“ศิษย์พี่จั่ว จะ…จะใช่เหรอ? ที่ฮ่องกง พี่ยังจะกลัวใครได้อีก?” เมื่อเห็นสีหน้าตื่นเต้นของจั่วเจียจวิ้น เยี่ยเทียนก็รู้สึกเหลือเชื่อ
แม้ว่าจั่วเจียจวิ้นไม่ได้เป็นมหาเศรษฐีร่ำรวยระดับประเทศขนาดนั้น แต่เขาก็มีเครือข่ายกว้างขวางที่ฮ่องกง ตอนนั้นขนาดผู้ว่าการทางทหารได้เจอเขาก็ยังต้องรู้สึกยำเกรง เยี่ยเทียนจึงคิดไม่ออกว่าใครที่ทำให้เขาหวาดกลัวได้ขนาดนี้?
จั่วเจียจวิ้นส่ายหน้า และพูดว่า “ก็ไม่ถึงกับกลัว แต่ครอบครัวนั้นใหญ่เกินไป ถ้าเผยแพร่ออกไปอาจจะผิดใจคนได้ สู้ให้เรื่องราวมันยุ่งยากน้อยลงไม่ดีกว่าเรอะ”
อาชีพหมอดูฮวงจุ้ยก็คือหาความโชคดีและปัดเป่าความโชคร้าย จั่วเจียจวิ้นที่ทำอาชีพหมอดูฮวงจุ้ยมานานหลายปี หลังจากที่นึกถึงลูกหลานของคนในโลงศพหินได้แล้ว ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือการปกปิดเรื่องนี้
“ได้ งั้นกลับบ้านค่อยว่ากัน” หลังจากที่ฟังจั่วเจียจวิ้นพูดแบบนี้ เยี่ยเทียนจึงพยักหน้า ในใจกลับคิดว่าสถานะของลูกคนที่อยู่ในโลงศพหินต้องมีเรื่องที่แปลกอีกเป็นจำนวนมาก
หลังจากที่ให้เจ้าหน้าที่เฝ้ามองเถ้ากระดูกของซือซานเหลียงที่อยู่ในโลงศพ จั่วเจียจวิ้นจึงพาคนกลับมาที่บ้าน
“เยี่ยเทียน ตัว…ตัวนายไปทำอะไรมา? ทำไมสกปรกอย่างนี้?”
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้าน หูก็ได้ยินเสียงตะโกนของแม่ของเขา เยี่ยเทียนจึงเผยใบหน้ายิ้มเจื่อนๆ อย่างช่วยไม่ได้ ตัวเองก็อายุยี่สิบกว่าปีแล้ว และก็ใกล้จะแต่งงานอีกด้วย แต่ในสายตาแม่ของเขาก็ยังเป็นเด็กที่ไม่โตอยู่ดี
ก่อนหน้านี้สามวัน ซ่งเวยหลันและเยี่ยตงผิงก็พาแอนนามาที่ฮ่องกง ที่จริงทั้งสองคนพักที่โรงแรม เพียงแต่ซ่งเวยหลันคิดถึงลูกชาย ถึงได้ย้ายเข้ามาที่บ้านของจั่วเจียจวิ้น
โชคดีที่จั่วเจียจวิ้นที่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ในบ้านก็มีห้องหับเยอะแยะ แค่มีคนเข้ามาอยู่อีกสามคนจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แต่เยี่ยตงผิงกลับอึดอัดใจ ไหนบอกว่าจะมาเที่ยว แต่คิดไม่ถึงว่าภรรยาจะไม่ไปไหนเลยทั้งวัน เพราะในสายตาก็มีแต่ลูกชายอย่างเดียว
“อ้อ ไม่เป็นไรครับ พ่อ วันนี้พวกคุณไม่ออกไปเที่ยวเหรอ?”
