คนที่ทำไร่ทำนามาก่อนจะรู้ว่า โคลนที่ถูกน้ำนั้น ในตอนที่ทำความสะอาดนั้นหากเทียบกับการขุดดินตอนแห้งแล้วยากกว่าหลายเท่าตัว น้ำและโคลนผสมกัน คนปกติก็เลิกคิดไปเลยว่าจะขุดได้
เยี่ยเทียนนั้นใส่พลังธาตุเข้าไปที่พลั่วในมือ พลั่วขุดลงไปก็ได้โคลนจำนวนมากโยนออกมาอยู่บนพื้น เวลาไม่นาน บริเวณรอบหลุมนี้ ก็เต็มไปด้วยโคลนตมสีดำ
ฮ่องกงในเดือนมกราคม อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณยี่สิบกว่าองศา ตอนนี้เป็นเวลาตอนเที่ยง โคลนพวกนั้นพอถูกพระอาทิตย์สาดส่อง ก็ปล่อยกลิ่นเหม็นตลบอบอวลออกมา
แม้แต่จั่วเจียจวินและโก่วซินเจียก็ทนกลิ่นนี้ไม่ไหว ขยับออกห่างไปไกล และคนงานที่เดิมอยู่บนถนน ก็พากันขับรถห่างออกไปหลายร้อยเมตรในทางเหนือลม
“สถานที่นี้เมื่อหลายร้อยปีก่อนก็เป็นชีพจรมังกร แต่ทำไมชี่พิฆาตหนาแน่นขนาดนี้กัน”
สัมผัสได้ถึงชี่พิฆาตที่เอ่อทะลักออกมาจากใต้พื้นดิน เยี่ยเทียนก็มีตกใจอยู่ไม่น้อย ปากนั้นสวด “คัมภีร์เทพ” ไม่หยุด ทำให้ชี่พิฆาตที่ห่อหุ้มตัวเองอยู่เป็นชั้นๆ นั้นสลายหายไป
ในขณะเดียวกันเยี่ยเทียนก็ปล่อยพลังธาตุรอบตัว พลังกายที่เลือดลมสูบฉีดก็พลันประทุออกมา กดดันทำให้ชี่พิฆาตพวกนั้นไม่กล้าเข้าใกล้ตนเอง ชี่พิฆาตพวกนี้นั้นค่อนข้างแปลก เยี่ยเทียนก็ไม่กล้าให้มาเกาะอยู่ตามตัว
ปากสวดมนต์ มือทำงาน และยังต้องขับพลังธาตุห่อหุ้มตัว เยี่ยเทียนนั้นปลดปล่อยพลังทั่วทั้งร่าง หลังจากผ่านไปเจ็ดแปดนาทีแล้ว ด้านบนศรีษะก็มีเม็ดเหงื่อผลุดพรายออกมา
“ตึง!”
ในตอนที่เยี่ยเทียนเริ่มรู้สึกอ่อนแรงนั้นเอง ในมือก็พลันสั่นสะเทือนอย่างแรงขึ้นมา เป็นพลั่วเหล็กที่กระทบเข้ากับวัตถุแข็ง ส่งเสียงสะเทือนออกมา เยี่ยเทียนในใจพลันดีใจ ออกแรงในมือเล็กน้อย ขุดเอาวัตถุแข็งนั้นออกมา
“แม่เอ้ย ที่แท้เป็นเต่าฮวงจุ้ย”
เห็นของสิ่งนี้ เยี่ยเทียนก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ นี่เป็นเต่าตัวหนึ่งที่ใช้ทองแดงหล่อ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสามสิบเซ็นติเมตร ทั่วทั้งตัวเต่านั้นเต็มไปด้วยโคลนตม แต่หัวของเตานั้นเห็นได้ชัดเจน
“นี่…นี่เป็นคนกันเองทำเหรอ”
เห็นเต่าฮวงจุ้ย เยี่ยเทียนยังรู้สึกว่ามีตรงไหนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ สถานที่นี้เป็นสถานที่ฝังศพที่ดีที่สุด กลายเป็นว่าถูกคนค้นหาชีพจรมังกรสกัดจุดเอาไว้
เต่านั้นถือเป็นของมงคลหนึ่งใน “สี่เทพ” และสามารถดูดพลังของภูเขาได้ สุสานที่อยู่นี้ แผ่นป้ายหินที่เป็นหัวมังกรหางเต่านั้นเป็นสิ่งที่ฝังร่วมด้วยและพบเห็นได้ทั่วไป
