงแม่ว่าอยู่ไหนแล้วตีลูกชายอย่างแรง จากนั้นเยี่ยเทียนก็ไม่ถามถึงแม่ของเขาอีกเลย ทุกครั้งที่พ่อแม่คนอื่นพาลูกของพวกเขาไปเที่ยว ในใจของเยี่ยตงผิงเหมือนมีดทิ่มแทงหัวใจอย่างนั้น
ฉะนั้นภาพที่ปรากฏตรงหน้านี้ เยี่ยตงผิงรอมาแล้วกว่า 20 ปี ให้เด็กได้พบเจอแม่ตามที่หวัง เป็นความหวังที่มากกว่าการอยู่ร่วมกันของเขากับภรรยาเสียอีก
“ตงผิง ห้าม……ห้ามตีลูก!”
มองเห็นเยี่ยตงผิงตบลูกชาย ซ่งเวยหลันรู้สึกตื่นทันที เหมือนดั่งแม่สิงโตที่ปกป้องลูกน้อยและพุ่งเข้ามาผลักเยี่ยตงผิงออกไปอย่างแรง น้ำตาที่เอ่อล้นปิดบังการมองของเธอไปหมดแล้ว
“ผม….คุณ พ่อ….”
มองเห็นน้ำตาของพ่อกับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ใจที่แข็งอย่างเหล็กของเยี่ยเทียนกลับอ่อนระทวยขึ้นมาทันที ใบหน้าของซ่งเวยหลันค่อยๆผสานกับภาพของแม่ที่อยู่ฝันของเขา
“ลูก……ลูก แม่……แม่ขอโทษ!”
ผู้หญิงที่แข็งแกร่งแค่ไหน เวลาที่เจอหน้าลูกชายที่หายไปกว่า 20 ปี ก็จะแสดงออกมาอย่างที่ซ่งเวยหลันกำลังทำอยู่ ความรู้สึกที่ว้าเหว่ถูกหลอกมาตลอด ตอนนี้กลับทำให้เขาอ่อนแอยิ่งกว่า
“เวยหลัน ขา……ขาของคุณทำไมมีเลือด?”
เยี่ยตงผิงที่ถูกภรรยาผลักออกไป จู่ๆก็เห็นรอยบาดที่ขาของซ่งเวยหลัน เลือดที่กำลังไหลลงเท้าทำให้เขาตกใจขึ้นมา
“อะไรนะ?”
เยี่ยเทียนได้ยินก็ตกใจเหมือนกัน ก้มมองลงไป เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเลือดแล้วรู้สึกแสบตามาก เขาไม่คิดอะไรมากและใช้มือขวาอุ้มตัวของซ่งเวยหลันขึ้นมาในทันที
“ไอ้เด็กนี่ นี่….นี่เป็นสิ่งที่ฉันควรทำสิ?”
มองเห็นลูกชายอุ้มภรรยาไปยังโซฟา คิดจะแย่งอุ้มแต่ก็ได้อุ้มเพียงแค่ในอากาศอย่างเยี่ยตงผิง ยังคิดว่าลูกชายเป็นก้างขวางคอ ก็คงไม่แปลกหรอกมั้ง?
“คุณไม่น่าเป็นอะไร แค่แก้วชาถูโดนเล็กน้อย ไม่ต้องห่อก็ได้ครับ!”
หลังจากวางซ่งเวยหลันลงที่โซฟา เยี่ยเทียนตรวจสอบบาดแผลอย่างละเอียดและโล่งใจในทันที พูดถึงก็แปลก ทั้งห้องมีแค่ตรงหน้าประตูที่ไม่มีพรม แล้วยังทำให้ซ่งเวยหลันเป็นแผลอีก
“แม่……แม่ไม่เป็นไร ลูก ลูกไม่ให้อภัยแม่เหรอ?”
ตอนที่ถูกลูกชายอุ้มขึ้นมา ใจของซ่งเวยหลันเต้นแรงเหมือนหญิงสาวอายุ 18 แต่หลังจากที่ได้ยินเยี่ยเทียนใช้สรรพนามนั้นเรียกตน ซ่งเวยหลันจึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“คุณ” เป็นสรรพนามที่เป็นทางการ แต่เมื่อเทียบกับความคาดหวังของซ่งเวยหลันแล้วค่อนข้างผิดหวัง มองดูลูกชายที่ไม่ยอมเรียกตนว่าแม่ น้ำในตาของซ่งเวยหลันก็ไหลออกมาอีกครั้ง
“เอ่อ…..เอ่อ คุณอย่างไห้สิ พ่อ……” เยี่ยเทียนไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน ทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากพ่อ
…………………….