เมื่อเห็นท่าทางของแม่ ในใจของเยี่ยเทียนก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาก ตั้งแต่เด็กเขาก็เหมือนกับเด็กป่าเด็กดอย ที่ไม่เคยมีใครดูแล ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยชินอยู่บ้าง แต่เยี่ยเทียนกลับรับรู้ถึงความรักของแม่จริงๆ
“ฉันอยากออกไปจะตาย”
เสียงของเยี่ยตงผิงเต็มไปด้วยความโอดครวญ แต่หลังจากที่เห็นภรรยาค้อนใส่ เขาจึงรีบพูดว่า “ฮ่องกงก็ไม่มีอะไรน่าเที่ยวหรอก พักอยู่ในบ้านก็สบายมากแล้ว จะออกไปเที่ยวหรือไม่ออกไปก็ได้!”
“ได้ งั้นคุณสองคนก็อยู่พักต่อเถอะครับ รอให้คฤหาสน์ของผมตกแต่งเสร็จแล้ว ถึงเวลานั้นค่อยย้ายเข้าไป”
เมื่อเห็นโจวเซี่ยวเทียนย้ายแผ่นศิลาลงมาจากบนรถ เยี่ยเทียนก็พูดกับแม่ว่า “ผมยังมีธุระอีกนิดหน่อย อีกสักพักจะมาอยู่เป็นเพื่อนคุณนะครับ”
“เรื่องอะไร? พวกเราฟังไม่ได้เหรอ?” ที่จริงซ่งเวยหลันไม่ใช่คนที่ชอบซุบซิบอะไร แต่เธอแค่แปลกใจที่ลูกชายยุ่งอะไรทั้งวัน ดังนั้นในใจก็อยากที่จะฟัง
เยี่ยเทียนพูดอย่างง่ายๆ ว่า “ก็ไม่มีอะไร สองสามวันมานี้มีคนงานเจอหลุมฝังศพ จึงเจอเรื่องที่น่าสนใจ ถ้าคุณสองคนอยากฟัง ก็เข้ามาด้วยกันได้ครับ”
หลังจากที่พาพ่อกับแม่เข้าที่อยู่ในคฟหาสน์ จั่วเจียจวิ้นก็แสดงฝีมือการชงชากังฟู และกำลังรอเยี่ยเทียนอยู่
เยี่ยเทียนไม่พูดอ้อมค้อม ถามแบบตรงๆ ว่า “ศิษย์พี่รอง ไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว คนรุ่นหลังลูกสาวของซือซานเหลียงเป็นใครกันแน่ ตอนนี้พูดได้แล้วใช่ไหม?”
ในใจของเยี่ยเทียนนึกถึงคนที่อายุช่วงนี้ คนที่รวยที่สุดในฮ่องกงก็คือเปาฉวนหวังที่ตายไปแล้ว หรือไม่ก็หลี่เชาเหรินที่มีอิทธิพลอยู่ในตอนนี้
แต่ทั้งสองคนนี้เพิ่งมาฮ่องกงเมื่อสิบกว่าปีก่อน หากยึดตามหลักที่ช่างหินพูดเมื่อหนึ่งร้อยกว่าปีก่อน ไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกัน?
จั่วเจียจวิ้นชงชากังฟูให้เยี่ยเทียนและเยี่ยตงผิงสามีภรรยาคนละถ้วย และพูดว่า “ศิษย์น้องเล็ก ฮ่องกงมีตระกูลเฮ่อ นายเคยได้ยินไหม?”
“ตระกูลเฮ่อ? ไม่นะ ไม่เคยได้ยินมาก่อน!” เยี่ยเทียนส่ายหน้า มหาเศรษฐีที่เขารู้จักในฮ่องกง ส่วนใหญ่ก็ได้ยินมาจากปากของถังเหวินหย่วน แต่กลับไม่มีนามสุกลเฮ่อเลย
เยี่ยเทียนไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่โก่วซินเจียกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไป เปิดปากถามว่า “ศิษย์น้องจั่ว นาย…นายหมายถึงโรเบิร์ต เฮ่อตงใช่ไหม?”