เต่านั้นเป็นของที่มีหยินน้อยมาก เหมาะกับการใช้อ่อนสะกดแข็ง ในขณะเดียวกันก็เป็นของที่ใช้สำหรับการขจัดชี่พิฆาต เต่าทองแดงวางไว้ในสุสานเพื่อเป็นการกำจัดชี่พิฆาต สอดคล้องกับหลักของฮวงจุ้ยที่ว่าไปพิฆาตทีร้ายนั้นเหมาะกับการสลายมากกว่าการสู้ปะทะ
แต่ที่ทำให้เยี่ยเทียนไม่เข้าใจก็คือ มีเต่าทองแดงตัวใหญ่ฝังอยู่อย่างนี้ ทำไมด้านล่างถึงได้เกิดชี่พิฆาตที่ร้ายแรงขนาดนี้ออกมา หรือว่ามีผีดิบที่เป็นปีศาจร้ายอยู่จริง ๆ
เมื่อคิดถึงตรงนี้หนังหัวของเยี่ยเทียนก็เริ่มชา เขาเคยเห็นคนโบราณอธิบายวิญญาณร้ายไว้ในคัมภีร์โบราณ กล่าวว่าไว้ว่าวิญญาณร้ายสองตานั้นเงยขึ้นด้านบน สามารถฆ่ามังกรกลืนกินก้อนเมฆ เคลื่อนไหวเหมือนลม สถานที่ที่ไปถึงนั้นไหลออกไปหลายพันลี้ ถือว่าเป็นฮ่องเต้ของผีดิบแล้ว
เยี่ยเทียนนั้นถึงแม้ว่าวิชาจะแก่กล้าสูงส่ง แต่หากว่าด้านล่างนั้นมีสัตว์ประหลาดในตำนานอยู่ เขานั้นก็คงจะต้องขยายพลังออกไปหน่อยแล้ว ในตอนนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะขุดต่อไปดีหรือไม่
“ศิษย์น้อง เกิดอะไรขึ้น ตอบมาหน่อย” จั่วเจียจวินที่ยืนห่างออกไปสี่ห้าสิบเมตรเห็นในหลุมไม่การเคลื่อนไหว เกรงว่าเยี่ยเทียนจะเกิดเรื่อง จึงรีบตะโกนเสียงดังออกมา
“มีอะไรประหลาดบางอย่าง ศิษย์พี่ นี่ผมก็กำลังจะขึ้นไปแล้ว!”
เยี่ยเทียนตอบกลับมา ใช้พลั่วเหล็กขูดบนตัวเต่าทองแดง จากนั้นก็โยนขึ้นมาด้านบน ตัวเองใช้ขาเหยียบผนังของหลุมไม่กี่ทีก็กระโดดขึ้นมาจากหลุมลึก
“ผีน่ะสิ!” เยี่ยเทียนเพิ่งยืนได้มั่นคงแล้ว บริเวณที่ไกลนั้นก็มีเสียงลอดออกมา คนกลุ่มใหญ่วิ่งหนีกันอุดตะลุด
“ผี ว่าฉันเหรอ”
เยี่ยเทียนก้มลงมองบนร่างกายตัวเอง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ตัวเขานั้นทั่วตัวเต็มไปด้วยดินโคลน มองไปดูเหมือนกับคนผิวสีไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ก็ไม่แปลกใจที่พวกคนงานพวกนั้นจะกลัว
เบะปากแล้วเยี่ยเทียนก็เริ่มบิดขี้เกียจ โคลนที่เริ่มจะแข็งตัวแล้วก็พลันแตกออกมา จากนั้นสะบัดเบาๆ พลันก็หลุดลงมาจากตัวของเยี่ยเทียน
ยื่นมือออกไปหยิบเต่าทองแดง เยี่ยเทียนก็เดินไปทางที่จั่วเจียจวินและคนอื่นรออยู่
“ศิษย์น้องของนี่ขุดมาได้จากด้านล่างเหรอ”
หลังจากเห็นของในมือเยี่ยเทียนชัดเจนแล้ว โก่วซินเจียและจั่วเจียจวินก็ตกตะลึง เต่าทองแดงนี้เห็นได้ชัดว่าคนทำขึ้น นั่นก็แปลว่าก่อนหน้านั้นที่เยี่ยเทียนเดาไว้ก็ไม่ผิด ด้านล่างมีสุสานหนึ่งจริงๆ
นี่ทำให้โก่วซินเจียและจั่วเจียจวินหน้าเห่อร้อน พวกเขาสองคนรวมกันอายุก็มากกว่าร้อยหกสิบปีแล้ว แต่ยังไม่สู้เยี่ยเทียนที่เป็นคนหนุ่มอายุเพิ่งยี่สิบกว่ามองได้ทะลุปรุโปร่ง
“ถูกต้องศิษย์พี่ พกวเราน่าจะได้พบกับเพื่อนร่วมอาชีพแล้วล่ะ คนนี้ฝังเต่าทองแดงไว้ที่ตำแหน่งชีพจรมังกรเพื่อรวบรวมพลังหลิงชี่ของภูเขา คิดแล้วก็น่าจะเพื่ออวยพรให้กับลูกหลานของคนที่ถูกฝังอยู่ที่นี่”
เยี่ยเทียนหยุดไปนิดหนึ่ง สีหน้าปรากฏแววสงสัย กล่าวต่อว่า “แต่ว่ามีเต่าทองแดงตัวนี้กำจัดชี่พิฆาตอยู่ ฉันมองดูแล้วก็เห็นว่ามันมีลักษณะของอาวุธวิเศษอยู่พอตัว แต่กลับไม่รู้ว่าทำไมชี่พิฆาตที่นี่ถึงได้รุนแรงนัก ฉัน…ฉันสงสัยว่าศพด้านล่างกำลังจะกลายเป็นผีดิบหรือเปล่า”
หลังจากเยี่ยเทียนพูดจบ โก่วซินเจียและจั่วเจียจวินก็พูดออกมาพร้อมกันว่า “ผีดิบ ไม่น่าเป็นไปได้”
ศิษย์พี่ของเยี่ยเทียนทั้งสองนี้มีความรู้มากมาย โดยเฉพาะโก่วซินเจียสมัยก่อนเดินทางไปทั่วใจยุดของสงคราม สนามรบหนึ่งมักจะมีคนตายเป็นหมื่น และคนตายนั้นก็ถูกฝังแบบลวกๆ
แต่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ โก่วซินเจียกลับไม่เคยได้ยินว่าผีดิบจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในยุคสมัยที่สงบผาสุกแบบนี้
“ฉันก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าหลังจากหยิบเต่าทองแดงตัวนี้ออกมาแล้ว ชี่พิฆาตด้านล่างนั้นกลับทะลักออกมามากว่าเดิมอีก …” เยี่ยเทียนมองไปรอบทิศ ชี้ไปที่จุดหนึ่งกล่าวว่า “ศิษย์พี่ พี่ดูต้นไม้ที่นั่น”
ฮ่องกงนั้นไม่มีหน้าหนาว ต้นไม้ที่เขตร้อนที่นี่นั้นหนึ่งปีตลอดสี่ฤดูเขียวชอุ่ม แต่ต้นไม้ที่อยู่ห่างจากหลุมลึกนั่นสิบกว่าเมตร กลับเปลี่ยนเป็นเหี่ยวเฉา กิ่งของมันก็ห้อยตกลงมา
ภาพนี้ทำให้โก่วซินเจียและจั่วเจียจวินนั้นตกใจขึ้นมาไม่ได้ สถานที่ศูนย์รวมพลังหยินนั้นกลับมีโอกาสในการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หากว่าพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ บริเวณโดยรอบกินพื้นที่สิบกิโลเมตรจะต้องได้รับผลกระทบ
หลังจากสังเกตอยู่ประมาณหนึ่งแล้ว จั่วเจียจวินก็สีหน้าเคร่งขรึมกล่าวว่า “แบบนี้ไม่ได้ จะต้องกดไอชี่พิฆาตพวกนี้ลงไป มิเช่นนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าจะสร้างค่ายกลดูดพลังหลิงที่คฤหาสน์แล้ว เกรงว่าฮวงจุ้ยของครึ่งภูเขาจะถูกมันทำลายไปหมด!”