“ถูกต้อง ก็คือโรเบิร์ต เฮ่อตง ศิษย์พี่ใหญ่ แม่ของเซอร์เฮ่อ ก็นามสกุลซือ…”
จั่วเจียจวิ้นพยักหน้า เมื่อปริศนาถูกเปิดเผย ถ้าไม่ใช่ว่าเขาเคยทำนายโชคชะตาให้ตระกูลเฮ่อเมื่อสิบกว่าปีก่อน ก็คงไม่รู้ว่าบรรพบุรุษแม่เขาเป็นคนนามสกุลซือ
ดังนั้นหลังจากอ่านเรื่องราวที่บันทึกไว้ในแผ่นหินศิลาแล้ว จั่วเจียจวิ้นจึงนึกถึงตระกูลเฮ่อก่อนเป็นอันดับแรก ถึงแม้ฮ่องกงจะเต็มไปด้วยมหาเศรษฐี แต่คนชั้นสูงที่ไม่สามารถพูดถึงได้ ก็มีแค่ตระกูลเฮ่อที่เหมาะสมกับเรื่องนี้
“ฉันก็เคยได้ยินโรเบิร์ต เฮ่อตง…”
ถึงแม้ซ่งเวยหลันไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไร แต่หลังจากที่ได้ยินชื่อเฮ่อตง เธอจึงขมวดคิ้ว และพูดว่า “ฉันลงทุนคาสิโนในลาสเวกัส และมีหุ้นส่วนของตระกูลเฮ่อในมาเก๊า แต่เยี่ยเทียน ลูกกับตระกูลเฮ่อมีความสัมพันธ์อะไรกัน?”
“ผม…ผมกับตระกูลเฮ่อไม่มีเกี่ยวข้องอะไรกันเลยครับ!”
เยี่ยเทียนพบว่าในห้องนี้นอกจากอาจารย์และศิษย์ของเขาสองคนแล้วยังมีพ่ออีกคน ทุกคนรู้จักเฮ่อตง แม้แต่หลิ่วติ้ง ติ้งก็ยังทำสีหน้าครุ่นคิด จึงอดพูดไม่ได้ “ฉันว่าพวกคุณอย่ามัวแต่เล่นแง่กันเลย เซอร์เฮ่อตงเป็นใครกันแน่?”
จั่วเจียจวิ้นกำลังเปิดปากพูด โก่วซินจียโบกไม้โบกมือ พูดว่า “ฉันพูดเอง พูดไปพูดมาฉันกับโรเบิร์ต เฮ่อตงก็คบหากันอยู่บ้าง เฮ่อตงเกิดปี 1860 เป็นลูกครึ่งยุโรปกับคนเอเชีย…”
ในใจพลางนึกย้อนไปในความทรงจำ เสียงของโก่วซินเจียโผล่ดูเลื่อยลอย “ในช่วงสงครามต่อต้านญี่ปุ่นฉันหนีไปฮ่องกงหลายครั้ง ได้ติดต่อกับโรเบิร์ต เฮ่อตงหลายครั้งเช่นกัน แต่ฉันยังไม่รู้ว่าแม่ของเขานามสกุลซือ…”
ในฐานะพยานที่เห็นประวัติศาสตร์ โก่วซินเจียจึงผ่านเรื่องราวมากมายในยุคปัจจุบัน และในใจของเขาก็มีความลับหลายเรื่องที่บอกใครไม่ได้
คำอธิบายของเขา เหมือนทำให้คนได้ไหลตามแม่น้ำที่ทอดยาวไปตามประวัติศาสตร์ ความรู้สึกนั้นมหัศจรรย์อย่างมาก ตัวละครเฮ่อตงนี้ได้พูดออกจากปากของเขาได้อย่างมีชีวิตชีวา
พ่อของเฮ่อตงชื่อเฮ่อเหวิน เป็นชาวเนเธอร์แลนด์ หลังจากที่ฮ่องกงเปิดเป็นท่าเรือในปี 1842 ดึงดูดนักธุรกิจชาวยุโรปและนักผจญภัยที่มองหาโอกาสทางธุรกิจในฮ่องกงจำนวนหนึ่ง เฮ่อเหวินถึงฮ่องกงในปี 1859 ก็เป็นหนึ่งคนในนั้น
เฮ่อเหวินอยู่ในฮ่องกงเป็นเวลาสิบห้าปี หลังจากนั้นเขาขายทรัพย์สินในฮ่องกงและไปอังกฤษ