ต้องทราบก่อนว่าที่ฮ่องกงนั้นคนที่รู้จักดูฮวงจุ้ยชัยภูมิไม่ได้มีจั่วเจียจวินคนเดียวเท่านั้น หากว่าไอชี่พิฆาตนี้แผ่ขยายออกไป จะต้องส่งผลกระทบกับฮวงจุ้ยของทั้งครึ่งภูเขาแน่นอน
สำหรับพวกคนรวยที่เชื่อในฮวงจุ้ยนั้น หากว่าฮวงจุ้ยของคฤหาสน์เปลี่ยนไป พวกเขาจะจากไปโดยไม่ลังเล หรือแม้แต่กระทั่งเลือกที่จากฮ่องกงไปก็เป็นแน่
จั่วเจียจวินนั้นมีชื่อเสียงขึ้นมาในฮ่องกงแห่งนี้ เมืองนานาชาติแห่งนี้นั้นมีเลือดของเขาอยู่ครึ่งหนึ่ง ไม่ว่าจะสาธารณะหรือว่าส่วนตัว จั่วเจียจวินก็ยอมไม่ได้ที่จะให้เศรษฐกิจที่ซบเซาในช่วงนี้กลายเป็นหนักยิ่งกว่าเดิม
“กดสกัดเอาไว้ไม่ได้…”
เยี่ยเทียนส่ายหัว กล่าวว่า “ดูจากปีของเต่าทองแดงนี้แล้ว สุสานแห่งนี้นั้นอยู่มาน่าจะหลายร้อยปีแล้ว ร้อยกว่าปีไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มาเกิดขึ้นตอนนี้ ต้องเป็นเพราะฮวงจุ้ยของสุสานถูกทำลาย ทำให้ค่ายกลที่ทำงานอยู่เกิดการเปลี่ยนแปลงไป
ถ้าให้ผมเดา รักษาที่ปลายเหตุไม่สู้รักษาที่ต้นเหตุ ยังคงต้องเปิดสุสาน ดูว่าท่านรุ่นก่อนนั้นใช้ค่ายกลอะไร พวกเราถึงจะรู้วิธีจัดการ แต่ว่าหากจะเปิดสุสานแห่งนี้ แรงผมคนเดียวเกรงว่าคงไม่พอ!”
ตั้งแต่โบราณมาจนปัจจุบัน ผู้สืบทอดฉีเหมินนั้นมีมากมาย แต่ละสำนักล้วนแล้วแต่มีเคล็ดวิชาเป็นของตัวเอง จะว่าไปแล้ว ลัทธิเสื้อป่านั้นการดูฮวงจุ้ยชัยภูมินั้นหากแต่เป็นสุสานแล้วไม่ใช่ด้านที่ถนัด
นี่เป็นสิ่งที่เยี่ยเทียนเค้นมันสมองและใช้พลังที่ได้รับสืบทอดมาในหัวแต่ก็ไม่มีทางสำรวจพื้นที่ด้านล่างได้เลย ต้องทราบก่อนว่า การพยากรณ์ทำนายนั้นกระทำกับคนเป็น แต่เมื่อมาใช้กับคนตาย แน่นอนว่าผลนั้นออกมาไม่ดีเท่าไหร่
“ศิษย์น้อง นายบอกมาเลยว่าจะให้ฉันกับศิษย์พี่ใหญ่ช่วยนายอย่างไร” จั่วเจียจวินพูดออกมาตรงๆ สถานที่นี่เกิดปัญหาในตอนที่เขาทำงาน จั่วเจียจวินแน่นอนว่าเป็นหน้าที่ของเขาที่จะกำจัดปัญหาให้เสร็จสิ้น
เยี่ยเทียนเงียบไปซักครู่ กล่าวว่า “ผมต้องการให้ศิษย์พี่ทั้งสองคนยืนอยู่คนละมุม รอจนผมเปิดสุสานแล้ว พวกพี่ใช้อาวุธวิเศษสกัดชี่พิฆาตพวกนั้นลงไป มิเช่นนั้นผมเกรงว่าพลังชี่พิฆาตมหาศาลจะไหลทะลักออกมา ทำให้สภาพแวดล้อมโดยรอบได้รับผลกระทบ”
ใน “วีรบุรุษเขาเหลียงซาน” มีอยู่ท่อนหนึ่ง กล่าวว่าหงไท่เวยเดินทางผิดไปทางมาร ทำให้สามสิบหกขุนพลสวรรค์ เจ็ดสิบสองขุนพลนรกออกมา
จริงๆ แล้วในฉีเหมินเองก็มีบันทึกเอาไว้ ที่กล่าวว่าปีศาจออกมาสู่โลกนั้น นั้นมาจากสถานที่ที่เป็นศูนย์รวมของชี่พิฆาตที่คนไม่เหลียวแล ปล่อยให้ชี่พิฆาตที่สะสมมากว่าพันปีปล่อยออกมา ทำให้รอบด้านในรัศมีร้อยลี้โรคระบาดแพร่กระจาย
แน่นอนว่า นอกจากคนในฉีเหมินแล้ว ประชาชนคนธรรมดาไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ดังนั้นชือน่ายอันก็เลยปิดบังทุกคน ทำให้ชี่พิฆาตพวกนี้เปลี่ยนเป็นภูตผีปีศาจเท่านั้น
หลังจากฟังคำของเยี่ยเทียนแล้ว โก่วจินเซียรู้สึกไม่ดีจึงถามขึ้นมา “ศิษย์น้อง ช่วยสกัดชี่พิฆาตไม่มีปัญหา แต่ว่า…แต่ว่าในมือของศิษย์พี่ไม่มีของวิเศษล่ะ”
โก่วซินเจียหลายปีก่อนนั้นถูกทำร้ายกลับมาจากพม่า หลังจากนั้นก็เหมือนแมวเก้าชีวิตกลับเข้าไปใช้ขีวิตอยู่บนเขา ถึงแม้ว่าในมือจะมีของดี แต่ตอนนี้ก็ไม่มีชิ้นไหลอยู่รอดมาได้
“จานหลัวของอาจารย์พี่เอาไปใช้ก่อน”
เยี่ยเทียนพลิกข้อมือทีเดียว ก็หยิบจานหลัวออกมา ส่งให้กับโก่วซินเจีนแล้ว กล่าวว่า “ศิษย์พี่รอง ที่ผมนี่ยังมีเหรียญมงคลของอาจารย์อยู่ พี่เอาไปใช้เถอะ”
เยี่ยเทียนครั้งนี้ที่มาฮ่องกงไม่ได้เอาทวนชิงหลงเยี่ยนเยว่มาด้วย มิเช่นนั้นจะวางให้ซึมซับพลังตรงนี้ซักชั่วระยะหนึ่ง สำหรับอาวุธร้ายนั้นจะมีประโยชน์อย่างมากเลยทีเดียว
“มีของครบแล้ว พวกเราก็ลงมือกันเลยเถอะ”
นับตั้งแต่ศิษย์พี่ศิษย์น้องมารวมตัวกัน โดยมากมักจะดื่มกินสังสรรค์ พูดคุยกับเรื่องกระบวนวิขา การที่ทั้งสามคนมาร่วมแรงกันเหมือนตอนนี้นั้น กลับเป็นครั้งแรก สีหน้าของหลายคนนั้นดูตื่นเต้น
หลังจากระโดดลงไปในหลุมใหม่แล้ว เยี่ยเทียนก็รู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบที่เพิ่มขึ้นหลายเท่า รีบเงยหน้าตะโกนว่า “ศิษย์พี่ ใหญ่ยืนในตำแหน่งเฉียน ศิษย์พี่รองยื่นในตำแหน่งเกิ้น!”
…………………………………