แต่เฮ่อเหวินเองก็คิดไม่ถึง ว่าในเวลาสิบห้าปีนี้ลูกชายคนนั้นที่เขาให้กเนิดมา ต่อมาจะได้กลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในฮ่องกง และติดอันดับคนร่ำรวยระดับโลก
คนนี้…ก็คือเฮ่อตง เขาก็คือลูกชายคนโตของเฮ่อเหวิน
หลังจากเฮ่อตงเติบโตขึ้น พ่อของเขาได้จากฮ่องกงไปแล้ว สามารถพูดได้ว่า เฮ่อตงเขาได้สร้างอาณาจักรธุรกิจของตัวเองทั้งหมดโดยอาศัยความสามารถของตัวเอง
ในช่วงแรก เฮ่อตงเป็นเพียงพนักงานบริษัทต่างชาติ เนื่องจากมีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด เขาก็ได้สร้างธุรกิจของตัวเองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และในปี 1906 เขาได้กลายเป็นพลเมืองจีนคนแรกที่อาศัยอยู่บนยอดเขาไท่ผิงซาน
เมื่อก่อนฮ่องกงมีคำพังเพย ว่าคนที่ไม่เจียมตัว ก็จะพูดว่า “คุณคิดว่าตัวเองเป็นเฮ่อตงเหรอ?” จากประโยคนี้ก็พิสูจน์ได้ว่าเฮ่อตงเป็นเศรษฐีที่รวยที่สุดในฮ่องกง ทรัพย์สมบัติของเขาพอที่จะต่อสู้กับประเทศศัตรูได้
เฮ่อตงเองมีลูกชายสามคนลูกสาวเจ็ดคน บวกกับพี่ชายคนอื่นก็มีลูกสิบสามคน ตำแหน่งของตระกูลเฮ่อในฮ่องกงทุกตำแหน่งไม่มีใครที่สามารถสั่นคลอนได้ คนในตระกูลเฮ่อก็มีชื่อเสียงไม่น้อย
เช่นเดียวกับบรูซลีดารากังฟูที่มีชื่อเสียงระดับโลก แม่ของเขาก็เป็นหลานสาวของโรเบิร์ต เฮ่อตง คำพังเพยที่พูดว่าคนจนเรียนหนังสือ คนร่ำรวยเรียนศิลปะป้องกันตัว บรูซลีตั้งใจเรียนศิลปะป้องกันตัวตั้งแต่เด็ก ความสัมพันธ์ของครอบครัวก็ไม่มีทางห่างกันอย่างแน่นอน
ครอบครัวเฮ่อในตอนนั้น มีผลกับทุกวงการสังคมในฮ่องกงจำนวนมาก ความร่ำรวยของตระกูลเฮ่อแพร่กระจายไปทั่วเกาะ
แต่ในช่วงที่ญี่ปุ่นรุกรานประเทศจีน ตระกูลเฮ่อกลับตกต่ำลง โรเบิร์ต เฮ่อตงหนีมาที่มาเก๊า และ โก่วซินเจียก็ไปกลับระหว่างฮ่องกงและมาเก๊าในเวลานั้นเช่นกัน จึงได้รู้จักเฮ่อตง และตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็ได้ต่อต้านสินค้าและวัตถุดิบจากญี่ปุ่นไม่น้อย
แต่หลังจากที่เฮ่อตงไปจากฮ่องกง สินทรัพย์ของครอบครัวหดหายเป็นอย่างมาก หลังจากที่ญี่ปุ่นยอมจำนน เฮ่อตงกลับไปที่ฮ่องกงเพื่อจัดการธุรกิจใหญ่ต่อไป
แต่ตอนนั้นเฮ่อตงเป็นชายชราที่มีอายุแปดสิบเก้าสิบปีแล้ว กำลังวังชาไม่เหมือนเมื่อก่อน นักธุรกิจรุ่นหลานก็ทำธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเฮ่อตงจากไป ตระกูลเฮ่อก็ไม่เจริญรุ่งเรื่อเหมือนตอนนั้นแล้ว
อีกทั้งหลังจากที่เฮ่อตงเสียชีวิตไป ตระกูลเฮ่อก็แตกแยก สินทรัพย์ถูกตัดออกเป็นส่วนๆ ดังนั้นตระกูลเฮ่อจึงค่อยๆเสื่อมลงไปเรื่อยๆ
ถึงแม้ว่ารุ่นหลานของตระกูลเฮ่อจะยังคงมีความมั่งคั่งอยู่มาก แต่ในบรรดาพวกเขาไม่มีสักคนที่จะสร้างชื่อเสียงเท่ากับโรเบิร์ต เฮ่อตงในตอนนี้
ในช่วงปี 1980 และ 1990 ชื่อของคนที่รวยที่สุดในฮ่องกงนั้นก็จะประกอบด้วยเปาฉวนหวังและหลี่เฉาเหริน และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เยี่ยเทียนไม่เคยได้ยินชื่อของตระกูลเฮ่อ
แต่ถึงแม้ว่าในฮ่องกงตระกูลเฮ่อจะเสื่อมลง แต่ในมาเก๊า กลับเป็นคนที่ร่ำรวยมากที่สุด นั่นก็คือเจ้าพ่อการพนันเฮ่อหงที่อยู่ในมาเก๊า
สาเหตุที่จั่วเจียจวิ้นหวาดกลัวตระกูลเฮ่อ ไม่กล้าบอกสถานะของซือซานเหลียงต่อหน้าคนอื่น แท้จริงแล้วเป็นเพราะเขาคือเจ้าพ่อการพนันที่มาเก๊าคนนั้น
ต้องรู้ว่า เฮ่อหงได้พัฒนาอุตสาหกรรมธุรกิจการพนันที่นี่มาเป็นเวลาสิบกว่าปี มีรากฐานที่มั่นคงและลึกมาก คำพูดของเขานั้นในมาเก๊าไม่ต่างจากพระราชกฤษฎีกาของจักรพรรดิในสมัยโบราณ ไกลจากที่คนอื่นคิดไว้เยอะ
ถึงแม้จั่วเจียจวิ้นจะมีชื่อเสียง แต่ก็ไม่กล้าที่จะเทียบชั้นกับเขา ถ้าหากเฮ่อหงรู้ว่าหลุมฝังศพของบรรพบุรุษของเขาถูกขุดขึ้นมา อาจจะทำให้เกิดเรื่องที่ยุ่งยากได้
หลังจากที่ได้ยินโก่วซินเจียพูดและการเสริมคำของจั่วเจียจวิ้น เยี่ยเทียนถึงกับอุทานว่า “สำนักเดียวกันเกิดคนร่ำรวยสองแห่ง เส้นสนกลในของตระกูลเฮ่อ ถือว่าลึกซึ้งจริงๆ!”
ตามคำพูดของจั่วเจียจวิ้น อย่ามองว่าตอนนี้ตระกูลเฮ่อทรัพย์สินเสื่อมลง แต่หุ้นบางส่วนที่ถือโดยลูกหลานของตระกูลเฮ่อนั้นมีมูลค่าอย่างน้อยกว่าหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ พวกเขาต่างก็เป็นคนชั้นสูงที่แฝงตัวอยู่ในฮ่องกง
“ตอนที่ครอบครัวเฮ่อตกต่ำลงในตอนนั้น เป็นช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ายึดครองฮ่องกง และศพเหล่านั้นก็ถูกฝังอยู่ในเวลานั้นพอดี จึงทำให้ฮวงจุ้ยของตระกูลเฮ่อเปลี่ยนไป”
ในใจของเยี่ยเทียนคำนวณสักพักหนึ่ง และพูดว่า “ถ้าพูดว่าการโผล่ขึ้นมาอย่างรวดเร็วของตระกูลเฮ่อ เกรงว่าจะเป็นคุณงามความดีของลี่หยวนจึทั้งหมด ถึงแม้เฮ่อหงจะเก่งกาจ แต่หลังจากที่ฮวงจุ้ยของบรรพบุรุษพัง เขาจึงได้แต่ย้ายไปอยู่ที่มาเก๊า!”
………………..